วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 2 พฤศจิกายน 2011.

  1. บ๋อม

    บ๋อม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่งไปคุยกับคุณลุงทองใบมาค่ะ ที่สำนักสงฆ์ลับแล ได้ไปชมสวนศรีมหาโพธิ์ด้วย คุณลุงน่ารักมากค่ะ คุยสนุก
     
  2. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จาก.... เปิดคำทำนายปี′55 "โสรัสจะ นวลอยู่" การเมืองร้อนฉ่า สุขภาพบุคคลสำคัญ และเขื่อนใหญ่ยักษ์แตก


    16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:59:06 น. <table align="center" bgcolor="#FFFFFF" border="0" cellpadding="0" cellspacing="10" width="1000"> <tbody><tr> <td class="b-left" align="left" valign="top" width="630"> เปิดคำทำนายปี′55 "โสรัสจะ นวลอยู่" การเมืองร้อนฉ่า สุขภาพบุคคลสำคัญ และเขื่อนใหญ่ยักษ์แตก ?!!


    Share260

    [​IMG]
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="630"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="100">

    </td> <td align="left" valign="top" width="530">
    โสรัจจะ นวลอยู่

    แม้จะไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นหมอดูอาชีพ แต่ชื่อเสียงของ “โสรัจจะ นวลอยู่” กลับโด่งดังในฐานะนักพยากรณ์ชื่อดังมากกว่าอาชีพวิศวกรและข้าราชการกรมชล ประทานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    จากคอลัมน์ “ส่องราศี” ในหนังสือ นรี เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ได้ทำให้เจ้าของนาม “หมอโส” โลดแล่นเข้าสู่ยุทธจักรของการทำนายโชคชะตาราศี มาจนถึง “โสรัจ” แห่งแพรวพยากรณ์ และ “โสรัจจะ “ แห่งดวงและดาว ในนิตยสารสกุลไทย ที่ผู้คนโดยเฉพาะทั้งวัยรุ่นและผู้หลักผู้ใหญ่ติดกันงอมแงม

    [​IMG]


    <table align="left" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>
    </td></tr></tbody></table> ผูกขาดเป็นนักพยากรณ์ในหนังสือทายประจำปี “ศาสตร์แห่งโหร” ของสำนักพิมพ์ “มติชน” มาหลายปี แต่ละปีมักจะมีคำทำนายที่สร้างความฮือฮา เพราะแม่นราวจับวาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจตกต่ำ อุทกภัย อัคคีภัย ไปจนถึงการสูญเสียบุคคลสำคัญ

    ล่าสุดคำทำนายล่วงหน้าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “มหาภิบัติภัยสึนามิ” ที่ญี่ปุ่นในปี 2554 ได้ใกล้เคียง มีผู้คนเสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก

    เช่นเดียวกับ พยากรณ์ประจำปีมะโรง พ.ศ. 2555 ของเขาในศาสตร์แห่งโหรครั้งนี้ ซึ่งเขาตั้งคำถามไว้ว่า “โลกจะถึงกาลแตกดับฤา”

    โสรัสจะทำนายว่า โลกจะสิ้นสุดก็เพราะไฟ ไฟจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศ สูญไป แต่ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือไฟจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ที่กำลังแผดเผาผู้ คนให้ย่อยยับไปทุก ๆ ขณะ อยู่แล้ว เพราะบัดนี้ ผู้ปกครองประเทศ และประชาชนไม่ตั้งมั่นในศีลธรรมและกุศลจิตของชนทั้งหลายเสื่อมคลายลง ก็จะเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว ข้าวยากหมากแพง เกิดการรบราฆ่าฟันกันและเกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ ไม่สามารถจะดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้

    “ตั้งแต่ต้นปี “พระอังคาร” หัวหน้าใหญ่บาปเคราะห์เดินขบวนอยู่ราศีสิงห์ , ราศีกันย์เกตุ, ราศีตุลย์ดาวเสาร์, ราศีพิจิกราหูล้วนเป็นขบวนดาวบาปเคราะห์ทั้งสิ้น นับเป็นขบวนผีห่าซาตานเข้ามาคร่าผลาญชีวิตชาวโลก”

    “ดาวพฤหัสบดี ดาวฝ่ายคุณธรรมความดี ย้ายเข้าสู่ราศีพฤษภ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 เล็งพระราหู ฝ่ายอธรรม ซึ่งสถิตราศีพิจิก แบบนี้คงได้เห็นลางว่าจะมีการสัปยุทธใหญ่เกิดขึ้น”

    “พระราหูสถิตอยู่ราศีพิจิก จนกระทั่งวันที่ 10 ธันวาคม 2555 ย้ายเข้าสู่ราศีตุลย์ เล็งลัคนาดวงเมืองราศีเมษ เข้าร่วมพระเสาร์ดาวคู่มิตร จึงช่วยกันเข้าถล่มเมืองไทยอย่างแท้จริง”

    แต่ดวงดาวของโลกในปีมะโรง 2555 ที่น่าเอาใจใส่และเป็นห่วงที่สุดก็คือ ประเทศไทยเรานี่แหละ ไม่ต้องไปดูอะไรให้ไกลตัว

    ประเทศไทยในปี 2555 นี้ มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือ ประเทศไทย เดือน มกราคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ และรวมทั้งภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี

    และเหตุการณ์เช่นเดิมนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือน มิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนจำต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปี ก่อน ๆ เสียหายยับเยินไปทั่วทุกจังหวัด และทั่วทั้งประเทศเฉลี่ยไปโดยทั่วถึงกัน เป็นทุกขภิกภัยโดยแท้

    อาถรรพ์ของดวงดาวบาปเคราะห์เสาร์อริอย่างเต็มที่ บ่งถึงว่าสภาวะของประเทศเกิดความแตกร้าวอย่างรุนแรง ไม่อาจจะผสานกันได้ แสดงให้เห็นจุดยุ่งยากของหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเผชิญ


    ดวงเมือง แห่งยุคการคลั่งไคล้ประชาธิปไตยครึ่งใบนี้ ในเดือนมีนาคม 2555 ดาวอาทิตย์ (คือประมุขของรัฐบาล) กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศนะของราศีเมษพอดี และถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาด แล้วยังโดนดาวเสาร์เล็งแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น เท่านี้จะมีอะไรเหลือ

    และขณะเดียวกัน ความยุ่งยากทางการเมืองภายใน จะก่อความร้าวฉานทวีขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น แล้วยังมีเหตุอันร้ายแรงแก่พรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่งของ ประเทศไทย ซึ่งมีลัคนาของดวงพรรคอยู่ราศีกันย์ กำลังโดนเกตุบาปเคราะห์ทับและโดนดาวบาปเคราะห์เสาร์กับอังคารบีบข้างหน้า และข้างหลัง ก็ย่ำแย่เฉกเช่นกัน อาจถึงขั้นพรรคแตก, ล่มสลายไปหมดทางแก้ไข เป็นระยะของการปลอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยยึดเหนี่ยว เพราะความเสื่อมของผู้คนในพรรคนี้ก็เป็นได้ ที่ไม่จริงใจต่อประเทศชาติซ่อนเร้นมาตลอด

    เดือนเมษายน ประชาธิปไตยของไทย จะพบความประหลาดใจว่าดาวเจ้าเรือนภพที่ 11 (คือประมุขของรัฐบาล) อันเป็นดาวเสาร์ ซึ่งดาวเสาร์ประมุขรัฐบาลกำลังเดินถอยหลังกรูด ซ้ำร้ายดาวมฤตยูดาวแห่งการปฏิวัติรัฐประหารยังคงเดินโคจรอยู่ในภพวินาศนะต่อ ราศีเมษแห่งไทยสยาม เป็นการยืนยันให้เห็นความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำโดยแท้ ทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนให้เห็นเช่นนี้ จึงสำแดงให้เห็นถึงสภาวะการตึงเครียด และการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาลกับปรากฎการณ์ที่ส่อเค้าแห่งการเสื่อม อำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศในระยะนี้ ประมุขรัฐบาลจึงต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง

    แม้จะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีคณะรัฐมนตรี มีสภาผู้แทนราษฎร มีศาล และมีพรรคการเมือง ล้วนมีขึ้นเพียงรูปแบบของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังมิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย

    อำนาจทางการเมืองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในกำมือ ของทหารกลุ่มต่าง ๆ ในระบบอำนาจนิยม และได้พัฒนาต่อ


    “ตามดวงเมืองต้องปกครองด้วยทหาร”

    ตามโบราณของการก่อตั้งดวงเมือง ท่านโหราจารย์ผูกดวงบ้านเมืองไว้กับผู้มีอำนาจในสมัยนั้น เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากศัตรู ผู้มีอำนาจใจสมัยโบราณก็คือ ทหารนั่นเอง เพราะฉะนั้นประเทศไทย คงหนีไม่พ้นสิ่งนี้ไปได้ นี่คือข้อเท็จจริง ดังนั้นไม่ต้องมาอ้างว่า เราเป็นประชาธิปไตย เลิกหลอกตัวเองซะทีและเชื่อไปตามที่ตัวเองหลอก เป็นความบ้าคลั่งประชาธิปไตยโดยแบบผิด ๆ ปีนี้ควรจะหันมามองความจริงและเผชิญกับมัน


    แต่อย่างไรเสียประเทศก็มีดวงดาวที่แข็งกว่า ที่มีอะไรที่หนือกว่าดวงนักการเมืองชั่วเหล่านี้ ประเทศไทยก็จะมีการพัฒนาไปตามขบวนการหรือจะเรียกว่า การเดินทางของดวงดาว ที่จะมาช่วยบ้านเมืองเอาไว้ได้ เราไม่ “สิ้นชาติ” หรอก แต่เราก็บอบช้ำจากน้ำมือผู้นำชั่วเหล่านั้นไปมากเหมือนกัน เราจะไม่ขอให้ใครหยุดทำเพื่อประเทศอีกต่อไปแล้ว ให้มันเป็นไปตามดวงดาวลิขิตไว้เช่นนี้ละ !!

    ดาวของผู้นำประเทศในปี 2555 จะเป็นดวงที่แตกไม่สามารถที่จะเข้ามาประสานต่อไปได้แล้ว ผู้คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธาและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศคิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้องก็ต้องเป็นไป ดวงดาวที่โคจรเข้ามาบรรจบกันพอดี

    อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า ปีมะโรง 2555 นี้ ปรากฎว่าบาปเคราะห์ใหญ่ยังคงเล็งกันอยู่ในราศีทวารล้วนเป็นบาปเคราะห์เบิ้ม ๆ ด้วยกันทั้งนั้น เราก็ยังคงจะต้องได้ฟังปัญหาของประเทศไทย อันขัดแย้งกันอย่างน่ากลัวต่อไป ส่วนดาวในฝ่ายคุณธรรมคือ ดาวพฤหัสบดี ก็คงโคจรเล็งกับดาวเสาร์ บาปเคราะห์อันมีสภาพตรงกันข้ามกับดาวพฤหัสบดีทุกอย่าง การผสานกลมกลืนกันย่อมจะเป็นไปได้ยาก อีกประการหนึ่ง คู่พฤหัสบดีกับเสาร์ที่เปรียบเสมือนคู่ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ ได้ทำมุมอับกับดาวอังคาร (ดาวเลือดสีแดงกล่ำ) อยู่ด้วย เห็นเค้าของความรุนแรงปรากฎให้เห็นทุกแง่ทุกมุม อาการประนีประนอมกันคงมองไม่เห็น การทำสงครามระหว่างสีต่าง ๆ อาจจะลามปามกลายเป็นสงครามชนชั้น กลายเป็นคนจนจะลุกขึ้นฆ่าคนรวย เพราะความกดดันความคับแค้นที่สั่งสมมานานในช่วงที่นักการเมืองชั่วสลับสับ เปลี่ยนกันขึ้นมาปกครองประเทศตลอดมาอย่างไร้คุณธรรม สงครามกลางเมือง เป็นสงครามต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีวันจบสิ้น ปี 2555 นี้ นับเป็นปีของอะไรต่อมิอะไรผยองขึ้นมาโดยขาดคุณธรรมเป็นเครื่องนำทาง จะไปหวังอะไรที่เป็นของดีงามเข้ามาช่วยเหลือหรือคุ้มครองมิได้เลย

    บุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรมร่วมมือกับสมุนทำการย่ำยี ประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เป็นที่ครหาไปทั่วโลก ตรงนี้เป็นจุดเปราะบาง เพราะองค์กรของโลก เช่น สหประชาชาติ ทนต่อพฤติกรรมเลวร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่ไหว ต้องส่งกำลังทหารจากทั่วโลก เข้ามากวาดล้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมหาศาล และบ้านเมืองที่สวยงามของเราก็พังพินาศลงไปดูแล้วน่าเอนจอนาถเป็นที่ยิ่ง

    ประเทศไทยซึ่งหวังกันว่าจะเริ่มสันติสุขปรองดองกันเสียที ก็ดูจะเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม ดาวพฤหัสบดีอยู่ในมุมบังคับเป็นกากบาท ซึ่งอังคารทับเสาร์ เป็นเรื่องที่มิอาจมีการออมชอมกันได้ง่าย ๆ ฝ่ายรัฐบาลก็มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันภายใน และรวมทั้งกับพรรคที่มาร่วมรัฐบาลด้วย

    ปี 2555 นี้ ประเทศไทยระวังสุขภาพของบุคคลสำคัญต่าง ๆ เกิดการเจ็บไข้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นแก่ผู้เป็นใหญ่ในประเทศและเกิดการสูญเสีย

    เกิด “เขื่อนยักษ์ใหญ่แตก” ทั้งหมด 2 เขื่อนใหญ่ เป็นคลื่นยักษ์เข้าถล่มสู่เบื้องล่าง ท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างทั้งเล็กและใหญ่ และประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนแบบไม่รู้ตัว จมน้ำหายไปหลายหมู่บ้าน ตำบล และหลายจังหวัด เสียหายต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพมหานคร มีผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน

    พื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมาและจมลงสู่ใต้ทะเล

    แถบชายฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547 กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมทั้งบ้านเรือน ยานพาหนะ ลงทะเลเกือบหมดสิ้น


    นี่คือส่วนหนึ่งของคำทำนาย อยากรู้มากกว่านี้ต้องไปหาอ่านในศาสตร์แห่งโหรปี2555 ที่วางแผงแล้ว

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  3. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    ข้างล่างนี้ก๊อปมาจากในเวปพลังจิตนี่แหละครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าจากตรงไหน แสดงว่าหลังภัยพิบัติแล้วคนไม่หมดโลกหรอกครับ ยังมีสงครามใหญ่รออยู่ให้รบกันอีกนะ

    ข้อ1 ไม่รู้ว่าใช่นำ้ท่วมปีนี้หรือเปล่า
    ส่วนข้อ 2 น่าจะเป็นปีหน้าตามพระอาจารย์รัตน์
    ถ้าตามนี้ก็จะใกล้เคียงกับเด็กชายปลาบู่ที่ว่า

    และจับตาดู MABUS ตามคำทำนาย นอสตราดามุสด้วยครับ
    สังเกตว่า
    นอสตราดามุสเขียน Napaulon Roy เพี้ยนเป็น Napoleon
    Hister เพี้ยนเป็น Hitler
    ดังนั้น MABUS อาจจะเป็น มาห์มูด ?
     
  4. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    ส่วนนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็ออกมาแถลงข่าวเมื่อไม่นานมานี้ อย่างน่าขนหัวลุกว่า อิสราเอล อาจจำเป็นต้องโจมตีอิหร่านก่อน หากอิหร่านยังไม่ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียส์

    ถ้อยวลีอันอหังการ ของอาห์มาดิเนจาด " จะลบอิสราเอล ออกจากแผนที่โลก"

    มาดูกันว่า ถ้าคู่กรณีทั้งสองเปิดศึกกัน แน่นอนว่า ใครมีอาวุธอะไรก็ย่อมงัดมาใช้ให้เต็มที่ เพื่อชิงความได้เปรียบ ซึ่งคาดว่า อิหร่านอาจมีหัวรบนิวเคลียส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มากพอ ที่จะต่อกรกับอิสราเอล ส่วนอิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียส์มาเนิ่นนานแล้ว แถมกองทัพก็ยังมีศักยภาพติดหนึ่งในสิบของโลกอีกต่างหาก


    ฝ่ายที่หนุน อิสราเอลจะประกอบไปด้วย พี่เบิ้ม สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ (คู่หูถล่มลิเบีย)

    ฝ่ายที่ทำท่าจะหนุนอิหร่าน พี่เบิ้ม รัสเซีย (ผู้ขายอาวุธรายใหญ่ให้อิหร่าน) มังกรจีน (ลูกค้าน้ำมันรายใหญ่)

    มองดูคู่ชกแล้ว มันถึงขั้นสงครามถล่มโลกกันเลยทีเดียว อาจเป็นสงครามที่ไม่มีการประกาศเตือน ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิด ณ เวลาใด อาจจะพรุ่งนี้ มะรืน หรือวันต่อๆไป แต่ที่แน่ๆ สงครามนี้ยากจะหลีกเลี่ยง

     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เหตุการณ์ขณะนี้ที่ภาคใต้กำลังดำเนินอยู่พอดี ฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลันในหลายอำเภอและหลายจังหวัดทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก 21-22-23-24 พย.54
     
  6. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จาก...http://www.oknation.net/blog/WRITE/2011/01/11/entry-1


    วันอังคาร ที่ 11 มกราคม 2554
    คำทำนายอนาคต
    Posted by อ.อัครเมธี , ผู้อ่าน : 2910 , 16:14:05 น.
    หมวด : ศาสนา
    [​IMG] พิมพ์หน้านี้ [​IMG] [​IMG] โหวต 1 คน

    ทำนายอนาคตของโลก (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)

    (ก่อนสวดพระคาถา ท่องนะโม 3 จบ)

    ผู้นึกถึงตถาคต จะพ้นจากภัยวิบัติให้ภาวนา พระคาถาดังต่อไปนี้


    "ถิตะถิราทะนัง มันทะโรกะสีลา กะระราสะติโส จะถิโหคะหะตะเน"


    ให้ ท่านท่องบ่นไว้ หรือจดใส่ผ้าหรือแผ่นโลหะอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วผูกพัน ศีรษะไว้ สารพัดวินาศ สันติประเสริฐนัก ให้สวดภาวนา ทุกวัน หรีอใล่กรอบบูชาไว้บนหิ้งพระจะดีมาก

    (คัดลอกจากหนังสือ พุทธทำนาย)

    เริ่มเรียบเรียง 2 กันยายน 2536

    เรื่อง ที่ข้าพเจ้าจะเขียนนี้ได้มีการเล่าขานกันมานาน หลายปี โดยมีที่มาจาก อาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ โดย เป็นเรื่องเกี่ยวก้บภัยพิบัติของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งมี เรื่องราวใกล้เคียงกับคำทำนายอันโด่งดังของ นอสตราดามุส ที่เห็นเลข 999 ในปีที่เกิดภัยพิบัติ

    ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้บรรจุเข้ามาทำงานที่ฝ่ายร็อกแมค แคนิคส์ในปี พ.ศ. 2530 ข้าพเจ้า ก็ได้พบวิศวกรอุตสาหการ ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความสนใจศึกษาเรื่องโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จะหันมาให้ความสนใจกับศาสตร์ใบราณลึกลับ ข้าพเจ้าจึงได้ คอยสังเกตก็พบว่าอาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ มีการศึกษา โหราศาสตร์อย่างคร่ำเคร่ง โดยใช้ทั้งตำราภาษาไทยและ ต่างประเทศ นอกจากนี้ในระยะหลังยังพบว่ามีการนำเอา เครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณทางโหราศาสตร์ด้วย ข้าพเจ้าก็ลองถามอาจารย์ดู ท่านก็ตอบว่า เอามาคำนวณหา ตำแหน่งดวงดาว เมื่อรู้ตำแหน่งดวงดาวแล้วจึงนำมากำหนด ลงบนแผ่นดวงเพื่อทำการพยากรณ์
    จาก การเฝ้าศึกษาดูความแม่นยำในการทำนาย ทายทักของอาจารย์สมโชค พบว่า แปลกจริง ๆ คนภายนอก ฝ่ายแมคแคนิคค์ชอบมาหาอาจารย์ แต่คนในฝ่ายเองกลับ ไม่ค่อยให้อาจารย์ทำนายให้ มีเฉพาะเพื่อนสนิทไม่กี่คน ข้าพเจ้าก็เลยสอบถามดู พบว่า มีความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าแม่นยำดี บ้างก็ว่าไม่แม่นยำ แต่จากการศึกษาของ ข้าพเจ้าพบว่า ใกล้เคียงความเป็นจริงมากพอสมควร คือ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าศาสตร์นี้มีจริง แต่ความแม่นยำขื้นอยู่กับ ประสบการณ์และองค์ประกอบอื่น ๆ เขน ความสามารถ ในการตีความหมาย ความกล้าหาญในการพูดความจริงอย่าง ตรงไปตรงมา ฯลฯ

    ประมาณปี พ.ศ. 2533 อาจารย์ สมโชค ได้มาเล่า ให้ผมฟังถึง หลวงปู่บุดดา รวมทั้งพระอาวุโสต่าง ๆ ซึ่ง ไม่เหมาะสมที่จะกล่าวถึงท่านว่าเป็นเกจิอาจารย์ เพราะ หลาย ๆ ท่านปฏิบัติเพี่อความหลุดพ้นเท่านั้น ในจำนวน พระผู้ใหญ่ มีพระ...... เหล่านี้ อาจารย์สมโชคได้กล่าวถึง หลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ด้วยความนับถือเป็นพิเศษ อาจารย์เล่าว่า ได้เคยลองทดสอบหลวงพ่อสมศรี โดยการ นั่งหุบปากถามในใจ ท่านตอบด้วยเสียงทุกคำถามเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้อาจารย์สมโชคหายสงสัย และเลื่อมใสในตัว ท่านได้

    ตั้งแต่ อาจารย์สมโชคได้พบกับหลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ก็ได้เล่าเรื่องความมหัศจรรย์ทางจิตโลกวิญญาณ หลักการนั่งกรรมฐานและฝึกสมาธิ ฯลฯ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ ทำให้ข้าพเจ้าหนักใจ คือ เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 และ ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความ หายนะขื้นกับโลกอย่างหนัก มีคนเสียชีวิตเป็นจานวนมาก โดยทำนายว่าจะเริ่มเกิดปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2542 พอ ฟังแล้ว ข้าพเจ้าก็ลองนำมาเทียบเคียงกับความรู้เดิม ก็คือ คำพยากรณ์ของศาสดากับพยากรณ์นอสตราดามุลว่าจะเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3 ปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเมื่อ บวก 543 ก็ตรง กับปี พ.ศ. 2542 จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามต่อไป

    ข้าพเจ้ามาพบเรื่องสนใจนี้โดยบังเอิญอีกครั้งใน ระหว่างที่ข้าพเจ้าลาบวชที่จังหวัดพัทลุงในปี พ.ศ. 2536 ซึ่ง ก็ได้พบพระรูปหนึ่งอายุ 26 ปี ท่านบวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 18 ปี ท่านได้เล่าประสบการณ์ของท่านว่า ท่านได้สนใจนั่ง กรรมฐานมาตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็ก ท่านฝึกกรรมูฐานได้เอง โดยธรรมชาติ ท่านเคยนั่งเห็นตัวท่านเองเป็นฤๅษีในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติย้อนไปในอดีต แม้แต่ในช่วงก่อนหน้าที่จะ ตัดสินใจบวชมีนิมิตมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ถ้า ข้าพเจ้าจำไม่ผิดคงเป็นเพื่อนฤๅษีด้วยกันมาเตือน หลังจาก นั้นไม่นานก็มีเพื่อน ๆ ของท่านมาชวนท่าน ท่านก็เลยย้อน คิดทบทวนถึงนิมิต ซึ่งมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ก็ บอกทางบ้านว่า ท่านขอบวชเมื่ออายุประมาณ า8 ปี เมื่อ เพื่อนมาชวน มี 2 ทางเลือก คือ ร่วมมือด้วยหรือบวชเณร มิฉะนั้นอาจเป็นอันตราย จากนี้ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ วาณิช"

    ในระหว่างที่ข้าพเจ้าบวชและจำพรรษาที่พัทลุงได้มี พระอีกรูปหนึ่งจาก เขาวัง ราชบุรี ได้เดินทางไปพัทลุงด้วย ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ประเสริฐ"
    ในวันหนึ่งของต้นเดือนพฤษภาคม 2536 หมู่ พระ ของวัดถ้ำสุมโนซึ่งข้าพเจ้ามาบวชอยู่กำลังนั่งสนทนาธรรมว่า ท่านผู้ใดนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรบ้าง นั่งแล้วสงบดีหรือฟุ้งซ่าน หรือนั่งหลับ หรือพบนิมิตอะไรบ้าง ก็มีพระหนุ่มรูปหนึ่งชื่อ หลวงพี่วาณิจ เดินทางมาจากระยอง ได้มาจำพรรษาที่วัด ถ้ำสุมโน จ. พัทลุง หลวงพี่ประเสริฐและข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่ ต้อนรับพระอาคันตุกะ จากนั้นเราทั้ง 3 รูป ก็สนทนากัน ถึงเรื่องกฎแห่งกรรมสักพักหนึ่ง ขณะหนึ่ง หลวงพี่วาณิก็ เอ่ยถึงเรื่องภัยพิบัติของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า จากการนั่ง กรรมฐานและการออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมของท่านตั้งแต่ช่วง ยังเป็นเณรอยู่ ท่านได้เดินทางไปในป่าทางภาคอีสาน ทาง ตะวันออก และชายแดนด้านที่ติดต่อเขมร เช่น สุรินทร์ ฯลฯ ท่านได้นั่งกรรมฐาน เห็นว่าโลกกำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้น โดย จะเริ่มเห็นชัดในปี พ.ศ. 2538 และจะรุนแรงมากในปี พ.ศ 2542 ถึง 2544

    ท่านกล่าว ว่าภัยพิบิตนี้ จะเกิดจากเวรกรรมของ มนุษยชาติ คือ ก่อบาปกอเวรกรรมกันมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งแรงอาฆาตพยาบาทของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เพราะ ถูกฆ่า ถูกทรมาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ พลังความชั่วร้าย ของแรงอาฆาตพยาบาทเหล่านี้มีการสะลมกันมาแต่โบราณ จนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งผ่านสงครามใหญ่ ๆ และสงครามใลก มา 2 ครั้ง ทำให้บังเกิดเป็นกลุ่มดาวสีดำขนาดมหึมาจำนวน 3 ดวง ขึ้นมา ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นหลุมดำก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ แต่ มีพลังงานมหาศาลมากกว่าดวงอาทิตย์ของระบบสุริยจักรวาล เราเสียอีก วงโคจรของดาวนี้ ดวงแรกอยู่ห่างดวงอาทิตย์เป็น ระยะ 4 เท่าของดาวพลูโต
    (ผู้ เขียน : ดาวดำนี้คงจะอยู่ในมิติโลกวิญญาณเท่านั้น คงจะไม่มี ตัวตนในมิติของโลกมนุษย์ เพราะเกิดจากพลังจิตของคนที่กำลัง จะถูกฆ่าหรือทนทุกข์ทรมาน หลักการคล้ายกันกับพลังจิตของพระ เกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกบรรจุลงในเครื่องรางของขลัง)

    ในวันเกิดเหตุจะมีดวงดาวเรียงกันอยู่ 1 0 ดวง ขาวสว่าง 7 ดวง ดำสนิท 3 ดวง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหมอก สีดำเป็นกลุ่มก้อน พลังงาน 2 กลุ่มต่อท้ายดวงดำทั้ง 3 ดวง นี้ด้วย ดาวทั้ง า0 ดวงและกลุ่มพลังงานสีดำอีก 2 กลุ่ม เรียงตัวกันในแนว า 80 คือ เป็นแนวเส้นตรง สำหรับ กลุ่มดาวที่กล่าวนี้ยังกล่าวไม่ละเอียด ถ้าต้องการให้ละเอียด ต้องคำนึงถึงดวงจันทร์ ดวงดาวนพเคราะห์ในระบบสุริย จ้กรวาลด้วย โดยเฉพาะดวงจันทร์ของโลกจะให้ผลกระทบ รุนแรงที่สุด เพราะอยู่ใกล้โลกที่สุด

    เหตุการณ์ที่สำคัญจะเกิดได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป โดยในวันเกิดเหตุจะมีดาวจำนวน 10 ดวง และ กลุ่มหมอกอีก 2 กลุ่มเข้ามาเรียงตัวกันในแนว า80 โดย เป็นดาวที่มีแสงสีขาว แต่เป็นดาวขนาดเล็ก 7 ดวง และเป็น ดาวที่มีขนาดใหญ่อีก 3 ดวง ส่วนกลุ่มหมอกอีก 2 กลุ มเป็น สีดำ การเรียงตัวของดาวเช่นนี้ ทำให้เกิดแนวพลังสนาม แม่เหล็กขึ้นอย่างรุนแรง พลังงานของดาวแต่ละดวงจะถูก ตีกลับไปกลับมาจนคนบนโลกมนุษย์ส้มผัสได้ คนจะมีอาการ ขนหัวลุกโดยไม่มีสาเหตุ สารและวัตถุที่มีอำนาจแม่เหล็กจะ เคลื่อนที่ได้เอง ไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือนจะดับ ๆ ติด ๆ หรี่ ๆ ดับ ๆ ประตูมิติจะถูกเปิดขึ้น สสารและวัตถุต่าง ๆ จะถูกเคลี่อนย้ายผ่านประตูมิติได้

    (ผู้ เขียน : ประตูมิตินี้คงจะหมายถึง ระดับของคลื่นพลังงานที่เป็น ตัวสร้างมิติต่าง ๆ เช่นมิติของมนุษยโลกที่อยู่ในระบบสุริยจักรวาลนี้ หรือจักรวาลอื่น ๆ มิติของโลกวิญญาณที่มีมากมายและหลายระดับ เช่น ยักษ์ นาค เทวดา พรหม เป็นต้น ผู้รู้ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง กล่าวว่า มิติโลกวิญญาณที่คล้ายกับโลกเรานี้มีเป็นพัน ๆ การที่ คลื่นสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแรงดึงดูดคงจะมี ผลกระทบต่อคลื่นพลังงาน เป็นตัวสร้างมิติหรือในทางกลับกันที่ เราเห็นได้ เช่น การทดลองที่ ฟิลลาเดลเฟีย หรือการไม่สามารถ ใช้เครึ่องคอมพิวเตอร์ภายในปิระมิด หรือใช้วิทยุสื่อสารแถบ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ที่มักมีปัญหา เป็นต้น)

    ใน วันที่เกิดเหตุจะเกิดสุริยุปราคาขึ้นก่อน เมื่อ ดวงจันทร์โคจรเข้ามาในแนวเส้นตรงเดียวกับโลกและดวง อาทิตย์ในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ รุนแรงขึ้น แผ่นดิน จะไหวทั่วโลกนานถึง 8-9 ชั่วโมง

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะมีอยู่ 4 ระดับ คือ

    1. ทำลายทั้งจักรวาล คือ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ใน สุริยจักรวาลเลย แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็แตกลลายไปด้วย

    2. ดาวพระเคราะห์บางดวงในระบบสุริยจักรวาล แตกสลายไป ซึ่งจะทำให้ระบบสุริยจักรวาลเสียสมดุล วงโคจร ของดวงดาวอาจจะเปลี่ยนไป

    3. ไม่ มีดาวพระเคราะห์ดวงใดแตกสลายไป แต่ว่า จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเสียหายมาก บนพื้นผิว หรือเปลือกของดาวพระเคราะห์แตละดวง เช่น เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก และภูเขาไฟระเบิดทั่วไปหมดทั้งดวงดาว เท่าที่ ทราบด้วยดวงจิต ขณะนั้นประเมินว่าจะเกิดในระดับที่ 3 นี้

    4. เกิดควานเสียหายขึ้นกับพื้นผิวหรือเปลือกของ ดาวพระเคราะห์แต่ละดวง แต่ว่าระดับความรุนแรงน้อยกว่า ข้อ 3 คือ เกิดความเสียหายเป็นบางจุดบางพื้นที่ ในกรณีนี้ ความเสียหายบนพี้นใลก เช่น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเป็น บางประเทศ เกิดภูเขาไฟระเบิดเป็นบางจุด ฯลฯ

    (ผู้เขียน : ระดับความรุนแรงที่ท่านเห็นนั้นโลกจะมืดเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเกิดภัยอันนี้คงจะเป็นผลของระเบิดนิวเคลยร์ที่เป็นเมฆปกคลุม โลก ส่วนบางประโยคที่ไม่ได้นำมาลง คือการที่ดวงดาวต่าง ๆ ถูก ตรึงจากแรงโน้มถ่วง ทำให้การโคจรสะดุดนั้น ส่วนนี้อาจทำให้ขวัญ ของคนไม่ดี งานส่วนนี้เป็นหน้าที่ของผู้วิเศษรับผิดชอบอยู่แล้ว)

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ สามารถแยก ออกเป็น ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    1. ดิน ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของดิน คือ แผ่นดินแยก แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม แผ่นดินทลาย เกาะจม ฯลฯ

    2. น้ำ ภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำ ได้แก่ ภาระฝนแล้ง ติดต่อกันยาวนานในบางประเทศ และเกิดภาวะน้ำท่วมใน บางประเทศ ในระหว่างที่เกิดการซ้อนกันของดวงดาวต่าง ๆ ทำมุม 180 น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลจะหนุนเนืองท่วม สูงมาก เกิดคลื่นขนาดใหญ่ ความสูง 1 000 - 2,000 เมตร เนื่องจากคลื่นใต้น้ำซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาใ ต้ทะเล

    3. ภัย ที่เกิดในรูปของลมก็มี ลมพายุชนิดต่าง ๆ เช่น ทอร์นาโด ลมไต้ฝุ่น เกิดขึ้นในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยกนี้ก็จะมีอากาศบางชนิดที่ เป็นพิษอย่างร้ายแรงขึ้นมาจากใต้พิภพ ตามที่หลวงพี่วาณิช นั่งกรรมฐานเห็นมาแล้วนั้น เทวดาท่านเรียกว่า "ลมสลาตัน"

    (ผู้เขียน : ลมสลาตันที่ว่านี้ อาจจะเป็นก๊าซ ซึ่งมักพบในการเจาะ น้ำมันมีอันตราย ถ้าสูดดมประมาณ 100 พี จีเอ็ม จะเสียชีวิต ซึ่งจะย่อยสลายทุกสิ่งทุกอ่างที่ลมพัดผ่านไป ให้กลายเป็นผุยผง ไปหมด ลักษณะของลมนี้คล้ายกันหมอกลงในยามเช้า หนาทึบมาก ถ้าได้สัมผัสลมนี้แล้วจะไม่รู้สึกร้อนหรือเย็น ขณะที่เกิดลมนี้ก็ไม่มี การแกว่งไกวของใบไม้ มีความเงียบสงบหรือเสียงค่อย ๆ ลมนี้ จะค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากรอยแตกของเปลือกโลก ไม่ว่า จะเป็นบนบกหรือใต้ทะเล)

    4. ไฟ ภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้นทั่วไป อากาศจะร้อน อบอ้าวผิดปกติ แผ่นดินจะแยกมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พิภพ บาง ครั้งจะมีสัตว์นรกหลบหนีขึ้นมาเพ่นพ่านด้วย
    ข้อ สังเกต ก่อนเกิดเหตุจะเกิดเหตุจะเกิดปรากฏการณ์ขึ้น คือ จะมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขื้น ท้องฟ้าจะ มีเม็ดดำขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมไปทั่ว มีฝนตก ตลอดเวลาผสมกับลมพายุ และฟ้าจะผ่าในพื้นที่ นั้นตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นเวลาหลาย ๆ วัน

    (ผู้ เขียน : กำหนดที่จะเกิดภัยพิบัตินั้น ยังไม่มีใครทราบช่วงเวลา ที่แท้จริงได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของฝ่ายมาร นอกจากฝ่ายขาวจะ ไม่รู้ถึงการตัดสินใจของพวกเขา เขาสามารถจะเปลี่ยนได้ ฝ่ายขาว ทำได้แค่กำจัดคนชั่วออกจากระบบหรือเร่งเตือนให้คนทำความดี หรือชี้จุดที่ปลอดภัยให้เท่า

    ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในแต่ละสถานที่จากคำบอกเล่า ของหลวงพี่วาณิช ตามที่ท่านเห็นในกรรมฐานและคำกล่าว ของเทวดาแก่ท่านเป็นดังนี้

    ภาค ใต้โดยเฉพาะทางตอนล่างจะพบกับพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหวและคลื่นขนาดยักษ์พัดเข้ามา ทุกสิ่ง ทุกอย่างจะสูญสิ้นไปหมด แผ่นดินจะหายไปเหลือเพียงเกาะ เพียงไม่กี่เกาะ คนที่อาศัยอยู่เสียชีวิตเกือบหมด

    ภาคกลาง จะพบกับพายุฝนอย่างหนัก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงจะจมลง ไปหมด เนื่องจากแผ่นดินไหวและทรุดตัวลงกลายเป็นทะเล

    ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบภัยพิบัติน้อยกว่า ภาคอื่น ๆ เพราะว่าภาคนี้ประสบเคราะห์กรรมอยู่เสมอ เป็น การใช้หนี้กรรมอยู่เป็นประจำแล้ว โดยภาคนี้จะพบลมพายุ และแผ่นดินไหวบ้างเล็กน้อย จังหวัดที่ปลอดภัยก็มี อุดรธานี ขอนแก่น และชัยภูมิ เป็นต้น แต่ปัญหาสำหรับภาคนี้ก็คือ ผู้คนที่รอดตายจะต้องพบกับโรคระบาด และอดอยาก เพราะ พืชพันธุ์ธัญญาหารถูกภัยธรรมชาติทำลายหมด

    ภาค เหนือ จะพบภัยธรรมชาติก็คือ แผ่นดินไหว และแผ่นดินแยก มีไฟพุ่งขื้นมาจากใต้พิภพ มีผู้คนล้มตาย จำนวนมากเช่นเดียวกับภาคใต้และภาคกลาง พื้นที่ริมทะเล จะถูกน้ำท่วมเข้ามา

    สรุปว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว ประเทศไทยจะต้อง ทำแผนที่ใหม่ เพราะดินแดนบางส่วนจะจมลงใต้ทะเล


    สำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นดังนี้

    ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หว้น ฯลฯ จะจมหายไปเกือบหมด

    ประเทศ ที่เคยเป็นผู้ก่อสร้างสงครามในสมัยสงคราม โลกครั้งที่หนึ่งหรือครั้งที่สอง ก็จะต้องใช้หนี้กรรมที่ตามมา เนื่องด้วยแรงคำสาปแช่งของผู้ได้รับเคราะห์ เนื่องจากสงคราม ทั้งสองทำให้ประเทศเหล่านั้นประสบภัยพิบัติที่เกิดจากแรง อาฆาตจนพังพินาศไปหมด

    ประเทศที่เคยล่าอาณานิคม ประเทศที่เคยค้าทาส และใช้แรงงานทาสมาก่อน จะต้องประสบกับภัยพิบัติจากคำ สาปแช่งของผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในอดีต และกลุ่มประเทศ ที่เคยล่าอาณานิคมมาก่อนจะหันมาทำสงครามกันเอง

    อันที่จริงภัยพิบัติอันเนื่องมาจากแรงบาปกรรมและ แรงสาปแช่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ค. 2530 แล้ว แต่ที่เกิดน้อย ทำให้สังเกตเห็นไม่ชัด เนื่องจากผู้มีฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์ต้านแรงคำ สาปแช่งเหล่านั้นไว้ แต่ในปี พ.ศ. 2538 - 2539 ผู้มีฤทธิ์ ทั้งหลายจะเริ่มอ่อนแอลงและต้านแรงคำสาปแช่งไว้ไม่อยู่ พอปี พ.ค. 2540 ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แต่ยัง ไม่รุนแรงมากนัก และจะรุนแรงที่สุดประมาณ พ.ศ. 2542

    ภาย หลังจากการเกิดภัยพิบัติ อันเนื่องมาจากแรง อาฆาตพยาบาทและสาปแช่งของเหล่ามนุษย์โลกที่ต้องทนทุกข์ ทรมาน เนื่องจากถูกเอารัดเอาเปรียบและข่มเหง ประชากร ทั่วโลกจะมีชีวิตรอดเหลือเพียงไม่เกิน 1 00 ล้านคนจาก ปัจจุบันที่มีประชากรทั้งโลกมากกว่า 5,000 ล้านคน

    คนที่รอดชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ จำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ

    1. พวก ที่รอดชีวิตแต่สูญเสียตติสัมปชัญญะอย่าง สมบูรณ์ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมีจิตใจและสติที่ไม่เข้มแข็งพอ ไม่ได้ฝึกเจริญกรรมฐานมาก่อน ไม่สามารถทนเห็นสภาพของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่นคนตายจำนวนมาก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ฯลฯ

    2. พวก ที่รอดชีวิตแต่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ หรือบางส่วน ที่เรียกว่า "กึ่งดี-กึ่งบ้า" พวกนี้ได้แก่ ผู้ที่ฝึกหัด กรรมฐานมาบ้างจนมีพื้นฐานพอสมควร แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอ

    3. พวก ที่รอดชีวตและมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีจำนวนน้อยมากได้แก่ผู้ที่เจริญกรรมฐานมานานหลายปี จนมีจิตใจเข้มแข็งมองเห็นการเกิด แก่ เจ็บ และตายเป็น ธรรมดาของมนุษย์โลก หรืออาจกล่าวว่าได้แก่ผู้ที่เคยเจริญ มรณานุสติมาเป็นประจำแล้วจนไม่กลัวความตายและมอง เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดานั่นเอง

    ตามที่หลวง พี่วาณิชท่านเห็นทางกรรมฐานมาท่าน กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยจะมีผู้รอดชีวิตมากที่สุด เมื่อ เทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก คือ ประเทศไทยจะเสียหาย เพียง 700% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เสียหายเกินกว่า 90% ภายหลังภัยพิบัติ ใหญ่ครั้งนี้ มนุษย์โลกที่รอดชีวิตมาได้ ยังต้อง ประสบกับภัยโรคระบาดตายไปอีกไม่น้อย

    หลัง จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โลก มนุษย์คงเหลือแต่ผู้มีศีลธรรม คนชั่วทั้งหลายจะเสียชีวิต ไปหมดหรือกลายเป็นคนบ้า สูญเสียสติสัมปชัญญะ เพชรนิล จินดาและทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะผุดขื้นมาเกลื่อนพื้นโลก พรรณไม้ต่าง ๆ แปลก ๆ จะออกดอกออกผลเต็มไปหมด อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์มากแตาใช้เวลาอีกหลายร้อยปี

    โลก มนุษย์จะค่อย ๆ วิวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีก ครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่ถาวรวัตถุทั้งหลายถูกทำลายลงไปหมด ทัศนคติและค่านิยมของคนในยุคนี้จะตรงกันข้ามกับในยุค ก่อนเกิดภัยพิบัติ คือมีความเจริญทางจิตใจและมีคุณธรรม สูงขึ้น แต่ความเจริญทางวัตถุจะมีน้อยมาก เพราะจะต้อง ก่อสร้างกันใหม่หมด เพชรนิลจินดาทั้งหลายที่กองเกลื่อน พื้นดินจะไม่มีค่า อาหารการกินจะมีค่ามากกว่า ประเทศไทย ซึ่งมีคนรอดชีวิตมากกว่าประเทศอื่น ๆ จะค่อย ๆ เจริญ ขื้นมาจนภาษาไทยจะกลายเป็นภาษาหลักของโลกในที่สุด เนื่องจากคนในประเทศอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็จะมีสติ วิปลาสไปหมด และการเจริญกรรมฐานนั้นก็มีปฏิบัติกันเฉพาะ ในเมืองพุทธเท่านั้นเป็นส่วนมาก เมืองนอกก็มีแต่น้อยและ จิตสมาธิไม่สูงเหมือนคนไทย ชาวไทยผู้มีศีลธรรมซึ่งเหลือรอด จากภัยพิบิตนี้จะได้ทำบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ และหลัง จากนี้ไปอีก 300 ปี ถึง 400 ปี วิชาการ ลิ่งก่อสร้าง ฯลฯ จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งควบคู่กับจิตใจของมนุษย์โลก ซึ่งเจริญ เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คือมีชีวิตงดงาม หลวงพี่วาณิท่านเล่าว่า ผู้ที่ จะไปเกิดในยุคนี้ได้จะต้องเป็นผู้มีศีลธรรม รู้จักทำบุญทำทาน มากพอสมควร

    เมื่อ ท่านได้เล่าถึงภัยพิบัติต่าง ๆ แล้ว ท่านได้เล่า ต่อไปว่า ท่านได้เอ่ยถามเทวดาผู้มาแจ้งข่าวท่านในกรรมฐาน ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้อย่างไร แค่ไหน เทวดาตอบว่าไม่สามารถจะระงับภัยพิบัติได้ซึ่งกล่าวได้ แต่สามารถบรรเทาให้เบาบางลงไปได้ตามแต่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชั่วของชาวโลกทั้งหมด เพราะว่าสาเหตุของภัยพิบัติ นั้น เกิดจากความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่ละสมมาในจักรวาลนี้นับหมื่น ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการทำชั่วบนโลกมนุษย์นี้เองทุกครั้งที่ มีการทำชั่วเกิดขื้น คือ ผิดศีลขั้นพื้นฐานหรือศีลห้า จะต้องมี ผู้เดือดร้อนหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง เช่น

    1. ปาณาติปาต คือ การฆ่าสัตว์หรือมนุษย์ วิญญาณของสัตว์หรือมนุษย์ นั้นย่อมอาฆาต พยาบาท จองเวร และเกิดเป็นพลังงานแห่งความชั่วร้ายขึ้น

    2. อทินนาทาน คือ การลักทรัพย์ เจ้าของทรัพย์ ย่อมเสียหายและมีจิตผูกพยาบาทเช่นกัน

    3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดทางเพศ ผู้เป็นบิดามารดา หรือสามีภรรยาย่อมโกรธแค้นที่ผู้ที่รักถูก ล่วงเกินหรือถูกแย่งสิทธิ์

    4. มุสา วาทา คือ การกล่าวปดมดเท็จ ผรุสวาท หยาบคาย เพ้อเจ้อ ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ที่ถูกกระทำย่อมได้รับ ความเสียหายและมีจิตใจผูกพยาบาทอาฆาต

    ดัง นั้นจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการรังแกกันหรือล่วงเกิน กัน ถ้าหากเจ้าทุกข์ยังไม่อโหสิกรรมให้หรือ ยังไม่ให้อภัยแก่ผู้ ล่วงเกินแล้ว เจ้าทุกข์จะกลายเป็นเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวร คอยตามทวงหนี้แก่ผู้ล่วงเกินไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะสำเร็จ และยังมีพลังงานอีกล่วนหนึ่งซึ่งเป็นความอาฆาตพยาบาท หรือพลังงานความชั่วร้ายที่ล่องลอยไปสะสมกันในจักรวาล ซึ่งเมื่อละสมกันมาเป็นเวลานาน ๆ หลายหมื่นหลายแสนปี จึงกลายเป็นดาวสีดำขนาดใหญ่ มีพลังงานความชั่วร้ายที่มี เป้าหมาย เพื่อทำลายสุริยจักรวาลนั้นเอง เมื่อเล่าถึงสาเหตุ จบแล้ว ท่านก็กล่าวต่อไปว่า การบรรเทาความรุนแรงของ ปัญหาจะต้องทำดังต่อไป


    ก. การเตรียมตัวในขณะนี้

    1. ให้ ชาวโลกทุก ๆ คนต้องเร่งรีบทำจิตใจให้สงบ และเข้มแข็ง คือ ให้บำเพ็ญภาวนานั่นเอง ให้ทุกคนพยายาม หาเวลาฝึกกรรมฐานอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งพากเพียรเจริญ มรณานุสติไว้ว่าการตายเป็นธรรมดาของคนทุกคน ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงได้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้ หากแม้น ต้องเสียชีวิตในภัยพิบัติ จิตใจจะได้สงบ เวลาตายวิญญาณ จะได้ไปจุติในภพภูมิที่ดี

    2. ให้ชาวใลกทุกคนรักษาศีล 5 ให้ ได้ เพื่อลด การเบียดเบียนกัน ทำให้มีความสงบเย็นและสันติสุขเกิดขึ้น ในใลก อย่าได้ทำสงครามหรือแม้แต่ทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งจะได้ ไม่ไปเพิ่มพลังแห่งความชั่วร้ายให้สูงขึ้น เพราะจะเร่งให้ภัย พิบัติเกิดเร็วขื้นและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เทวดายังกล่าวแก่ พระวาณิชว่า ถ้าแม้นผู้ใดสามารถรักษาคีล 5 ให้บริสุทธิ์ ได้จริงและไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาแล้ว ย่อมจะสามารถ รอดชีวิตจากภัยครั้งนี้ได้ แต่จะสติวิปลาสหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ระดับขั้นในการเจริญกรรมูฐาน

    3. ให้ชาวโลกทุกคน มีความเมตตากรุณาแก่กัน ทำบุญทำทานช่วยเหลือกัน ผู้ที่มีเหลือช่วยเหลือแบ่งปันกัน ให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน เพึ่อไม่ให้มีผู้ทุกข์ใจร้อนใจ ก่อให้เกิด ความร่มเย็นขึ้นในโลกมนุษย์


    ข. การเตรียมตัวในระยะที่ภัยพิบัติใกล้จะเกิด

    จะ ต้องหาบทสวดมนต์บทหนึ่งซึ่งใช้ในการสวด เพื่อระงับหรือบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ บทสวดมนต์นี้พระวาณิช ท่านเล่าว่าเคยพบในคัมภีร์เก่า ท่านจำชื่อของมนต์บทนี้ไม่ได้ แล้ว เทวดาได้กล่าวแก่ท่านว่าให้ไปค้นหาบทสวดมนต์บทนี้ ซึ่งองค์สมเด็จพระลัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้ไว้เพื่อใช้สวดบรรเทา ภัยพิบัติ ซึ่งท่านได้เล็งเห็นด้วยทิพยจักษุว่าจะบังเกิดขึ้นใน ชมพูทวีป ภายหลังจากท่านเสด็จนิพพานแล้ว

    การทำพิธีนี้จะต้องให้ผู้มีศีลธรรมอันบริสุทธิ์มานั่ง สวดมนต์กลางแจ้ง โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้

    1. พระผู้มีญาณระดับสูงหรือพระอรหันต์นั่งสวดมนต์ ณ จุดศูนย์กลางเป็นประธาน

    2. พระภิกษุซึ่งมีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวง พระอรหันต์องค์ประธาน

    3. สามเณรผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งล้อมวงถัดจากผู้มีศีล บริสุทธิ์

    4. แม่ชีผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวงถัดออก มาจากเหล่าสามเณร

    5. อุบาสก อุบาลิกา ผู้ถือศีลแปดนั่งสวดมนต์อยู่วง นอกสุด

    6. ให้ประชาชนอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นุ่งขาว ห่มขาวรักษาศีลให้บริสุทธิ์

    (เป็นสาเหตุที่เรียกประเทศไทยว่า ถิ่นกาขาว) และ ช่วยกันสวดมนต์บทนี้เพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ ณ บ้านเรือน ของตนในวันที่เกิดสูรย์


    ค. การปฏิบิตตัวในขณะที่เกิดภัยพิบัติ

    1. เข้าญาณแล้วหนีไปอยู่พรหมโลก

    2. ขึ้นยานอวกาศแล้วหนีไปอยู่นอกโลก

    การหนีจากภัยพิบิตทั้ง 2 วิธี ข้างต้นจะปลอดภัย ในกรณีที่ถึงขั้นโลกแตกทำลายเป็นจุณ แต่ถ้าหากว่ายัง ไม่รุนแรงถึงระดับที่กล่าวนี้ คือ เพียงแ ต่เปลือกโลกได้รับ ความบอบช้ำมากหรือน้อย แต่ไม่ถึงกับแตกทำลายก็อาจ หลบหนีได้ใดยวิธีต่อไปนี้

    3. หนีไปอยูในเขตพื้นที่ชึ่งไม่เกิดภัยพิบัติ ผู้ที่มี ความสามารถจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ

    4. ผู้ที่รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก็อาจรอดชีวิตได้ ถ้าไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาจริง ๆ

    5. ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาบ้างและสามารถทำจิตใจ สงบได้แต่ยังไม่ถึงขั้นฌานก็อาจจะรอดชีวิต แต่ถ้าหากตาย วิญญาณจะไปจุติในภพภูมิที่ดี

    6. ในขณะที่เกิดสูรย์ คือ เกิดจันทรุปราคาหรือ สุริยุปราคาให้ทำพิธีสวดมนต์กลางแจ้งตามที่กล่าวแล้วนี้

    7. ให้ทุก ๆ คนในโลกหยุดการใช้เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้หมด

    แม้ แต่มีการเคลื่อนที่ของมนุษย์และสัตว์คือ ให้ทุกคน นั่งเฉย ๆ ถ้านั่งกรรมฐานได้ก็ให้นั่งกรรมูฐาน เนื่องจากว่า การเคลื่อนไหวและการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็กต่าง ๆ จะเป็นการซ้ำเติมให้เกิดความสับสนของสนามพลังงานใน ระบบสุริยจักรวาลมากขึ้น อาหารจะขาดแคลนตลอดจนถึง ปัจจัยสี่ด้วย ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

    อุปกรณ์การดำรงชีวิตในป่า (แล้วแต่จะคิดหาได้)

    - เชือกอย่างเดียว 10 เมตรต่อคนตามปัญญาของ แต่ละคน
    - จักรยานวิบาก 1 คันต่อคน พร้อมทั้งอาหลั่ย เช่น ยางใน ลูกปืน ฯลฯ (ถนนหนทางจะพังพินาศหมดในเวลานั้น)
    - ผ้าร่ม ผ้าปูที่นอน มุ้งธุดงค์ และกลด
    -มีด หม้อสนาม กระติกน้ำ แก้วพลาสติก
    - เรือไฟเบอร์กลาส 1 ลำต่อคน 30 คน
    - ที่สำคัญมากคืออาหารและแหล่งเสบียงอาหาร
    - ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อ้กเสบ ยาหม่อง ฯลฯ
    - เชื้อเพลิงและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น เทียน ไฟแช็ก น้ำมันก๊าซ ไฟฉาย ฯลฯ

    นอก จากนั้นช่วงภัยพิบัตินั้น ขอให้ผู้ที่มีปัจจัยสี่ แบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่อดอยากขาดแคลน ในเวลาเช่นนั้น ทรัพย์สมบัติและทองไม่มีค่าแล้ว หลวงพี่วาณิชท่านเล่าต่อไป ว่า ทางเบี้องบนสั่งต่อไปอีก ในลักษณะของคำกลอนซึ่งท่าน จำไม่ค่อยได้ว่า

    กินครึ่งแบ่งครึ่งพึงอภัย ถ้าเป็นหนี้สินใครใช้ให้หมด สิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ ถ้ามีมากให้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ห้ามขายเด็ดขาด

    (ผู้ เขียน : ท้ายนี้เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้มาจากคำบอกเล่าของพระ วาณิช ซึ่งท่านมีความประสงค์ดี ต้องการให้ชาวโลกได้รับรู้ การให้ ชาวโลกได้รับรู้ถึงภัยพิบัติ ซึ่งท่านเก็บมาจากเทวดาที่มากล่าวให้ ท่านทราบในขณะนั่งกรรมฐาน ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องนี้อาจเป็น ความจริงได้จึงได้ทำตามความปรารถนาของหลวงพี่วาณิช โดยนำ ข่าวมาแจ้งให้ชาวโลกไต้เตรียมตัวทำทาน รักษาศีลและบำเพ็ญ ภาวนา เพื่อให้พร้อมรับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้น ท่านก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว แต่ถ้าหากไม่เกิดขึ้นท่านก็ จะเป็นอีกท่านหนึ่งซึ่งทำให้สังคมโลกสงบและร่มเย็นขึ้น ตามหลัก พุทธศาสนาเรา คือ "ให้ทำปัจจุบันให้ดี")

    หมาย เหตุ หลวงพี่วาณิชท่านยังบอกวิธีพิสูจน์ให้ด้วย คือ ให้นั่งกรรมฐานจนจิตสงบแล้วให้ภาวนาคำว่า "จิตต่อธาตุ ธาตุต่อธาตุ" ไปเรื่อย ๆ ผู้ที่ปฏิบัติ นี้อาจจะเห็นเหตุการณ์ตามแต่บุญวาสนาของ ตนเอง ซึ่งต้องอาจให้เวลาหลายชั่วโมง (ธาตุที่ ว่านี้ คือธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อ ภาวนาแล้วให้กำหนดจิตว่า แผ่ต่อธาตุทั้ง 4 คลุมไปทั่วทั้งพิภพ)

    เรื่อง ที่เขียนมานี้หลวงพี่วาณิชท่านว่าเป็นเพียงหนึ่ง ในสาม ยังมีข้อมูลอื่นไม่ได้ลงเช่น ตำราสมุนไพร บทสวดมนต์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรเทาภัย เรื่องราวที่เทวดาพาท่านชมสวรรค์ ระบบการทำงานของบัญชีบาปบุญของยมบาล ฯลฯ
    (ผู้ เขียน : ข้อเขียนทั้งหมดนี้ไม่ต้องการให้ท่านเชื่อ เพราะบุคคลที่ รับรู้เรื่องนี้มา ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจสร้างภาพลวงโดยผู้มีสมาธิจิตสูงกว่า เป็นต้น แต่ต้องการ หาบุคคลที่มีความสามารถสูง ช่วยค้นหาความจริงเหล่านี้ อันจะ เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นนำไปใช้หลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น

    ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง การเชื่อจากคำบอกเล่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ต้อง เชื่อจากการใช้ปัญญาหาเหตุผลความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนข้อมูลจากผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูงหลาย ๆ ท่านนำมาประกอบ การประเมิน ข้าพเจ้ารู้สึกลำบากใจที่ว่าดาวเคียงกัน 7 ดวง ในปี พ.ศ. 2540 นั้นก็มีจริงตามปฏิทินคราสของสมาคมโหราศาสตร์ แห่งประเทศไทย ออกขายเมื่อกลางปี 2536 หลวง พี่วาณิชท่านรู้ เรื่องนี้มาได้อย่างไร ท่านคงไม่มีปฏิทินนี้เพราะพิมพ์น้อยมาก อีก อย่างหนึ่งเรื่องแรงดึงดูดของดาวที่มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงและแผ่นดินไหว นั้นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อแล้วว่าจริง จำนวนดาวที่เรียงกัน จำนวนมากแบบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งในปี 2542 นั้น ก็มากขึ้นอีก ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่อง เพ้อฝันที่จะมาหัวเราะหรือเหยียดหยามกัน แต่ในทางกลับกันการ ค้านแบบไม่คิดนั้นก็มีประโยชน์ เพราะเป็นการสร้างความสบายใจ)

    สาร์นจากปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)

    ผ่านทางทิพย์นิมิต พระอาจารย์เพลิน นนทโก ให้แจ้งต่อผู้ศรัทธาในปู่ใหญ่ หลวงปุ่เทพโลกอุดร ว่าในอีก ประมาณ 2 ปี ข้างหน้านี้ จักเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงต่อมวล มนุษยชาติทั่วโลก ขอให้ลูกหลานทุกคนจงพากันเตรียมตัว ร้บสถานการณ์ให้ดี โดยให้มีสติอันมั่นคงอย่าวิตกกังวล จงพา กันเร่งบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิฝึกฝนพลังจิตให้เข้มแข็ง และ ให้พากันหาสถานที่อันสงบในป่าเขาแหล่งที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกต้นไม้ให้มาก ๆ ล้อมรอบที่พักอาศัย แล้วบำเพ็ญภาวนา เก็บกักตุนเสบียงไว้ใช้ในยามขัดสนอันมีปัจจัยสี่ เช่น เครื่อง นุ่งห่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค หากผู้ใดมีเงินขอให้เปลี่ยน เป็นของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำเป็นต้น อย่าฝากธนาคาร อย่าซื้อหุ้นให้ฝังดินไว้ทำแผนที่ลายแทงไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกล กรุงเทพฯ เชื้อเพลิงให้พากันกักตุนแบตเตอรี่แห้งเป็น อย่า ห่วงทรัพย์ในเมืองหลวง จงพากันไปหาที่ปลูกสร้างที่พักไว้ ตามวัดป่า วัดเขาในชนบท ตามถ้ำต่าง ๆ จึงจะพากันรอด จากภัยพิบัติ จงเร่งบำเพ็ญภาวนา

    ผ่านกระแส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2539
    ณ ธรรมสถานวงษ์จิต
    บ้านนาคำน้อย หมู่ 7
    ตำบลบ้านก้อง อาเภอนายูง
    จ้งหวัดอุดรธานี 41380

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  7. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <table bgcolor="#000000" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td width="26%">
    [​IMG]
    [​IMG]
    </td> <td width="74%"><table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td class="small2" width="35%">ชื่ออังกฤษ</td> <td class="borderBottomDot2" width="65%">2012

    </td> </tr> <tr> <td class="small2">ชื่อไทย</td> <td class="borderBottomDot2">2012 วันสิ้นโลก</td> </tr> <tr> <td class="small2">ประเภทหนัง</td> <td class="borderBottomDot2">Action/Sci-fi</td> </tr> <tr> <td class="small2">ผู้กำกับ </td> <td class="borderBottomDot2">Roland Emmerich</td> </tr> <tr> <td class="small2">ผู้แต่ง</td> <td class="borderBottomDot2">-</td> </tr> <tr> <td class="small2">วันที่เข้าฉาย</td> <td class="borderBottomDot2">12 November 2009</td> </tr> <tr> <td class="small2">ความยาวหนัง</td> <td class="borderBottomDot2">143 minutes</td> </tr> <tr> <td class="small2">นักแสดง</td> <td class="borderBottomDot2">John Cusack, Chiwetel Ejiofor, Amanda Peet, Thandie Newton, Oliver Platt, Danny Glover, Woody Harrelson</td> </tr> <tr> <td class="small2">เรทภาพยนตร์ - ไทย
    (ดูรายละเอียด)
    </td> <td class="borderBottomDot2"> [​IMG]ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป </td> </tr> <tr> <td class="small2">เรทภาพยนตร์ - สากล</td> <td class="borderBottomDot2">PG 13 (parents strongly cautioned)</td> </tr> <tr> <td class="small2">สถานที่ถ่ายทำ</td> <td class="borderBottomDot2">-</td> </tr> <tr> <td class="small2">ภาษา</td> <td class="borderBottomDot2">-</td> </tr> <tr> <td class="small2">เว็บไซต์</td> <td class="recommend_tx">http://www.sonypictures.com/movies/2012/ </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td>
    </td> <td>
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2">2012 วันสิ้นโลก | เรื่องย่อ
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" class="recommend_tx" valign="top"> แจ็คสัน เคอร์ติส (จอห์น คูแซค) และลูกอีกสองคนอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยลโล่สโตน เมื่อพวกเขาเปิดเผยถึงการค้นคว้าเพื่อความสบายของมวลชน และความลับของอโพคาลิพส์ที่แสนอันตราย แจ็คสัน ต้องปกป้องครอบครัวของเขาจากแผ่นดินไหว ลาวาระเบิด สึนามิ และภัยธรรมชาติอื่นๆ เหมือนที่เผ่ามายันโบราณเคยวาดถึงวันแห่งอโพคาลิพส์ไว้


    [​IMG]
    อภิมหา “หายนะ” วันสิ้นโลก!

    จากตัวอย่างหนังที่ดูแล้วถึงกับ “ขนลุก” ในความยิ่งใหญ่ และสมจริงของฉาก “หายนะ” ที่ได้ประจักษ์แก่สายตาทุกคู่ไปเรียบร้อย เชื่อเหลือเกินว่า 2012 จะต้องเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่หลายๆ คนรอคอยอย่างแน่นอน แต่สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า “วันสิ้นโลก” จะเกิดขึ้นจริงตามคำทำนายหรือเปล่า? และถ้าเกิดขึ้นจริง โลกจะพบกับจุดจบอย่างไร? อยากรู้ไปดูกันเลย...

    ที่ผ่านมามีคำทำนาย และทฤษฎีต่างๆ ที่ว่าด้วยการ ดับสลายของโลก เล่าขานสืบทอดต่อกันมามากมาย และเพื่อให้ทุกคนดู 2012 วันสิ้นโลก แบบได้อรรถรสยิ่งขึ้น ต่อไปนี้ คือ 5 ทฤษฎีว่าด้วย วันสิ้นโลก ที่เราเก็บมาฝากกัน

    [​IMG]
    1.ทฤษฏีที่ได้รับการกล่าวขวัญและถูกอ้างอิงมากที่สุด (และเป็นไอเดียต้นคิดที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก ด้วย) คือ คำทำนายของชนเผ่ามายันที่ว่า โลกจะถึงคราวดับสูญใน วันที่ 21 ธันวาคม 2012 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยชุดตัวเลข 212012 โดยวันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน ซึ่งเริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (Baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดิบพอดี โดยคำทำนายได้ระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารไล่เรียงตั้งแต่ ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่ง ไปจนถึงสงครามอภิมหาโลกาวินาศ จนไม่มีมนุษย์คนไหนรอดชีวิต

    2.
    นอกจากทฤษฎีวันสิ้นโลกของชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วงฤดูหนาวของ ปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ระนาบเดียวกับใจกลางของทางข้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะปะทะกับพลังงานทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เวลา 23.11 น. และสมมติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ของ ดีเอ็นเอ ซึ่งบางทีอาจจะทำให้ มนุษยชาติต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง!

    3.
    มีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ภูเขาไฟใต้น้ำ ครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่ต้องระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว

    4.
    มีนักวิทยาศาสตร์บางรายบอกว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกจะเป็นภัยคุกคามที่ย้อนกลับมาทำลาย ล้างมนุษยชาติเองในท้ายที่สุด โดยในบทความเรื่อง “วันสิ้นโลก” ของ ไมเคิล แฮนลอน ในเว็บไซต์เดลี เมล์ ระบุว่า วันสิ้นโลก ที่ เกิดขึ้นอาจไม่ได้มาจากหายนะทั้งหลายตามคำทำนายใดๆ แต่มาจากภัยเงียบที่ก่อตัวมานาน ซึ่งมนุษย์ไม่เคยใส่ใจต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและเป็นจุดกำเนิดของ เทคโนโลยีต่างๆ จนสามารถคิดค้นเครื่องจักรและหุ่นยนต์ที่มีศักยภาพทัดเทียมความเป็นมนุษย์ เข้าไปทุกที และจุดจบของโลกจะอุบัติขึ้นใน วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2065 โดยบรรดาหุ่นยนต์อันชาญฉลาดจะเริ่มเข้าควบคุมมนุษย์โลก ผู้คนทั้งหลายต้องขาดแคลนอาหาร ไร้ที่อยู่ และท้ายที่สุดในปี 2100 มนุษย์ต้องผันตัวเองกลับไปใช้ชีวิตในถ้ำอย่างในอดีต ขณะที่เมืองต่างๆ ก็ตกเป็นของเหล่าเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นเอง (เอ๊ะ! ทำไมคล้ายกับหนังเรื่อง คนเหล็ก จังเลย...ฮา)

    5. ทฤษฎีแกนโลกเอียง
    ของ ชาร์ล ฮาปกู้ด ที่เคยเสนอไว้ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ว่าในอนาคตข้างหน้า แกนโลกจะเริ่มเปลี่ยนองศา ซึ่งจะส่งผลให้พื้นผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และจะทำให้เกิดภัยพิบัตินานาชนิดขึ้นทั้ง คลื่นยักษ์สึนามิ, แผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด มีคนเคยอ้างด้วยว่า แม้แต่ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ ยังเห็นด้วยกับทฤษฎีที่ว่านี้

    ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก : โพสต์ทูเดย์







    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td> <table bgcolor="#000000" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td class="recommend_tx" valign="top">2012 วันสิ้นโลก
    เมื่อน้ำท่วมฟ้า แผ่นดินลุกเป็นไฟ!

    [​IMG]
    ถ้าเป็นจริงดั่งคำทำนายของชาวมายัน ในปี 2012 (หรือเพียงอีก 3 ปี) วาระสุดท้ายของโลกใบนี้ก็จะมาถึง แต่ก่อนที่เราจะรู้ว่า วันสิ้นโลก จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ โดย โรแลนด์ เอ็มเมอริช ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าช่ำชองและเชี่ยวชาญการสร้าง หนังหายนะ (Disaster Film) ที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด 2012 วันสิ้นโลก มีจุดเด่น จุดดีตรงไหน ทำไมผู้คนทั่วโลกถึงได้เฝ้ารอชมหนังเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อ ต่อไปนี้คือเหตุผล...
    โรแลนด์ เอ็มเมอริช เทพแห่ง หนังหายนะ
    [​IMG]
    เห็นชื่อผู้กำกับคนนี้แล้ว เชื่อขนมกินได้ว่าการกลับมาทุกครั้งเขาจะต้องมีอะไรดีๆ มาอวดเราอย่างแน่นอน หลังจากที่เคยทำให้คนดูต้องอ้าปากค้างมาแล้วทั้ง Independence Day, Godzilla และ The Day After Tomorrow คราวนี้ โรแลนด์ เอ็มเมอริช จะทำให้คุณ อึ้ง ทึ่ง และตะลึง ยิ่งกว่า กับผลงานล่าสุด 2012 วันสิ้นโลก ซึ่งว่ากันว่าเป็น หนังหายนะ ที่มีสเกลใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เคยสร้างมา ด้วยทุนสร้างมหาศาลกว่า $200 ล้าน ในหนังเราจะได้เห็นโลกผจญกับหายนะทั้ง แผ่นดินไหว, แผ่นดินแยก, น้ำท่วม, ภูเขาไฟระเบิด, พายุถล่ม, ภูเขาน้ำแข็งละลาย ฯลฯ ซึ่งรับรองว่าคุณจะไม่เคยเห็นภาพแบบเดียวกันนี้ในหนังเรื่องไหนมาก่อนอย่างแน่นอน
    จากคำทำนายที่เล่าขานสู่หนังจอใหญ่
    [​IMG]
    ชาวเผ่ามายันมีคำทำนายไว้เมื่อหลายศตวรรษที่แล้วว่า วันที่โลกจะดับสูญคือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งตามวัน และปี ค.ศ. นี้ได้ปรากฏอยู่เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวเผ่ามายัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตรง เกร็ดภาพยนตร์ ด้านบน) ซึ่งไอเดียต้นคิดของหนังเรื่องนี้ก็มาจากคำทำนายดังกล่าวของเผ่ามายันนั่นเอง โดยทีมผู้สร้างได้ยึดเอาปี 2012 ซึ่งเป็นปีเกิดเหตุตามคำทำนายเอาไว้ และใส่มหันตภัยต่างๆ ที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลกจากทฤษฎีต่างๆ ลงไปในหนัง

    ซีจี/สเปเชียล เอฟเฟ็กต์ ระดับสุดยอด

    [​IMG]
    กว่าครึ่งหนึ่งของหนังเรื่องนี้เป็นงานวิชวล เอฟเฟ็กต์ และซีจี ที่ว่ากันว่ามีมากถึง 1,400 ช็อตเลยทีเดียว ซึ่งต้องระดมทีมเอฟเฟ็กต์มือดีกว่า 80 คน มาช่วยกันสร้างสรรค์จนได้ภาพที่เนียนสมจริงระดับนี้ออกมา นอกจากนี้ ทางทีมงานยังต้องสร้างฉากของจริงที่ลอยน้ำและสั่นสะเทือนได้ รวมถึงต้องสร้างเวทีขนาด 8,000 ฟุต ขึ้นมาประกอบฉาก เพื่อให้ทุกๆ ภาพออกมาดูสมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    ทุกฉากที่จะทำให้คุณ อึ้ง ทึ่ง ตื่นตะลึง!
    [​IMG]
    ด้วยความเป็น หนังหายนะ สเกลใหญ่โตมโหฬารแบบไม่เคยมีใครทำมาก่อน หลายๆ ฉากใน 2012 วันสิ้นโลก จะทำให้คนดูต้องอึ้ง ทึ่ง ตื่นตะลึง และขนลุกไปกับ งานภาพที่เนียนและสมจริงสุดๆ ไล่ไปตั้งแต่ ฉากแผ่นดินไหวถล่มเมือง แอล.เอ. จมสู่มหาสมุทรแปซิฟิค, ฉากตึกรามบ้านช่องในนิวยอร์คล้มระเนระนาด, ฉากภูเขาไฟระเบิดใน เยลโล่สโตน พาร์ค, ฉากคลื่นยักษ์ที่พัดเรือบรรทุกเครื่องบินลำมหึมามาถล่มทำเนียบขาว ไปจนถึงฉากการพังพินาศของ วิหารเซนต์ปีเตอร์ ในวาติกัน และรูปปั้นพระเยซูในกรุง ริโอ เดอ จาเนโร
    เสริมด้วยเนื้อหา เข้มข้น มีสาระ
    [​IMG]
    แน่นอนว่า 2012 วันสิ้นโลก จะต้องเน้นขายซีจีและสเปเซียล เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ก็มีเนื้อหาที่เข้มข้นหนักหน่วงกว่า หนังหายนะ หลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ด้วยการตั้งคำถามว่า ถ้าจะมีคนรอดชีวิต ใครควรจะเป็นบุคคลเหล่านั้น ตามท้องเรื่อง รัฐบาลอเมริกาทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และได้สร้างเรือขนาดยักษ์ขึ้นมาแบบลับๆ สำหรับรักษาสิ่งมีชีวิตในโลกเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งแจ็คสัน (รับบทโดย จอห์น คูแซ็ค) พระเอกของเรา เกิดไปรู้ความลับที่รัฐบาลปกปิดเอาไว้ เขาจึงพยายามพาครอบครัวของเขาไปขึ้นเรือลำนี้ให้ได้
    ทำไมถึงต้องดู
    [​IMG]
    ไล่ไปตั้งแต่ชื่อผู้กำกับที่รับประกันความยิ่งใหญ่อลังการแน่นอน พิสูจน์ได้จากผลงานที่ผ่านๆ มา ซึ่งทำมาแล้วทั้ง ยานอวกาศลำมหึมาที่ลอยอยู่บนทำเนียบขาว (ID4), เทพีเสรีภาพจมพายุหิมะ (The Day After Tomorrow), ก๊อดซิล่าบุกโลก (Godzilla), เสือเขี้ยวดาบและช้างแมมม็อธตัวยักษ์ (10,000 B.C.) สำหรับคราวนี้เขามาพร้อมกับซีจีระดับสุดยอด และสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ขั้นเทพ ที่จะเนรมิต อภิมหา “หายนะ” ซึ่งคุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนใส่ลงไปในหนังเรื่องนี้

    ว่ากันว่านี่จะเป็น หนังหายนะ ที่ยิ่งใหญ่และวินาศสันตะโรที่สุดเท่าที่เคยมีมา จริงหรือเปล่า?
    คงต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง...




    [​IMG]
    2012 หฤหรรษ์บันเทิง บนความ หายนะ
    [​IMG]
    หากไล่ไปดูผลงานเก่าๆ ของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ผู้กำกับคนนี้จะได้รับฉายาว่า “เจ้าพ่อหนังหายนะ” ก็ในเมื่อเขาคนนี้นี่แหละ ที่เคยปลุก ก๊อดซิล่า ให้ลุกขึ้นมาถล่มแมนฮัตตัน (Godzilla), เนรมิตยานอวกาศลำมหึมาให้มาลอยอยู่เหนือทำเนียบขาว (ID4) และทำให้คนดูต้องอึ้งกับฉากเทพีเสรีภาพที่จมพายุใต้หิมะ (The Day After Tomorrow)

    แต่ หายนะ ที่เคยอยู่ในหนังซึ่งยกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น ดูจะเป็นเรื่องขี้ประติ๋วไปเลย เมื่อมาเจอกับความชิบหายวางป่วง วินาศสันตะโร ระดับ อภิมหา หายนะ ใน 2012 วันสิ้นโลก ผลงานเรื่องล่าสุดที่ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ประกาศกร้าวว่า เขาจะสร้าง สุดยอดแห่งหนังหายนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ชนิดที่จะไม่มีใครสามารถทำได้ทัดเทียมกับหนังเรื่องนี้ได้อีกแล้ว! (ว้าว...อะไรจะขนาดนั้น)

    ซึ่งก็อาจจะเป็นจริงอย่างที่ เอ็มเมอริช บอกไว้ก็ได้ เพราะที่ผ่านมา ในหนังหายนะทั้งหลายแหล่ ส่วนใหญ่แล้วโลกจะเผชิญหน้ากับวิบากกรรมแค่อย่างสองอย่าง แต่ใน
    2012 เรื่องนี้ ป๋าเอ็ม แกเล่นเอาหายนะสารพัดรูปแบบมาใส่เอาไว้ทั้ง แผ่นดินไหว, แผ่นดินแยก, แผ่นดินยุบ, ตึกสูงเสียดฟ้าล้มระเนระนาด, ภูเขาไฟระเบิด, พายุหิมะถล่ม, ภูเขาน้ำแข็งละลาย, สึนามิ ฯลฯ หนักหนาสาหัสถึงขนาดที่ว่า น้ำท่วมฟ้า แผ่นดินลุกเป็นไฟ มนุยชาติและโลกเบี้ยวๆ ของเราต้องถึงคราวดับสูญก็คราวนี้

    หนังเปิดฉากด้วยการบอกให้คนดูได้รู้ว่า มนุษย์โดยนักธรณีวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันสิ้นโลก ใกล้เข้ามาทุกที ซึ่งเรื่องทั้งหมดถูกเก็บไว้เป็นความลับจะรู้เฉพาะแค่ผู้นำของประเทศใหญ่ๆ โดยประชาชนตาดำๆ ไม่มีโอกาสรับรู้ถึงวาระสุดท้ายของโลก และแทนที่จะแสดงความจริงใจในการร่วมกันรับมือหายนะครั้งนี้ กลับมีมนุษย์บางคนบางกลุ่มที่พยายามแสวงหาผลประโยชน์จากตรงนี้ นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนที่พยายามจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ก็ถูกสั่งเก็บ และที่สำคัญเรือซึ่งถูกสร้างขึ้นมาแบบลับๆ สำหรับรักษาสิ่งมีชีวิตในโลกเอาไว้ให้มากที่สุด ก็ดันมีที่นั่งจำนวนจำกัดอีกต่างหาก

    ถึงแม้ เอ็มเมอริช จะแค่แตะๆ ประเด็นดังกล่าวเพื่อเอามาเสริมให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้น จริงจัง ดูมีสาระมากขึ้น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนดูเกิดคำถามขึ้นมาว่า หากเกิด วันสิ้นโลก ขึ้นมาจริงๆ ถ้าจะมีคนรอดชีวิต ใครควรจะเป็นบุคคลเหล่านั้น? ประธานาธิบดี? นายพล? หมอ? นักวิทยาศาสตร์? นักการเมืองขายชาติ? มหาเศรษฐี? หรือยาจก?

    อีกประเด็นหนึ่งที่ เอ็มเมอริช มักจะนำมาใส่ไว้ในหนังหายนะของเขาก็คือ เรื่องของความสัมพันธ์อันแตกร้าว ในขณะที่โลกกำลังถูกวิกฤตถาโถมเข้าใส่ ตัวละครหลักในเรื่องก็กำลังเผชิญกับมรสุมทางความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน (เขาเคยทำแบบนี้มาแล้วกับทั้ง ตัวละครคู่พ่อ-ลูกใน The Day After Tomorrow และคู่ของผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียมและเลขาสาวของท่านประธานาธิบดีใน ID4) โดยคราวนี้เป็นทีของ แจ็คสัน เคอร์ติส (รับบทโดยจอห์น คูแซ็ค) นักเขียนตกอับที่ต้องพิสูจน์ให้อดีตภรรยาและลูกๆ เห็นถึงคุณค่าในตัวเขา

    นอกนั้นที่เหลือ หนังก็เดินเรื่องไปตามสูตรสำเร็จซึ่งต้องมีแอ็คชั่น, เศร้า, ซึ้ง, มุขตลก, การเสียสละ, ประทับใจ คละเคล้ากันไปตามสัดส่วนที่ควรจะเป็น

    ส่วนของฉากหายนะทั้งหลายแหล่ อันนี้คงไร้ข้อกังขาสำหรับ ความเนียน และ ความสมจริง เพราะทุกฉากล้วนแต่สร้างความตื่นเต้นตระการตาให้ แก่เราทั้งสิ้น แถมแต่ละซีนแต่ละฉากยังถูกจัดวางตำแหน่งและจังหวะจะโคนไว้ค่อนข้างดีด้วย มีทั้งช่วงที่อัดใส่แบบไม่ยั้ง และช่วงที่ผ่อนให้คนดูได้พักหายใจหายคอสลับกันไปตั้งแต่ต้นจนจบ เชื่อเหลือเกินว่า หลายคนอาจจะชอบฉากใหญ่อย่าง ตอนที่แจ็คสัน ขับรถพาครอบครัวหนีตาย หรือตอนที่ครอบครัวของแจ็คสัน ต้อง ขึ้นเครื่องบินหนีแผ่นดินถล่ม แต่โดยส่วนตัวแล้ว กลับชอบฉากย่อยๆ อย่าง ฉากการพังพินาศของ วิหารเซนต์ปีเตอร์ ในวาติกัน และฉากการพังครืนลงมาของรูปปั้นพระเยซูในกรุง ริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ยังไม่สามารถต้านทานหายนะนี้ได้ สองฉากนี้ ดูแล้ว “ขนลุก” ซู่เลย พับผ่าซิ!

    แน่นอนว่า การที่ เอ็มเมอริช ใช้คำทำนายของชนเผ่ามายันและนำทฤษฎีแกนโลกเอียงของ ชาร์ล ฮาปกู้ด มาเป็นทฤษฎีอ้างอิงนั้น อาจจะทำให้ที่มาที่ไปของสาเหตุซึ่งทำให้เกิดสารพัดหายนะใน 2012 ดูมีช่องโหว่อยู่พอสมควร แต่ด้วย ความเนียน และ ความสมจริง ของฉากหายนะต่างๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น น่าจะทำให้คนดู (ที่ไม่ได้มีนิสัยช่างจับผิด) รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ลุ้นระทึก จนลืมไปเลยว่าหนังมีจุดอ่อน จุดด้อยตรงไหนยังไง

    ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่า 2012 เป็น หนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอนเตอร์เทนคนดู เน้นขายฉากหายนะซีจีเทพๆ โดยเฉพาะ ดังนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตีตั๋วแล้ว เข้าไปเอนจอยกับมันให้เต็มที่ก็พอ...

    โดย...พี่กับผม</td> </tr><tr> <td class="recommend_tx" valign="top">
    </td> </tr> </tbody></table></td> <td background="http://palungjit.org/images/majorhomepage_69bg.gif">
    </td> </tr> <tr> <td>
    </td> <td background="http://palungjit.org/images/bg-bottom-review.gif">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    จาก ... http://www.majorcineplex.com/movie_detail.php?mid=210

    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  8. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    คิดว่า...หนัง 2012...อาจมีข้อมูลบางอย่างซ่อนอยู่...ครับ


    .
     
  9. Singhanat

    Singhanat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +4
    บทวิเคราะห์>>เรื่องราวของเด็กชายปลาบู่” คือการทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และปกป้องพระพุทธศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในยุคกึ่งพุทธกาล และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ของประเทศไทยในอนาคต

    ____________________________

    เอกสารวิเคราะห์เรื่องราวของเด็กชายปลาบู่.PDF :cool:
    ____________________________

    กรุณาดาวน์โหลดด้านล่างนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  10. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    อ่านแล้วครับ...ขอรับเรื่อง...การแจ้งเตือนภัยพิบัติ....ไว้

    เพื่อ...ความตระหนัก...ตามเจตนา....ครับ



     
  11. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จาก... ThaiPX2012: คำทำนายวันสิ้นโลกแบบต่างๆ

    วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

    คำทำนายวันสิ้นโลกแบบต่างๆ

    [​IMG]


    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ

    ข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ” ซึ่งท่านผู้ใช้ นามปากกาว่า “ศุภนิมิต” ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิง ผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ” ที่ประเทศมาเลเซียโดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมา หลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้ เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า : วันที่ฟ้าดินมืดมิด

    1. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา

    2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดง จะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน

    3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส (เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถี อนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว

    4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ” สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่า เวทนายิ่งนัก

    6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิมอย่าได้โลภหลงตามไป เป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า “ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย” จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบ อ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบ ไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ” พระอาจารย์จี้กง ก็กล่าวว่า “พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบ เคียง

    7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราะช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อน กลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์” เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว

    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน

    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้

    ใน หนังสือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส” ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:- เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น. เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตามพระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพ อันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้น มีดังนี้

    ระเบิด นิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมดชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากระเบิด ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อากาศใน ขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบคลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่าน กระเจิดกระเจิงไป เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า เป็นที่น่าเวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว แล้วในทันใดก็ เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด

    ถึง ตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากัน ก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่า นั่นคือ “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” อันยาวนานที่รัตติกาลมาสู่โลก เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้

    วัน ที่ 30 มกราคม เวลาเช้า 9.00 น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไป ดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้:

    ขณะ นั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน บ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนองหยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนักเหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสวไม่นาน

    ต่อ มาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ยน กระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจา ต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการหักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา ทันใดนั้น เธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน แผ่รัศมีรอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้นมีไหวาง เรียงอยู่หลายใบ ไหทุกใบมีฟองเหมือนน้ำและเหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กงบอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอมลอยลงมาจากฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตามเรามา เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้ อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป จะได้ยกระดับ และมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้ ใครก็ตามที่หลงเชื่อตามไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริงแล้ว คนที่เข้าพุทธสถานแล้ว ภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบทีเดียว

    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ พระอาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:

    แม้ จะผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนานและน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด หรือตัวขาดเป็นท่อน จนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลย โลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกัน จนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วจนอยากอาเจียน พูดได้ว่ามันคือนรกใน เมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว

    โลก ทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย แกะ วัว ควาย และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจากวันเกิดมหันตภัย วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ คนที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษ ของกัมมันตภาพรังสี พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้ ผู้ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้ ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคน เหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว ควาย หรือม้ากินดิบ ๆ ได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ พระอาจารย์จี้กง ได้โปรดเมตตาบอกว่า มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ

    วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง พระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:

    ขณะ นั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้ว เหลือแต่รอยแยกเป็น ทาง ๆ แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลงและซึมลงไปในดิน ทุกอย่างที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่าอนาถใจ คนถือศีลกินเจทั้งหลาย เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่างเป็นงานเป็นการ เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้วจุ่มน้ำทิพย์ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน คนที่ยังไม่เคยกินเจตลอดเสมอมา จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว

    วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ฉากสุดท้ายต่อไป:

    ขณะ นั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่ แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณ พุทธสถานแล้ว ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบรัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้น และใช้การอะไรไม่ได้อีกเลย จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะ ของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง ผู้คนเริ่มสร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัยหลบฝน และเริ่มงานทำไร่ไถนากันอย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิตแม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคงเป็นสุขใจ ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการวิวาทบาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิต และเป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้

    แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสยญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป

    คำพยากรณ์โลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    การ ชำระล้างโลกของพระบิดา กระบวนการทางเทคนิคของพระบิดาต่อไปนี้จะเปิดเผยเฉพาะบางส่วนที่มนุษย์ควรรู้ เท่านั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เป็นข้อพิสูจน์ ว่าความรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นพระเมตตาที่พระบิดาประทานมาให้เผยแพร่ มิใช่เป็นการกระทำขึ้นมาเองของมนุษย์ที่อวดอุตริจริงแท้หรือไม่ หากทุกอย่างเป็นความจริงตามที่เผยให้รู้ไว้ล่วงหน้านี้ ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าองค์จิตจักรวาล ผู้เป็นพระบิดาหรือพระผู้สร้างหรือว่าพระเจ้าล้วนมีจริงเป็นแน่แท้ แต่จะมีใครสักกี่คนกันเล่า ที่จะมีโอกาสข้ามผ่านกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้เพื่อถึงวันเวลาแห่งการพิสูจน์นั้น? ขึ้นตอนโดยสังเขปทางเทคนิคของพระบิดา

    1. ก่อนวันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ทำมุมกันแนวดิ่งอยู่ 23.5 องศานั้น จะถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น

    2. น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จากกรณีที่เกิดขึ้นในข้อแรก ทำให้น้ำแข็งละลายกลืนกับน้ำในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว

    3. เมื่อโลกเอียงในลักษณะก้มหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำจากขั้วโลกก็จะพากันไหลหลั่งลงสู่เบื้องล่างเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ ในอันที่จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมแผ่นดิน และบริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่จะกลืนแผ่นดินต่อไป

    4. ขณะเดียวกันก็จะกำหนดให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้มหาสมุทรบริเวณขั้วโลกใต้ เพื่อกระเทาะเอาก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้หลุดออก เพื่อใช้เป็นมวลในการถ่วงดุลด้านน้ำหนักมวลระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลก ใต้ ในกระบวนการทางเทคนิคที่จะ กล่าวถึงในข้อ 5 และ 6 เป็นลำดับต่อไปนั่นเอง

    5. เมื่อครบ 15 วันตามกำหนดที่จะชำระความครั้งใหญ่แล้ว แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม 8.5 องศา หรืออยู่ที่ 32 องศากับแนวดิ่งแล้ว ตรงพิกัดตำแหน่งนี้จะเป็นกำหนดเวลาที่ส่วนโค้งของโลก จะเริ่มบดบังแสงสว่าง จากดวงอาทิตย์ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีอีกต่างหากด้วย ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความในกรณีชำระโลกครั้งใหญ่ ที่มนุษย์จะสังเกตมายาได้ก็คือ ฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลง ผิดปรกติ

    6. ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้วโลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียน กลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตนต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!

    7. คำกล่าวที่ว่า “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว” จะเกิดขึ้นภายใน 7 ราตรี คือ 49 วันอันมีแต่กลางคืนนั่นเอง หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจมอยู่ใต้บาดาล ผู้ที่อยู่ใต้น้ำย่อมมองเห็นเหมือนน้ำท่วมท้องฟ้าและปลาจะแหวกว่ายอยู่ไปมา ทำให้คนที่จมอยู่ใต้น้ำแลประหนึ่งว่า ปลาจะกินดาวนั่นเอง

    8. ตึกสูงใหญ่ วัตถุเทคโนโลยีขยะ มนุษย์ขยะ สัตว์ประจำโลก ต้นไม้ใหญ่น้อย ภูเขาสูงชันและอื่น ๆ จะถูกชำระออกไปจากระบบ เพื่อลดจำนวนและน้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกให้น้อยลง เพื่อสร้างสมดุลใหม่ให้กับดาวเคราะห์ดวงนี้

    9. สัตว์ประจำโลกบางชนิดจะสูญพันธุ์ เพราะพวกเขาหมดหน้าที่แล้ว โดยพระบิดาจะเรียกนำจิตวิญญาณพวกเขาทั้งหมด กลับคืน คือ กระต่าย และ หนู

    10. เมื่อครบ 49 วันหรือ 7 ราตรีแล้ว พระบิดาจะใช้น้ำฝนดั่งน้ำทิพย์ที่บริสุทธิ์ของพระองค์หลั่งลงมาเพื่อเก็บ กวาดชำระล้างเศษ ซากทุกสิ่ง และชุบชีวิตให้กับจิตวิญญาณบุตรที่รักดีที่เหลือรอด

    ขั้นตอนการชำระความโดยสังเขป:

    1. ให้มีการ ชำระความ ก่อนวันชำระใหญ่ได้เรื่อย ๆ นับแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา

    2. การชำระความ กระทำโดยกลุ่มของช่างเทคนิค ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้นในสนาม พลังงานดาวเคราะห์โลก จำนวน 20 เท่าของประชากรโลกที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์ในประเทศใดก็ จะทำหน้าที่เป็นช่างเทคนิคเพื่อชำระความกับมนุษย์ในประเทศนั้น

    3. การชำระความของเจ้ากรรมนายเวรผู้เป็นช่างเทคนิค หมายถึง การแก้แค้นเอาคืนอย่างสาสมกับมนุษย์ที่เคยก่อกรรมด้าน ลบต่อพวกเขามาก่อน

    4. เจ้ากรรมนายเวร หมายถึง พี่ ๆ น้อง ๆ ของมนุษย์ในภพชาติปัจจุบันนี้เอง ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการจองจำด้วย ความอาฆาต โกรธแค้นต่อมนุษย์ปัจจุบันที่เคยกระทำผิดคิดร้ายต่อพวกเขา โดยพวกเขาไม่ยอมไปผุดเกิดยังภพภูมิใด ๆ ได้แต่ รอคอยโอกาสเพื่อติดตามแก้แค้นทวงคืนอยู่อย่างเดียว บางรูปธรรมได้จองจำมนุษย์ไว้นานร่วมสองหมื่นปีมาแล้วก็มี

    5. เจ้ากรรมนายเวร หมายถึง รูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณของผู้ที่เคยเกิดเป็นมนุษย์ หรือ สัตว์ประจำโลก ที่เคยถูกมนุษย์ ทำร้ายให้ทุกข์ทรมานอย่างทารุณ ด้วยการเข่นฆ่าเอาชีวิต และกินเลือดกินเนื้อพวกเขาอย่างเมามัน เช่น หมู เป็ด ไก่ ห่าน วัว ควาย และอื่น ๆ เป็นต้น

    6. วิธีการชำระความก็คือ การอยู่เบื้องหลังภัยธรรมชาติที่รุนแรง เพื่อจัดการกับมนุษย์ผู้เป็นบุคคลเป้าหมายที่จะเอาความของ พวกตนเช่น การโอบอุ้มน้ำฝนไปถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อก่อให้เกิดอุทกภัยที่รุนแรงต่อมนุษย์ในเป้าหมายชำระของพวกตน การร่วมกันทำให้เกิดฟ้าฝ่าบุคคลเป้าหมาย การทำให้เกิดลมพายุพัดถล่มซ้ำ การทำให้เกิดคลื่นยักษ์ การทำให้เกิดแผ่นดินไหว ด้วยการใช้เสียงดังของฟ้าฝ่าในระดับ 30 เดซิเบลขึ้นไปเพื่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดการสั่นสะเทือนนั้น การผลักเคลื่อนตัวของรอยแยกของเปลือกโลกอันเกิดจากการระเบิดในใจกลางโลก การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่รุนแรง และการระเบิดของภูเขาไฟ ในสถานที่ ๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    7. ชำระความด้วยเสียงอันดัง เพื่อทำลายประสาทหูและใช้พลังงานด้านลบที่เข้มข้น เพื่อทำลายสติและเอาชีวิตมนุษย์เป้าหมายนั้นในฉับพลัน

    8. ชำระความมนุษย์ด้วยโรคระบาดร้าย ๆ ที่มากับน้ำเน่าเสีย เช่น อหิวาตกโรคชนิดใหม่ที่มนุษย์ต้องตายภายใน 6 วันหลังการได้รับเชื้อนั้น หรือภัยร้ายจากเชื้อโรคพันธุ์ใหม่ชื่อ Virusteria ที่มนุษย์โลกไม่เคยรู้จักซึ่งสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วกว่า เชื้อโรคชนิดใด ๆ บนโลกใบนี้

    9. ชำระความด้วยความอดอยากหิวโหย ไม่มีที่อยู่ ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารบริโภค เพราะน้ำท่วมเสียหายหมด และไม่มีใคร ช่วยเหลือใครได้เพราะต่างต้องประสบเคราะห์กรรมโดยทั่วหน้ากัน

    10. ช่วงเวลาแห่งการชำระความครั้งใหญ่ จะใช้เวลานานถึง 7 ราตรี โดยที่ 1 ราตรี หมายถึง การที่โลกจะปกคลุมไปด้วยความ มืดมิดคือ มีแต่กลางคืนติดต่อกัน 7 วันเต็ม ๆ ขณะที่ภัยธรรมชาติที่วิปริตแปรปรวนอันเกิดจากน้ำมือของช่างเทคนิค เป็นผู้กระทำอยู่เบื้องหลังจะรุกกระหน่ำเอาความกับมนุษย์อย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้จะปิดตาก็แลเห็นจะปิดหูก็ได้ยิน ทั่วทั้งแผ่นดินจะเจิ่งนองไปด้วยน้ำ บอบช้ำไปด้วยพายุถล่ม แผ่นดินถล่ม และตึกสูงใหญ่ที่ถล่มทลายลงมากองเป็นภูเขาเลากา ท่ามกลางเสียงหวีดกรีดร้องของมนุษย์กับเจ้ากรรมนายเวร ประสานเสียงกันอย่างบาดหัวใจ

    11. แผ่นดินบางแห่งจะลุกเป็นไฟ เพราะแสงเพลิงและสายธารของลาวาจากใต้โลก บางแห่งจะยุบตัวลงกลืนเมืองลงไปทั้งเมือง แล้วราดทับด้วยเปลวถ่านร้อน ๆ ของลาวาอย่างน่าพรั่นพรึง

    12. แผ่นดินจำนวนมากจะถูกกลืนหายไปใต้แผ่นน้ำ และมหาสมุทรอย่างถาวร เพราะคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว และแรงดูดดึงจากใต้สมุทรจนทำให้เกาะน้อยใหญ่ไม่แตกกระจาย ก็จะจมหายลงไปใต้ผืนทะเลตลอดกาล


    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ



    เขียนโดย tongdang
     
  12. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จาก ... http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1.189113/



    คำทำนาย และสัญญาณวันสิ้นโลกของ "ศาสนาอิสลาม"

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1">
    คำทำนาย และสัญญาณวันสิ้นโลกของ "ศาสนาอิสลาม"


    [​IMG]


    สัญญาณวันสิ้นโลก (สัญญาณวันกิยามะห์)

    สัญญาณย่อย ได้แก่

    1. แผ่นดินไหวจะมีมาก

    2. ลมพายุจะรุนแรง

    3. ความตายจะดาษดื่น (จากโรคร้าย)

    4. มนุษย์จะแข่งขันประดับประดามัสยิด

    5. คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก

    6. คนทุจริตจะปลอดภัย คนไว้วางใจได้กลับถูกบิดพริ้ว

    7. การผิดประเวณี (ซินา) จะดาษดื่น

    8. สุรา ดอกเบี้ย เป็นสิ่งอนุมัติ

    9. ในมัสยิดมีเสียงอึกทึก

    10. คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน

    11. ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง

    12. ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก

    13. อุตริกรรม (บิดอะห์) จะปรากฎชัด

    14. ความอายจะน้อยลง

    15. สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี

    16. สตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย

    17. ผู้ทุจริตได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง

    18. ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานกันเพียงลิ้น (ขาดการกฏิบัติตาม)

    19. การนินทาให้ร้ายจะมีมาก

    20. การสาบานด้วยสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์จะมีมาก

    21. การหย่าร้างเกิดขึ้นมาก

    22. ความชั่วช้าเลวทราบจะปรากฎชัด

    23. มนุษย์จะปฏิบัติตามอารมณ์กิเลสและตัณหา

    24. บุรุษจะถูกทำลาย เพราะทรัพย์สินเป็นเหตุ

    25. มนุษย์จะตัดขาดญาติมิตร

    26. สมาธิของคนละหมาดจะหายไป

    27. ประชาชาติจะแตกออกเป็น 70 กว่าจำพวก

    28. วันและเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน

    29. การแต่งงานเกิดขึ้น เพราะสมบัติเป็นเหตุ

    30. เรื่องราวของมนุษย์ ล้วนเป็นความโลภโมโทสัน

    31. การตลาดจะฝืดเคือง

    32. การให้เกียรติจะน้อยลง แต่การเหยียดหยามจะมากขึ้น

    33. ความรับผิดชอบจะหายไป ความวุ่นวายสับสนจะแทนที่

    34. ศาสนาจะถูกซื้อขายด้วยวัตถุทางโลก (ดุนยา)

    35. หัวใจมนุษย์หมดสิ้นจากความดี

    36. ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจำหน่ายค่าแรงและถูกมอบให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับ

    37. บุรุษจะฆ่ากันโดยไร้เหตุผล

    38. ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม (บนมิมบัร)

    39. เด็กที่เกิดจากการผิดประเวณีจะมีมาก

    40. คนที่มีลูกหลานต้องโศกเศร้า เพราะการเนรคุณ

    41. สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ

    42. เด็กจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไม่เมตตาเด็ก

    43. ความบริสุทธิ์จะหายไปจากการงาน

    44. คนชั่วจะภูมิใจ และโอ้อวดความชั่วของตน

    45. การพนันจะมีมาก

    46. ผู้บริสุทธิ์จะถูกฆ่าเป็นการล้างแค้น (ไม่ใช่การรับใช้ชาติ)

    47. มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา

    ส่วนสัญญาณใหญ่ ได้แก่

    1. อิหม่ามมะห์ดีปรากฎตัว

    2. ดัจญ้าลเผยโฉม

    3. ท่านศาสดาอีซาจะถูกส่งลงมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง

    4. ยะญูดและมะญูด พังกำแพงทะลุออกมาได้

    5. มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน

    6. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก

    7. มีหมอกควันเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน

    8. เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คนไปรวม ณ ชุมนุมสถาน

    9. อัลกุรอาน และความรู้ถูกเก็บ (โดยการล้มตายของบรรดาผู้รู้)

    ขอให้พวกเราพ้นจากฟิตนะฮ์จากวันกิยามะฮ์ด้วยเถิด

    .
     
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    จาก...http://greatworld.allblogthai.com/31




    • คำทำนาย"วันสิ้นโลก"
      เรื่องลึกลับและท้าทาย 2009-03-27, 18:59:49
    • วันนี้มีเรื่องราวมานำเสนออีกแง่มุมหนึ่ง เป็นเรื่องของคำทำนายวันสิ้นโลก ขอย้ำว่า เรื่องที่จะให้อ่านต่อไปนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่อ่านแล้วสำหรับคนไม่คิดไรมากก็ถือว่าเป็นหลักความรู้อย่างหนึ่ง
      ความเชื่อเหล่านี้สอดคล้องกับความจริงอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย โดยอ่านไปก็คิดตามไป อย่างที่บอก เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ขึ้นอยู่กับพิจารณาแต่ละคนจริงๆ
      เรื่องที่เล่าค่อนข้างยาว แต่อยากให้ อ่านให้จบ เพราะมันน่าติดตามมาก ค่อยๆอ่านไป มีเรื่องให้คิดตามด้วย สุดท้ายอ่านจบ จะคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ละคนไป
      [​IMG]
      ตั้งแต่ ปี 2000ที่ผ่านมาเราหวาดกลัวกันว่า วาระสุดท้ายของโลกจะมาถึงแล้ว ผู้พยากรณ์อย่าง "นอสตราดามุส" ได้ทำนายไว้ว่าความวินาศจะเกิดขึ้นกับโบกมนุษย์ในช่วง 200 จาภัยธรรมชาติโดยเฉพาะเพมือใหญ่ๆที่อยู่ในซีกโลกตอนเหนือ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นทะเลยักษ์ จะคร่าชีวิตคนหลายล้านคน ฟังดูน่ากลัว โลกจะพินาศจริงหรือ แล้วมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และมีอะไรเป็นสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า และเราจะแก้ไขป้องกันได้อย่างไร?
      อย่า เพิ่งเห็นว่าเป็นเรื่องของพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ แต่ผมกำลังจะบอกให้ท่านๆทราบว่าพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์(Holy Bible)ได้ทำนายถึงวาระของโลกเราใบนี้ไว้อย่างไร ท่านลองอ่านช้าและพินิจพิเคราะห์ตามว่าจริงหรือเท็จ
      ทุกข้อความในคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นถ้อยคำที่ได้รับการดลใจ จากพระเจ้าซึ่งเขียนขึ้นเมื่อหลายพันปีมาแล้ว คัมภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวถึงวันสิ้นโลกอย่างละเอียด ซึ่งจะสรุปโดยย่อได้ดังนี้
      "วันสิ้นโลก" หมายถึงยุคสุดท้ายที่พระเยซูจะเสด็จกลับมายังโลกครั้งที่ 2 (ครั้งแรกคือการที่พระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์และพลีชีพบนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปมนุษย์เมื่อสองพันกว่าปีที่ผ่าน) ซึ่งพระคัมภีร์ได้ทำนายและบอกไว้ว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญๆที่บ่งบอกให้เราทราบ ถึงวันสิ้นโลกหรือวันที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งดังนี้ ​
      1. ชนชาติยิวหรืออิสราเอลจะกลับคืนมามีประเทศอีกครั้งหนึ่ง
      ชาว ยิวหรือที่เรารู้จักกันในปัจจุบันคือประเทศอิสราเอลเป็นชนชาติที่พระเจ้าได้ เลือกสรรไว้ที่จะไม่มีวันสิ้นชาติไปจากแผ่นดินโลก เราเห็นได้ว่าในประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า เมื่อ 586 ปีก่อนพระเยซูจะเสด็จลงมาเกิดนั้น ชนชาติยิวหลงลืมพรเจ้าและพระองค์ได้อนุญาตให้อาณาจักรบาบิโลนซึ่งรุ่งเรือง มากในสมัยนั้นยกทัพมาโจมรคกรุงเยรูซาเล็มและจับพวกเขาไปเป็นเชลย ในยุคต่อๆมาชาวยิวจึงแตกกระจัดกระจายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วโลก(เหมือนม้งเรา เลย) เมื่อ2000ปีก่อนพระเยซูได้ตรัสไว้ว่าเมื่อไรก็ตามที่ชนชาติอิสราเอลกลับคืน มรตั้งประเทศได้อีกที จะไม่มีใครสามารถทำลายพวกเขาได้อีก และเมื่อท่านเห็นเช่นนั้นเป็นสัญญาณตัวหนึ่งที่บ่งบอกว่าใกล้วันที่พระเยซู จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
      ทุก ท่านอิสราเอลกลับคืนสู่ประเทศและสหประชาชาติรับรองเอกราชของประเทศนี้เมื่อ วันที่ 15 พฤษภาคม 1948 ว่าเป็นประเทศ เมื่อเริ่มแรกอิสราเอลมีพลเมืองไม่ถึง 1,000,000 คน (น้อยกว่าจังหวัดเชียงใหม่เราอีก)ได้ถูกกลุ่มอาหรับรังแกจนแทบจะตั้งตัวไม่ ติด และแล้วในเดือนมิถุนายน 1967 อาหรับ 5 ประเทศซึ่งมีประชากรกว่า 200,000,000 คนได้รวมตัวกันสู้รบและทำสงครามกับอิสราเอลซึ่งมีประชากรไม่ถึงหนึ่งล้านคน ทำการสู้รบกับประเทศอาหรับ 5 ประเทศเป็นเวลา 7 วัน ผลปรากฎว่าอิสราเอลขยี้อาหรับจนสิ้นฤทธิ์ เครื่องบินทิ้งระเบิดของประเทศอียิปต์และซีเรีย 4,000 กว่าลำยังไม่ทันบินขึ้นจากสนามบินก็ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มยับเยิน แต่อาหรับยังไม่ท้อและเลิกโจมตีง่ายๆ ปี1972ในเช้าของวันหยุดทางศานาของอิสราเอลที่กองทัพอิสราเอลไม่ได้เตรียมตัว และตั้งตัวทันก็ถูกโจมตีจากอาหรับอีก(เหมือนหนังเรื่อง Pearl Harberเลย) คราวนี้ยืดเยื้อไปถึง 14 วัน แต่สุดท้ายอาหรับก็ต้องสยบยอมแพ้อีกเช่นเคย
      [​IMG]
      ชน ชาติอิสราเอลจะไม่มีใครทำลายได้ (แม้แต่ฮิตเลอร์ที่มีกองทัพเกรียงไกรและไล่เข่นฆ่าชาวยิวจนกองได้เป็น ภูเขาๆ) นั่นเพราะพระเจ้าจะให้พวกเขากลับมาหาพระองค์ เมื่อเวลาที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาอีกครั้ง ทำไมอเมริกาและยุโรปมักจะอยู่ข้างอิสราเอลทุกครั้งที่เกิดปัญหาที่ตะวันออก กลาง นั่นเป็นเพราะเขาตระหนักดีว่าไม่มีใครจะปรบมือสู้รบกับประชากรที่พระเจ้า เลือกได้
      2. เหตุการณ์ทางการเมือง
      (จากพระธรรม มัทธิวบทที่ 24 ข้อ 6 - 7)
      2.1 สงคราม
      ก่อน วันที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา ประเทศต่างๆในโลกจะมีการแย่งชิงอำนาจ และความเป็นใหญ่ โดยการทำสงครามกัน จะมีการเกลียดชัง และเอาเปรียบกันซึ่งนำไปสู่การสู้รบที่รุนแรง นับแต่วันที่พระเจ้าสร้างโลกใบนี้มา ไม่มีสงคราใดจะใหญ่โตเลย จนกระทั่ง
      - ศตวรรษที่ 20 ก็ได้อุบัติสงครามโลกครั้งที่ 1 (ปี 1914 - 1917 ) และสงครามโลกครั้งที่ 2 (1939 - 1945) ปะทุขึ้น มีคนเสียชีวิตมากว่า 29,000,000 คน
      - สงคราเกาหลี (1950 - 1953 ) และสงครามเวียตนาม (1968 - 1972) ได้คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 10,000,000 คน
      ปัจจุบันมีการสู้รบกันประปรายในประเทศต่างๆทั่วโลกไม่น้อยกว่า 20 สงครามในทุกๆวัน
      2.2 การรวมตัวกันของประชาชาติต่างๆ
      เห็น ได้จากการรวมตัวกันของสหภาพยุโรปหรืออียู (E.U. = Europe Union) เป็นการรวมตัวกันของ 11 ประเทศในยุโรป ไม่ใช่สิ่งที่เป็นปรากฎการณ์ใหม่หรือแปลกประหลาดอะไรเลย เพราะในพระคัมภีร์ในพระธรรมดาเนียลบทที่ 7 ข้อ 19และ 24 ได้ทนายไว้เกือบ 500 ปีก่อนสมัยที่พระเยซูคริสต์จะเกิดเสียอีก และในพระธรรมวิวรณ์บที่ 17 ข้อ 12 ได้ทำนายไว้หลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว 95 ปีไว้อย่างชัดเจนว่าจะมีประเทศต่างๆ 10 ประเทศซึ่งเคยรวมตัวกันเป็นจักรวรรดิ์โรมันในสมัยก่อนกลับมารวมตัวกันอีก ครั้งก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง การรวมตัวนี้จะเกิดขึ้นเป็น 2 ช่วงคือ
      - ช่วงที่ 1 เป็นการรวมตัวกันเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็คือการประกาศใช้เงินสกุลยูโร(Euro)สกุลเดียวในช่วงปี 1999 ที่ผ่านมา (หรือแม้ASEANเราที่กำลังเป็นประเด็นพูดคุยกันอยู่ในปัจจุบัน ล่าสุดการประชุมคณะรัฐมนตรีต่างประเทศที่ประเทศกัมพูชาที่ผ่านมาก็ได้หยิบยก ประเด็นนี้มาพูดอีกครั้งและมีการพูดถึงการใช้เงินสกุลอาเซียนเราด้วย)
      - ช่วงที่ 2 จะมีการรวมตัวทางการเมืองคือ มียุโรปเดียว รัฐบาลเดียว ซึ่งในช่วงที่สองนี้กำลังมีการเจราจารายละเอียดอยู่ในขณะนี้ พระคัมภีร์ทำนายไว้ว่าจะมีการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ นั่นหมายถึงอาจมีหนึ่งประเทศถอนตัวในอนาคตอย่างแน่นอน
      3. เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ (จากพระธรรมมัทธิวบทที่ 24 ข้อ 7 )
      3.1 เกิดการกันดารอาหารทั่วโลก
      เมื่อ ปี 1800 ประชากรของโลกมีจำนวน 2,000,000,000 คน (สองพันล้านคน)ปี 1950 เพิ่มเป็น 3,000,000,000 คน (สามพันล้านคน)เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1999 ประชากรโลกมี 6,000,000,000 คน (หกพันล้านคน) นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าอีก 50 ปีข้างหน้าน้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดไปจากโลกนี้
      ทุกวันนี้ประเทศ เอธิโอเปียมีคนตายเพราะขาดอาหารวันละ 3,000 คน นักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่าแต่ละวันประชากรโลก 2,000,000,000 คน(สองพันล้านคน)มีอาหารกินอิ่ม อีก 2,000,000,000 คน (สองพันล้านคน)มีอาหารกินอย่างเร้นแค้นและกินไม่อิ่ม ในขณะที่อีก 2,000,000,000 คน(สองพันล้านคน)ไม่มีแม้แต่จะกิน (ครบ 6,000,000,000 ล้านคนพอดี)
      [​IMG]
      3.2 เกิดโรคระบาด (ในพระธรรมลูกาบทที่ 21 ข้อ 11และพระธรรมวิวรณ์บทที่ 6 ข้อ
      ปัจจุบัน โรคเอดส์ โรคอีโบล่า โรคฝีดาษลิง ล้วนแต่เป็นโรคสายพันธ์ใหม่ที่ยังไม่มียารักษาให้หายได้ โดยเฉพาะโรคเอดส์ที่เพิ่งค้นพบในปี 1982 ระยะเวลาอันสั้นแต่ปัจจุบันคนทั่วโลกติดเชื้อHIVนี้เข้าไปแล้ว 40,000,000 คน (สี่สิบล้านคน) ในจำนวนนี้ 1,500,000 คนเป็นเด็ก และในปี 1999ที่ผ่านมามีคนตายด้วยโรคเอดส์แล้ว 2,600,000 คน (ในขณะที่ประเทศไทยคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีคนไทยติดเชื้อเอดส์ถึง 4,000,000คน)
      4. เหตุการณ์ทางธรรมชาติ (จากพระธรรมมัทธิวบทที่ 24 ข้อ 7)
      คัมภีร์ ทำนายไว้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ทั่วโลก ซึ่งจะคร่าชีวิตคนเป็นแสนๆทีเดียว ตลอด 20 ปีท่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวในอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย อัฟกานิสถาน ตุรกี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้มีคนเสียชีวิตนับล้านคนและทรัพย์สินสูญหายมหาศาล ลำดับคร่าวๆได้ดังต่อไปนี้
      - ปี ค.ศ. 1000 - 1008 มีแผ่นดินไหว 21 ครั้ง (ในช่วงระยะเวลา 800 ปี)
      - ปี 1800 - 1900 มีแผ่นดินไหว 18 ครั้ง (เป็นเวลา 100 ปี)
      - ปี 1900 - 1950 มีแผ่นดินไหว 33 ครั้ง (50 ปี)
      - ปี 1950 - 1990 มีแผ่นดินไหว 93 ครั้ง (40 ปี)
      - ปี 1990 - 1999 มีแผ่นดินไหว 103 ครั้ง (9 ปี)
      หาก สังเกตตัวเลขในวงเล็บจะพบว่า ระยะเวลายิ่งน้อยลงเท่าไหร่จำนวนของแผ่นดินไหวก็ทวีมากขึ้นเท่านั้น และทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหว จะมีคนเสียชีวิตนับพันขึ้นไป

      5. เหตุการณ์ทางสังคม (จากพระธรรมมัทธิว บทที่ 21 ข้อ 12)
      5.1 ความรักความผูกพันจะเยือกเย็นลง (พระธรรมมัทธิวบทที่ 24 ข้อ 12 และ 2ทิโมธีบทที่3ข้อ 1 - 4 )
      มนุษย์ จะเห็นแก่ตัว ความเกลียดชังจะทวีขึ้น การให้อภัยกันแทบจะไม่มี ความโหดร้ายทารุณจะทวีความรุนแรงขึ้น เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธ์สมัยนาซี และที่ประเทศเขมร มนุษย์ดุร้ายเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
      5.2 ความรักทำให้ครอบครัวมั่นคงกำลังเสื่อสลาย
      สถิติรวมทั่วโลกมีการหย่าร้าง 50%ต่อปี โลกต้องสูญเสียเงินจำนวน 25,000,000 บาท(ยี่สิบห้าล้านบาท)ต่อปีในการทำแท้ง
      [​IMG]
      6. เหตุการณ์ทางฟ้าอากาศ (จากพระธรรมมาระโก บทที่ 13 ข้อ 24 -25)
      ใกล้วันที่พระเยซูคริสต์จะกลับมาท้องฟ้าจะแปรปรวน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวจะไม่ส่องแสง ลมฟ้าอากาศจะทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนไป
      7. ความรู้มนุษย์จะทวีคุณ (จากพระธรรมดาเนียลบที่ 12 ข้อ 4)
      7.1 ความรู้ทางวิชาการ
      ความ รู้ของมนุษย์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกๆ 8 ปี ความรู้ที่ตีพิมพ์เป็นเล่มหนังสือนั้นเฉลี่ยแล้วปีละ 500,000 กว่าเล่ม ถ้าจะอ่านอย่างละเอียดต้องใช้เวลาถึง 1,0000000 ปีจึงจะอ่านจบ (แค่มหาลัยเชียงใหม่เดียวแต่ละปีมีวิทยานิพนธ์ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเล่มแล้ว) เทคโนโลยีและระบบComputorทำให้ความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะความรู้ของมนุษย์ทวีคุณขึ้นอย่างรวดเร็ว มีคนกล่าวว่าเด็กชั้นประถมปัจจุบัน รู้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากกว่านักวิทยาศาสตร์เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
      7.2 การสื่อสาร
      เมื่อ 50 ปีที่แล้ว การส่งจดหมาย ระยะทาง 100 กิโลเมตรต้องใช้เวลา 7 วัน ปัจจุบันสามารถถ่ายทอดเนื้อหาหนังสือทางEncyclopedia 25 volumesประมาณ 35,000 หน้าโดยใช้เวลาเพียง 3 วินาทีทางอิเลคทริคส์เท่านั้น
      7.3 การเดินทาง
      ใน สมัยจักรพรรดิ์ซีซาร์แห่งกรุงโรม (ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของมนุษย์โลก) และในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก การเดินทางไม่ต่างกันเลย คือ ใช้ม้าหรือสัตว์เป็นพาหนะ แต่ปัจจุบันเครื่องบินเจ็ทรุ่นใหม่สามารถบินรอบโลกได้โดยใช้เวลาเพียง 80 วินาทีเท่านั้น (1นาทีกับอีก20วินาที) และยานอวกาศสามารถบินทะลุทะลวงอวกาศได้ถึงชั่วโมงละ 200,000 ไมล์ (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า1 ไมล์เท่ากับ 3 กิโลเมตรครึ่งหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครชัวร์แชร์กันได้)
      [​IMG]

      ทุก ท่าน ท่านอาจเห็นว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหล ชวนปวดหัวและตระหนกตกใจเปล่าๆ แต่ท่านลองพิจารณาดูว่าตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์โลกที่ผ่านมาใช่อย่างที่ คัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้หรือเปล่า ท่านอาจพบว่าเรื่องของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ในHOLY BIBLEเป็นเรื่องที่เหลวไหลและโกหกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาหรือเป็นเรื่อง จริงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา อยู่ที่ตัวท่านเองครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นบุรุษนามชื่อเยซูคริสต์ก็ต้องเป็นนักโกหกที่เก่งที่สุดในโลก เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามพระเยซูคริสต์บอกว่า อย่าตระหนกหรือตกใจเลย เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิด และยังตรัสอีกว่า
      "เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดา(สวรรค์)ได้ นอกจากมาทางเรา"

      เพิ่มเติม
      เหลือเชื่อ วิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ คำทำนายบังเอิญสอดคล้องกันอย่าง ไม่น่าเชื่อ! เตือนปีนี้เมืองไทยจะประสบภัยพิบัติหนักสุด จับตาสิงหาคมถึงปลายปี น้ำท่วมใหญ่เมืองกรุง ไต้ฝุ่นถล่มอ่าวไทยซ้ำรอยสหรัฐ "สมิทธ" ระบุน้ำท่วมภาคเหนือเป็นสัญญาณเตือน! ​
      จากสถานการณ์ น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างไม่คาดคิด มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 50 ราย และสูญหาย นับร้อยนั้น ทำให้หลายหน่วยงานต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ ซึ่งล่าสุดปริมาณน้ำท่วมขังยังไม่มีที ท่าจะลดลงและสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก ที่ สำคัญมีการออกมาเตือนว่าอุทกภัยในปีนี้อาจจะขยายวงกว้างมาถึงภาคกลาง และ กทม.ด้วย ขณะที่อีกกลุ่มไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ​
      สำหรับกลุ่ม นักธรณีวิทยา และอุตุนิยมวิทยา ที่เชื่อว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นกับประเทศไทย หนักกว่าที่ผ่านๆ มา ยืนยันจากข้อมูลสถิติและเชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก โดยเฉพาะปรากฏการณ์ลานีญา หรือน้ำท่วม ใหญ่ พายุถล่มที่กำลังจะมาเยือนเมืองไทยในปีนี้ ซึ่งอีกกลุ่มหนึ่งมองว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนั้นจะสอด คล้องกับคำทำนาย หรือการตีความของไบเบิ้ล โค้ดอย่างไม่น่าเชื่อ... ​
      [​IMG]
      เตือนคนไทยรับมือภัยพิบัตินับแต่นี้
      รศ.ดร.ธนวัฒ น์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ศึกษาเรื่องภัยพิบัติ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ศึกษาเป็นการล่วงหน้าในปี 2007 ร่วมกับองค กรนานา ชาติที่ศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลก พบ ว่านับตั้งแต่ปีนี้การเกิดภัยพิบัติในไทยและทั่วโลกจะมีมากขึ้นถึง 20% ในทุกๆ ปี โดยเฉพาะประเทศจีนและยุโรปจะรุนแรงมาก ​
      ทั้งนี้ จากเหตุการณ์น้ำท่วมแผ่นดินถล่มใน จ.อุตรดิตถ์ เป็นปรากฏการณ์เชื่อมโยงกับความปรวนแปรของภูมิอากาศโลก ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะ โลกร้อนโดยตรง ขณะนี้กระแสน้ำในทะเลแปรปรวน ปรากฏการณ์ลานีญาจะทำให้ฝนตกมากในไทยและเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ทางตอนใต้ของจีน โดยจะเกิดพร้อมๆ กับแผ่นดินถล่ม ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่นับแต่นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ​
      รศ.ดร.ธนวัฒ น์ กล่าวอีกว่า จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปจะทำให้ฤดูร้อนในไทยอาจลาก ยาวจากเดือน มี.ค. เม.ย. ไปถึงเดือน พ.ค. โดย ภาพรวมแล้วไทยจะมีฝนตกมากขึ้นและมีการแปร ปรวน คือฝนตกมากขึ้นในทุกๆ ปีประมาณ 30% ถ้าเทียบกับช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จะทำให้เกิดภัยพิบัติ ก่อให้เกิดแผ่นดินถล่ม น้ำท่วมและภัยแล้ง ในปีเดียวกัน ​
      "เรื่องภัย พิบัติเราคนไทยจะต้องเจอทุกปีและ จะต้องมีการเตรียมพร้อม เผลอๆ ปีนี้ภาคกลางจะเจอค่อนข้างสูงโดยเฉพาะพายุไต้ฝุ่น หรือ Tropical Storm และพายุโซนร้อนที่มีกำลังแรงมาก ขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น 10-20% ส่วนภาคอีสานให้ระวังในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และยังมีแนวโน้มมาทางอ่าวไทยซึ่งมาจากทิศตะวัน ตกมากขึ้น เพราะว่าเมื่อก่อนบ้านเราพายุไต้ฝุ่นเข้า ทางดานัง แหลมญวน หรือทางไต้หวัน จีนใต้ เมื่อมาถึงไทยก็อ่อนกำลังลง" ​
      [​IMG]
      ระวัง กทม. ซ้ำรอย "นิวออร์ลีนส์
      รศ.ดร.ธนวัฒ น์ ย้ำและเตือนว่าจากพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงอาจมีผลทำให้เกิดน้ำท่วมใน ทุกภาคของไทย ช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. ปีนี้ โดยเฉพาะ กทม.ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยสูง มีโอกาสเกิด น้ำท่วมใหญ่ 3 เมตร เหมือนปี 2485 และปี 2496 เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นที่หมุนเข้าอ่าวไทยโดยตรงบริเวณ ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและอ่าวไทยตอนบนซึ่งน่ากลัวมาก ประกอบกับน้ำเหนือที่จะไหลมาสมทบกรุงเทพฯ จะเหมือนนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นแหล่งกระทะเพราะพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 50 เซนติเมตร ​
      นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ จะมีผลกระทบต่อพืชพรรณธัญญาหารที่มีผล ผลิตลดลง และยิ่งไปกว่านั้นจะก่อให้เกิดโรคภัย ไข้เจ็บตามมา โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ เช่น โรคไข้หวัดนกที่อาจกลายเป็นไข้หวัดที่ติดต่อไปยังคน โรคซาร์ส และโรคอุบัติซ้ำ โรคในอดีตจะกลับมาอีก เช่น ฝีดาษ ไข้ทรพิษ ​
      "ผมไม่กลัว เรื่องภัยพิบัติจากน้ำ เพราะเราสามารถประกาศเตือนได้ในการอพยพคน แต่รัฐบาลต้องเน้นเรื่องการศึกษาวิจัยเรื่องภัยพิบัติให้มาก และสนใจทั้งการเตือนภัย การป้องกันโดยใช้หลักวิชาการ แต่โรคที่จะตามมาผมว่าน่ากลัวมากกว่า คิด ว่าคนจะตายเป็นเบือ หรือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มาจากค้างคาวแม่ไก่ บริเวณ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มี พาหะนำโรค เมื่อมาติดคนทำให้ตายได้" ​
      ทั้งนี้เห็น ว่า การติดตั้งสัญญาณเตือนภัยพิบัติทางน้ำ โดยใช้งบประมาณไม่มาก ในพื้นที่ 270 กว่าหมู่บ้าน ที่กรมทรัพยากรธรณีทำการสำรวจว่า เสี่ยงต่อแผ่นดินถล่มว่า โดยการตั้งเครื่องเตือนภัยวัดระดับน้ำในหมู่บ้านและเชื่อมระบบกับกรมอุตุ นิยมวิทยาจะเป็นการดีกว่าติดตั้งหอเตือนภัยในพื้นที่ที่เกิดสึนามิ ​
      กรีนเฮาส์เอฟเฟกต์ กระทบทั่วโลก ​
      ขณะที่ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นระบบควบคุมการลงจอดบนดาวอังคารของยานอวกาศไวกิ้ง 2 ลำ เมื่อปี ค.ศ.1976 กล่าวว่า การที่เกิดภัยพิบัติขึ้นในประเทศไทยบ่อยๆ นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เรือนกระจกอย่างแน่นอน เพราะจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ส่งผลกระทบต่อทั้งโลก และในหลายพื้นที่ไม่เฉพาะประเทศไทย อย่างฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ก็มีผลกระทบทั้งสึนามิ แผ่นดินถล่มต่างๆ ​
      ส่วนเรื่อง "ลานีญา" นั้น สมมติว่าฝั่งแปซิฟิก ฝั่งหนึ่งเกิดความแห้งแล้ง แต่อีกฝั่งที่อยู่ตรงกันข้ามจะมีน้ำมากผิดปกติ โลกเลยดึงเอาความร้อนไปข้าง และความเย็นมาอีกข้างทำให้เกิดความไม่สมดุล ถือเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติเพราะไม่ค่อยเกิดขึ้น ซึ่งปกติทะเลก็ได้เปลี่ยนทิศมาหลายปีแล้ว จากที่เมื่อก่อนไทยเราเคยแห้งแล้งมาก แต่ทางฝั่งอเมริกาใต้จะมีพายุฝนตกหนักตลอด ​
      อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหตุการณ์ "ลานีญา" หมุนมาที่ฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางบ้านเราก็จะมีพายุ น้ำหลากกันตลอด ซึ่งตอนนี้เป็นที่น่ากังวลว่าระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอีกหรือไม่ เพราะถ้า ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเราก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิอีกครั้ง โดยที่เราไม่สามารถบอกได้เลยว่า "ลานีญา"จะมีการเคลื่อนตัวอย่างไร และอีกนานเท่าไรกว่าจะเคลื่อนตัวออกไป ​
      ดร.อาจอง ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ขั้วแม่เหล็ก โลกพลิกตัวว่า ไม่ได้เกิดขึ้นมาง่ายๆ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้พลิกตัวอะไร จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมากกว่า แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์น้ำทะเลสูงขึ้นมากๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ซึ่งถ้าขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวจริงจะส่งผลร้ายคือ โลก จะดึงพลังงานจากดวงอาทิตย์สูงเพิ่มขึ้นในบางจุดของโลก และจะส่งผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตในพื้นที่นั้นๆ ​
      แย้ง "โลก...ไม่แตก"แต่อีก 12 ปีเปลี่ยน
      อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเมื่อปีที่แล้ว ดร. อาจอง เคยกล่าวว่า ในการสำรวจดาวอังคารหรือเตรียมจะอพยพคนออกไปจากโลก ไม่ได้หมาย ความว่าโลกกำลังจะแตกจริงอย่างที่ทำนายกัน เพียงแต่ว่าขณะนี้โลกของเราอาจกำลังจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากมนุษย์ด้วยกัน เพราะว่าเราทำลายป่าไม้ เผาผลาญพลังงานมากเกินไป ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จนเกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น จนน้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลาย รวมทั้งทำให้เกิดพายุไต้ฝุ่น พายุเฮอร์ริเคน ซึ่งเกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อม ​
      "จาก เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น จากภาวะเรือนกระจก ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น วิกฤติอันนี้เกิดจากภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลก ถ้าระดับน้ำทะเลมันสูงขึ้น มันก็จะเกิดน้ำท่วมในหลายๆ จุด แล้วถ้าลองคิดว่า น้ำทะเลมันขึ้นแค่ 2 เมตร กรุงเทพฯของเราก็คงไม่มีแล้ว เพราะกรุงเทพฯเราอยู่เหนือน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร แล้ว ถ้าน้ำมันสูงระดับนั้นจริงๆ มันต้องท่วมเข้ามาในภาคกลางของประเทศไทย และบางประเทศก็อาจ ต้องสูญหายไป อย่างน้อยก็ประมาณเศษหนึ่งส่วน สามของหมู่เกาะแถบอันดามันก็อาจจะหายไปเลย ​
      ผมคาดว่าอีก 12 ปี โลกของเราจะเปลี่ยน แปลงไป ซึ่งแต่ละศาสนาก็เคยมีการทำนายเอาไว้แล้วว่าโลกของเราจะต้องเกิดวิกฤติ แต่การที่จะ ไปถึงจุดนั้นได้ มนุษย์เราคงต้องโดนกระตุ้นจาก ธรรมชาติเสียก่อน" ​
      [​IMG]
      เตือน กทม.รับมือน้ำท่วมใหญ่
      นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานอำนวยการคณะกรรมการภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า การคาดการณ์ของตนที่เชื่อว่าปีนี้กรุงเทพฯ และภาคกลาง อาจประสบปัญหาฝนตกและน้ำท่วมอย่างรุนแรง เนื่องจากภาวะโลกร้อนและสภาวะอากาศแบบลานีญา โดยเฉพาะในเดือน ต.ค. พ.ย. และ ธ.ค.เป็น ช่วงเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ในภาคกลางนั้น เป็นการมองจากข้อมูลและสถิติรวมทั้งประสบการณ์การทำงานของตนตลอดระยะเวลาที่ ผ่านมา ​
      โดยเหตุการณ์ น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับสภาพอากาศเมืองไทย ซึ่งจากการวัดปริมาณน้ำฝน 2 วันนั้น สูงถึง 390 มิลลิเมตร ถือว่าเข้าขั้นภัยพิบัติแล้ว เพราะตามปกติถ้าปริมาณน้ำฝนสูงเกิน150 มิลลิเมตร ก็จะทำให้น้ำป่าไหลหลากแล้ว ​
      นอกจากนี้ ยังมองว่าในเมืองไทยจะเผชิญกับฝนต่อเนื่องไปอีกถึงปลายปี เนื่องจากได้รับอิทธิพล ของปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนและสภาวะอากาศแบบลานีญา ที่เคยเกิดขึ้นที่สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ทำ ให้เจอกับพายุเฮอร์ริเคนหลายลูกและบางเมืองจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนปีนี้ภาวะโลกร้อนส่งอิทธิพลมาประเทศ แถบเอเชีย เหนือเส้นศูนย์สูตรของประเทศไทยพอดี โดยปรากฏการณ์ลานีญาจะกินเวลาประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้จนกระทั่งส่งผลในเดือนนี้และจะมีผลไปถึงปลาย ปีอย่างแน่นอน ​
      "สำหรับภาวะ อากาศแบบลานีญานั้นสังเกตได้จากน้ำในทะเลจะอุ่นและร้อนขึ้นจนระเหย กลายเป็นไออยู่ในอากาศ ทำให้เกิดการรวมตัวกับก้อนเมฆและทำให้ฝนตกหนักหลายพื้นที่ รวมทั้งเป็นตัวการให้เกิดพายุด้วย ปีนี้นอกจากน้ำท่วมแล้วเมืองไทย อาจจะต้องประสบกับพายุหลายลูกทีเดียว ประมาณช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ซึ่งมีความเป็น ไปได้ว่า จะเข้าทางฝั่งอ่าวไทยทางประเทศเวียดนาม ลาว และมาถึงไทย อยู่ที่ว่าจะโดนเต็มๆ หรือแค่ห่างๆ เท่านั้น" ​
      [​IMG]
      ชี้การเตือนภัยช่วยรับมือภัยพิบัติ
      นายสมิทธ กล่าวอีกว่า นับจากนี้หากยังมีฝนตกต่อเนื่องในภาคเหนือไม่ว่าจะตกหนักหรือตกเบา ไปจนถึงเดือน ธ.ค. ก็จะทำให้มีปริมาณน้ำที่ ถูกกักเก็บตามเขื่อนต่างๆ ระบายไม่ทัน ประกอบ กับมรสุมที่ค่อยๆ เลื่อนลงมาจากภาคเหนือมาภาค กลางและลงไปยังภาคใต้ เดือน ต.ค.-พ.ย. และในเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมีน้ำทะเลหนุน โอกาส ที่น้ำเหนือจะระบายออกทางแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปได้ยากก็จะทำให้เกิดน้ำท่วม ฉับพลันในภาคกลางและกรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะหนักเหมือนเมื่อปี 2528 หรือ 2538 ที่มีน้ำท่วมใหญ่ก็ได้ ​
      "ปริมาณน้ำ เหนือในขณะนี้ไม่มีผลกระทบต่อ กทม. แน่นอน แต่ช่วงเวลาที่เหลืออีกหลายเดือน นั้นอาจจะเกิดขึ้น หากไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือก็จะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะใน กทม. เศรษฐกิจจะหยุดชะงักเสียหายมหาศาล" ​
      สำหรับการ เตือนภัยนั้น ตนมองว่า เป็นสิ่งสำคัญเพราะสิ่งต่างๆ นั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต โดยในช่วง 55 ปี ที่ทำงานมาพบว่ามีความ เสียหายจากภัยพิบัติ อุทกภัย มูลค่ากว่าแสนล้าน บาททีเดียว ไม่รวมการสูญหายและเสียชีวิต จึงเชื่อว่าการเตือนภัยเป็นสิ่งจำเป็นและช่วยให้ประชา ชนรอดชีวิต แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่าเสียเงินโดย ใช่เหตุ แต่ตนมองว่างบประมาณเพียงหลักร้อยล้านบาทไม่มากในการรักษาชีวิตและทรัพย์สิน เพราะนับจากเกิดเหตุการณ์สึนามิเป็นต้นมา ประเทศไทยน่าจะประสบกับภัยพิบัติหนักขึ้น ​
      ส่วนการติด ตั้งสัญญาณเตือนภัยนั้น แผนแรกได้ติดตั้งแล้ว 71 จุด ในชายฝั่งอันดามันและ มหาสมุทรอินเดีย และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผนที่ 2 ซึ่งกำลังติดตั้งในอ่าวไทยทั้งหมด 48 จุด และแผนที่ 3 จะติดตั้งในพื้นที่ภาคเหนือ-ภาคอีสาน-ภาคกลางตอนล่างทั้งหมด โดยกำหนดการจะทำภายในสิ้นปีนี้ และกำลังจะเสนอของบฯ เข้าไป เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือขึ้นมา ทำให้รอไม่ได้แล้ว โดยศูนย์เตือนภัยนี้สามารถเตือนได้ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม โคลนถล่ม โดยจะมีการประกาศออกไปทั่วพื้นที่ให้ประชาชนได้ยิน ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับหอเตือนภัยสึนามิทุกประการ แต่ในเบื้องต้นที่ยังไม่มีเครื่องมือ ก็จะขอประกาศเตือนผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจก่อน อาจจะเตือนล่วงหน้าเป็นวันหรือเตือนก่อน ล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง เพราะปัจจุบันนี้ข้อมูลของกรมอุตุฯ มีความรวดเร็วและน่าเชื่อถือมากขึ้น ​
      ถอดรหัสคำทำนายไบเบิ้ลโค้ด
      หลังจากเกิด เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดภาคเหนือมีหลายคนมองว่าสอดคล้องกับคำ ทำนายของหมอดูและจากการถอดรหัสของ ไบเบิลโค้ดอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนี้จึงมีการฟอร์เวิร์ดเมลคำทำนายของโหรโสรัจจะหมอดูชื่อดัง ซึ่งระบุว่า จะเกิดภัยพิบัติในเดือนสิงหาคม โดยจะเกิดดีเปรสชั่นผ่านตอนเหนือของประเทศ น้ำป่าเริ่มไหลบ่าจากทางเหนือและอีสานลงมาทางใต้ ต่อเลยมาถึงกรุงเทพฯ เขื่อนทั้งเล็กและใหญ่จะพังทลาย เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด พืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายยิ่งกว่าครั้งใด กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลายาวนาน ​
      ปลายเดือนจะ มีเรือชนกันเสียหายที่อ่าวไทย เรือบรรทุก น้ำมันเสียหายที่สุด น้ำทะเลจะเต็มไปด้วยคราบ น้ำมัน ปลายเดือนสนามบินแห่งใหม่ซึ่งเป็นคำทำนายที่ปรากฏอยู่ในหนังสือศาสตร์แห่ง โหร 2549 ส่วนในไบเบิลโค้ด ที่ถูกถอดรหัสอกมานั้นระบุว่า ประเทศไทยจะถูกทำลายล้างในวันที่ 28 สิงหาคม 2006 เช่นกัน ทำให้คนกล่มหนึ่ง ที่ได้รับเมลมีความตื่นตระหนกกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับเมืองไทย และกรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง เหมือนเมื่อปีที่แล้ว... ​
      อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า ตนเคยทำนายไว้ในตำรา ศาสตร์แห่งโหรเช่นกันว่า ประมาณวันที่ 24 พ.ค. จะเป็นช่วงที่เกิดภัยทางน้ำครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ ทางภาคเหนือ เนื่องจากเป็นช่วงที่ดาวอังคารยกเข้ามาราศีกรกฎ ซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ และดาว เสาร์จรเข้าราศีกรกฎเช่นเดียวกัน ในทางโหราถือว่ากรกฎหมายถึงทิศเหนือ ส่วนราหูอยู่ในราศีมีน ก็เป็นราศีธาตุน้ำเช่นกัน เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมในภาคเหนือหลายคนก็โทร.มาบอกว่าไม่ น่าเชื่อ ซึ่งอิทธิพลของดาวบาปเคราะห์ที่มีความ สัมพันธ์กันนั้นอาจจะส่งผลนานกว่าหนึ่งเดือน หลังจากนี้ยังต้องระวังจะเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน และอุบัติภัยรุนแรง โดยเฉพะในดือน มิ.ย.นี้ ซึ่ง มีช่วงที่อังคารจะโคจรมาทันดาวเสาร์ในราศีกรกฎ ​
      [​IMG]
      หมอดู เตือนเกิด"สึนามิบก"
      ด้าน นายกิจจา ทวีกุลกิจ หรือ "หมอนิด" หมอดูซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ดวงตกอย่างหนัก ​
      "ดวงของผู้นำ ส่งผลให้เหตุการณ์บ้านเมือง เป็นแบบนี้ น้ำท่วมโดยไม่คาดคิดก็เหมือนกัน ต่อไปเมืองไทยยังต้องเจอเหตุการณ์อีกเป็นระลอก ไม่ใช่เฉพาะแค่เหตุการณ์ภาคใต้เดือด ภาคเหนือน้ำท่วม เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เท่านั้น น้ำท่วมปีนี้ไม่รุนแรง ไม่ยืดเยื้อ แต่ถ้าจะดูน่ากลัวละก็ ผมว่าปีหน้าน่ากลัวมากกว่าอีก ต้อง ระวังทั้งเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ ทุกอย่างต้องระวัง ธุรกิจก็จะซบเซายิ่งกว่านี้ เรียกว่าเกิดสึนามิบกเลยทีเดียว แล้วคราวนี้ชาวบ้านรับไปเต็มๆ ​
      เหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น มันไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะดวงผู้นำไม่ดีจึงทำประเทศชาติมีปัญหา ก็เหมือนกับคนเป็นพ่อบ้าน ถ้าพ่อบ้านมีปัญหาลูกๆ ในบ้านก็เดือดร้อนไปด้วย ลองย้อนกลับดูสิว่าตอนช่วงเทอมแรกที่นายกฯทักษิณ อยู่ในตำแหน่ง ช่วงนั้นดวงดี บ้านเมืองก็สงบเรียบร้อยดี แต่หลังๆ มานี่ดวงเขาไม่ดี บ้านเมืองก็วุ่นวายไปหมด" ​
      พระบารมี"ในหลวง" ปัดเรื่องร้ายผ่านไป
      นายกิจจา กล่าวต่อไปว่า อยากให้จับตาดูช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม จะเกิดเหตุการณ์ "ฟ้าผ่า" ในเมืองหลวง โดยฟ้าผ่าที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่หมายถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงของระดับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็น เรื่องที่เหนือความคาดหมายและเกิดบานปลายอย่างไม่คาดคิด ​
      นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องพบกับปัญหาทางเศรษฐกิจไปอีกยาวจนถึงปี 2551 และน่าจะฟื้นในปี 2552-2553 และก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นนั้น ตนขอทำนายว่า รัฐบาลจะไม่มีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ​
      นายกิจจา กล่าวด้วยว่า ภัยธรรมชาติและความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยยามนี้นั้น ตนมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เพราะ พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งปีนี้เป็นปีมหามงคล พระบารมีของพระองค์จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้กับคนไทย 60 กว่าล้านคน อีก ทั้งประชาชนยังยึดพระองค์ท่านเป็นหลักทำให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ไปได้ ​
      ไขความลับใน "ไบเบิ้ลโค้ด"
      นายไทยรักษ์ ตั้งประกาศิต นักธุรกิจไทยที่ศึกษาเรื่อง "ไบเบิ้ลโค้ด" (Bible Code) เคยระบุ ถึงคำพยากรณ์ที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า คำทำนายที่ปรากฏนั้นสามารถบอกถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของทุกประเทศทั่วโลกที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกับที่พระคัมภีร์บอก ไว้หลายเรื่อง อาทิ เรื่อง เจ้าหญิงไดอาน่า มหาตมะ คานธี ประธานาธิบดี ลินคอล์น ฯลฯ ​
      สำหรับประเทศ ไทยนั้น นายไทยรักษ์ กล่าวว่า จากที่ได้ศึกษาพบว่าเหตุการณ์สำคัญในเมืองไทยทั้งในอดีตและอนาคตก็ถูกซุก ซ่อนอยู่ในไบเบิ้ลโค้ดเช่นกัน อาทิ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ชื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ​
      ส่วนเรื่อง ที่มีการทำนายว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ในอนาคตและประเทศไทยจะจมทั้งหมดนั้น นายไทยรักษ์บอกว่า "ผมเปิดรหัสท่วมแน่ 90% ใน ค.ศ.2005 (2548) ท่วมหนักเลย และสาเหตุไม่ใช่มาจากประเทศไทย แต่เป็นผลจากที่อื่นมากระทบเมืองไทย และเพชรบูรณ์จะเป็นเมืองใหม่ของกรุงเทพฯ" ​
      คำทำนายโลกาพิบัติจากเกจิดัง
      ทางเว็บไซต์ พลังจิตดอทคอม มีการโพสต์เรื่องการทำนายเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นคำบอกเล่าจากพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้เล่าให้หมู่ผู้ปฏิบัติธรรมฟังว่า ในปีพ.ศ.2548-2550 จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้น ซึ่งจะมีทั้งแผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ น้ำท่วมจากคลื่นในทะเลมีการระบาดของโรคร้ายชนิดแปลกๆ มี สงครามที่รุนแรงแต่ไม่ใช่สงครามโลก ปลายปี 2547 อาจจะได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างเป็นการชิมลาง ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2549 และ 2550 ​
      หลังปี 2550 ผู้คนบนโลกจะมีเหลือรอดไม่ถึง 1 ใน 3 แต่คนไทยจะโชคดีหน่อยที่มีชีวิตเหลือรอดมาได้ประมาณครึ่งหนึ่ง โดยที่ภาค ใต้ทั้งภาคจะหายไปจากแผนที่ ส่วนทางภาคกลาง ภาคตะวันออกบางส่วนก็จะจมทะเลอันเนื่องมาจากน้ำแข็งขั้วโลกทั้งสองละลายหมด น้ำทะเลจะ สูงขึ้น 10 เมตร โดยที่ในปี 2550 ระบบเงินตราทั่วโลกพังทลายหมด เงินหนึ่งดอลลาร์มีค่าไม่ถึงบาท การซื้อขายสินค้าก็จะใช้เป็นแบบของ แลกของ หรือใช้ทองคำแทนเงินในการซื้อขาย จากนั้นเหตุการณ์ก็จะค่อยๆ สงบลง แล้วผู้คนที่เหลือรอดก็จะมาเริ่มต้นกันใหม่ ​
      ประมาณปี 2552 เป็นต้นไปจะมีการเรียน การสอนวิชาสามและวิชาหก โดยฆราวาส 4 ท่านที่มีบารมีและพลังจิตสูงมากซึ่งจะมีการเรียน การสอนกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนการใช้โทรจิตติดต่อกันโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์บ้าน หลังจากนั้นจะมีการปรากฏตัวขององค์พระศรีอาริยเมตไตย การเรียนการสอนวิชาต่างๆ เหล่านี้ จะทำได้ที่เดียวในโลกคือประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องฟ้าลิขิต ​
      สุดท้ายเมือง ไทยจะได้รับการแต่งตั้งจากทั่วโลกให้เป็นศูนย์กลางสมาพันธ์โลกและศูนย์กลาง อารยธรรมใหม่ของโลก ภาษาไทยได้กลายเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลกทั้งหมดที่กล่าวจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2560 นี้ ​
      ขอบคุณที่มา...Tupr
      อ่านเสร็จแล้วคิดเห็นอย่างไร ก็เป็นความเชื่อแต่ละบุคคลนะครับ!!


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    คิดว่า...ปีใหม่นี้น่าจะจัดงานฉลองกันมาก (ต้องการสร้างบรรยากาศ)

    และจัดงานใหญ่โต (กลบเรื่อง...เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา)



     
  15. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    ด้วยความเคารพครับ ขอฝากบทวิเคราะห์ไว้ให้พิจารณาครับ
    จากกระทู้ วิเคราะห์ข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ.2555 - 2556

    ภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นน่าจะเริ่มจริงจังในปลายปี พ.ศ. 2555 - ต้นปี 2556
    อันนี้เป็นระยะแรกแต่จะไปสิ้นสุดคงใช้เวลาอีกประมาณ 5 - 6 ปี

    จากที่เราได้เคยวิเคราะห์ไว้แล้วใน กระทู้ วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ

    ข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ ผ่านคำบอกเล่าของคุณลุงทองใบ คำสี

    ระบุว่า " แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ
    กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง
    "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน
    เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.) "
    ---------

    ข้อมูลนี้อันที่จริงไม่ได้ระบุว่าเป็นปีใหม่ที่เป็นรอยต่อ 31 ธันวาคม 2554 -1 มกราคม 2555
    แต่คุณลุงตีความเอาว่าเป็นช่วงนั้น
    และคุณลุงยังลังเลอีกด้วยว่าอาจจะเป็นปีใหม่ไทยก็ได้คือ ช่วงสงกรานต์


    แต่เราขอวิเคราะห์แบบคนธรรมดาที่ไม่ได้มีญาณหยั่งรู้พิเศษใด ๆ
    เป็นแต่เพียงนำข้อมูลของท่านผู้รู้ต่างๆ มาวิเคราะห์

    เราวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์เริ่มต้นภัยพิบัติครั้งใหญ่ในระยะแรกนั้น
    คือช่วง
    ปีใหม่ที่เป็นรอยต่อ 31 ธันวาคม 2555 -1 มกราคม 2556
    ไม่ใช่อย่างคุณลุงพ่อของเด็กชายปลาบู่ตีความ

    เราวิเคราะห์ว่าไม่ใช่ปีใหม่ 1 มกราคม 2555 ที่กำลังจะถึงนี้



    สรุปคือตอนนี้เรามีสมมติฐาน 2 กรณี คือ
    กรณีที่ 1 คือ ประมาณวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555
    กรณีที่ 2 คือ ประมาณวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
    ( 2 กรณีนี้มีความคลาดเคลื่อนห่างกันถึง 365 วัน)


    เรามีข้อมูลสนับสนุนค่อนข้างน่าเชื่อถือว่า
    กรณีที่ 2 คือ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 หรือหลังจากนั้นจะมีภัยพิบัติใหญ่
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ประมาท
    กรณีที่ 1 คือในวันที่ 1 มกราคม 2555 ก็อาจมีภัยพิบัติ
    คือไม่แน่ว่าปลายปีนี้ 2554 ไปจนถึงต้นปี 2555 จะมีภัยอะไรเกิดขึ้นบ้าง
    เราเพียงอยากจะชี้ให้ระมัดระวังเรื่องการตีความเรื่องวันเวลาที่เกิดเหตุเท่านั้น

    หรืออาจเป็นไปได้ว่าคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
    และคำเตือนจากผู้รู้อีกหลาย ๆ ท่านนั้นเป็นคนละเหตุการณ์กัน

    เราขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเลือกที่จะรับฟังคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
    และคุณลุงทองใบ คำสี ว่าควรเชื่อดีหรือไม่

    แต่สมมติว่าคำเตือนดังกล่าวเป็นความจริง
    แต่เกิดความผิดพลาดในการตีความหรือในการบอกเล่า
    สมมติว่าวันที่ 1 มกราคม 2555 นี้ไม่มีภัยพิบัติใหญ่
    ก็จะมีผู้ประมาทและปรามาสว่าเป็นการหลอกลวง เป็นเรื่องแต่งขึ้น
    ทั้งที่จริง ๆ แล้วเด็กชายปลาบู่ต้องการสื่อสารว่าภัยพิบติจะเกิดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต่างหาก
    แต่จากการตีความที่ผิดพลาดทำให้เวลาคลาดเคลื่อนไปถึง 365 วัน
    ไม่ใช่ในวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
    เมื่อมีความคลาดเคลื่อนผู้คนก็จะประมาท

    สิ่งที่เราคาดการณ์อีกกรณีคือ
    จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เข้าใจหรือไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าสารมากเพียงพอ
    เข้าใจไปเองว่า 21 ธันวาคม 2012 หรือ 21 ธันวาคม 2555 จะเกิดภัยพิบัติใหญ่
    บางทีก็ลือกันไปถึงขนาดว่าโลกจะแตกสลาย
    พอถึงวันดังกล่าวเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น สื่อต่าง ๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
    ก็จะกระจายข่าวว่า เรื่องปี 2012 เป็นเรื่องแหกตา
    ผู้คนบางส่วนก็จะตกอยู่ในความประมาทมากขึ้นอีกครั้ง

    เขาเหล่านั้นจะมีความโล่งใจและฉลองต้อนรับปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 อย่างประมาท
    เขานับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. 2556 หรือปี ค.ศ. 2013 อย่างโล่งใจและหลงระเริง

    ช่วงปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่คนเกือบทั้งโลกมีความความประมาทขาดสติมากที่สุด...


    ข้อมูลพระอาจารย์รัตน์ระบุว่า
    วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ช่วงนั้นจะยังไม่มีอะไรหนักๆ ให้เห็น
    แต่พระอาจารย์ ให้ช่วงระวังเวลานั้นปลายปี 2012 ถึง กุมภาพันธ์ 2013

    ซึ่งตอนนั้นจะมีทั้งแกนโลกพลิก ภัยธรรมชาติใหญ่ๆ มากมาย และผู้คนจะล้มตายกันมาก

    ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

    ขอ เรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง



    ข้อมูลดังกล่าวท่านหมายถึง 21 ธันวาคม 2555 - 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นช่วงอันตราย

    ข้อมูลจากหลวงปู่สรวงที่กล่าวว่าจะมีภัยในปี 2555

    คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี
    ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้
    จะแรงบ้างหรือเบาบ้างขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่
    แต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556
    เหตุการณ์จะรุนแรงมาก

    จากข้อมูลที่หลายคนเชื่อว่าเป็นพุทธทำนายคือ
    ปีมะโรง "คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"
    เมื่อนำมาเทียบเคียงกับข้อมูลของคุณลุงเชียงใหม่และข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์
    เราคาดการณ์ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวติดต่อกันเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
    จนกระทั่งการเดินและการทรงตัวไม่สามารถเป็นไปได้ตามปรกติ
    ขอได้โปรดทราบว่า
    ปีมะโรงที่ีกำลังจะมาถึงนี้จะหมายถึงช่วงระหว่างวันที่
    วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2555 - 9 เมษายน พ.ศ.2556




    ขอทิ้งท้ายด้วคำเตือนของหลวงปู่สรวงท่านว่า
    "....ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เราไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว
    คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่..."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  16. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    <table id="post5391540" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175">Singhanat
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2011
    ข้อความ: 18
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5391540" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> ขอโอกาสชี้แจงประเด็นสำคัญ เรื่อง คืนปีใหม่ 55 หรือ 56 ??

    ตาม ที่มีหลาย ๆ ท่านเช่น คุณkaran20 ได้วิเคราะห์เรื่องวัน เวลา พ.ศ. ของเหตุการณ์ "ยามสอง คืนปีใหม่ แผ่นดินไหว คนไทยเมา" ในปีที่ 38 (พ.ศ.2555) ภายหลังที่เด็กชายปลาบู่เสียชีวิตนั้น !!

    กรณีที่หนึ่ง เนื่อง จากเวลายามสอง (22.00 - 24.00 น.) ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม นั้น ยังอยู่ในปี พ.ศ. 2554 เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงกว่าจะถึงพ.ศ. 2555

    ดังนั้น เหตุการณ์อาจจะยังไม่เกิดในปีใหม่ที่จะถึงนี้ก็ได้ เพราะเป็นยามสอง ของพ.ศ. 2554 เหตุการณ์อาจจะเกิดในยามสองของ พ.ศ. 2555 ซึ่งหมายถึง ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 หรือคืนปีใหม่ 2556

    กรณีที่สอง แต่ถ้าเด็กชายปลาบู่ หมายถึง "คืนปีใหม่" ของปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต หรือ "คืนปีใหม่" ของ พ.ศ. 2555 ซึ่งก็หมายถึงคืนปีใหม่ที่จะถึงนี้ ไม่ใช่"คืนปีใหม่" ของ พ.ศ.2556

    ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น 2 กรณีดังที่กล่าวมา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของครูบาอาจารย์และฆราวาสผู้ทรงอภิญญาญาณแล้ว น้ำหนักก็จะไปที่ ปลายปี 2555 ถึง ต้นปี 2556

    อย่างไรก็แล้วแต่ ก่อนจะถึงปีใหม่ปีหน้า ก็ต้องถึงปีใหม่ปีนี้ก่อน พวกเราก็เตรียมการป้องกันไว้ซักนิด ในคืนปีใหม่ ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชม. ถ้าไม่เกิดขึ้นก็เป็นที่น่ายินดี เพราะมหาชนไม่ต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ เราก็กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติและเหลือเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปี แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปีนี้ ก็หวังว่าพวกเราที่เตรียมการป้องกันเอาไว้ก็คงจะรอดกัน

    เรื่องวันเวลาที่ปลาบู่บอกเอาไว้ มันคาบเส้นว่าปีใหม่ปี 55 หรือ ปีใหม่ 56 ?? และทางปลาบู่ผู้เล่าเองก็เสียชีวิตไปแล้ว ทางคุณตาทองใบและผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีข้อมูลตามที่ปลาบู่ชี้ชัดไว้แค่นี้ ถ้าผิดพลาดประการใด ให้ถือว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของปลาบู่ เพราะตีความหมายผิดเอง ดังนั้นขอให้เพื่อนสมาชิกและผู้ที่รับทราบข้อมูลทุกท่านอภัยให้ด้วย

    แนวทางวิเคราะห์ด้านบนนี้ อนุญาติให้เพื่อนสมาชิกวิพากษ์วิจารณ์ได้ตามสะดวกเลย เพื่อการเตรียมการป้องกันที่รัดกุมที่สุด ขออนุโมทนากับคุณพรนิพาน และคุณ karan20 ด้วย
    :cool:

    สิงหนาท

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Singhanat : วันนี้ เมื่อ 06:49 PM
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  17. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379


    ประเด็นเรื่องเวลาคงต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นกรณีใด
    กรณีที่ 1 คือ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555
    กรณีที่ 2 คือ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555


    ประเด็นต่อมาคือเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดและความรุนแรง
    พิจารณาจากข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ผ่านการบอกเล่าของคุณพ่อ คือลุงทองใบ คำศรี
    มีข้อความที่น่าสังเกตคือ.....

    ต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ "สื่อ"
    ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว


    พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว
    "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด"
    เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก (เขื่อนภูมิพล)
    จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้

    "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตาก นครสวรรค์ อโยธยา
    ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"



    วิเคราะห์ว่าภัยพิบัติเกิดจากแผ่นดินไหวแรงมาก แผ่นดินแยก จนกระทั่งทำให้เขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากได้รับความเสียหาย

    อำเภอสามเงาอยู่ที่จังหวัดตาก เป็นที่ตั้งของเขื่อนภูมิพล

    ข้อมูลของจังหวัดตาก (บางส่วน) แหล่งอ้างอิง
    จังหวัดตาก เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนบนหรือบางแห่งจัดอยู่ในภาคตะวันตก ของไทย
    มีบางยุคเมืองตากถูกทอดทิ้ง กลายเป็นเมืองร้างดังในพงศาวดารเหนือได้ กล่าวถึงการเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวี พระราชธิดากษัตริย์ละโว้ (ระยากาฬวรรณดิส) เพื่อไปปกครองแคว้นหริภุญไชย (ลำพูน) ในราว พ.ศ. 1176 โดยทาง ลำน้ำปิง พระนางจามเทวีขึ้นไปสำรวจบนฝั่งแม่น้ำพบร่องรอยกำแพงเมืองเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง จึงโปรดให้สร้างเป็นบ้านเมืองใหม่ชื่อว่า “เมืองตาก”

    เมืองตากที่ย้ายมาตั้งใหม่นี้มิใช่เมืองหน้าด่าน สำหรับป้องกันกองทัพพม่าที่จะยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่กองทัพไทยใช้เป็นที่ชุมนุมพลในเวลา ที่จะยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่อีกด้วย



    จังหวัดตากมีเนื้อที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ 9 จังหวัด



    [​IMG]


    "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตาก
    นครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี
    โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"



    อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่ั้ตั้งเขื่อนภูมิพล

    [​IMG]




    ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม

    วิเคราะห์ว่าความเสียหายในชีิวิตและทรัพย์สินเกิดจากแผ่นดินไหว
    จนสิ่งก่อสร้าง ตึก บ้านเรือนถล่มพัง
    หลังจากนั้นน้ำในเขื่อนจึงไหลมาท่วม

    (ข้่อมูลคล้ายคำเตือนของคุณลุงเชียงใหม่)


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.JPG
      02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      5,421
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  18. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379


    ประเด็นเรื่องเวลาคงต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นกรณีใด
    กรณีที่ 1 คือ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555
    กรณีที่ 2 คือ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555


    ประเด็นต่อมาคือเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดและความรุนแรง
    พิจารณาจากข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ผ่านการบอกเล่าของคุณพ่อ คือลุงทองใบ คำศรี
    มีข้อความที่น่าสังเกตคือ.....

    ต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ "สื่อ"
    ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว


    พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว
    "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด"
    เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก (เขื่อนภูมิพล)
    จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้

    "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตาก นครสวรรค์ อโยธยา
    ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"



    วิเคราะห์ว่าภัยพิบัติเกิดจากแผ่นดินไหวแรงมาก แผ่นดินแยก จนกระทั่งทำให้เขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากได้รับความเสียหาย

    อำเภอสามเงาอยู่ที่จังหวัดตาก เป็นที่ตั้งของเขื่อนภูมิพล

    ข้อมูลของจังหวัดตาก (บางส่วน) แหล่งอ้างอิง
    จังหวัดตาก เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนบนหรือบางแห่งจัดอยู่ในภาคตะวันตก ของไทย
    มีบางยุคเมืองตากถูกทอดทิ้ง กลายเป็นเมืองร้างดังในพงศาวดารเหนือได้ กล่าวถึงการเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวี พระราชธิดากษัตริย์ละโว้ (ระยากาฬวรรณดิส) เพื่อไปปกครองแคว้นหริภุญไชย (ลำพูน) ในราว พ.ศ. 1176 โดยทาง ลำน้ำปิง พระนางจามเทวีขึ้นไปสำรวจบนฝั่งแม่น้ำพบร่องรอยกำแพงเมืองเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง จึงโปรดให้สร้างเป็นบ้านเมืองใหม่ชื่อว่า “เมืองตาก”

    ต่อมาในแผ่นดินมหาธรรมราชา ได้ย้ายเมืองตากลงมาทางตอนใต้ตามลำน้ำปิง ไปตั้งอยู่ที่ป่ามะม่วง ฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำปิง ซึ่งอยู่ในเขตตำบลป่ามะม่วง อำเภอเมืองตากในปัจจุบัน

    เมืองตากที่ย้ายมาตั้งใหม่นี้มิใช่เมืองหน้าด่าน สำหรับป้องกันกองทัพพม่าที่จะยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่กองทัพไทยใช้เป็นที่ชุมนุมพลในเวลา ที่จะยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่อีกด้วย



    จังหวัดตากมีเนื้อที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ 9 จังหวัด



    [​IMG]

    เด็กชายปลาบู่บอกว่า....
    "หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตาก
    นครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี
    โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"



    อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่ั้ตั้งเขื่อนภูมิพล

    [​IMG]


    ภาพแสดงตำแหน่งของอำเภอสามเงา (พื้นที่แรเงาสีแดงเข้ม)

    [​IMG]


    เด็กชายปลาบู่บอกว่า....
    ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม


    วิเคราะห์แสดงว่าความเสียหายในชีิวิตและทรัพย์สินเกิดจากแผ่นดินไหว
    จนสิ่งก่อสร้าง ตึก บ้านเรือนถล่มพัง
    หลังจากนั้นน้ำในเขื่อนจึงไหลมาท่วม
    เป็นการซ้ำเติม
    (ข้่อมูลคล้ายคำเตือนของคุณลุงเชียงใหม่)


    อันดับแรกที่เราต้องเตรียมตัวคือ 'แผ่นดินไหว' ต่า่งหาก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  19. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    อันดับแรกที่เราต้องเตรียมตัวคือ 'แผ่นดินไหว' ต่า่งหาก

    เด็กชายปลาบู่บอกว่า....
    ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม

    เรามักพุ่งความระมัดระวังไปที่น้ำท่วม เนื่องจากคือภัยที่เรากำลังประสบอยู่ในปัจจุบันคือปี พ.ศ. 2554
    แต่อันที่จริงการเดินทางของน้ำนั้นใช้เวลา
    ยิ่งห่างออกมาน้ำก็จะใช้เวลาเดินทางมากขึ้น อาจเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน
    สำหรับคนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว น่าจะมีเวลาในการหลบหลีกหรือป้องกัน

    ปัญหาคือแผ่นดินไหว มันรวดเร็วมาก
    บ้านและตึกอาจพังถล่มใส่เราภายในช่วงเวลาไม่กี่วินาที

    แผ่นดินไหวรุนแรงขนาดไหน ?
    เด็กชายปลาบู่ถามว่า....
    " รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" " รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?"
    วิเคราะห์ว่ารุนแรงมากขนาดที่รถไฟลอยฟ้าเหาะกันเลยทีเดียว
    (และน้ำจะท่วมรุนแรงมากขนาดว่ารถไฟใต้ดินมุดน้ำ)


    เด็กชายปลาบู่บอกอีกว่า....
    แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)

    ส่วนที่เตือนว่า แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ
    ข้อมูลไม่เพียงพอจะคาดการณ์ได้ว่าแผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลกนั้น
    เป็นแผ่นดินไหวพร้อมกันหรือไม่ หรือทยอยเกิด
    แต่มีคำเตือนว่าโดนทั้งไทยและพม่า
    จึงต้องจับตาลอยเลื่อยในประเทศพม่าที่อาจมีผลกระทบมาถึงประเทศไทย

    ส่วนที่เตือนว่า กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ แสดงว่ามีแผ่นดินไหวและน้ำท่วม


    เด็กชายปลาบู่บอกว่า
    ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !!

    วิเคราะห์ว่าถ้าแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้
    น่าจะเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่คุณลุงเชียงใหม่และพระอาจารย์รัตน์เตือนไว้
    โดยน่าสังเกตว่าพระอาจารย์รัตน์ระบุช่วงเวลาอันตรายคือ
    ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ถึง 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

    อย่างไรก็ตามเราไม่อาจตัดประเด็นว่าภัยพิบัติอาจเกิดในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555
    เพราะคำบอกเล่าผ่านคุณลุงอาจมีการคลาดเคลื่อนจากการจดจำของคุณลุง
    หรือความผิดพลาดอาจเกิดจากการประติดประต่อประโยคต่าง ๆ เข้าด้วยกัน


    อาจถึงเวลาที่เราจะต้องศึกษาหรือทบทวนความรู้เกี่ยวกับการรับภัยพิบัติแผ่นดินไหวแล้ว



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  20. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    อาจถึงเวลาที่เราจะต้องศึกษาหรือทบทวนความรู้เกี่ยวกับการรับภัยพิบัติแผ่นดินไหวแล้ว


    ข้อมูลจากคุณลุงทองใบ คำศรี ท่านเล่าว่า......
    เขาถามผมว่า " รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" " รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?" (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง


    วิเคราะห์ว่ากรุงเทพมีอันตรายเพราะมีตึกสูงมากมายและพื้นดินไม่มั่นคง
    พื้นดินในกรุงเทพอาจมีสภาพคล้ายของเหลวเมื่อได้รับแรงกระเทือนจากแผ่นดินไหว




    พื้นดินกลายสภาพคล้ายของเหลว
    ข้อมูลจาก http://guru.sanook.com/enc_preview.php?id=2014

    นอกจากจะทำให้อาคารโยกไหวแล้ว แผ่นดินไหวอาจทำให้พื้นดินมีสภาพคล้ายของเหลวและสูญเสียกำลังแบกทานโดยสิ้น เชิง สภาพการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณที่มีสภาพดินเป็น ดินทราย และมีระดับน้ำใต้ดินสูง การที่ดินมีสภาพคล้ายของเหลวเกิดจากการที่พื้นดินได้รับแรงกระแทก เช่น แรงระเบิด หรือแรงกระทำซ้ำ เช่น แผ่นดินไหว ภายใต้แรงกระทำดังกล่าว แรงดันน้ำระหว่างมวลดินจะสูงขึ้นจนเท่ากับแรงดันระหว่างมวลดิน ซึ่งทำให้ดินสูญเสียกำลังเฉือน ในสภาพเช่นนี้ อาจเกิดสภาวะทรายดูด หรือดินไหลในแนวราบเช่นเดียวกับของเหลว สิ่งก่อสร้าง อาจจมหรือทรุดตัวลง

    จากการศึกษาถึงความเสียหายของโครงสร้างที่เกิดจากการเกิดแผ่นดินไหว พบว่า มีโครงสร้างจำนวนมากเสียหายจากการที่พื้นดินกลายสภาพคล้ายของเหลวขณะเกิด แผ่นดินไหว ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลีในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๐๓ แผ่นดินไหวที่ประเทศเม็กซิโก ในวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ และแผ่นดินไหวที่มลรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. ๒๕๐๗


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...