อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ขําๆนะคะ มีเพื่อนคนนึงบอกว่า อย่าเขย่าบ่อย(เพราะชอบที่ได้ยินเสียงกริ่ง)เดี๋ยวพระปวดหัว

 

555 คืนนี้อากาศกำลังสบายเลยครับ ฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำดีมาก​

 

Cr. ภาพคุณNu Duangsak และคุณรุ่งสยาม โสภารัตน์



๒๕ สิงหาคม ครบรอบวันละสังขาร

หลวงปู่ทองดำ เทพเจ้าแห่งบ้านท่าทอง


หลวงปู่ทองดำ เป็นผู้รัตตัญญู มีชนม์ชีพยาวนานถึง ๑๐๗ ปี เช่นเดียวกับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน(อาจารย์และพ่อบุญธรรมของหลวงปู่) ที่มีอายุยืนยาวถึง ๑๑๑ ปี จิตตานุภาพและคุณงามความดีของหลวงปู่นั้นเป็นที่ยอมรับของพระอริยสงฆ์หลายต่อหลายรูป อาทิ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงก็เคยแนะนำให้ไปกราบ หรือเหตุการณ์ที่หลวงพ่อเกษมปฏิเสธที่จะเสกพระเครื่องที่พ่ออุ้ยคนนึงจะถอดพระที่ห้อยคอให้เสกซ้า โดยหลวงพ่อเกษมบอกว่าดีอยู่แล้วเหมือนเราทำเอง พระที่พ่ออุ้ยห้อยอยู่เป็นของหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง

หรือแม้แต่กรณีของมหานักบุญแห่งที่ราบสูง หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่ครองใจมหาชนมาตลอดกาล ครั้งนึงเคยร่วมนั่งปรกกับหลวงปู่ทองดำท่านถึงกับเอยเป็นอมตะวาจาว่า "กูนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกร่วมกับหลวงปู่ทองดำแค่ 5 นาที พลังจิตของท่านไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ กูตามไม่ทันดอก"


หลวงปู่ท่านเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนหากมีใครไปเล่าประสบการณ์วัตถุมงคลให้หลวงปู่ฟัง ว่าหลวงปู่เก่งอย่างนู้นอย่างนี้ ท่านก็จะบ่ายเบี่ยงว่าคงไม่ถึงคราวเคราะห์ของเขา มีคนเคยพกชานหมากของหลวงปู่ไป ประสบเหตุรถคว่ำ ก็ไม่เป็นไร มาให้หลวงปู่รดน้ำมนต์ให้ หลวงปู่บอกว่าคงเป็นเพราะตัวของเขานุ่มนิ่มตอนรถพลิกคว่ำเขาถึงไม่เป็นอะไร

หรือตอนที่ท่านปลุกเสกพระสมเด็จ เนื้อดินเผา ปี๒๕๑๓ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่ภาคเหนือพอดี ลูกศิษย์เชื่อกันว่าเกิดจากพลังอำนาจจิตอันแข็งกล้าของหลวงปู่อย่างแน่นอน แต่หลวงปู่บอกว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ ท่านไม่เคยโอ้อวดตัวเองแม้แต่น้อย น่าเคารพน่าศรัทธาเป็นอย่างที่สุด

​

 

Cr. ภาพคุณรุ่งสยาม โสภารัตน์



ภาพขณะอัญเชิญสรีระสังขารหลวงปู่ทองดำไยังศาลาเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลในวันนี้​

 

ขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ


ภาพแห่งประวัติศาสตร์ อันน่าประทับใจ

จริยาวัตรอันแสนงดงามของครูบาอาจารย์ เมื่อหลวงพ่อคูณก้มลงกราบหลวงปู่ทองดำวัดท่าทอง


เคยมีคนกล่าวว่าก็ไม่เห็นแปลกอะไรเพราะหลวงปู่ทองดำอายุพรรษาแก่กว่าหลวงพ่อคูณ

ผู้รู้จึงถามกลับว่า "แล้วมีพระในประเทศไทยกี่องค์ที่หลวงพ่อคูณจะก้มลงกราบด้วยความนอบน้อมเห็นปานนี้!!! "


งดงามทั้งผู้ไหว้และผู้ถูกไหว้ เพราะต้องบอกว่าในสมัยนั้นชื่อเสียงหลวงพ่อคูณโด่งดังสุดๆ แต่หลวงพ่อคูณท่านไร้ซึ่งความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง จึงก้มลงกราบหลวงปู่ทองดำที่สมัยนั้นไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่หลวงพ่อคูณท่านย่อมสัมผัสได้ถึงภูมิธรรมของหลวงปู่ ดังคำว่า "ปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์"

ทั้งหลวงปู่ทองดำและหลวงพ่อคูณจึงน่าเคารพบูชาเป็นที่สุด

​

 

ขุนแผนพรายเนื้อหอม เนื้อดินบ่อแร่ศักดิ์สิทธิ์

( พ่อพรายทอง เศรษฐีใหญ่ ) ยอดของดี รวยเร็ว รวยใหญ่ ก้าวหน้า มีความสุข เจริญรุ่งโรจน์ ศัตรูสู้ไม่ได้

หลวงปู่ลอง ทำเอง สร้างเอง ไม่ถึงเวลาไม่ทำให้เสียของ หลวงปู่ลอง กำหนดจิต ตั้งธาตุ กำเนิดพ่อพรายเนื้อหอม จากธาตุ ๔ ของผงธูปหน้าพระประธานที่มีการสวดภาวนามาตลอดหลายสิบปี พ่อพรายที่เกิดขึ้นเป็นตัวเป็นตนมา ได้บอกทิศอุทัยธานี ให้ไปเอาดินในบ่อแร่ศักดิ์สิทธิ์มาผสาน ดินบ่อนี้ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เป็นดินที่มีผงมวลสารจำนวนมาก เช่น ผงทองให้ลาภ ผงเงินดูดทรัพย์ ผงแร่จักรวาล ผงรวยไม่เลิก

ผงแร่บ่อนี้ เกิดจากพระคณาจารย์ในอดีตเคยสร้างพระให้เศรษฐีใช้ คนรวยสมัยก่อนคนไหนมาสร้างวัดวาอาราม พระเกจิในอดีตท่านเห็นว่า ควรทำพระผงเศรษฐีรวยทั้งชาติเป็นที่ระลึก ท่านก็ขุดบ่อดินขึ้นมา เอาผงดี ผงอาถรรพ์ ทั้งตำเอง ลบผงเอง แร่ไหลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่มี ผสมกันในบ่อนี้ ทำเป็นผง แจกเศรษฐี คหบดี ที่ตั้งใจมาสร้างวัด ครูบาอาจารย์ที่ทำผงบ่อนี้ ท่านได้อธิฐานไว้ ผงบ่อนี้ให้ชื่อว่า บ่อแร่ศักดิ์สิทธิ์เศรษฐีใหญ่ เสริมเรื่องโชคลาภ ไม่อดไม่อยาก ไม่ยากจน ไม่ขาดลาภ เจริญลาภสักการะ ปรารถนาสิ่งใดจักได้สมใจปอง

ผงแร่แห่งนี้ จึงเหมาะต่อการนำมาทำพระขุนแผนพรายเนื้อหอมของหลวงปู่ลอง อย่างยิ่งยวด หลวงปู่ลองเห็นว่าดี ให้ สร้างพ่อพรายทอง พระขุนแผนพ่อพรายทอง นั้นหนา ใครได้ไป จักกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ คนที่อยากรวยเร็ว รวยไว รวยนาน คนค้า คนขายก็ควรหามาใช้ ควรบูชา พ่อพรายทองเนื้อหอม จะเรียกคน เรียกลูกค้า เรียกทรัพย์ให้มาหาเราเร็ว เรียกเงินเรียกทอง ให้เข้ามาสำเร็จได้ ด้วย อิทธิฤทธิ์ของพระขุนแผนพรายทอง พ่อพรายทองอยู่กับใครแล้วจะรวยให้เสวยความสุข เสริมลาภ เรียกโชค เพิ่มเงินเพิ่มทอง

 

ปาฏิหาริย์ เคลื่อนศพหลวงปู่ทองดำ ปชช.เห็นภาพคล้ายหลวงปู่ เดินนำขบวน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 ส.ค. 2559 22:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: ปาฏิหาริย์ เคลื่อนศพหลวงปู่ทองดำ ปชช.เห็นภาพคล้ายหลวงปู่ เดินนำขบวน - thairath.co.th



​

 

ยังคงห้อยพระชุดเดิม เพิ่มเติมคือพระกริ่งขวานฟ้าโลกอุดร

พระชุดขวานฟ้านี้ หลวงปู่ทองดำร่วมอธิษฐานจิตด้วยนะครับ พลังจิตอันแก่กล้าของหลวงปู่อยู่ในพระชุดนี้แล้ว

เมื่อวานเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นโดยเฉพาะที่พม่าถึงกับพระเจดีย์เก่ายอดถล่มลงมา เหตุเภทภัยอันตรายทุกวันนี่หาใช่เรื่องไกลตัว หากดูจากข่าวบางทีก็ถูกทำร้ายจากทั้งคนรู้จักและไม่รู้จักกันก็มีมากมายหลากหลายรูปแบบ ไปไหนมาไหนเช้าขึ้นมาก็อย่าลืมไหว้พระอาราธนาวัตถุมงคลด้วยจิตที่ตั้งมั่นติดตัวไปด้วย

ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีเคยแนะนำเอาไว้ หากเกิดเหตุเคราะห์ร้ายพระท่านก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา หากเกินวิสัยจริงๆหมดอายุขัยอารมณ์เดิมที่จับภาพพระไว้ตอนเช้าจะดึงเราไปสู่สุขคติได้ครับ​

 

พระกริ่งทองดำ ๙๙


หลวงปู่ทองดำ เทพเจ้าแห่งบ้านท่าทอง




หลายท่านเห็นผมโพสแต่พระกริ่งขวานฟ้าของครูบาวงศ์ วันนี้เลยต้องถ่ายภาพพระกริ่งหลวงปู่ทองดำมาให้ชมกันครับ ว่าพอมีเก็บกะเขาบ้างเหมือนกันแต่นานๆจะนิมนต์มาขึ้นคอซักทีนึง (เมื่อก่อนจะชอบพระกริ่งกับเหรียญทำน้ำมนต์มากถ้ามีของครูบาอาจารย์ที่ศรัทธาสร้างออกมาก็จะตามเช่าบูชาไว้ แต่พอเลี่ยมห้อยดูซักวันสองวันก็พบว่าหนักไม่ค่อยชินเลยต้องนิมนต์ขึ้นหิ้งไว้) พระกริ่งขวานฟ้าจะมีขนาดย่อมกว่า ห้อยคอกำลังสบายครับ





พระกริ่งทองดำ ๙๙ นี้เป็นพระกริ่งที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยออกในวาระมหามงคลที่หลวงปู่เจริญอายุครบ ๙๙ ปี มีชนวนมวลสารเก่ามากมาย ที่สำคัญพระยันต์ ๑๐๘ และนะ ๑๔ อันเป็นพระยันต์บังคับในการสร้างพระกริ่ง เป็นพระยันต์ที่ อ.เทพย์ สาริกบุตร เป็นผู้ลงไว้ในพิธีมหาจักรพรรดิ ณ วิหารพระพุทธชินราช ปี ๒๕๑๕ และแผ่นยันต์จารโดยพระเกจิอาจารย์ที่ขึ้นชื่อทั่วประเทศอีกร้อยกว่าองค์





เนื่องจากเป็นวาระมหามงคล พิธีมหาพุทธาภิเษกจึงจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีพระคณาจารย์ที่ขึ้นชื่อแห่งยุคมาร่วมพิธีมากมาย อาทิ หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว พระมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ(สายหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า) หลวงพ่อสิริ วัดตาล หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร(หลวงปู่เก่งขนาดไหนติดตามอ่านกันได้ในเว็บของคุณอำพล เจน) พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง เป็นต้น​

 

Cr.ภาพคุณYut Aroonrung



เมื่อมหานครฉายแสง กับแรงผลักดัน

โพสนี้ขอเวิ่นเวอร์อีกครั้ง การงานใดก็ตามหากเราทำด้วยความรักความชอบและเป็นตัวของตัวเอง เราก็จะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ

เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ ๒๙ ที่ผ่านมามีงานเปิดตัวตึกมหานคร ตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดของประเทศ ณ ตอนนี้ ซึ่งได้มีงานโชว์แสงสีเสียงอย่างอลังการ แน่นอนว่างานนี้บรรดาตากล้องทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพย่อมไม่พลาดที่ฝึกหัดสำหรับมือใหม่ และประลองฝีมือกันสำหรับมืออาชีพ ซึ่งแต่ละคนก็คงจะได้ทำการบ้านทั้งเตรียมเทคนิค และเสาะหาพิกัดที่จะได้มุมในการเก็บภาพสวยๆมาให้ผู้ที่ชื่นชอบได้ร่วมกันชื่นชม

ไม่ง่ายเลยกับภาพๆหนึ่งที่จะถ่ายทอดความงดงามออกมา แต่เพียงเพื่อได้เห็นรอยยิ้มความประทับใจจากผู้ที่ได้เห็นภาพ หรืออย่างน้อยไม่เป็นที่ประทับใจภาพก็ยังเป็นสิ่งที่ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศให้ผู้ที่ไม่ได้ไปหรืออยู่ในเหตุการณ์มองเห็นได้ เพียงเท่านี้ก็สร้างความสุขให้แก่ศิลปิน ศิลปินผู้วาดภาพด้วยแสง


ซักวันจะต้องมายืน ณ จุดนี้ให้ได้




Cr.ภาพคุณNantpipat Vutthisak





Cr.ภาพคุณKong Jirawong​

 

พระกริ่งจักรพรรดิ
(พระกริ่งตะละกุน)


สุดยอดพระกริ่งของหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม















จากหนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 375-376


ปล. เนื่องจากพระกริ่งชุดนี้เป็นของหลักของนิยม จึงมีของปลอมเลียนแบบออกมา จะเช่าหาโปรดใช้ความระมัดระวังด้วยนะครับ​

 

Cr.ภาพและบทกลอนจากเพจ Hindu Meeting


วันที่ ๕ กันยายน วันคล้ายวันประสูติองค์พระพิฆเนศ


ขอความปรารถนาของทุกท่านจงสำเร็จทุกประการเทอญ​

 

สวัสดีทุกๆท่านด้วยครับผม

เปิดร้านใหม่ที่บ้านเลยมีเวลาแวะมาทักทายเหมือนเดิมคร๊าบบบ

 

ขอให้กิจการเฮงๆ รวยๆ ครับน้องเอ็ม (f)

 

พระกริ่งจักรพรรดิ

จักรพรรดิแห่งพระเครื่องในนามหลวงพ่ออุตตมะ



หากย้อนวันเวลาไปราวๆยี่สิบปีก่อน ช่วงที่หนังสือศักดิ์สิทธิ์บูมถึงขีดสุด มีนักเขียนที่น่าติดตามผลงานไม่ว่าคุณอำพล เจน คุณรณธรรม ธาราพันธุ์ คุณเนาว์ นรญาณ หรือแม้กระทั่ง บ.ก.สุวิทย์ ทุกท่านล้วนแล้วแต่เขียนถึงอิทธิคุณบุญบารมีแห่งหลวงพ่ออุตตมะให้ได้รับรู้ ให้ได้ชื่นชมในบารมีในองค์หลวงพ่อท่านกันแทบทุกฉบับ สมัยนั้นใครเป็นแฟนศักดิ์สิทธิ์ย่อมรู้ดี

จำเนียรกาล วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน วันนี้ชื่อหลวงพ่อแทบหายไปจากสาระบบ เหลือเพียงกลุ่มคนที่ศรัทธาท่านเท่านั้นที่ยังคงตามเก็บวัตถุมงคลที่ท่านฝากไว้ เด็กรุ่นหลังคงรู้เพียงว่าหลวงพ่ออุตตมะโด่งดังด้านประคำเท่านั้น







หลวงพ่ออุตตมะท่านเป็นพระภิกษุชาวมอญ ที่ใฝ่รู้ขยันหมั่นเพียรในการศึกษา ไม่ว่าในด้าน ยา ยันต์ ปรอท ประคำ ซึ่งถือเป็นตำราสุดยอด ท่านก็ศึกษามาอย่างถ่องแท้

ในด้านยา หลายท่านนึกไม่ถึงว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระหมอที่เชี่ยวชาญ ในสมัยที่ท่านธุดงค์อยู่ได้ใช้ความรู้ทางด้านหยูกยาสมุนไพร รักษาชาวบ้าน ชาวป่า ชาวเขา ให้หายจากโรคภัยมานักต่อนัก มีบันทึกไว้ในหนังสือประวัติเล่มใหญ่

ในด้านอักขระเลขยันต์ ก็เชี่ยวชาญชำนาญเวทย์ เป่าเสกเลขยันต์ถึงกับแผ่นทองไม่ละลายในเบ้าหลอม แม้แผ่นมหายันต์ชินบัญชรหินอ่อน ท่านก็ได้ศึกษาเอาไว้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตำรับเดียวกันกับของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ปัจจุบันแผ่นยันต์นี้ทั้ง ๓รุ่น รู่นละเพียง ๑๐๘ แผ่น หายวับไปจากวงการ มีแต่คนถามหา

ในด้านประคำ คงไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความ เพราะทุกท่านก็ได้ยินกันมามากแล้วว่าประคำหลวงพ่อ สร้างชื่อให้ท่านมากมาย ไม่ว่าด้านค้าขายดีมีกำไร กันไฟกันฟ้าผ่า ผีป่าผีเจ้าเข้าสิง ประวิงป้องกันสรรพอันตรายทั้งปวง ด้วยการอราธนาบอกกล่าวครูบาอาจารย์และหลวงพ่ออุตตมะ หยิบประคำมานับ " นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ" ให้ครบสัก ๕รอบประคำ หรือจนสบายใจ

ด้วยคณะศิษยานุศิษย์รู้แน่แก่ใจว่าหลวงพ่อท่านมีวิชาความรู้มากมายและศึกษามาอย่างช่ำชอง สมกับที่จะเป็น "ครู" ในอนาคตกาล หนึ่งในนั้นก็คือตำราการสร้างพระกริ่ง

เชื่อกันว่าตำราการสร้างพระกริ่งในบ้านเรานั้นสืบทอดมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ แห่งวัดป่าแก้ว ตกทอดมายังสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ วัดบวรฯ แล้วตกทอดไปยังสมเด็จท่านเจ้ามา แห่งวัดสามปลื้ม และมาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราชแพ ในที่สุด ล้วนแล้วแต่เป็นพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ สุดยอดของวงการ เป็นที่ใฝ่ฝันของทุกคน

พระกริ่งของหลวงพ่ออุตตมะถูกสร้างขึ้นมาหลายรุ่นมีทั้งจากวัด หน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ มาขอบารมีท่านสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่หาข้อมูลการสร้างได้ยาก คณะศิษย์จึงขอบารมีหลวงพ่อสร้างพระกริ่งรุ่นนี้ขึ้นมา ทำกันแบบใกล้เคียงกับตำรามากที่สุด โดยหมายจะให้เป็นพระกริ่งแทนองค์หลวงพ่ออุตตมะ สรรพวิชาที่หลวงพ่อศึกษามาฝากไว้ในพระกริ่งองค์นี้ เมื่อยามที่อยู่ไกลจากหลวงพ่อหรือท่านจากไปแล้วจะได้อธิษฐานขอความช่วยเหลือได้ และท่านก็ทำเต็มความสามารถทั้งเททองเอง แผ่นยันต์ไม่ละลายก็ทำให้เห็นในพิธีนี้ เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งหลวงพ่ออุตตมะจริงๆ





ปล.๑ เมื่อตอนที่ผมอ่านบทความที่คุณรณธรรม ลงไว้ในศักดิ์สิทธิ์จบ เกิดคำถามขึ้นมาในใจทันที่ว่า เมื่อคณะศิษย์ตั้งใจสร้างสุดยอดพระกริ่งแทนองค์หลวงพ่อ ไฉนจึงสร้างเพียงเนื้อ "สัตตโลหะ" ไม่สร้างเป็นเนื้อ "นวโลหะ" ไปเลย คำตอบนี้มาเฉลยเมื่อผมได้พบกับคุณอา วรพร ทองดีเลิศ(ศิษย์หิ้วย่ามหลวงพ่อมาเกือบ ๓๐ปี)

ผม: คุณอาครับทำไมคณะศิษย์จึงสร้างพระกริ่งจักรพรรดิเป็นเนื้อ สัตตะ ไม่สร้างเป็นเนื้อ นวะ ล่ะครับ

คุณอา: จริงๆแล้วคณะศิษย์ก็อยากสร้างเป็นเนื้อ นวะ นั่นแหละแต่หาโลหะได้ไม่ครบ รวบรวมได้เพียง ๗อย่าง ไม่อยากหลอกเขา ก็เรียกว่าเนื้อสัตตะโลหะ

คุณอาได้ยื่นพระกริ่งสัตตะโลหะให้ชม งดงามจริงๆ

ผม: ดูสีสันวรระแล้วเหมือนเนื้อ นวโลหะ เลยนะครับ

คุณอายิ้ม แล้วบอกต่อว่า

คุณอา: คุณรู้ไหม เนื้อนวะ ที่หลายๆที่เขาทำกันนะ ผสมโลหะแค่สามสี่อย่างแล้วใส่โลหะบางชนิดที่มีคุณสมบัติทำให้เนื้อโลหะกลับดำคล้ำลงไป เขาก็ตีเกราะเคาะปี๊บกันว่าเนื้อนวะแล้วล่ะ

ผม: .......


ปล.๒ ครูบาหนุ่มรูปหนึ่งแห่งเมืองหละปูน ที่บารมีของท่านกำลังแผ่ไพศาลอยู่ขณะนี้เคยบอกกับลูกศิษย์ว่าหลวงพ่ออุตตมะ ท่านคือ "พระมหา.... พระอาจารย์ของสมเด็จพระ.... กลับชาติมาเกิดนะ"

และเป็นที่เชื่อกันว่าสมเด็จพระพนรัตน์แห่งวัดป่าแก้วเจ้าของตำราการสร้างพระกริ่ง ก็คือ พระมหาเถรคันฉ่อง


พระกริ่งหลวงพ่ออุตตมะคู่ควรกับคำว่าพระกริ่งจักรพรรดิหรือไม่ถามใจท่านดู​

 

จากโพสที่แล้วที่ได้กล่าวถึงสุดยอดวิชาของทางฝั่งมอญคือ ยา ยันต์ ปรอท และประคำ ซึ่งในส่วนของ ยา ยันต์ และประคำ ได้กล่าวถึงไปแล้ว ในส่วนของปรอทนั้นแม้ว่าผมจะแน่ใจว่าหลวงพ่อท่านศึกษามาอย่างเจนจบเช่นกัน แต่พยายามนึกว่ามีใครเขียนถึงบ้างหรือเปล่าก็นึกไม่ออก เลยคิดว่าจะปล่อยผ่านไปด้วยเกรงว่าหากเขียนไปแล้วคนมาถามถึงจะหาหลักฐานมากล่าวอ้างไม่ได้ โพสที่แล้วจึงข้ามเรื่องปรอทนี้ไป

แต่อยู่ๆเมื่อวานขณะที่ท่องเที่ยวในโลกอินเตอร์เนต ก็นึกถึงแผ่นมหายันต์ชินบัญชรหินอ่อนขึ้นมา ไม่ได่อัพเดตข่าวสารนานแล้ว ด้วยเป็นสุดยอดของหายากจริงๆ(ในกูเกิ้ลมีรูปอยู่แค่ ๓แผ่นเอง จากจำนวน สามร้อยกว่าแผ่น หายวับไปไม่มีใครมาออกอีกเลย) เข้าไป Search ดูว่ามีใครกล่าวถึงบ้าง เห็นทางวัดท่าขนุนกล่าวถึงจึงเข้าไปอ่านดู พบว่าเป็นกระทู้ที่น่าสนใจ เป็นปกิณกะเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่ออุตตมะ หลายสิบเรื่อง บางเรื่องก็รู้แล้ว บางเรื่องก็ยังไม่รู้ อ่านไปเรื่อยไปพบเรื่องที่หลวงพ่ออุตตมะท่านหุงปรอท ขนลุกซู่ ดีใจแทบตาย พบข้อมูลแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องนี้เลย แต่เหมือนกับว่าครูบาอาจารย์ท่านดูอยู่จึงดลใจให้มาพบว่าเธอจงไปเขียนให้ครบซะ

แม้จะมีอยู่เพียงเรื่องเดียวแต่ก็ต้องลงไว้ว่าครูบาอาจารย์ของเราสำเร็จทั้ง๔สุดยอดวิชาจริงๆ

หลวงปู่(หลวงพ่ออุตตมะ)เล่าถึงวิธีหุงปรอทว่า "ท่านเคยใช้เตโชกสิณ ช่วยในการหุงปรอทจนมันลอยขึ้นมา
แต่ไม่สามารถจับได้ เพราะปรอทหลบไปหลบมาคล้ายล้อเล่นอยู่ตลอดเวลา"


Cr. วัดท่าขนุน​

 

ปกิณกะเรื่องเล่าหลวงพ่ออุตตมะ จากเว็บวัดท่าขนุน นำมาเพียงบางส่วน ท่านที่สนใจตามไปอ่านได้โดยคลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่างนะครับ

*********

พระมหาสุชาติ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม รูปปัจจุบัน ท่านเล่าว่า

"คืนหนึ่งหลังจากทำวัตรค่ำเสร็จ หลวงปู่ท่านกำลังสวดมนต์ประจำวันใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๒ ชั่วโมง มีทั้งภาษาไทยและภาษามอญ หลวงพี่ก็ลุ้นว่าเมื่อไรจะจบเสียทีเนื่องจากง่วงด้วย ล้าจากกิจวัตรประจำวัน ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย ทีนี้มีบทหนึ่ง พระอภิธรรม ๗ บท รู้จักไหม ? ท่านไม่ได้สวดนานแล้ว ภาษามอญนะ

เราก็ไปหยิบหนังสือมากางดู ไล่ตามทีละตัว ไม่ได้ตั้งใจจับผิดอะไร ดูตามไป ไม่น่าเชื่อ ไม่ผิดเลยสักคำ "อะ อา" อะไร ลงตามนั้นตรงเผงทุกคำเลย

ท่านไม่เห็นหรอกว่าหลวงพี่ทำอะไร เพราะว่าท่านนั่งหน้าสุด เรานั่งหลัง พอจบ ท่านหันมาเลยนะ "ว่ายังไงมหาฯ..เราว่าผิดไหม ?"
หลวงพี่นี่หงายหลังตึงเลย กราบขอขมาแทบไม่ทัน ตั้งแต่นั้นมาก็เลิกนะ ฮ่า ๆ"

*********

หลังออกพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๔๗ มีพระมาลาสิกขากับหลวงปู่ ท่านให้โอวาทแล้วบอกว่า "พระที่จะสึกนี่ อย่าไปที่ที่มีทะเลกันนะ..ช่วงนี้ " พระก็ทำหน้างง ๆ กัน แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไรต่อ ท่านก็เงียบ
ภายหลังออกมา สืบสาวราวเรื่องกันได้ความว่า พระที่สึกวันนั้นตั้งใจจะไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตกัน

ต่อมา ประมาณต้นเดือนธันวาคมปีนั้นเอง หลวงปู่ก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เงียบอยู่นานเป็นชั่วโมง เราก็อยากรู้ว่า "ท่านคิดอะไรอยู่" ความในใจครูบาอาจารย์ ใครจะไปกล้าคาดเดา

เลยกราบเรียนถามท่านว่า "มีอะไรหรือครับ เห็นหลวงปู่มองออกไป เหมือนมีอะไร"

ท่านตอบว่า "เรากำลังดูน้ำ" พอจะถามต่อ ท่านก็ชวนคุยเรื่องอื่นเสีย ในใจตอนนั้นได้แต่คิดว่า "สังขละ มันจะมีปัญหาเรื่องนั้น ที่ไหนหนอ ก็เห็นน้ำท่าบริบูรณ์ดี เขื่อนหรือก็น้ำเต็มปีนี้

สุดท้าย วันที่ ๒๗ ธันวาคม ปีนั้นเอง ก็เกิดสึนามิ (tsunami) ที่ประเทศไทย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ปัญญาของครูบาอาจารย์เกินความคาดเดาของเราจริง ๆ


*********

เช้าวันหนึ่งมีคนมากราบหลวงปู่ ด้วยท่าทีที่รีบร้อนกระวนกระวาย กราบเสร็จหลวงปู่ถามว่า "มีอะไรหรือโยม"

หนุ่มคนนั้น เรียนท่านว่า "ควายหายครับ "ไจ๊นง""

หลวงปู่บอกว่า "เดี๋ยวเราดูให้" ว่าแล้วท่านก็ไปหยิบหนังสือข้างตัวมาเปิด พลิกไปพลิกมาสองสามหน้า

แล้วท่านก็บอกว่า "โยมกลับไปรอที่บ้านเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นจะเจอเอง"

ใครจะไปเชื่อ "ควายหายทั้งตัวนะครับ "ไจ๊นง"" ไม่ใช่ตัวละบาทสองบาทเมื่อไร แต่ก็ขัดหลวงปู่ไม่ได้ต้องกลับบ้านไป

เช้าวันรุ่งขึ้นหนุ่มคนเดิมนี่เอง หอบลูกจูงหลาน เอามะพร้าว ข้าวปลา ดอกไม้ ธูปเทียน ใส่กาละมังมา กราบขอบพระคุณหลวงปู่เป็นการใหญ่

ถ้าตำราแม่นขนาดนี้ อยากจะได้สักเล่มจริง ๆ ให้ดิ้นตาย กลับไปเปิดหนังสือเล่มนั้นดู เอาไปให้พระท่านช่วยอ่าน

อ้าว..! กลายเป็นบทสิบสองตำนานไปเสียอย่างนั้น เฮ้อ จบกัน ความหวังเรา


*********


ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ วัดเกาะวังไทร นิมนต์หลวงปู่ไปงานที่วัด และขอจัดสร้างเหรียญที่ระลึกในงานนี้ด้วย

สมัยนั้น การเดินทางจากวัดโดยทางรถยนต์ไม่สะดวก ต้องนั่งเรือล่องตามแม่น้ำมา ซึ่งใช้เวลานาน ทหารจึงจัดเฮลิคอปเตอร์ หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า " ฮ. " มารับท่านไปงาน

ในวันนั้น ท่านนำเหรียญบรรรทุกไปด้วย พอถึงวัดเกาะวังไทร ท่านก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์ นักบินก็จะนำเครื่องกลับ แต่ทำอย่างไรเครื่องก็บินไม่ขึ้น จึงขอให้หลวงปู่ช่วยตรวจดูให้

หลวงปู่พิจารณาแล้ว บอกว่า " ลืมเอากล่องเหรียญลงมาจากเครื่อง "

พอนักบินยกกล่องเหรียญลงมา เครื่องก็สามารถบินกลับฐานได้ตามปรกติ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงพากันเรียกเหรียญ รุ่นนี้ว่า " เหรียญ รุ่น ฮ.ไม่ขึ้น "


*********

เมื่อเริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลมนั้น วิทยาการในการสร้างยังไม่ทันสมัยเท่ากับในปัจจุบัน
พอสร้างเสร็จ ระบบการตรวจจับ บอกได้ว่า เขื่อนรั่ว แต่จะรั่วจุดไหน อย่างไร ต้องใช้กำลังคนเข้าไปสำรวจ

วิศวกรค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ จนปัญญาจริง ๆ ทั้งคณะจึงมากราบขอร้อง ให้หลวงปู่ช่วย
ท่านเองก็ไม่ได้จบวิศวกรรมศาสตร์ ใบประกอบวิชาชีพ กว. ก็ไม่มี
ได้แต่อาศัยเปิดตำรา" โลกวิทู " แล้วก็ชี้จุดให้เขาไป

เมื่อทางการซ่อมเขื่อนที่ชำรุดแล้วเสร็จ น้ำในเขื่อนเพิ่มระดับทันที และท่วมวัดทันใจด้วยเช่นกัน
หลวงปู่ท่านสั่งให้ย้ายทั้งวัด และหมู่บ้านมอญ หนีน้ำมา ณ จุดที่สร้างวัดใหม่ในปัจจุบันทันที

แล้วท่านก็ปรารภแบบอารมณ์ดี ว่า " เราไม่น่าช่วยเขาเลย น้ำท่วมวัด หนีแทบไม่ทัน "


*********

เรื่องนี้ท่านอาจารย์จันทิมาเล่าให้ฟังว่า อาตมาแกล้งบอกหลวงพ่อว่า "กุญแจหาย หาไม่พบครับ" (ลูกบิดกดล็อกเอาไว้อยู่)

หลวงปู่ก็เดินไปที่ประตูห้อง จับลูกบิดประตูบิดสองสามที แล้วว่า "อ้าว..ประตูไม่ได้ปิดไว้นี่ ไม่ต้องใช้กุญแจแล้ว"

ท่านว่า เรื่องแบบนี้เลิกสงสัยหลวงปู่นานแล้ว เพราะลองกันมาหลายครั้ง


*********

นาน ๆ ทีหลวงปู่ถึงจะเล่าเรื่องที่เกี่ยวพระเครื่องของท่านให้ฟัง เรื่องนี้หลวงปู่เล่าเองว่า

ชาวบ้านที่อำเภอไทรโยคเลี้ยงลูกแล้วไม่ระวังให้ดี เด็กตกน้ำไป แทนที่จะจมกลับลอยคออยู่ในน้ำได้

จนกระทั่ง พ่อแม่มาเห็นและคว้าเด็กขึ้นมาได้ ท่านว่า"ในคอเด็กห้อยลูกอมรูปเราอยู่อย่างเดียวเท่านั้น"


*********​

ตามอ่านแบบเต็มๆได้ที่นี่

www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-218.html

 

ขอบพระคุณครับพี่ปู

 

พระกริ่งระฆังอธิษฐาน หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์


ช่วงนี้ผมกลับมาชื่นชอบพระกริ่ง หรือรูปหล่ออุดกริ่งอีกแล้ว ชอบืี่จะได้ยินเสียงกริ่ง(กึ กุสโล) เวลาที่ขยับตัวหรือเดินไปมา ทำให้จิตจับอยู่กับพระดีเหมือนกันครับ

ยิ่งถ้าใครเป็นศิษย์ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง จะรู้ดีว่าช่วงนี้พระกริ่งมาแรงมากๆ เป็นพระหลักของท่านที่เดียวเร็วๆนี้ก็จะออกพระกริ่งเทียนตี้มาอีก พระกริ่งสำนักนี้แต่ละรุ่นสร้างไม่มากแต่อุดมไปด้วยชนวนมวลสารเนื้อหาจึงเข้มข้น มันส์สะใจดีจริงๆ ยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ครูบาท่านได้แสดงคุณสมบัติอย่างหนึ่งของพระกริ่งชั้นดีที่หลายๆคนเคยได้ยินมา ให้ประจักษ์ต่อหน้าศิษย์ด้วยแล้ว ความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ

ในส่วนของหลวงพ่อเกษม เลยเลือกเอาพระกริ่งระฆังอธิษฐาน ว่าจะเลี่ยมห้อยคอ ด้วยรูปแบบด้านหลังเป็นพระราหู ผมเองเกิดวันพุธกลางคืน น่าจะถูกโฉลก

ในทางไสยศาสตร์ พระราหูถือเป็นวัตถุมงคลป้องกันอาถรรพ์ คุ้มครองดวงชะตา
ในทางโหราศาสตร์ พระราหู แทนความมัวเมา ลุ่มหลง
ในแง่พุทธศาสตร์ ครูบาอาจารย์ท่านให้พิจารณาสรรพสิ่งรอบตัวให้เห็นตามความเป็นจริง รู้จักที่จะนำสิ่งที่พบที่เห็นมาพิจารณาให้เกิดปัญญาในการตัดกิเลส

ยามเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง ก็เหมือนกับหลวงพ่อเกษมส่งเสียงเตือนใจให้สติ ดึงออกจากความมัวเมา ความลุ่มหลงทั้งปวง


​