หมดแล้ว ร่วมบุญจองวัตถุมงคล วัดพุทธโมกข์ เททองพระ วันที่ ๓ ธค. ๕๕

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย woottipon, 2 มีนาคม 2012.

  1. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เครือสาวหลงกับเครือเขาหลง ไม่ใช่ชนิดเดียวกันน่ะครับ เครื่อเขาหลงเป็นเครือเถาขนาดใหญ่อยู่ในป่าลึก เถาวันใหญ่เมื่อนกหรือสัตว์บินผ่านก็จะพากันหลง งง งวยอยู่ในป่าหาทางออกไม่เจอและต้องตายในที่สุดจึงมีซากของสิ่งมีชีวิตที่หลง งง งวย แม้แต่วิญญานที่ตายไปแล้วก็ยังหาทางออกไม่เจอ ส่วนว่านสาวหลงนี้ เป็นเครือเถาขนาดเล็กที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินเป็นเส้นฝอยไม่มีใบ มักขึ้นอยู่ตามพิ้นที่อาถรรย์ หรือป่าช้า จะขึ้นเป็นบริเวร มีทั้งตัวเมียและตัวผู้ ตัวผู้จะเป็นเส้นสีดำตัวเมียเป็นเส้นสีแดง บริเวรที่ขึ้นจะเต็มไปด้วยแรงอาถรรย์ มีสัตว์น้อยใหญ่ตายเช่นเดียวกับเครือเขาหลง ซึ่งเป็นหลักทางหวงโซ่อาหารอย่างหนึ่งที่ทำไห้สัตว์ที่ผ่านมาเข้ามาหลงและตายจึงย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้แก่เครือสาวหลง เมื่อผ่านไปข้ามหรือเหยียบเข้าก็จะเกิดการงวย งง หลงไหล ดังนั้นนับว่าเป็นเครืออีกชนิดที่เข้าใจรวมไปว่าเป็นเครือเขาหลงแต่จริงจริงๆแล้วเป็นเครือเขาหลงอีกประเภท มีคุณวิเศษเหลือหลาย การได้มาไม่ได้มาโดยง่าย เพราะต้องทำพิธีพลีขอขมามา เพื่อไว้ใช้แก่การพกติดตัวเป็นเมตาแก่ผู้อื่น และคุณทางด้านเสน่อย่างเหลือคณา มีอยู่ครั้งนึงเมื่อ 15 ปีก่อนกระผมได้เคยทำการตามหารังนกเขาหลงและได้ข้อมูลมาพอสมควรจริงๆแล้วรังนกเขาหลงนั้น จะเป็นสิ่งของที่หายากไม่แพ้กัน รังจะเป็นรังเปิด รังถักด้วยเครือสาวหลงนี้ทั้งรัง โดยรังนกเขาหลงส่วนมากจะเจอยากจะเจอตามป่าอาถรรย์หรือ ที่ป่าช้าที่มีว่านสาวหลงเท่านั้น ส่วนรังนกเขาหลงที่น่าศึกษาและนำมาบูชาอีกอย่างคือ รังของนกกระปูด หรือ ท่านอีสานเรียก นกกด เป็นนกที่ชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบลึกลับมักพบเจอตามป่าช้า รังจะอยู่บริเวรไม้ที่มีพุ่มหนาทึบ ต้องสังเกตการหลายวันจึงจะเห็นรัง และภายในของรังนั้น กระผมได้พิสูจด้วยตัวเองแล้วว่า ภายนอกรังนกกระปูดจะทำด้วยหญ้า แต่ด้านภายใน เต็มไปด้วยเครือสาวหลงนี้ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เป็นที่เห็นเป็นประจักแล้ว และไม่ได้มีเฉพาะรัง ทุกรังนกกระปูด ภายในท้องรังจะมีว่านเครือสาวหลงชนิดนี้อยู่ด้านในทั้งตัวผู้และตัวเมีย บ้างท่านก็ว่านสาเหตุที่นกกระปูดนำมาทำรังเพราะ นกกระปูดเป็นสัตว์ที่มีแรงอาถรรย์จึงได้อาศัยว่านสาวหลงมาทำที่หลับนอนเพื่อเวลาเข้าป่าหรือออกหาอาหารจะได้ไม่หลงป่าและทำไห้คู่ครองที่เข้ามาอยู่ในบริเวรรังหลง งวย งง ไม่ทิ้งคู่กันไป นับว่าเป็นรังเขาหลงประเภทที่ไม่เคยมีบันทึกตามตำราแต่กระผมได้พบและพิสูจโดยบังเอิญด้วยตัวเองมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าพิศวง และน่าเสาะหานำมาบูชายิ่งนัก

    เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง ของอาถรรพ์..ทางธรรมชาติ ทนสิทธิ์ซึ่งผู้มีวิชาอาคมเท่านั้นถึงไปขอพลีตัดเอามาได้ ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้นหวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้ ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีรากของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำรากของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลและเป็นที่นิยมกันยิ่งนัก สำหรับคาถาที่ใช้เสกกำกับเวลานำออกใช้ โบราณท่านแนะนำไว้ก็หาได้ยุ่งยาก ท่านแนะนำก่อนใช้ให้เสกด้วย “นะโมพุทธายะ” หรือ “อิธะคะมะ” รับรองว่าจะสำเร็จผลตามที่ปรารถนา ยิ่งเสกด้วยมนตรามหาหลงที่ขึ้นต้นว่า “โอมมหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงที่กิ่งหลงทั้งก้านหลงทั้งรากหลงทั้งใบ…..” แล้วละก็เรื่องเสน่ห์หาเด็ดขาดทีเดียว
     
  2. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เครือสาวหลงกับเครือเขาหลง ไม่ใช่ชนิดเดียวกันน่ะครับ เครื่อเขาหลงเป็นเครือเถาขนาดใหญ่อยู่ในป่าลึก เถาวันใหญ่เมื่อนกหรือสัตว์บินผ่านก็จะพากันหลง งง งวยอยู่ในป่าหาทางออกไม่เจอและต้องตายในที่สุดจึงมีซากของสิ่งมีชีวิตที่หลง งง งวย แม้แต่วิญญานที่ตายไปแล้วก็ยังหาทางออกไม่เจอ ส่วนว่านสาวหลงนี้ เป็นเครือเถาขนาดเล็กที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินเป็นเส้นฝอยไม่มีใบ มักขึ้นอยู่ตามพิ้นที่อาถรรย์ หรือป่าช้า จะขึ้นเป็นบริเวร มีทั้งตัวเมียและตัวผู้ ตัวผู้จะเป็นเส้นสีดำตัวเมียเป็นเส้นสีแดง บริเวรที่ขึ้นจะเต็มไปด้วยแรงอาถรรย์ มีสัตว์น้อยใหญ่ตายเช่นเดียวกับเครือเขาหลง ซึ่งเป็นหลักทางหวงโซ่อาหารอย่างหนึ่งที่ทำไห้สัตว์ที่ผ่านมาเข้ามาหลงและตายจึงย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้แก่เครือสาวหลง เมื่อผ่านไปข้ามหรือเหยียบเข้าก็จะเกิดการงวย งง หลงไหล ดังนั้นนับว่าเป็นเครืออีกชนิดที่เข้าใจรวมไปว่าเป็นเครือเขาหลงแต่จริงจริงๆแล้วเป็นเครือเขาหลงอีกประเภท มีคุณวิเศษเหลือหลาย การได้มาไม่ได้มาโดยง่าย เพราะต้องทำพิธีพลีขอขมามา เพื่อไว้ใช้แก่การพกติดตัวเป็นเมตาแก่ผู้อื่น และคุณทางด้านเสน่อย่างเหลือคณา มีอยู่ครั้งนึงเมื่อ 15 ปีก่อนกระผมได้เคยทำการตามหารังนกเขาหลงและได้ข้อมูลมาพอสมควรจริงๆแล้วรังนกเขาหลงนั้น จะเป็นสิ่งของที่หายากไม่แพ้กัน รังจะเป็นรังเปิด รังถักด้วยเครือสาวหลงนี้ทั้งรัง โดยรังนกเขาหลงส่วนมากจะเจอยากจะเจอตามป่าอาถรรย์หรือ ที่ป่าช้าที่มีว่านสาวหลงเท่านั้น ส่วนรังนกเขาหลงที่น่าศึกษาและนำมาบูชาอีกอย่างคือ รังของนกกระปูด หรือ ท่านอีสานเรียก นกกด เป็นนกที่ชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบลึกลับมักพบเจอตามป่าช้า รังจะอยู่บริเวรไม้ที่มีพุ่มหนาทึบ ต้องสังเกตการหลายวันจึงจะเห็นรัง และภายในของรังนั้น กระผมได้พิสูจด้วยตัวเองแล้วว่า ภายนอกรังนกกระปูดจะทำด้วยหญ้า แต่ด้านภายใน เต็มไปด้วยเครือสาวหลงนี้ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เป็นที่เห็นเป็นประจักแล้ว และไม่ได้มีเฉพาะรัง ทุกรังนกกระปูด ภายในท้องรังจะมีว่านเครือสาวหลงชนิดนี้อยู่ด้านในทั้งตัวผู้และตัวเมีย บ้างท่านก็ว่านสาเหตุที่นกกระปูดนำมาทำรังเพราะ นกกระปูดเป็นสัตว์ที่มีแรงอาถรรย์จึงได้อาศัยว่านสาวหลงมาทำที่หลับนอนเพื่อเวลาเข้าป่าหรือออกหาอาหารจะได้ไม่หลงป่าและทำไห้คู่ครองที่เข้ามาอยู่ในบริเวรรังหลง งวย งง ไม่ทิ้งคู่กันไป นับว่าเป็นรังเขาหลงประเภทที่ไม่เคยมีบันทึกตามตำราแต่กระผมได้พบและพิสูจโดยบังเอิญด้วยตัวเองมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าพิศวง และน่าเสาะหานำมาบูชายิ่งนัก

    เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง ของอาถรรพ์..ทางธรรมชาติ ทนสิทธิ์ซึ่งผู้มีวิชาอาคมเท่านั้นถึงไปขอพลีตัดเอามาได้ ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้นหวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้ ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีรากของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำรากของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลและเป็นที่นิยมกันยิ่งนัก สำหรับคาถาที่ใช้เสกกำกับเวลานำออกใช้ โบราณท่านแนะนำไว้ก็หาได้ยุ่งยาก ท่านแนะนำก่อนใช้ให้เสกด้วย “นะโมพุทธายะ” หรือ “อิธะคะมะ” รับรองว่าจะสำเร็จผลตามที่ปรารถนา ยิ่งเสกด้วยมนตรามหาหลงที่ขึ้นต้นว่า “โอมมหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงที่กิ่งหลงทั้งก้านหลงทั้งรากหลงทั้งใบ…..” แล้วละก็เรื่องเสน่ห์หาเด็ดขาดทีเดียว
     
  3. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    วัตถุมงคล ซึ่งเกิดจากผลบุญแห่งองค์พระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ที่ได้ทรงโปรด ทำไห้ เกิด ผลว่านมหัศจรรย์ ที่มีคุณวิเศษครอบด้าน บ้างใช้เป็นเครื่องรางพกติดตัวบังเกิดโชค์ลาภสักการะ และยังเป็นเครื่องรางเพื่อปกป้องคุ้มครองยามเกิดภัยพิบัติ ให้ผู้ที่ครอบคลองเกิดความแคล้วคลาดปรอดภัย
    อีกทั้งยังมีพุทธคุณเป็นมหาอำนาจป้องกันสะเนียดจันไรทั้งปวง และกันเขี้ยวสัตว์มีพิษ และ กันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง ทั้งนี้มีคุณวิเศษครอบ ด้าน ด้วยอิทธิ์คุณผู้ที่ครอบครองว่านนี้ ดุจดั่งมีบารขององค์พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์เป็นผู้ปกปักรักษาคุ้มครองให้ร่มเย็นเป็นสุข ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคทั้งปวง
     
  4. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ผ่านไถ หรือ ผานไถ คือ สิ่งใช่ในการไถนา ทางคติความเชื่อเราเชื่อกันว่าพลิกชะตาชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีเหมือน กับการไถนาใบผานไถจะกลับหน้าดินก่อนทำนา ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญเติบโตดี
     
  5. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    วันนี้ได้รับมวลสารทางคุณชัยวิทย์ที่ได้ส่งมาให้ พรุ่งนี้จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีว่ามีอะไรบ้าง
     
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    1.ผงไม้ตายพรายหลายชนิด
    2.ผงว่านรวมหลายชนิดของปู่คำผัดจากประเทศลาว
    3.เม็ดปัฐวีธาตุอธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่ญาท่านสวน หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
    4.ผงว่านหลายชนิดในประเทศไทย
    5.ผงช่อฟ้าวัดหงส์รันตนาราม
    6.ผงไม้โพธิ์ประเทศอินเดีย
    7.ว่านไฟ
    8.เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ชันโรงทุกชนิด
    10.ดินกากยายักษ์
    11.ไม้ซ่างแซงอายุร้อยกว่าปี
    12.น้ำมนต์รวมทุกชิดของหลวงปู่ญาท่านสวน
     
  7. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    1.ผงไม้ตายพรายหลายชนิด
    2.ผงว่านรวมหลายชนิดของปู่คำผัดจากประเทศลาว
    3.เม็ดปัฐวีธาตุอธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่ญาท่านสวน หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
    4.ผงว่านหลายชนิดในประเทศไทย
    5.ผงช่อฟ้าวัดหงส์รันตนาราม
    6.ผงไม้โพธิ์ประเทศอินเดีย
    7.ว่านไฟ
    8.เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ชันโรงทุกชนิด
    10.ดินกากยายักษ์
    11.ไม้ซ่างแซงอายุร้อยกว่าปี
    12.น้ำมนต์รวมทุกชิดของหลวงปู่ญาท่านสวน
     
  8. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ดินกากยายักษ์ : เป็นผงที่ทานได้ โดยมีประวัติที่ใช้ดินชนิดนี้สมัยจัดทำพระหลวงปู่ทวดรุ่น "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ดินว่านนี้เป็นดินสีดำตามธรรมชาติ อยู่เป็นทางซึ่งจะเข้าใต้ภูเขา ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันว่า กากยายักษ์ หมายถึงกากยายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ชาวบ้านเอาดินดำนี้มาตากแห้ง หรือย่างไฟกินแก้โรคผอมเหลืองหรือ
    โรคโลหิตจาง เขาว่าดีนักจึงเป็นที่หวงแหนของชาวบ้าน
     
  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ดินกากยายักษ์เป็นว่านชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของทนสิทธิ์มีคุณอยู่ในตัวมีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ
    จังหวัดยะลา ลักษณะเป็นผงสีดำปนน้ำตาล มีกากที่ผสมรวมกันอยู่เป็นก้อน ดูแวววาว
    คล้ายแร่ทรายเงินทรายทอง นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคล ในรูปแบบ
    ต่างๆ เช่นพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกปี2497 และพระรุ่นปีต่างๆ เป็นต้น

    ว่านดินกากยายักษ์นี้มีจิตวิญญาณของพวกยักษ์ อสูร ที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิดูแลรักษาอยู่

    อานุภาพของว่านดินกากยายักษ์นั้นดีทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ ป้องกัน
    คุณไสย์มนต์ดำ

    นอกจากนี้ว่านดินกากยายักษ์ยังเป็นอาหารของเหล็กไหล
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ดินกากยายักษ์เป็นว่านชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของทนสิทธิ์มีคุณอยู่ในตัวมีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ
    จังหวัดยะลา ลักษณะเป็นผงสีดำปนน้ำตาล มีกากที่ผสมรวมกันอยู่เป็นก้อน ดูแวววาว
    คล้ายแร่ทรายเงินทรายทอง นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคล ในรูปแบบ
    ต่างๆ เช่นพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกปี2497 และพระรุ่นปีต่างๆ เป็นต้น

    ว่านดินกากยายักษ์นี้มีจิตวิญญาณของพวกยักษ์ อสูร ที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิดูแลรักษาอยู่

    อานุภาพของว่านดินกากยายักษ์นั้นดีทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ ป้องกัน
    คุณไสย์มนต์ดำ

    นอกจากนี้ว่านดินกากยายักษ์ยังเป็นอาหารของเหล็กไหล
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    (D)
    เชื่อกันว่า เป็นดินวิเศษ ...สีดำสนิท ละเอียด ปราศจากซากพืช ซากสัตว์ ในเนื้อดิน แม่เม็ดแร่ แวววาว ปรากฎในเนื้อดิน

    พอแห้งสนิท เนื้อดินจะออกสีเทา ค่อนข้างดำ

    คุณสมบัติ...ที่พอทราบคือ เมื่อก่อนเขานำดินมาย่างไฟ ผสมน้ำดื่ม แก้โรคตางขโมย

    คงมีอีกหลายอย่าง แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ...ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยบอกกันด้วยครับ

    ดินนี้ ว่ากันว่า ...เมื่อขุดไปเท่าไหร่ ก็จะงอกขึ้นมาเท่าเดิม มีอยู่ที่เดียว คือที่ ต.ลำพระยา อ.เมือง จ.ยะลา
     
  12. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ดินกากยายักษ์นี้ มีกลิ่นค่อนข้างฉุนจมูกเล็กน้อยเหมือนพวกสมุนไพรครับ แต่ถ้าจะเปรียบเทียบจริงๆ กลิ่นจะคล้ายพวกยาอมโบตันครับ
     
  13. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆคล้ายผึ้ง ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เหมือนกัน ทำรังอยู่ใต้ดิน จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมักชอบทำรังในบริเวณพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนและสัตว์อื่นๆ

    เมื่อเวลามันถ่ายออกมาจะมีสีดำเหนียวมีกลิ่น หอมประหลาด ซึ่งมันก็จะนำไปสร้างรังให้กับพวกมันนั่นเอง โบราณถือกันว่าชันโรง เป็นของทนสิทธิ์ ทีอาถรรพ์ลี้ลับ อานุภาพของชันโรงใต้ดินนั้นดีทางป้องกันไฟ กันคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด แคล้วคลาด นักไสยเวทย์นิยมนำมาอุดที่หลังเบี้ยแก้ และทำเครื่องราง
     
  14. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆคล้ายผึ้ง ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เหมือนกัน ทำรังอยู่ใต้ดิน จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมักชอบทำรังในบริเวณพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนและสัตว์อื่นๆ

    เมื่อเวลามันถ่ายออกมาจะมีสีดำเหนียวมีกลิ่น หอมประหลาด ซึ่งมันก็จะนำไปสร้างรังให้กับพวกมันนั่นเอง โบราณถือกันว่าชันโรง เป็นของทนสิทธิ์ ทีอาถรรพ์ลี้ลับ อานุภาพของชันโรงใต้ดินนั้นดีทางป้องกันไฟ กันคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด แคล้วคลาด นักไสยเวทย์นิยมนำมาอุดที่หลังเบี้ยแก้ และทำเครื่องราง
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    จะขอนำเสนอเรื่องราวเล็กๆที่ผมนิยมเป็นการส่วนตัวและเข้าใจว่ามีกลุ่มผู้คนที่นิยมพระเครื่องที่มีส่วนผสมของประเภทนี้อยู่บ้างนั้นคือ"ชันโรง"
    ลักษณะของ "ชันโรง" ที่นำมาใช้ประกอบจัดสร้างวัตถุมงคงหรือวัตถุอาถรรพ์นั้น จะเป็นยางไม้เหนียวข้นคล้ายกับชันที่ยาเรือ ตัวชันโรงจะเก็บยางจากไม้ใหญ่ต่างๆนำมาผสมกับมูลแล้วอุดรูร่องรอยสร้างขึ้นเป็นรัง

    เราจะสามารถพบเห็นรังของชันโรงได้ตามโคนตันไม้ใหญ่ๆ ตามโพรงของกิ่งไม้และบริเวณดิน ชันโรงใต้ดิน ตามธรรมชาติชันโรง เป็นชื่อของผึ้งชนิดหนี่งมีรังเป็นยางเหนียว สีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ชันโรง ส่วนใหญ่ทำรังบนต้นไม้ ชาว เรือเอาไปอุดรอยต่อของไม้กระดานเรือ มี 2 ชนิด

    คือชันโรงบนต้นไม้และ ชันโรงใต้ดิน ซึ่งชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์ ปกติชันโรง ใต้ดินอยู่ที่ไหนที่นั่นจะไม่ไหม้ไฟ ชันโรงใต้ดินมีอิทธิคุณ ตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้


    ในทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย
    คนโบราณ จึงนำ ชันโรง ใต้ดิน มาปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนี ความจริงชันโรงเป็นชื่อของแมลงชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกลูผึ้ง มีขนาดลำตัวเล็กกว่าและไม่มีเหล็กในในตัวเอง นิสัยเป็นมิตร ไม่ดุร้าย มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกับผึ้ง เช่น มีนางพญา มีชันโรงงาน และมีชันโรงตัวผู้สามารถผลิตน้ำหวาน และขยายเผ่าพันธ์ ในลักษณะ เช่นเดียวกันกับผึ้ง ในสมัยโบราณเราสามารถพบตัวชันโรงได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

    ทางภาคเหนือจะเรียกว่า แมลงขี้ตังนี หรือแมลงขี้ตึง แปลว่าแมลงที่ผลิตหรือเก็บน้ำยางได้ ทางภาคอีสานเรียก แมลงขี้สูด นิยมนำมาอุดแคน หรือถ่วงเครื่องดนตรีประเภทระนาด โปงลาง
    ทำให้เกิดเสียงไพเราะ

    ส่วนภาคใต้เรียกตัว อุง ถ้าตัวเท่าแมลงหวี่เรียกอุงแมงโลม เพราะชอบมาตอมไต่ผู้คนเวลาเดินป่า ถ้าตัวใหญ่เรียก อุงหมี นอกจากนี้ บางพื้นที่ยังรู้จักในชื่อ ตัวชำมะโรง อีกด้วย

    ชันโรงที่เป็นของดีโดยธรรมชาติ ที่ไม่ต้องปลุกเสกคือ แมลงที่ทำรังในระดับทางเดินของคน มีชื่อเรียกภาษาอีสานว่า สูดเพียงดิน หมายถึงแมลงชนิดนี้ ทำรังระดับเดียวกันกับพื้นดิน

    แล้วทำท่อขึ้นมาจากพื้นดินครับ ซึ่งปกติแล้วแมลงชนิดนี้มักจะทำรังในที่สูงครับ เช่นโพรงไม้หรือจอมปลวกครับ สูดเพียงดิน นี้ค่อนข้างจะหายากครับ ถ้าใครเจอให้เก็บไว้เลยนะครับเป็นของดีจาก

    ธรรมชาติ เมื่อพบแล้วต้องทำพิธีกรรมตามตำรา แล้วขุดลงไป บางทีต้องขุดลึกถึง 1-2 เมตร จึงจะได้ชันโรงตามที่ต้องการ ส่วนชันโรงอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำวัตถุอาถรรพ์ ก็คือ
    ชันโรงที่พบในโพรงไม้ที่ยืนตายซาก โบราณท่านว่าดีนักแล

    การทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นวัตถุมงคลนั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ผู้ทำจะต้องทรงวิทยาคุณแก่กล้า และรู้จักวิธีการ "หา" ชันโรง ที่นิยมใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณจะเป็นชันโรงใต้พื้นดิน โดยจะต้องเริ่มสังเกตโพรงบนพื้นดินที่ยื่นขึ้นมาเป็นรูปกรวย ซึ่งตรงกลางจะกลวง กรวยดินนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในละแวกเดียวกันหลายกรวย ซึ่งก็คือทางเข้าออกของตัวชันโรงที่อยู่ใต้ดิน ให้สังเกตบริเวณใกล้ๆ กันนั้นมักจะมีจอมปลวกขึ้นอยู่ด้วยโบราณณาจารย์นิยมนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง เนื่องจากคติความเชื่อว่าชันโรงเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้วัตถุที่ลงอาคม เม็ดกริ่ง กระดาษสาเขียนยันต์ ผงใบลาน พระคาถา ที่คณาจารย์ทำพิธีและบรรจุไว้ในพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ตลอดจนวัตถุมงคลอื่นๆ หลุดออกไปจากวัตถุมงคลหรืออุดปรอทในเบี้ยแก้ เบี้ยจั่น

    ปัจจุบันจะหาใครทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นสิ่งมงคลได้ยากแล้ว คนที่รู้จักก็น้อยลง และรังชันโรงก็ถูกตึกรามบ้านช่องรุกราน ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามท่อน้ำประปา หรือรูตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ที่จะเก็บยางก็ไม่มี จนดูท่าชันโรงอาจจะสูญสลายหายไปในที่สุด คติโบราณท่านถือว่านอกจากชันโรงจะช่วยปกปักรักษาของดีแล้ว ด้วยความที่ชันโรงเป็นแมลงไม่ดุร้าย จึงมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยมอีกด้วย

    ดังนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยมอีกด้วย ดั้งนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยม
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    จะขอนำเสนอเรื่องราวเล็กๆที่ผมนิยมเป็นการส่วนตัวและเข้าใจว่ามีกลุ่มผู้คนที่นิยมพระเครื่องที่มีส่วนผสมของประเภทนี้อยู่บ้างนั้นคือ"ชันโรง"
    ลักษณะของ "ชันโรง" ที่นำมาใช้ประกอบจัดสร้างวัตถุมงคงหรือวัตถุอาถรรพ์นั้น จะเป็นยางไม้เหนียวข้นคล้ายกับชันที่ยาเรือ ตัวชันโรงจะเก็บยางจากไม้ใหญ่ต่างๆนำมาผสมกับมูลแล้วอุดรูร่องรอยสร้างขึ้นเป็นรัง

    เราจะสามารถพบเห็นรังของชันโรงได้ตามโคนตันไม้ใหญ่ๆ ตามโพรงของกิ่งไม้และบริเวณดิน ชันโรงใต้ดิน ตามธรรมชาติชันโรง เป็นชื่อของผึ้งชนิดหนี่งมีรังเป็นยางเหนียว สีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ชันโรง ส่วนใหญ่ทำรังบนต้นไม้ ชาว เรือเอาไปอุดรอยต่อของไม้กระดานเรือ มี 2 ชนิด

    คือชันโรงบนต้นไม้และ ชันโรงใต้ดิน ซึ่งชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์ ปกติชันโรง ใต้ดินอยู่ที่ไหนที่นั่นจะไม่ไหม้ไฟ ชันโรงใต้ดินมีอิทธิคุณ ตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้


    ในทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย
    คนโบราณ จึงนำ ชันโรง ใต้ดิน มาปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนี ความจริงชันโรงเป็นชื่อของแมลงชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกลูผึ้ง มีขนาดลำตัวเล็กกว่าและไม่มีเหล็กในในตัวเอง นิสัยเป็นมิตร ไม่ดุร้าย มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกับผึ้ง เช่น มีนางพญา มีชันโรงงาน และมีชันโรงตัวผู้สามารถผลิตน้ำหวาน และขยายเผ่าพันธ์ ในลักษณะ เช่นเดียวกันกับผึ้ง ในสมัยโบราณเราสามารถพบตัวชันโรงได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

    ทางภาคเหนือจะเรียกว่า แมลงขี้ตังนี หรือแมลงขี้ตึง แปลว่าแมลงที่ผลิตหรือเก็บน้ำยางได้ ทางภาคอีสานเรียก แมลงขี้สูด นิยมนำมาอุดแคน หรือถ่วงเครื่องดนตรีประเภทระนาด โปงลาง
    ทำให้เกิดเสียงไพเราะ

    ส่วนภาคใต้เรียกตัว อุง ถ้าตัวเท่าแมลงหวี่เรียกอุงแมงโลม เพราะชอบมาตอมไต่ผู้คนเวลาเดินป่า ถ้าตัวใหญ่เรียก อุงหมี นอกจากนี้ บางพื้นที่ยังรู้จักในชื่อ ตัวชำมะโรง อีกด้วย

    ชันโรงที่เป็นของดีโดยธรรมชาติ ที่ไม่ต้องปลุกเสกคือ แมลงที่ทำรังในระดับทางเดินของคน มีชื่อเรียกภาษาอีสานว่า สูดเพียงดิน หมายถึงแมลงชนิดนี้ ทำรังระดับเดียวกันกับพื้นดิน

    แล้วทำท่อขึ้นมาจากพื้นดินครับ ซึ่งปกติแล้วแมลงชนิดนี้มักจะทำรังในที่สูงครับ เช่นโพรงไม้หรือจอมปลวกครับ สูดเพียงดิน นี้ค่อนข้างจะหายากครับ ถ้าใครเจอให้เก็บไว้เลยนะครับเป็นของดีจาก

    ธรรมชาติ เมื่อพบแล้วต้องทำพิธีกรรมตามตำรา แล้วขุดลงไป บางทีต้องขุดลึกถึง 1-2 เมตร จึงจะได้ชันโรงตามที่ต้องการ ส่วนชันโรงอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำวัตถุอาถรรพ์ ก็คือ
    ชันโรงที่พบในโพรงไม้ที่ยืนตายซาก โบราณท่านว่าดีนักแล

    การทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นวัตถุมงคลนั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ผู้ทำจะต้องทรงวิทยาคุณแก่กล้า และรู้จักวิธีการ "หา" ชันโรง ที่นิยมใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณจะเป็นชันโรงใต้พื้นดิน โดยจะต้องเริ่มสังเกตโพรงบนพื้นดินที่ยื่นขึ้นมาเป็นรูปกรวย ซึ่งตรงกลางจะกลวง กรวยดินนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในละแวกเดียวกันหลายกรวย ซึ่งก็คือทางเข้าออกของตัวชันโรงที่อยู่ใต้ดิน ให้สังเกตบริเวณใกล้ๆ กันนั้นมักจะมีจอมปลวกขึ้นอยู่ด้วยโบราณณาจารย์นิยมนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง เนื่องจากคติความเชื่อว่าชันโรงเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้วัตถุที่ลงอาคม เม็ดกริ่ง กระดาษสาเขียนยันต์ ผงใบลาน พระคาถา ที่คณาจารย์ทำพิธีและบรรจุไว้ในพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ตลอดจนวัตถุมงคลอื่นๆ หลุดออกไปจากวัตถุมงคลหรืออุดปรอทในเบี้ยแก้ เบี้ยจั่น

    ปัจจุบันจะหาใครทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นสิ่งมงคลได้ยากแล้ว คนที่รู้จักก็น้อยลง และรังชันโรงก็ถูกตึกรามบ้านช่องรุกราน ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามท่อน้ำประปา หรือรูตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ที่จะเก็บยางก็ไม่มี จนดูท่าชันโรงอาจจะสูญสลายหายไปในที่สุด คติโบราณท่านถือว่านอกจากชันโรงจะช่วยปกปักรักษาของดีแล้ว ด้วยความที่ชันโรงเป็นแมลงไม่ดุร้าย จึงมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยมอีกด้วย

    ดังนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยมอีกด้วย ดั้งนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยม
     
  17. sangsawang

    sangsawang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ดีใจจัง ได้ทำบุญแถมได้ของอันเป็นมงคลไว้เป็นที่ระลึก

    ซู้ดยอดจิง ๆ สาธุ สาธุ
     
  18. budtha

    budtha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +988
    ลำดับที่ 4 ขอชำระค่าไม้ครูก่อนครับ จำนวน 2,600 บาท โอนเข้าบัญชีพระอาจารย์แล้ว

    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ใครมีโอกาศบูชาวัตถุมงคลชุดนี้ ก็รีบบูชาเลยครับ เพราะสร้างมาจำนวนน้อยครับ
     
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ว่าน...จากคำบอกเล่า และจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า...ว่านนั้นมีมากมาย หลากหลายชนิด และคนเฒ่าคนแก่ได้ปลูกกันมาอันยาวนาน...ซึ่งว่านเกือบทุกชนิดกล่าวขานกันว่ามีประโยชน์เกือบทุกชนิด แต่การนำมาใช้ประโยชน์ก็จะแตกต่างกันออกไป บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคชนิดต่างๆ บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นอาหาร บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอาง ความสวยความงาม แม้กระทั่งในทางไสยศาสตร์ก็ไม่อาจยกเว้นได้ มีว่านมากมายหลายชนิดที่ได้ถูกนำมาใช้ในการขับไล่ผีสางนางไม้ โดยเฉพาะว่านไฟนั้นก็ไม่อาจละเว้น เนื่องจากเป็นว่านที่สามารถนำมาใช้ในการขับไล่ผีปอบ อย่างได้ผลมาแล้วชนิดนับครั้งไม่ถ้วน


    สืบเนื่องจากที่มหาชีวาลัยอีสาน โดยท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ได้เชิญอาจารย์ สมพิศ ไม้เรียง ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จากกรมวิชาการเกษตร มาบรรยาย และสาธิตการผลิต การปลูกพืชสมุนไพร ให้กับพี่น้องเกษตรกร จากจังหวัดมหาสารคามกว่า 50 คน ตามโครงการฝึกอบรม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 10 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น แต่แฝงไว้ด้วยความเข้มข้น สมุนไพรที่เราแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ มีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ว่านหอม กระชายดำ แต่ชนิดที่ผมมีความประทับใจมากที่สุดก็คือว่านไฟ เนื่องจากว่าเป็นว่านที่มีประโยชน์อย่างมหันต์ เพราะว่านอกจากประโยชน์ในแง่ของวิทยาศาสตร์แล้วยังสามารถใช้ใด้ในแง่ของไสยศาสตร์ได้อีกด้วยนะครับ
    แต่ก่อนอื่นเรามาดูด้านวิทยาศาสตร์กันก่อนนะครับว่า จริงๆ แล้ว ที่บอกว่าว่านไฟที่เราเรียกๆ กันอยู่นี้ภาษาสากลเขาเรียกกันอย่างไร และประโยชน์เป็นเช่นไร ผมจึงใคร่ขอเล่าสู่กันฟังดังนี้นะครับ
    ว่านไฟนั้นมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber cassumunar Roxb. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE มีชื่อเรียกกันไปต่างๆ นานา ว่าปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ว่านไฟ ไพล(ภาคกลาง) ว่านไฟ (อีสาน) ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ เป็นไม้ลงหัว มีเหง้าใหญ่ เนื้อสีเหลือง กลิ่นหอม ใบเรียวยาว ปลายแหลม ดอกออกรวมกันเป็นช่อ อยู่บนก้านช่อดอกที่แทงจากเหง้า


    การขยายพันธุ์ สามารถทำได้โดยใช้เหง้าปลูก ชอบดินเหนียวปนทราย ระบายน้ำดี แสงแดดพอควร ซึ่งมีสรรพคุณในการ แก้ฟก บวม เคล็ด ยอก ขับลม ท้องเดิน และช่วยขับระดู เหง้าไพล มีน้ำมันหอมระเหย (Essential oil) 0.5-0.9% และมีสารประเภทโมโนเทอร์ปีนอยด์ และเฟนนิลบิวทานอยด์ จากการทดลอง พบว่า มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ปวดบวม และมีผลเป็นยาชาเฉพาะที่ และจากรายงานพบว่า ไพลเป็นสมุนไพร ที่ไม่มีพิษเฉียบพลัน แต่สำหรับในแง่ไสยศาสตร์นั้น มีคนเขาบอกว่าเป็นอย่างนี้ครับ...

    ฝึกปฏิบัติการปลูกพืชสมุนไพร
    แต่ก่อนอื่นต้องขอเรียนเน้นย้ำว่า...ในด้านไสยศาสตร์ อาจารย์สมพิศ ไม้เรียงท่านบอกว่าไม่แน่ใจนะครับว่าด้านไสยศาสตร์นั้นเขาใช้ว่านไฟไปทำอะไร แต่จากการสอบถามพ่อผู้ใหญ่บ้าน แผง แห่งอำเภอพยัคฆภูมิสัย หนึ่งในผู้เข้ารับการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท่านบอกว่า ในสมัยโบราณผู้เฒ่าผู้แก่ได้นำว่านไฟมาขับไล่ผีปอบที่มาเข้าร่างของคนเรา โดยเฉพาะผู้หญิง โดยหมอผี หรือหมอธรรมก็จะใช้ลำต้นของว่านไฟไปตี และใช้หัวไปถูตามจุดต่างๆ เพื่อขับไล่ผีให้ออกไปจากตัวเรา ถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...
    คงต้องขอเรียนอย่างนี้ครับว่าจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองก็ดี เคยเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเช่นกันครับ เป็นดังที่พ่อแผงกล่าวเช่นกัน เพราะรายไหนรายนั้นเมื่อผีปอบโดนว่านไฟจิ้ม หรือตี เป็นว่าปอบวิ่งหนีกระเจิงทุกทีไป แต่เหตุผลลึกๆใครตอบได้ช่วยทีเถอะครับ
    ยังต้องมีคำถามต่อท้ายอีกเช่นเดิมครับว่า...สุดท้ายว่านไฟมันเกี่ยวข้องกับเกษตรประณีตอย่างไร คงต้องขอเรียนอย่างนี้ครับว่า การปลูกว่านไฟในแปลงเกษตรประณีตนั้นเป็นการผสมผสานการปลูกพืชทั้งระบบ สำหรับการนำมาใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ญาติมิตร หรือจนกระทั่งการขายอันจะนำมาซึ่งรายได้ในประการต่อมา นับว่าเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงนับได้ว่าเป็นการเรียนรู้ อย่างไม่หยุดยั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...