หลวงปู่เพ็งสนทนาเรื่องความหลงกับหลวงปู่ขาว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 3 สิงหาคม 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๓๓
    พ้นวิบากกรรม คิดบวชเป็นครั้งที่สอง
    <TABLE id=table20 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>หลวงปู่บัว สิริปุณฺโน
    <CENTER>วัดราษฎรสงเคราะห์
    <CENTER>อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    </CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้หลวงปู่กลับเข้ามาบวชอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง ดังนี้
     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๓๕
    ตั้งใจแน่วแน่ ไม่ยอมพลาดอีก
    ก่อนพิธีบวช และหลังจากการตัดสินใจว่าจะบวชแล้ว หลวงปู่เพ็ง ได้คิดถึงความผิดพลาดเมื่อการบวชครั้งก่อน
     
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๓๗
    โดนหลวงปู่บัวเทศน์หนัก
    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณท่านเตือนพระลูกชายที่เพิ่งบวชครั้งที่สอง
     
  4. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๓๙
    จิต สติ และ ฌาน
    หลวงปู่เพ็ง ท่านเล่าถึงการภาวนาในช่วงแรกของท่าน ดังต่อไปนี้
     
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๔๑
    สร้างวัดและทำหน้าที่ทูตให้ชาวบ้าน
    หลวงปู่เพ็งพำนักปฏิบัติภาวนาอยู่ที่เพชรบูรณ์เป็นพรรษาที่ ๓ ท่านเริ่มสร้างวัด สร้างโรงเรียน และเป็นทูตไกล่เกลี่ยให้ชาวบ้านเลิกการฆ่าฟันกัน
     
  6. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๔๔
    วัดเทิงเสาหิน เชียงราย
    หลวงปู่เพ็ง เดินธุดงค์ขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนไปถึงอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย พบโบราณสถานซึ่งเป็นวัดสมัยขอมเรืองอำนาจ มีซากวิหาร เจดีย์ และพระพุทธรูป ถูกขุดค้นกระจุยกระจาย ที่ดินแทบทุกส่วนเป็นหลุมบ่อแสดงร่องรอยของการขุดค้นหาวัตถุสิ่งของที่มีค่า หลวงปู่เกิดความสลดสังเวชมาก จึงตัดสินใจบูรณะวัดเทิงขึ้นมาใหม่ เป็นงานที่ยากลำบาก ต้องผจญกับแรงต่อต้านอย่างมากมายมหาศาล ทั้งด้านเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นายทุนที่ดินนักขุดคุ้ยของโบราณ รวมทั้งฝ่ายศาสนาซึ่งอยู่คนละนิกาย
    หลวงปู่ได้ยืนหยัดต่อสู้แบบยอมตาย จนกระทั่งสามารถจัดตั้งเป็นวัดขึ้นมาได้สำเร็จ เป็นวัดวิปัสสนากรรมฐานที่เป็นที่รู้จักดีในแวดวงนักปฏิบัติภาวนา และกรมศิลปากรก็ได้ยื่นมือเข้ามาสำรวจ และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ
    สรุปโดยย่นย่อ เอาแค่เพียงว่าหลวงปู่ สามารถยืนหยัดสร้างวัดเทิงเสาหินขึ้นมาจนสำเร็จ ส่วนเรื่องข้อขัดแย้งกับกลุ่มต่างๆ จำเป็นต้องของดไว้ เพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนบุคคลต่างๆ ซึ่งยังมีชีวิตตัวตนอยู่ เป็นการสร้างความแตกแยกเปล่าๆ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติภาวนาแต่ประการใด
    เอาเป็นว่า หลวงปู่เพ็ง ได้บำเพ็ญขันติบารมี และวิริยะบารมีอย่างเต็มที่ สมกับคำพระที่ว่า
     
  7. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๔๖
    พระยาจามปางตอย เจ้าเมืองเทิง
    <TABLE id=table30 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>โบราณสถานวัดเทิงเสาหิน จ.เชียงราย
    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เจ้าเมืองเทิงโบราณชื่อว่า พระยาจามปางตอย เป็นชื่อที่เรียกเพี้ยนตามสำเนียงคนไทย
    มีผู้สันนิษฐานว่า
     
  8. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๔๘
    บริเวณวัดก็ถูกคุ้ยจนพรุน
    <TABLE id=table29 align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>โบราณสถานวัดเทิงเสาหิน จ.เชียงราย
    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ช่วงที่หลวงปู่เพ็ง ท่านไปถึงในช่วงแรกๆ จะเห็นว่าเจดีย์ วิหารจะมีร่องรอยถูกทุบ ถูกรื้อ ถูกงัดแงะจนพรุน บริเวณวัดก็เต็มไปด้วยหลุม เห็นมูลดิน ก้อนอิฐ ที่บ่งบอกถึงการขุดค้นหาสมบัติที่มีค่าไปทั่วทั้งวัด
    พระพุทธรูปต่างๆ ก็ถูกขุดขึ้นมาแล้วทุบทิ้งกองไว้ หลวงปู่กับพระได้เก็บรวบรวมไว้ ผู้รู้บอกว่าส่วนมากเป็นพระพุทธรูปหินศิลปแบบขอม ที่มีเชื้อสายพวกแขกจาม พวกนี้มีรูปร่างสูงใหญ่งดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
    ช่วงที่หลวงปู่ไปอยู่ใหม่ๆ การขุดคุ้ยล่าสมบัติโบราณยังมีอยู่มีผู้เรียนถามหลวงปู่ว่า ทำไมไม่ห้ามเขา
    หลวงปู่ตอบว่า
     
  9. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๐
    ตายเป็นตาย ถ้าเชื่อมั่นในพระธรรม
    <TABLE id=table24 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>หลวงพ่อใหญ่ วัดเทิงเสาหิน จ.เชียงราย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงปู่เพ็ง เล่าถึงการได้รับทุกขเวทนาอย่างสาหัสขณะท่องธุดงค์อยู่ในป่า แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ถ้าเรามีใจมั่นคงในพระธรรม ใจเราก็ไม่หวั่นไหว ตายเป็นตาย
     
  10. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๒
    เรื่องของวัดจำปาทอง
    วัดจำปาทองเป็นวัดร้าง อยู่ในป่าเขาใกล้น้ำตกจำปาทอง เดี๋ยวนี้เป็นวนอุทยานแห่งชาติน้ำตกจำปาทอง ตั้งอยู่ตำบลต๋อม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา อยู่ไม่ไกลจากวัดอนาลโย ของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมงฺคโล ซึ่งรู้จักทันดีในนาม ดอยบุษราคัม
    พูดถึงวัดจำปาทอง เคยเป็นวัดมาก่อน แล้วปล่อยให้ร้างไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเจดีย์เล็กๆ ไม่ทราบว่าบรรจุอัฐิท่านผู้ใด มีบันไดนาคเตี้ยๆ ขึ้นสู่วัด มีสิ่งก่อสร้างเก่าคล้ายกับโบสถ์หรือวิหาร ชิ้นส่วนพระพุทธรูปและเศษอิฐเศษปูนกระจายอยู่ทั่วไป แสดงร่องรอยชัดเจนว่าเคยเป็นวัดมาก่อน
    ผมไม่มีโอกาสสืบค้นประวัติของวัดในอดีต ที่นำมาเขียนเพราะหลวงปู่เพ็ง เคยไปจำพรรษาอยู่ ๑ พรรษา ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ตอนนั้น พระอาจารย์ศักดิ์ มาริเริ่มบูรณะ มีลูกศิษย์ลูกหาจากกรุงเทพฯ นำโดยคุณธานินทร์ - มล.นิตยา ธณีวุฒิ ได้พาคณะไปทอดกฐิน - ผ้าป่า หาเงินมาพัฒนาวัด ได้สร้างศาลาอเนกประสงค์หลังเล็กๆ ๑ หลัง กุฏิ ๕-๖ หลัง โรงครัว และห้องน้ำ บรรยากาศในวัดสงบร่มเย็น มีต้นไม้ต้นใหญ่ๆ เต็มบริเวณวัด มีธารน้ำซึ่งไหลมาจากน้ำตกจำปาทองไหลผ่านวัด บรรยากาศเหมาะแก่การภาวนามาก แต่.. ขอเตือนว่าไม่ว่าพระหรือฆราวาส ถ้าใครไม่ภาวนาจะอยู่ที่นั่นไม่ได้ จะถูกแกล้งถูกกวนจากผู้ที่เราไม่เห็นตัว จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนทีเดียว
    ในอดีต สมัยที่ท่านภาวนาพุทโธ กำลังดัง ท่านเคยพาสานุศิษย์ไปปักกลดภาวนา เดินทางด้วยรถบัส เรื่องเกิดขึ้นตอนขากลับ ผู้ควบคุมรถพูดว่า
     
  11. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๓
    พระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานองค์แรกของหลวงปู่
    <TABLE id=table27 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>พระบุญนาค โฆโส
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ได้เล่าถึงครูบาอาจารย์ของท่าน ดังนี้
     
  12. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๕
    ภาวนาอยู่กับหลวงปู่คำดี ปภาโส
    (อธิษฐานไม่นอน-ไม่พูด ตลอด ๒ พรรษา)
    <TABLE id=table26 align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>หลวงปู่คำดี ปภาโส
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงปู่คำดี ปภาโส (วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย) ถือเป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐานองค์ที่ ๒ ของหลวงปู่เพ็ง ซึ่งท่านเล่าเรื่องราวดังต่อไปนี้
     
  13. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๕
    การพิจารณาธาตุ ๔
    หลวงปู่เพ็ง เล่าถึงการภาวนาของท่าน เมื่อตอนอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่คำดี ปภาโส เกี่ยวกับการพิจารณาธาตุขันธ์ ดังนี้
     
  14. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๗
    จิตวาง คือ ว่าง
    หลวงปู่เพ็ง ท่านเทศน์เกี่ยวกับคำว่าจิตว่าง ดังนี้ : -
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๕๘
    มันหลงครับ หลวงปู่
    <TABLE id=table31 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>
    ในพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
    <CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลวงปู่เพ็ง กลับมาบวชครั้งที่สองแล้วไปกราบหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
     
  16. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๖๐
    การภาวนาเป็นของง่าย ๆ
    หลวงปู่เพ็ง ท่านมักจะเน้น จะสอนให้ภาวนาให้มาก ท่านพูดเรื่องการภาวนาอย่างนี้ : -
     
  17. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๖๑
    ข้อแนะนำการรักษาศีล
    คุณดำรงค์ ภู่ระย้า แห่งนิตยสารโลกทิพย์ เคยไปกราบเรียนถามหลวงปู่เพ็ง ถามเกี่ยวกับการรักษาศีลสำหรับฆราวาสทั่วไป ได้เขียนบรรยาย ดังนี้
    เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๖ ผู้เขียนได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์เพ็ง พุทฺธธมฺโม เป็นครั้งที่ ๓ ซื้อได้นมัสการแล้ว ผู้เขียน (คุณดำรงค์) ได้ถามปัญหาธรรมจากท่าน ลงท้ายก็ได้ถามเรื่องการรักษาศีลว่า
    ฆราวาสโดยทั่วไปต้องมีภาระต่างๆ ซึ่งไม่เหมือนกัน ดังเช่นว่าข้าราชการ พ่อค้า ตลอดถึงกรรมกร หาเช้ากินค่ำ จะมุ่งรักษาศีลกันจริงๆ แล้ว เห็นเป็นการยากเหลือเกิน
    ผู้เขียนจึงยกตัวอย่าง เช่น แม่ค้ามีสินค้าหลายชนิด แต่ละชนิดมีความประสงค์ที่จะขายให้หมด และในจำนวนสินค้าเหล่านั้น มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ เมื่อมีผู้จะซื้อไปถามว่า ดีไหมของชนิดนี้ ผู้ขายต้องบอกว่าดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าของที่ผู้ซื้อถืออยู่ไม่ได้ดีอะไรเลย ถ้าเป็นมะม่วงก็เปรี้ยว แต่ผู้ขายบอกว่าหวาน เป็นมะม่วงสวน รับรอง !
    เหตุนี้เราจะทำอย่างไร? เราจะรักษาอย่างไร?
    พระอาจารย์เพ็งท่านอธิบายว่า :-
    “การรักษาศีลไม่ต้องเอามาก ให้รักษากันคนละข้อก่อน ใครจะเอาข้อไหน ใครจะรักษาข้อใดข้อหนึ่งก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาหมดทั้ง ๕ ข้อ ให้รักษาข้อเดียวก่อน ข้อใดที่ตนเองประพฤติผิด ล่วงละเมิดมากที่สุด เอาข้อนั้นรักษาให้ดี ตั้งสัจจะลงไปว่าจะไม่ทำ จะไม่ละเมิดอีก เอาให้จริง ไม่มีใครจะละเมิดทีเดียว ๕ ข้อพร้อมกันนะ ความจริงแล้ว ศีล ๕ มีอยู่ในตัวเองทุกคน แต่ว่าไม่รู้จักปฏิบัติ ไม่รู้จักศีลเท่านั้น”
    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านพูดอยู่เรื่อยว่า “เอาพระเป็นพยาน แล้วก็มาโกหกพระอีก บอกว่าจะรักษาศีล พอกลับบ้านไปแล้วก็ละเมิดศีลที่ตนรับมา”
    ศีล ๕ ข้อ ๑ ไม่ฆ่าสัตว์ อะไรเป็นสัตว์ ไม่ฆ่าทั้งนั้น
    ข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์ ขึ้นชื่อว่าของเขา เราไม่แตะต้อง
    ข้อ ๓ ไม่ผิดลูกเมียใคร ตัวใคร อย่าไปข้องแวะ
    ข้อ ๔ ไม่พูดปด ไม่โกหก มดเท็จ ตอแหล
    ข้อ ๕ ไม่ดื่มสุราเมรัย เป็นเหตุให้ขาดสติ
    ท่านให้เลือกเอา รับเอาก่อน ข้อใดก็ได้ เมื่อรักษาได้ข้อหนึ่งแล้ว บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว ก็ค่อยไปรับข้อที่ ๒ มารักษาอีก เมื่อดีแล้วให้รับรักษาข้อที่ ๓ ต่อๆ ไป ไม่ช้าเต็มบริบูรณ์ มันก็บริสุทธิ์เท่านั้น
    ข้อสำคัญต้องให้มีสตินะ เราจะทำอะไรผิด มีสติที่คอยเตือนซิว่า เจ้าอย่าทำผิดนะ อย่าล่วงละเมิดศีลข้อนี้นะ อย่างนี้
    ได้ข้อหนึ่ง ข้ออื่นๆ มันก็ได้เอง บางทีไม่ได้คิดไว้ก็มาเอง ให้มีความตั้งใจจริง ไม่หนีที่จะสำเร็จได้แน่นอน
    พระพุทธเจ้าของเราสอนให้ปฏิบัติ เราก็ต้องพยายามปฏิบัติซิน่า เรื่องศีลนี่ ยิ่งเป็นศีล ๒๒๗ ด้วยแล้ว พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ละเอียดทีเดียว จุดประสงค์ที่จะให้พระสงฆ์มีสติแก่กล้าในศีล ถ้าใครละเมิดก็เป็นโทษ มีบาป
    พระพุทธเจ้าของเราชี้ให้เห็นอยู่แล้วนี่ รักษาศีลเป็นของดีมีความสุข ไม่รักษาศีล ละเมิดศีล เป็นบาปเป็นทุกข์ แล้วเราจะเลือกเอาของดีหรือ ของ ไม่ดี
    แม่ค้าขายมะม่วงเปรี้ยวคนนั้นก็เหมือนกัน เรารู้ว่าเขาโกหกผิดศีลข้อ ๔ เราก็สอนให้เขารักษาซิ
    สอนอย่างไร? ก็สอนด้วยวิธีไม่ซื้อ เมื่อไม่ซื้อเขา ของก็เหลือนานวันเขาก็เลิกหามะม่วงเปรี้ยวมาขาย เพราะเขารู้ว่าคนซื้อจับโกหกเขาได้ ต่อไปเขาก็หามะม่วงหวานมาให้เรา พอไปถามเขาใหม่ว่า มะม่วงหวานไหม? หวานค่ะ รับรองเลยคะ เอาดิฉันปอกให้ชิมเดี๋ยวนี้เลย
    นี่แหละคนเรา เมื่อมีศีลอยู่ในจิตในใจแล้ว ความกล้าหาญ ความจริงใจ คำพูดคำจามันมีน้ำหนักมั่นคง ไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคใดๆ
    เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย มันจริงใจ เพราะต่างคนต่างมีศีล โลกเรานี้ก็สงบ
    ปัจจุบันนี้ ทีวีมีข่าวลงหนังสือพิมพ์วุ่นวาย รบราฆ่าแกง ร้อยแปดพันประการ ก็เพราะไม่รู้จัก ศีล ไม่รักษาศีลนี่เอง พระผู้เป็นครูบาอาจารย์มากมาย เที่ยวสั่ง เที่ยวสอน ก็เพื่อให้มีศีลตัวนี้ มีศีลแล้ว สมาธิก็เกิดปัญญาก็บริบูรณ์_ เอาเท่านี้
     
  18. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๖๒
    เดินธุดงค์ไปทำไม
    เมื่อมีญาติโยมถามว่า ทำนพระป่าต้องเดินธุดงค์ เดินไปทำไมได้ อะไร ?
    หลวงปู่เพ็ง ท่านตอบดังนี้
    ประสบการณ์ชีวิตของอาตมา อาตมาอาจเล่าซ้ำนะ แต่ยิ่งซ้ำยิ่งแม่น พระพุทธเจ้าสอนสาวกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นไหมล่ะ
    ในสมัยก่อนนั้น มีแต่ความทุกข์ยากลำบากนะ ยิ่งดินแดนภาคอิสานด้วยแล้ว มันแห้งแล้งเหลือขนาด คนภาคอิสานนี่ก็มีความอดทนต่อสภาพเช่นนั้นได้
    สมัยนั้น ทางรถทางเรืออย่าไปคิดให้วุ่นวายเลย จะไปไหนแต่ละทีนี่ต้องเดินเอง บางทีกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ๒ วัน ๓ วันก็มี ต้องลุกขึ้นตอนตี ๔ ออกเดินทาง ไปถึงจุดหมายก็มืดค่ำ ก็เป็นส่วนมาก ระยะทาง ๔๐-๕๐ กม. เริ่มชีวิตแต่ตอนอาตมายังเป็นเด็กอยู่ ไปเรียนหนังสือแต่ละครั้งที่อำเภอธวัชบุรีนะ ไปกลับสัก ๑๐ กม. เดินอยู่อย่างนั้น ๒ ปี
    พอบวชเป็นพระแล้ว ออกธุดงค์จากบ้านเกิดไปตามสถานที่ต่างๆ ตามครูบาอาจารย์แนะนำ เดินทางจากบ้านไปปฏิบัติที่จังหวัดร้อยเอ็ด จากร้อยเอ็ดไปถึงจังหวัดมหาสารคาม ๑๒๐ กม. เดินเอา สมัยนั้นป่าไม้นี่เป็นดงดิบ ทั้งหนาทึบ
    บางแห่งมองไม่เห็นแสงตะวันเลยในยามเที่ยง เดินไปตามทางมืดสนิทเลยนะ อาหารการกินไม่ต้องไปคำนึงถึงมัน อ่อนเพลียก็พักตรงนั้น บางที ๓ วัน ๔ วัน ไม่มีข้าวแม้แต่เม็ดเดียวตกถึงท้อง
    แต่พระธุดงค์สมัยนั้นท่านก็อยู่ได้ เพียงภาวนาไปเรื่อยๆ ความกล้าหาญเป็นเยี่ยม สติสัมปชัญญะเป็นยอดเลย
    เดินไปจนถึงบ้านหมี่ จ.มหาสารคาม จึงได้ฉันอาหาร ๑ หน
    บางทีพระธุดงค์ทั้งหลาย พอเดินมาถึงหมู่บ้านก็เป็นเวลาบ่าย ๒ โมงบ้าง ๔ โมงบ้าง มันเลยกำหนดที่จะฉันแล้วนี่ ก็ไม่ต้องไปฉันมัน เดินต่อไป
    ครูบาอาจารย์สอนมาว่า ไม่ให้รับอะไรในยามวิกาล บำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างเดียว
    การเดินของเรา เรารู้ว่าเดินทำไม มันมีประโยชน์อะไรใช่ไหมล่ะ ?
    ถ้ามันเดินแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นมา พระพุทธเจ้าก็ดี พระอริยเจ้าทั้งหลายก็ดี คงไม่ยอมรับและไม่โปรดข้อวัตรนี้แน่
    พวกเราเป็นคนมีกิเลสหนา เลยต้องหาเวลามาขุด มาขัด มาถูล้างออกจากจิตใจของเราเสียบ้าง
    เมื่อไปถึงจังหวัดมหาสารคาม ก็ไปพบพระอาจารย์บุญนาค แล้วท่านก็นัดไปพบกันที่ถ้ำพระเวส (อ.นาแก จ.นครพนม) เป็นการทดสอบน้ำใจของพวกเรากันเองว่า จะมีความอดทนต่ออุปสรรคได้มากน้อย เพียงไร
    ชีวิตของอาตมานี่มันมีแต่ความสุขความสบายมาก อาตมาตอนที่เป็นฆราวาสอยู่ มีสมบัติมาก มีโรงสี ๒-๓ โรง เมื่อมีความสบายจนเคยตัว ก็ลองมาลำบากเสียบ้าง สมบัติมอบให้ลูกๆ เขา เราเข้าป่าแสวงหาโมกขธรรม หาทางพ้นทุกข์ ไม่อาลัยสมบัติที่เป็นของนอกกาย แม้ชีวิตของเราก็ยังไม่อาลัยเลย
    ในขณะนั้นนะ อาตมาป่วยเสียก็มาก จะตายเสียก็หลายหน ขนาดหลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านพูดว่า
    “พระองค์นี้คงอยู่ไม่ยาวถึงเที่ยงนี้”
    แต่มันยังไม่หมดกรรมนะ ยังทนอยู่จนบัดนี้
    หลังจากนัดกับพระอาจารย์บุญนาคแล้ว อาตมาก็ออกเดินทาง ใครจะทักอย่างไรอาตมาไม่ฟังเสียง ขนาดโยมแม่ร้องไห้เลย เพราะอาตมาผอมมากนะ ผอมจนหลังติดกระดูกเลย โรคภัยมันเยอะ ไข้ป่า โรคท้องเดิน เชื้ออะไรต่างๆ มากมาย โรคเหน็บชา แขนขานี่ลีบเล็ก อาตมาไม่พะวงเลย
    จิตใจของอาตมาได้ถวายให้พระพุทธเจ้าแล้ว ร่างกาย สังขาร ใครจะเอาไปทำอะไรอาตมาไม่สนใจ จะตายก็ช่าง ไม่ตายก็ช่าง
    เดินธุดงค์มาจนถึงบ้านยอดแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์แล้วเข้าถ้ำพระเวส ไปภาวนาอยู่นาน
    ออกจากถ้ำพระเวสแล้วออกเดินไปเรื่อยๆ ผ่านบ้านหนองปุ้น บ้านห้วยโป่ง พักอยู่นานเหมือนกัน
    การปฏิบัติรุดหน้าแก่กล้าขึ้น จิตใจของอาตมานี่มันเบาอย่างบอกไม่ถูก การปฏิบัติก็เป็นไปง่ายๆ ที่ไหนมีความสุขสบาย หมายถึง ที่นั่นเป็นที่เรามีความชุ่มชื่นในกระแสจิต อาตมาก็อยู่นาน
    นั่งทำใจเฉย สติกำหนดรู้สิ่งใดเข้ามากระทบ ก็นำมาพิจารณาลมนอก ลมใน อาการ ๓๒ รูปร่างสังขาร มันรู้ได้แจ้งชัด เมื่อรู้แจ้งอย่างนี้คิดว่า : -
    “โอ ไม่เอาอีกแล้วชีวิต น่าเบื่อหน่าย ไม่อยากกลับมาเกิดอีกแล้ว มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ มองดูแล้วปรากฏเป็นความว่างของจิตมันไม่รู้ร้อน รู้หนาวอะไร”
     
  19. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๖๓
    ธุดงค์หลงทาง
    หลวงปู่เพ็ง เล่าเรื่องเดินธุดงค์ต่อ หลังจากออกจากถ้ำพระเวสแล้ว
    วันต่อมาก็เดินขึ้นเขา ภูลูกนั้นมันสูงมาก เมื่อไปถึงก็แยกกันตรงนั้น ต่างคนต่างไป ข้ามเขาไปเลย พอไปสุดก็ไม่มีที่จะไปอีกแล้ว
    พอดีอาตมาไปพบพวกชาวบ้านป่า เขาเข้าป่าไปหาของป่ามากิน ก็มีพวกหน่อไม้ หัวเผือกหัวมัน ล่าสัตว์ไป อาตมาก็ไปถามทางจากเขาว่า
    “ทางจะไปนี้ยังมีอีกไหม ควรไปทางไหนดี”
    เขาบอกว่า “ขอให้ผมกินข้าวเสียก่อน แล้วจะไปส่ง”
    ชาวบ้านป่าคนนั้นเขาพาขึ้นไปบนเขา แล้วชี้ให้ดูว่า
    “ถ้าพระอาจารย์ไปทางนี้ จะไปถึงหมู่บ้านภายใน ๗ วัน ถ้าไปทางนี้ก็ ๓ วัน แต่ถ้าบุกไปทางนี้ก็ถึงวันนี้”
    มันไม่มีทางนี่ ก็เลยให้เขาพาไป เดินไปตามคลองช้าง มันเป็นทางของช้าง ขี้ช้างนี่นะทั้งใหม่ทั้งเก่าเลย ท้องฟ้านี่มองไม่เห็นเลย มันทึบเป็นป่าดงดิบไปตลอด
    แต่ก่อน บ้านห้วยบง นี่มันจะมีอะไร แต่ก่อนนะมีแต่ป่าไม้เต็มพืดไปหมด เดี๋ยวนี้นะ ลองไปดูเถิด เป็นทุ่งนา มีบ้านมีเรือน สุดหูสุดตาเลย จะหาไม้ไม่ มีเลยนะเดี๋ยวนี้
    ๖๔
    หมูป่าบนภูค้อ
    หลวงปู่เพ็ง เดินธุดงค์ไปองค์เดียวไปอยู่บนถ้ำภูค้อ ท่านเล่าดังนี้
    หลังจากนั้นไป อาตมาก็ไปอยู่บนถ้ำภูค้อ อาตมาเข้าไปกราบพระอาจารย์สอน ไปฟังเทศน์จากท่าน แล้วท่านไล่อาตมาให้ไปปฏิบัติอีกทีหนึ่ง
    อาตมาไปเดินจงกรม นั่งภาวนา ๓ วัน ๓ คืน ได้ธรรมะมากนะ จิตลงนิ่งสงบร่วมเป็นสมาธิ และก็ไปนั่งเชิงเขา
    ตอนเย็นวันหนึ่ง ขณะที่นั่งจิตสงบอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังตุบ ๆ ๆ อาตมาสงสัยว่ามันเสียงอะไรกันแน่ ดังเป็นจังหวะๆ อยู่นาน
    ปรากฏว่า ที่อาตมานั่งอยู่นั่นเป็นก้อนหินกลมๆ พอชะเง้อมองดูเบื้องต่ำลงไปอีกนิด ก็เห็นหมูป่าฝูงหนึ่ง ประมาณ ๕๐-๖๐ ตัว มันแตกตื่นอะไรมากไม่รู้ มันวิ่งมาแล้วกระโดดก้อนหินข้ามไป วิ่งต่อกันเป็นแถว
    อาตมาภาวนาอยู่ที่นี่ ๓ วัน ไม่ได้ฉันข้าวเหมือนกัน
    ๖๕
    เรื่องอดอาหารระหว่างธุดงค์
    หลวงปู่เพ็ง เล่าถึงการอดอาหารในช่วงเดินธุดงค์ ท่านบอกว่าบ่อยมาก จนไม่รู้สึกแปลกอะไรเลย ดังนี้
    หลายต่อหลายครั้งนะ เรื่องไม่ฉันข้าวนี่ แต่มันก็อยู่ได้ บางพื้นที่ที่ไปอยู่ ชาวบ้านไม่ค่อยรู้จักประเพณีของพระ เวลาเขาได้อาหารมาจำพวกของขบฉันนี่ พอเขานำมา ก็ไม่ได้ถวาย ไม่ได้ประเคนเลย มาก็วางไว้ มาก็วางไว้ พอพระพวกอื่นที่เขาเคยอยู่มาก่อน พวกเห็น พอหิวก็ไปหยิบมาฉันกันเลย เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ
    อาตมาเห็นแล้วไม่เอา ไม่ฉันด้วย ทำสมาธิภาวนาเฉย เดินจงกรมปลงสังขารตนเอง แล้วมานั่งต่อ พอหลายวันก็ค่อยออกบิณฑบาตสักครั้ง
    วันหนึ่ง อาตมาเดินถือบาตรไปยังหมู่บ้านชายแดน เขาไม่รู้จักใส่บาตรกัน อาตมาเดินไปเรื่อยๆ ได้ก็เอา ไม่ได้ก็กลับที่พัก ภาวนาต่ออาตมาบุกเดี่ยวเข้าป่าเป็นส่วนมากนะ จะมีบางโอกาสเท่านั้นที่ไปคู่กับเพื่อนพระและสามเณร
    ๖๖
    กลัวสุดชีวิต แต่พิชิตสำเร็จ
    <TABLE id=table32 align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงปู่เพ็ง เคยรู้สึกกลัวเสืออย่างที่สุดในชีวิต แล้วท่านก็สามารถพิชิตความกลัวได้ตั้งแต่บัดนั้น
    ครั้งหนึ่ง อาตมากลัวเสือ เมื่อครั้งไปอยู่ถ้ำชะมด มีเขาลูกหนึ่งมันมีไหล่เขา อาตมาไปอยู่ที่นั่น พอปักกลดแล้ว ก็เดินจงกรม เสร็จจากการเดินจงกรม ก็มานั่งภาวนาในกลด พอตกกลางคืน อาตมาเกิดกลัวเสือ
    กลัวชนิดออกจากกลดไม่ได้เลย มันเกิดความกลัวมากมายเหลือเกินในชีวิต
    เพราะสัญญาเก่า ที่ปู่ย่าตายายเคยเล่าให้ฟังแต่ตอนเป็นเด็กมันเกิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงลมก็เป็นเสือแหละ ท่านว่าอย่างนี้
    อาตมาได้ยินเสียงฉับ ๆ ๆ ตรงไหล่เขา ก็คิดว่า เอ๊ะ ! เสือละกระมังนี่ อาตมาออกจากมุ้งไม่ได้ อยากจะไปดูก็อยากนะ อยากเห็นเสือมันทำอะไรของมัน แต่ไม่ถอนกลดหนี นั่งในกลดทั้งคืน ตอนเช้ามาดูก็ไม่เห็น คิดว่ามันไปแล้ว
    เป็นอย่างนั้น คืนที่หนึ่ง...คืนที่สอง...พอคืนที่สาม มาคิดว่าเอาเถิด ! ตายเป็นตาย ข้าไม่กลัว ถ้าจะกินก็กินเลย
    อาตมาตัดสินใจ แล้วก็ออกจากมุ้งกลด แล้วเก็บมุ้งมัดติดกับด้ามกลด แขวนไว้ ไม่กางมุ้งเลยทั้งคืน อาตมาเดินจงกรมทั้งคืน ก็ได้รู้ว่า เสียงที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงลม ที่มากระทบกับเขา พัดกรวดทรายมันก็ดังละซิ ลมมันแรงนี่ เสียงก็ดัง
    “อ๋อ ! นี่เรามันโง่ไปเอง กลัวแม้กระทั่งลม”
    สัญญากิเลสนี้มันร้ายกาจ มันหลอกเราจนแทบไม่ได้ภาวนาหาธรรม
    ตั้งแต่นั้นมา อาตมาไม่กลัวอะไรเลย หมดความกลัว การเดินธุดงค์ก็เป็นไปอย่างปกติ ไม่หวาดหวั่นกับภัยอะไรเลยแต่บัดนี้
     
  20. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๖๔
    หมูป่าบนภูค้อ
    หลวงปู่เพ็ง เดินธุดงค์ไปองค์เดียวไปอยู่บนถ้ำภูค้อ ท่านเล่าดังนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...