ฤาใกล้จะถึงแล้วซึ่งกาลียุคของแผ่นดินไทย

ขนาดคุยกันในนี้ยังหนีไม่พ้น วังวนเหมือนเดิม ความคิดเดิมๆ

อย่างที่บอกละครับ ประเทศนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียว หลายๆเสียงช้วยกันครับ ถ้าคิดว่าดี

ส่งเสียงประชาชน ให้ดังครับ ถ้าคิดว่า มันเป็นทาง ออกที่ดี สำหรับทุกคนครับ

 

ถูกที่สุดเลยค่ะท่านที่จะต้องปฎิรูป
แต่

เป็นเรื่องยากมากๆ
เพราะคนคุมเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ยอมง่ายๆ
คนที่ยังหลับหูหลับตาก็ยังอยู่
คนที่ถูกปิดหูปิดตาก็มีไม่น้อย
วันนี้หลายคนตาสว่าง
แต่ก็มีไม่น้อยเลยที่ตายังคงมืดบอดสนิท
เพราะถูกสะกดจิตให้เชื่อมาเป็นเวลายาวนาน
คนดีถูกบอกว่าผิด
ส่วนคนผิดถูกบอกว่าเราโดนกลั่นแกล้ง

ทุกวันนี้ชาวนาหลายท่านยังสรรเสริญเยินยอผู้นำเลวๆอยู่เลย(นี่ขนาดเงินขายข้าวยังไม่ได้รับนะ)บ้ามั้ยหล่ะ

 

จะปัญญานิ่มไปถึงไหน มองทีระบบสรรหา มันไม่ถูกต้อง

ไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ให้ดูนิยาม ประชาธิปไตย ให้ดี

ไม่ใช่ ดู และลอกเลียนแบบ จากต่างประเทศ

จากประชาชน เลือกโดยประชาชน

คำว่าจากประชาชน มัน ต้องมาจากรากเหง้า ของประชาชนจริง ๆ สิ

ไม่ใช่ให้ ใคร ก็ได้มาสมัครเป็น สส เพื่อเป็นตัวเลือก

ใคร ก็ได้ มันไม่เคยทำประโยชน์กับสังคมสักนิด

แบบนี้ เอามันมาทำไม สันขวาน เอ้ย

จากประชาชน ก็ต้องให้ประชาชนในแต่ละเขต เสนอ สิ

แล้ว ก็มาเลือกกัน ใครเหมาะ ในแต่ละเขต

ให้ประชาชนมีส่วนรวมในการนำเสนอด้วยสิ สันขวาน

หากแบบเดิม มันก็จะได้ หมู หมา กา ไก่ แบบเดิม

รัฐธรรมนูญ มีช่อง ให้อยู่ กลับไปดูนิยาม สิ บ่ะ

ตีความนิยาม ให้มัน ชัดหน่อย ประชาธิปไตย คืออะไร

นิยามแบบตะวันตก ที่ว่า ต้องมีตัวแทนเป็นพรรคการเมือง

นี่ มันเป็นนิยาม ที่ตั้งขึ้นมาเอง นี่เป็นเรื่องของตะวันตก

ไม่มีปัญญา แต่งเขียนนิยามเองหรือไง (ว่ะ...สันขวาน)

แล้ว จะทำไง ก็ให้เสนอ ศาลรัฐธรรมนูญ หรือคำสั่งศาล

ทำประชามติ (สิ ว่ะ)

ทางออกมันมี ... แต่มันไม่ทำ เพราะ เมื่อทำประชามติ

มันและพวกพ้องของมัน จะไม่ได้กลับมาเสวยอำนาจ ต่อ

 

ที่ว่ามานี้มันประชาธิปไตย แบบประเทศลาว เขมร เวียตนาม พม่า เชิญตามสบาย เพราะลาวเขาก็ทำแบบนีที่ว่ามานี้แหละ .... 55555555555 แหมศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นเจ้าของ กม.รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ทำไมไม่มีคนไปร้องให้จัดทำประชามติศาลจะได้สั่งให้ทำประชามติแบบที่ว่า อยากดูศาลรัฐะรรมนูญจะทำอย่างไร และถ้ามีการปฎิวัติอยากดูว่าศาลรัฐธรรมนูญมันจะมีปัญญารักษา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ไหม ก็อยากให้ปฏิวัติ กม.ฉ.นี้จะได้หมดไปเสียที แต่ปฏิวัติ ประเทศก็แตกแยกและจะลุกเป็นไฟ เพราะคนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติมีเยอะ และคนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกำนันสุเทพก็มาก เดี่ยวนี้โจรใต้ มันมาประกอบระเบิดที่ เขตมีนบุรีแล้ว อย่าคิดว่ามันจะมีคณะเดียวไม่รู้ว่าใครไปนำมันมาแต่ยังโชคดีที่มันทำระเบิดพลาดทำให้ตัวเองตายก่อน แต่ก็ยังมีพวกมันรอดไปได้ คน กทม.เตรียมตัวรับความวุ่นวายรายวัน รักษาชีวิตใครชีวิตมันเองก็แล้วกัน445566

 

ในโลกนี้ไม่มีปท.ใดที่คนในชาติจะมีความคิดเห็นทางการเมืองเหมือนกันทั้งหมด มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้วยกันทั้งสิ้น
เพื่อลดความขัดแย้งลง ผมจึงเสนอให้แต่ละคนมีหลักคิดเดียวกัน คือการยึดหลักธรรม (รวมถึงหลักธรรมาภิบาล หลักจริยธรรม และหลักกฎหมายที่เป็นธรรม) เป็นหลักหรือเป็นตัวตั้ง ไม่ให้ยึดในตัวบุคคลเป็นตัวตั้ง

คุยการเมืองควรใจเย็น ๆ อย่าใช้อารมณ์เข้าใส่กันเลย
ควรระลึกเสมอว่า พวกเรากำลังอยู่ในเวปธรรมะ
หากทะเลาะกันรุนแรง ในไม่ช้าก็อาจจะถูกย้ายไปอยู่หลุมดำ

ใครมีข้อมูล มีตรรกะที่ดีกว่า ก็สามารถนำมาเสนอโต้แย้งกันได้
คิดเสียว่า นี่คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ที่มีกรรมการ (คนอ่าน) คอยดูและตัดสินอยู่

ขณะนี้ปท.ของพวกเรากำลังเกิดภัยพิบัติ ควรช่วยกันคิดหาทางออก หาทางช่วยปท.ของพวกเราทุกคนจะดีกว่า
พวกเราไม่ใชู่้ผู้มีอำนาจ แล้วก็ไม่ใช่นักการเมือง
ผมจึงเสนอสิ่งที่ง่ายและพวกเราสามารถทำได้ นั่นคือ การสวดมนต์บทพระอุปคุตปราบมาร ซึ่งแต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อว่าใครเป็นมารกันได้ทั้งสิ้น เพียงแต่พวกเราอย่าไปตัดสินแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์..การเสนอแบบนี้น่าจะแฟร์กับทุกฝ่าย

หากจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ก็น่าจะร่วมกันทำสมาธิช่วยชาติ ด้วยการตั้งจิตอธิษฐานก่อนว่า "ขอทำสมาธิเพื่อช่วยให้ชาติเกิดความสงบ ผ่านพ้นวิกฤติทางการเมือง และขออย่าให้มีการฆ่าคนไทยด้วยกันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าฝ่ายใด" โดยทำสมาธิพร้อมกันเวลา 13.00 น. เป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาทีทุกวันจนกว่าภัยพิบัติชาติจะผ่านพ้น
การทำสมาธิพร้อมกันในเวลาเดียวกันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า..เอกภาพของพลังงานรวม..หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า..อัญญะ มัญญัง

 

การทำประชามติหากทำได้ก็จะดีมาก
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า..

1.กำนันจะเอาด้วยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาปชป.แพ้เลือกตั้งทุกครั้ง จึงกลัวเสียงข้างมาก ชอบอ้างว่าเสียงข้างมากลากไป
ถ้าเช่นนั้น..เรามาแก้กฎหมายให้รัฐบาลมาจากเสียงข้างน้อยกันดีหรือไม่?
และมติที่ประชุมคณะกก.ของภาครัฐและของภาคเอกชนทั้งหมดทั่วปท.ก็ต้องมาจากเสียงข้างน้อยด้วย?..ทำให้หลุดโลกกันไปเลย
สงสัยว่า ตอนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคปชป.ทุกครั้ง..ใช้เสียงข้างน้อยหรือเสียงข้างมาก?
ทำไมปชป.จึงยอมรับในคำตัดสินของศ.รธน. ที่คำตัดสินทุกครั้งมาจากเสียงข้างมาก?

2.ขัดกฎหมายหรือไม่?

ผลการเลือกตั้งสส.ครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่า..เป็นโมฆะหรือไม่?..เพราะศ.รธน.เพียงแต่วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นวันเดียวกันทั่วปท.ส่งผลให้พ.ร.ฎ.ยุบสภาเฉพาะส่วนที่ได้กำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นวันเดียวกันทั่วปท.นั้น ขัดรธน.มาตรา 108 วรรค 2

ก่อนอื่นต้องดูเขตอำนาจของศ.รธน.เหนือคดีที่รับคำร้องจากผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้ว่าคำวินิจฉัยของศ.รธน.มีผลผูกพันทุกองค์กร แต่ต้องดูว่าคำวินิจฉัยนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่สามารถวินิจฉัยตามใจตนเองได้ ต้องวินิจฉัยไปตามบทบัญญัติของกฎหมายรธน.

ตามที่ศ.รธน.ได้มีคำวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอตามรธน.แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 245 (1) ว่า การจัดการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 ตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรธน.หรือไม่ และได้มีมติปรากฏตามคำแถลงของหัวหน้าโฆษกสำนักงานศ.รธน.ว่า เมื่อได้ดำเนินการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.ไปแล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีการจัดการเลือกตั้งใน 28 เขตเลือกตั้ง ซึ่งไม่เคยมีการรับสมัครเลือกตั้งมาก่อนเลย (ในข้อเท็จจริงมีการเปิดรับสมัครแต่ถูกขัดขวางโดยม๊อบ)
จึงถือได้ว่าในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาไม่มีการเลือกตั้งในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร การจะดำเนินการเลือกตั้งใน 28 เขตเลือกตั้ง หลังวันที่ 2 ก.พ. ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรเช่นกัน เป็นผลให้พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 เฉพาะส่วนที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่ชอบด้วยรธน.มาตรา 108 วรรค 2 นั้น

คำวินิจฉัยของศ.รธน.ดังกล่าวมีปัญหาความชอบด้วยรธน.และปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง ดังนี้

1.รธน.แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 245 (1) กำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเรื่องต่อศ.รธน.ได้เมื่อเห็นว่า "บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรธน." ดังนั้นวัตถุแห่งคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีดุลพินิจที่จะส่งให้ศ.รธน.วินิจฉัยได้นั้นย่อมจะต้องเป็น "บทบัญญัติแห่งกฎหมาย" แต่สำหรับกรณีที่เป็นปัญหานี้เห็นได้ชัดว่าวัตถุแห่งคดี คือ "การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป" เมื่อวัตถุแห่งคดีไม่ใช่ "บทบัญญัติแห่งกฎหมาย" เสียแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินย่อมไม่อาจเสนอเรื่องต่อศ.รธน.ได้ และเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องมายังศ.รธน. ศ.รธน.ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิเสธไม่รับคำร้องไว้พิจารณา การที่ศ.รธน.รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาจึงไม่ชอบด้วยรธน.มาตรา 245 (1) และเท่ากับศ.รธน.แก้ไขเพิ่มเติมรธน.ด้วยตนเอง เปลี่ยนแปลงวัตถุแห่งคดีตามรธน.มาตรา 245 (1) ทั้ง ๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติของรธน.มาตราใดให้อำนาจศ.รธน.กระทำการเช่นที่ว่ามานี้ได้

2.รธน.มาตรา 108 วรรค 2 บัญญัติว่า "การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพ.ร.ฎ. ซึ่งต้องกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันยุบสภาผู้แทนราษฎร และวันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร"

ข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรแล้วในพ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 คือวันที่ 2 ก.พ. 2557 การกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปดังกล่าวจึงชอบด้วยรธน.แล้ว แต่ในคดีนี้ปรากฏว่าศ.รธน.กลับนำเอาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังและไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป มาเป็นฐานในการพิจารณา

กล่าวคือ นำเอากรณีที่ไม่สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้ในเขตเลือกตั้ง 28 เขตเลือกตั้ง มาอ้างว่าถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปในเขตเลือกตั้ง 28 เขตเลือกตั้งในภายหลัง ก็จะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปไม่เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ทั้ง ๆ ที่รธน.ไม่ได้บัญญัติบังคับว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเกิดขึ้นในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร เพราะย่อมเป็นไปได้เสมอที่อาจเกิดเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัยขึ้นในบางหน่วยเลือกตั้ง อันอาจทำให้ไม่สามารถเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ รธน.เพียงแต่บัญญัติให้วันเลือกตั้งต้อง "กำหนด" เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรเท่านั้น ซึ่งก็ได้มีการกำหนดไว้โดยชอบแล้ว

3.ยังปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่าการเลือกตั้งในวันที่ ๒ ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นส่วนใหญ่ การที่ศ.รธน.นำเอากรณีที่ไม่อาจรับสมัครเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งบางเขตเลือกตั้งได้ เพราะมีผู้ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง มากล่าวอ้างให้มีผลว่าพ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎรฯ เฉพาะส่วนที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.2557 ขัดต่อรธน. โดยมุ่งหมายจะทำลายการเลือกตั้งในวันดังกล่าวลง นอกจากจะไม่มีเหตุผลในทางกฎหมายรองรับแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาการตีความคำวินิจฉัยต่อไปอีกด้วยว่า คะแนนเสียงของประชาชนที่ไปออกเสียงเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 นั้น ถูกทำลายลงแล้วหรือไม่ โดยอำนาจของบทบัญญัติแห่งรธน.หรือบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด

4.หากพิจารณาในแง่ของการต่อสู้กันทางการเมืองแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าอุปสรรคของการเลือกตั้งในครั้งนี้มาจากการร่วมมือกันของกปปส.และบุคคลที่สนับสนุนกปปส. ทั้งในและนอกรัฐสภา ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ในอันที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อีกทั้งกกต.ก็ไม่ได้แสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ในการทำงานตามกรอบอำนาจหน้าที่ เพื่อที่จะจัดการการเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ฉะนั้น การวินิจฉัยของศ.รธน.จึงดูเสมือนเป็นการส่งผลหนุนเสริม..ปฏิบัติการต่อต้านระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง..ให้บรรลุผลในทางปฏิบัติ เป็นการวินิจฉัยที่มองข้ามละเลยสิทธิของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจและได้มาแสดงออกซึ่งอำนาจของตนตามกฎเกณฑ์กติกาที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่

5.การร่วมมือกันขัดขวางระบอบประชาธิปไตยนี้จะดำเนินต่อไป เพื่อสร้างสุญญากาศทางการเมือง เปิดทางให้กับนายกฯและรัฐบาลนอกรธน.เข้าสู่อำนาจ เพื่อทำหน้าที่ผลักดันแก้ไขตัดต่อดัดแปลงรธน.ในทิศทางที่บั่นทอนประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งให้อ่อนแอลง

รธน.มาตรา 171 กำหนดให้นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง (ต้องมาจากสส.) เท่านั้น
ดังนั้น หากจะทำให้เกิดนายกฯ มาตรา 7 ขึ้นได้ตามที่กำนันต้องการ ก็ต้องฉีกรธน.เท่านั้น มิฉะนั้นก็จะเป็นการละเมิดกฎหมายรธน.อย่างชัดแจ้ง นายกฯ มาตรา 7 จึงเป็นนายกฯนอกกฎหมาย
แต่หากจะฉีกรธน.ก็ต้องใช้วิธีการยึดอำนาจ การยึดอำนาจก็คือการก่อกบฏ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 113
มีคนไทยเป็นจำนวนมากที่ยินยอมพร้อมใจและชื่นชมยินดีให้ทหารก่อกบฏยึดอำนาจรัฐได้ พวกเขาใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลักมากกว่ายึดหลักกฎหมายบ้านเมือง นั่นคือ..กลุ่มคนที่ตนชอบสามารถละเมิดกฎหมายได้ ส่วนฝ่ายตรงข้ามละเมิดไม่ได้
ถ้าเช่นนั้น เรามาแก้กฎหมาย..ยกเว้นให้คนในเครื่องแบบสามารถก่อกบฏได้โดยไม่ผิดกฎหมายกันดีหรือไม่?

6.เห็นได้ชัดว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 จนถึงขณะนี้ บรรดาองค์กรอิสระและอำนาจตลก.ได้กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มพลังเสียงข้างน้อยในปฏิบัติการต่อต้านระบอบประชาธิปไตย เพียงเพื่อต้องการทำลายกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามให้ได้อย่างรวดเร็ว การปล่อยให้องค์กรอิสระและอำนาจตลก.ถูกบิดเบือนฉวยใช้ไปทำลายประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเสียหายและจมปลักอยู่ในวังวนอันอับตันของความขัดแย้งรุนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่ปชช.ทั้งหลายต้องร่วมมือกันรณรงค์ให้มีการปฏิรูปองค์กรอิสระและอำนาจตลก. และสร้างกลไกถ่วงดุลตรวจสอบเพื่อให้กลไกสำคัญของบ้านเมืองเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับขององค์กรตัวแทนอำนาจปชช.เสียงข้างมาก จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ปชช.จะต้องช่วยกันเดินหน้าผลักดันให้ถึงที่สุดต่อไป

 

ศ.รธน.ตัดสินว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรธน. แต่สิ่งที่สนใจคือ คะแนนเสียงที่ปชช.ได้ลงไปแล้ว ไม่มีส่วนไหนของคำวินิจฉัยของศ.รธน.ที่ระบุว่า คะแนนเหล่านั้นเสียไปแล้ว คะแนนเสียง 20 ล้านเสียงสมบูรณ์แล้วโดยรัฐธรรมนูญ หากจะทำลายคะแนนเหล่านั้น ศ.รธน.ต้องระบุว่า คะแนนเสียงเหล่านั้นใช้ไม่ได้ กรณีนี้ ศ.รธน.ไม่มีอำนาจทำลายคะแนนเสียงของปชช. คะแนนเหล่านั้นยังคงอยู่ และกกต.มีหน้าที่ประกาศการเลือกตั้งที่เสร็จสิ้นไปแล้ว
การเลือกตั้งยังไม่เสียไป ยังไม่เป็นโมฆะ ศ.รธน.วินิจฉัยเฉพาะว่า พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯบางส่วนขัดรัฐธรรมนูญ

คำวินิจฉัยของศ.รธน.ในลักษณะนี้ส่งผลให้ไม่สามารถปฏิบัติได้..การเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรธน. แต่คะแนนเสียงของปชช.ยังคงอยู่ เป็นสภาพปัญหาที่คาอยู่ในระบบกฎหมาย

สิ่งที่น่าจะเป็นโมฆะนั้นควรจะเป็นคำวินิจฉัยของศ.รธน.
เมื่อคำวินิจฉัยเสียเปล่าไปแล้ว การดำเนินการก็สามารถดำเนินต่อไปได้

 

คุณก็เอาเรื่องเวปธรรมมะมาอ้างจังเลย คนที่เขาอ่านธรรมมะเป็นเขาไม่เอามาอ้างหรอกครับ

แล้วเขาก็รู้ด้วย อะไรเป็นอะไร

คุณยังคิดอีกหรอว่าเลือกตั้งแล้วจะจบ หากไม่ได้ฉันทามติ และความพร้อมใจของประชาชน

เช่นเดียวกัน กับอีกฝาย ถ้ามันยังไม่มีอะไรลองรับ มันก็เกิดไม่ได้

การทำปชามติ คือการฟังเสียงประชาชน อย่างแท้จริง อย่าคิดเอาแต่ได้ หัดฟังเสียง คนอื่นบ่าง

ถ้าคิดว่าไม่อย่ากให้เกิดอย่างหัวข้อกระทู้ แต่ผมอ่านความคิด..... แล้ว คงไม่ใช่ มั้ง

อยากจะหำหั่นกันซะมากกว่า....

 

"คุณก็เอาเรื่องเวปธรรมมะมาอ้างจังเลย คนที่เขาอ่านธรรมมะเป็นเขาไม่เอามาอ้างหรอกครับ"

คุณกำลังบอกว่า ไม่ต้องสนใจว่าเป็นเวปธรรมะ อยากจะผรุสวาทใส่ใครอย่างไรก็สามารถทำได้ เหมือนที่ทำไปแล้ว?

................................

"คุณยังคิดอีกหรอว่าเลือกตั้งแล้วจะจบ หากไม่ได้ฉันทามติ และความพร้อมใจของประชาชน"

ปัญหาคือ พรรคที่แพ้เลือกตั้งบ่อยครั้งไม่ยอมรับเสียงข้างมาก จึงพยายามเล่นนอกกติกา ปลุกปั่นปชช.บางส่วนให้ละเมิดกม.และไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง
กำนันเล่นการเมืองมายาวนาน 35 ปี แต่ไม่เคยคิดปฏิรูป โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวเองเป็นรบ.ก็ไม่เคยคิดปฏิรูป ทำไมจึงมาคิดปฏิรูปในช่วงที่ตนไม่ได้เป็นรบ.
ปฏิรูปมันเป็นเรื่องบังหน้า ผลประโยชน์ที่ปชป.จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ต้องการดึงอำนาจไปจากปชช.ไปเพิ่มให้ระบอบอำมาตย์คือเป้าหมายที่แท้จริง

..........................................

"การทำปชามติ คือการฟังเสียงประชาชน อย่างแท้จริง อย่าคิดเอาแต่ได้ หัดฟังเสียง คนอื่นบ่าง"

ผมบอกแล้วว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการทำประชามติ แต่มันติดที่กำนันและกฎหมาย
ตอนนี้ยังคลุมเครือว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะจริงหรือไม่ ถ้าหยุดการเลือกตั้งไว้ก่อนเพื่อทำประชามติ อาจผิดกฎหมายรธน.

..........................................

"ถ้าคิดว่าไม่อย่ากให้เกิดอย่างหัวข้อกระทู้ แต่ผมอ่านความคิด..... แล้ว คงไม่ใช่ มั้ง

อยากจะหำหั่นกันซะมากกว่า...."

ผมต้องการเปิดเผยภาพลวงตาที่มันซ่อนเร้นความจริงมายาวนานให้คนที่ยังนอนหลับฝันอยู่ได้รับรู้ถึงโลกของความเป็นจริงของการเมืองการปกครองที่ถูกแทรกแซงมาตลอดระยะเวลายาวนาน
ปัจจุบันใช้องค์กรรัฐบางส่วนมาบิดเบือนกฎหมายเพื่อทำลายความชอบธรรมของฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่การตั้งนายกฯ ด้วยวิธีพิเศษ ตั้งสภาปชช.เพื่อแก้กม.แทนรัฐสภา แล้วแก้รธน.ให้อำนาจในการปกครองปท.ไปอยู่ในมืออำมาตย์อย่างสมบูรณ์ ระบอบปชต.จึงเป็นเพียงคำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อแสดงกับโลกว่า ปท.นี้ปกครองด้วยระบอบปชต. แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นระบอบเผด็จการอำมาตย์โดยคนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของปท.

 

ปท.แตกแยกมากขึ้นเพราะศ.รธน.ใช่หรือไม่?

เมื่อเปรียบเทียบการเลือกตั้งระหว่าง 3 กค. 54 กับ 2 กพ. 57 แล้ว จะเห็นภาพดังนี้

การเลือก 3 กค. 54 มาร์คยุบสภา มีการจัดเลือกตั้งใหม่ ยิ่งลักษณ์กับพท.และมาร์คกับปชป.ลงแข่งขันกัน โดยมีกกต.และศ.ฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งร่วมกันเป็นกก.ตัดสิน
ส่วนการเลือกตั้ง 2 กพ. 57 ยิ่งลักษณ์ยุบสภา มีการจัดเลือกตั้งใหม่ ยิ่งลักษณ์กับพท.ลงแข่งขัน แต่มาร์คกับปชป.ไม่ยอมลงแข่งขัน และมีกกต.บางคนทำตัวเป็นคู่ต่อสู้กับยิ่งลักษณ์และผู้สมัครพท.เสียเอง โดยมีศ.รธน.เป็นกก.ตัดสิน
ส่วนมาร์คกับปชป.ก็ไปร่วมกับกปปส.แยกกันคนละมุม คอยเอาไม้ตีขายิ่งลักษณ์และผู้สมัครพท.อยู่ข้างเวที
และในที่สุดศ.รธน.ก็ตัดสินให้ยิ่งลักษณ์แพ้ฟาวกกต.โดยการสั่งให้การเลือกตั้ง 2 กพ. 57 เป็นโมฆะ

จึงมีข้อสังเกตดังนี้

1.เพราะเหตุใดศ.รธน.จึงมาเป็นผู้ตัดสินการเลือกตั้งครั้งนี้ ในเมื่อรธน.ม. 219 วรรค 3 ระบุไว้ชัดว่า ให้ศ.ฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง

2.เพราะเหตุใดเรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติและผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ ศ.รธน.จึงไม่ขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย แต่กลับให้โฆษกศ.รธน.ออกมาแถลงคำวินิจฉัยในเชิงแถลงข่าวแทน

3.เพราะเหตุใดคำวินิจฉัยกลางอย่างไม่เป็นทางการที่ศ.รธน.เผยแพร่ในภายหลังจึงมีข้อความแตกต่างจากคำวินิจฉัยที่โฆษกศ.รธน.แถลงเมื่อ 21 มีค. 57 และคำวินิจฉัยกลางที่จะต้องประกาศในพระราชกิจจานุเบกษานั้นจะออกได้เมื่อใด และจะมีข้อความเหมือนกับคำวินิจฉัยกลางอย่างไม่เป็นทางการที่ศ.รธน.เผยแพร่แล้วหรือไม่

4.เพราะเหตุใดศ.รธน.จึงไม่เปิดเผยคำวินิจฉัยส่วนตนของตลก.ทั้ง 9 คนในวันที่โฆษกศ.รธน.แถลงคำวินิจฉัย ในเมื่อรธน.ม. 216 วรรค 2 ระบุไว้ชัดเจนว่า ตลก.ศ.รธน.ทุกคนที่เป็นองค์คณะจะต้องทำความเห็นคำวินิจฉัยในส่วนของตน พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมศ.รธน.ก่อนการลงมติ

5.เพราะเหตุใดศ.รธน.จึงชี้ว่า พรฏ.ยุบสภาฯ เฉพาะส่วนที่กำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 2 กพ. 57 ซึ่งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรนั้นจึงขัดรธน.ม. 108 ในเมื่อข้อเท็จจริงคือ กกต.ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพรฏ.ได้
จากข้อเท็จจริงน่าจะกลับกัน คือ การจัดการเลือกตั้งขัดต่อพรฎ. ไม่ใช่พรฎ.ขัดต่อรธน.

6.เพราะเหตุใดคำวินิจฉัยของศ.รธน.จึงไม่มีเรื่องคำกล่าวหา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่บัญญัติบังคับไว้ในรธน.ม. 216 วรรคสี่ และข้อเท็จจริงที่ต้องระบุในคำวินิจฉัยตามม. 216 วรรคสี่ก็เช่นกัน เพราะเหตุใดจึงไม่พิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่า สาเหตุที่ผู้สมัครไม่สามารถสมัครใน 28 เขตเลือกตั้งได้ เป็นเพราะมีการขัดขวางและการคุกคามอย่างรุนแรง และกกต.ก็ย่อหย่อนในการปฏิบัติหน้าที่ แต่กลับอ้างว่าไม่มีผู้มาสมัครรับเลือกตั้งใน 28 เขตเลือกตั้ง แล้วใช้ข้ออ้างนี้ล้มการเลือกตั้งของคน 20 กว่าล้านคน ซึ่งได้ดำเนินไปสำเร็จเกือบ 90% แล้ว

 

การที่กกต.กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการจัดการเลือกตั้งสว.เมื่อ 30 มีค. 57 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นบ่ายเบี่ยงการจัดเลือกตั้งสส.มาโดยตลอด น่าสงสัยว่าอาจมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้มีนักวิชาการและผู้สมัครสส.จำนวนมากได้ขอร้องให้กกต.จัดการเลือกตั้งสส.ที่เหลือใน 28 เขตใน 8 จว.ภาคใต้ ซึ่งฐานเสียง 70% เป็นของปชป.ในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งสว.เพื่อเป็นหลักประกันว่าม๊อบปชป.และกปปส.จะไม่ขัดขวาง แต่กกต.ก็ไม่ยินยอม
แสดงว่าปฏิบัติการต่าง ๆ น่าจะเป็นไปตามแผนพิฆาตนารี และนำไปสู่นายกฯ นอกกม. อันเป็นบูรณาการของศ.รธน. องค์กรอิสระ สว.สรรหา ปชป. และกปปส.
หมายความว่า หลังการเลือกตั้งสว. ม๊อบปชป.และกปปส.ก็จะขัดขวางการเลือกตั้งสส.ใน 28 เขตภาคใต้ที่เหลือ โดยมีเป้าหมายให้เปิดสภาไม่ได้
พร้อมทั้งรอให้สว.ชุดใหม่เข้าไปถอดถอนนายกฯ รมต. ปธ.รัฐสภา ปธ.วุฒิสภา และ 312 สส.สว.ที่ปปช.จะได้ชงลูกให้หลังจากการชี้มูลความผิดแล้ว
แต่ผู้วางแผนดังกล่าวคงจะลืมไปว่า แม้ปปช.จะชี้มูลความผิดนายกฯ ก็จะส่งผลเพียงแค่ยุติการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น(หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ยุบสภาแล้ว แต่รธน.บังคับให้รักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่) แต่ตำแหน่งนายกฯ ยังคงอยู่ตามรธน.ม. 181 วรรคหนึ่ง (กม.ปปช.มีศักย์ต่ำกว่ากม.รธน.)
นายกฯ จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีได้ ก็ต่อเมื่อวุฒิสภาต้องลงมติด้วยเสียง 3 ใน 5 หรือ 90 คน
ผู้กุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังคงจะลืมไปว่า สว.สรรหาทั้ง 74 คนที่ไม่ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งจะใจด้านพอที่จะออกเสียงถอดถอนนายกฯ ที่ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งหรือไม่
แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับหน้าที่ของสว.เลือกตั้งชุดใหม่
รธน.ม. 123 บัญญํติว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ สส.และสว.ต้องปฎิญาณตนในที่ประชุมสภาที่ตนเป็นสมาชิกก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหมายความว่า สว.เลือกตั้งชุดใหม่จำนวน 77 คน ถึงแม้จะได้รับการรับรองจากกกต.แล้ว ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้จนกว่าจะได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมวุฒิสภาเสียก่อน ปัญหาก็คือ จะปฏิญาณตนได้อย่างไรในเมื่อรัฐสภายังไม่ได้เรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกตามม. 127 เมื่อยังไม่ได้ปฏิญาณตน ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เมื่อยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็ยังลงมติถอดถอนใครไม่ได้
หากจะดำเนินการถอดถอน สว.ที่สามารถถอดถอนได้จึงต้องเป็นสว.เลือกตั้งชุดเก่าและสว.สรรหา
และถึงแม้สว.เลือกตั้งส่วนใหญ่และสว.สรรหาบางส่วนอาจจะถูกปปช.ชี้มูลความผิดกรณีการแก้ไขรธน.ว่าด้วยที่มาของสว.ก็ตาม แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ถึงกระนั้นสว.เหล่านั้นแม้จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ก็ยังมีสถานภาพเป็นสว.อยู่ การจะลักไก่ตีความว่า สว.ดังกล่าวไม่มีตัวตน แล้วจะโมเมนับสว.ที่เหลืออยู่เพียง 90 กว่าคนให้เป็นองค์ประชุมนั้น ทำไม่ได้ เพราะรธน.บัญญัติว่า การถอดถอนต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ของจำนวนสว.ทั้งหมดในวุฒิสภาที่ยังคงดำรงสมาชิกภาพอยู่

 

แนวทางปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ได้นั่งฟังเขาคุยกัน ไม่รู้จะจริงหรือพูดกันเล่นๆ ถ้าพูดจริงๆและทำจริงๆ สงสัยพวก กปปส.และคนของพรรคปชป.เอาหัวแม่เท้าคิดแทนสมอง (แค่ดูถูกคนต่างจังหวัดว่าโง่ไม่มีความรู้เลยเลือกแต่พรรคระบอบทักษิณ เลยยิ่งทำให้ผลการเลือกตั้งแต่ละครั้งออกมาเพื่อแสดงให้เห็นตรงข้ามกับ การเลือกตั้งใน กทม.) และอาจจะถึงการณ์ล่มสลายของรัฐไทยโดยเขาจะ กำหนดคะแนนเลือกตั้งมาจากระดับการศึกษาของผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเช่น นายมีนางมาที่มีความรู้ตั้งแต่ ป.4-ม.6 ให้นับผลการลงคะแนน เท่ากับ 1 คะแนน ส่วนนายขาวนางไฮ นายนางผู้ดี ทั้งหลายที่มีความรู้ตั้งแต่ ป.ตรี ขึ้นไป ให้นับผลการลง คะแนนครั้ง ละ 3 คะแนน
ถ้าทำอย่างนี้จริงๆ =เจ้งแน่ประเทศไทย (คงเกิดสงครามชนชั้น) เอาแค่ กม.การเลือกตั้งกำนัน แบบพรรค ปชป.ทำไว้สมัยเป็น รบ.ยังถูกชาวบ้าน ระดับรากหญ้า ว่าทำกฎหมายบ้าๆแบบนี้ก็มี เลยทำให้เกิดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจากผู้ใหญ่บ้านและคนอยากเป็นกำนัน เสียงละเป็นแสนๆ บาท นี้แหละกฎที่ออกมาจากพรรค ปชป.ยิ่งทำให้การซื้อสิทธิ์ขายเสียงง่ายขึ้น.....ง่ายขึ้น

 

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ยอมได้รับผลจากกรรมนั้น บางคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวใครเตือนใครบอกเท่าใดก็ไม่เชื่อ คอยดูผลกรรม ขณะนี้ใกล้พ้นกรรมแล้ว หลังสงกรานต์ก็จะเริ่มเห็นกันแล้ว

 

55555 อ่านไปอ่านมา ยังมีคนเห็นสุเทพ เป็นพระเจ้า ทำอะไรก็ไม่ผิดไปละ 555

ล้มการเลือกตั้ง ทำลายสิทธิ์ของประชาชน ปากก้อ้างประชาชน 555 อยากช่วยชาวนาแต่คัดขวาง ไม่ให้กู้เงิน เอ๊ะ..มันยังไง

เลิกอ้างชาวนาได้ละ ทั้งชีวิตเคยเหยียบดิน เหยียบพื้นนาบ้างป่าวไม่รู้ แต่ก็อ้างชาวนา...

 

ธรรม อยู่ที่ใจไม่ใช่ฤ คุณจะอยู่ที่ใดธรรม ก็ติดตามไปกับใจของคุณ ไม่เอามาฝากไว้ไว้ที่ไหน

ความต่างของคำผรุสวาทที่ออกไป เทียบกับสุภาพที่เพียรพยายามอ้าง

คำผรุสวาทนั้นแฝงด้วยความเป็นห้วงใย หวังดี ไม่เข้าข้าง และหาทางออก

คำสุภาพที่เอยออกมา กลับพบว่าเต็มไปด้วยอคติ และเล็งผล ขัดแย้งไม่สิ้นสุด

หากพิจารณาให้ดี ก็จะมีความต่างที่คนอ่าน จะพิจารณาได้อยู่ ไม่มากความ

 

ค.คน.

 

มนต์คาถา พระอุปคุตปราบมาร

อุปคุตโต จะมหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต
มารัญจะ มาระพะลัญจะ อัปปะราเชยยะ ครุธ ตะภุโต
รัตนะ ตรัยยะ กายะ พันธะนัง รัตตะนัง โหติ

 

การวิเคราะห์คาดเดาสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

หากผู้มีอำนาจไม่ยอมหยุดยั้งการช่วงชิงอำนาจที่เหลืออยู่ไปจากปชช.
ความขัดแย้งจะรุนแรงถึงขีดสุด

การ...น่าจะเกิดขึ้น 2 รอบ

รอบแรก ปชช.มือเปล่า...มากกว่าปี 53 หลายเท่า

ต่างชาติจะเข้าแทรกแซง

ไม่นาน ปชช.มือไม่เปล่าจะกลับมาใหม่

รอบสอง ทั้งสองฝ่าย...มหาศาล

ในที่สุดท.จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ปชช.

มีการเจรจายุติ

ตำนาน 3 ก๊กจะเกิดขึ้น

1.ก๊กชายสอง
2.ก๊กหญิงสาม
3.ก๊กนักการเมือง+ท.ที่ย้ายข้าง

การช่วงชิงอำนาจยังคงมีอยู่ เป็นผลให้
คุณป้า+หญิงสาม ต้องหนีออกนอก

ปี 60 กีฬาสีจะยุติ ปท.เริ่มเจริญรุ่งเรือง และจะสงบสุขเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานร่วมศตวรรษ

 

เฮ้ย...จะเพ้อเจ้อไปถึงเมื่อไหร่วะ ท่าน
ไอ้แมวโดนแน่ โดนแน่ไอ้แมว งานนี้ไม่รอดแน่ ขอบอก

การแก้สมการกรรมของประเทศไทยเรา น่าจะใกล้เสร็จแล้วล่ะมั้ง นะ
อีกไม่นานตระกูลชินวัตรต้องเสียใจแน่ ที่กล้าทำกับประเทศของเราอย่างนี้

แหม..ถ้ามีอำนาจจริงๆ อยากจะแช่งให้ทักษิณ ชินวัตร ตายให้เร็วที่สุดจังเลย
มันตายเพียงคนเดียว ประเทศนี้จะสงบสุขได้เหมือนเสกเอาเลย จริงๆ นะ
พวกลูกกระจ๊อกเบี้ยใบ้รายทาง ไม่มีปัญหาก่อปัญหาต่อไปได้แน่ ขอบอก

"ฝั่งโน้น" ฟังอยู่รึป่าววะเฮ้ย เมื่อไหร่จะจัดให้ซะที ประเทศไทยเราแย่แล้วนะเว้ยเฮ้ย เร็วเข้าดิ ไหนว่ารักกัน 555


เล็บครุฑ นารายณ์ทรง / นักรบดำ
.

 

ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย