อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    08.jpg

    10.jpg

    12.jpg


    พระธาตุดอยตุงเป็นพระธาตุองค์สำคัญที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยขึ้นไปสักการะและประกอบพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ลูกหลาน และหลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านได้นำพระธาตุข้าวบิณฑ์มาบรรจุเอาไว้ด้วย ดังเรื่องราวที่หลวงพ่อชัยวัฒน์ และคุณอัญเชิญได้เล่าไว้ดังนี้

    *************************


    ภาพในอดีต..เล่าเรื่องที่ "ดอยตุง"

    ...ภาพนี้เพิ่งจะนำออกมาโพสต์ เพราะสมัยนั้นผู้เขียนเพิ่งบวชได้ไม่กี่วัน โชคดีที่เขียนไว้ให้จำได้ว่า "ไปร่วมงานยกฉัตร พระธาตุดอยตุง 5 พ.ค. 20"

    ผู้เขียนบวชเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2520 บวชได้เพียงแค่ 10 วันเท่านั้น พอดีหลวงพ่อกับหลวงปู่ชัยวงศ์ ท่านเตรียมจะไปยกฉัตรใหม่ ที่พระธาตุดอยตุง สมัยนั้นกำหนดงานตรงกับวันฉัตรมงคลพอดี

    ช่วงนั้นยังไม่มีพระติดตามไปกับหลวงพ่อ พวกเราอยากไปร่วมพิธีเหลือเกิน เพราะโอกาสไม่ใช่มีบ่อยๆ จึงนัดกับพระที่เพิ่งบวชใหม่ด้วยกัน คือ หลวงตาเกษม (ที่ยืนข้างผู้เขียน)

    แล้วก็พระที่บวชก่อนอีก 3 รูป องค์แรกคือ หลวงพี่สมชาย, หลวงพี่เกรียงศักดิ์ ทั้งสองรูปนี่มรณภาพไปแล้ว ส่วนอดีตพระไพโรจน์ได้ลาสึกไปแล้ว เป็นเพื่อนอยู่ที่สยามกลการด้วยกัน ภายหลังเป็นผู้จัดคิวพระให้เดินทางไปกับหลวงพ่อ

    ส่วนโยมเสื้อลายนั่น จำชื่อไม่ได้แล้ว ลูกชายเคยบวชอยู่วัดท่าซุงแล้วก็สึก รับอาสาขับรถพามาที่ดอยตุง แต่ยังไม่ถึงพระธาตุ ได้ยืนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แล้วก็มีภาพนี้เพียงภาพเดียวเท่านั้น ที่เหลือก็ลืมเหตุการณ์ไปหมดแล้ว


    พิธียกฉัตร 5 พฤษภาคม 2520


    ...แต่ส่วนที่ยังพอจะเล่าได้บ้าง จากบันทึกของ คุณอัญเชิญ มณีจักร (ชาโดว์) ดังนี้

    "..หลวงพ่อท่านและหลวงปู่วงศ์ได้ทำพิธียกฉัตร เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2520 หลวงปู่วงศ์เป็นผู้จัดหาฉัตรมาสวมยอดพระเจดีย์ ท่านได้บรรจุพระธาตุข้าวไว้ในนั้นด้วย

    มีพวกเรา 10 กว่าคนเท่าที่จำได้ มีพี่ชอ คุณเนียร คุณแอ๊ยุพดี จักษุรักษ์ ข้าพเจ้า พี่เหม่..เลิศลักษณ์ ศรีสิงหสงคราม เอ๊าะ..อายุธ นาครทรรพ เด็กหนุ่ม นั่งรถตู้ไปรับหลวงปู่ที่วัดจามเทวี ลำพูน นอนที่กองพันสัตว์ต่างเชียงใหม่ 1 วัน

    รุ่งขึ้นเช้าไปเชียงราย นอนที่วัดเม็งราย ถึงวัดเม็งรายเย็นแล้วฝนตกอีกด้วย จึงทำอะไรไม่ได้ รุ่งขึ้นอีกวันคือ วันที่ 4 พ.ค. 2520 จึงทานข้าวแต่เช้านำฉัตรและบายศรีเครื่องบวงสรวงขึ้นดอยตุง

    โดยเปลี่ยนรถเป็นรถสองแถวเจ้าถิ่นนำขึ้นไป เพราะรู้และชำนาญทาง ทางยังขรุขระฝุ่นตลบไปหมด ทางแคบด้วย ขึ้นลงชันมากกว่านี้ เวลารถลงเขา เขาจะขับเร็วมากเพื่อจะได้มีกำลังส่งเมื่อรถขึ้นเขา

    ดีว่าข้าพเจ้านั่งรถคันเดียวกับหลวงปู่วงศ์ จึงไม่กลัวเท่าไร ถึงวัดเชิงดอยตุง หลวงปู่วงศ์นั่งไหว้ตั้งนาน แล้วหาพะอง คือบันไดที่เป็นไม้ไผ่ยาวๆ ต้นเดียวแล้วเจาะรูเอาไม้เสียบเล็ก ๆ พอเหยียบขึ้นไปได้ หาและทำที่นั่นแหละ

    แล้วเอาขึ้นรถไปถึงยอดดอย ใกล้ ๆ จะถึงสูงชัน คนต้องลงเดิน รถพาขึ้นไม่หมด ถึงเจดีย์แล้วหลวงปู่ก็ขึ้นบันไดเองถึงยอดเจดีย์ เป็นว่ายอดตันไม่มีรูให้เอาฉัตรเสียบได้

    ผู้ชายจัดการทางเจดีย์ ผู้หญิงข้าพเจ้า พี่ชอ คุณเนียร ประกอบบายศรีทำด้วยกระดาษทอง ข้าพเจ้าทำเองที่บ้านใส่ปี๊ปไป กระทงก็กระดาษทองทั้งหมด ดอกไม้ก็ใช้ดอกไม้แห้งประดับตัวบายศรี

    ส่วนกระทงเอาดอกไม้สด จัดไม่ทันเสร็จดีพวกผู้ชายบอกลงไปก่อน ฉัตรใส่ไม่ได้ ต้องไปหาช่างทำเป็นหมวกสวมเอา ถึงเชียงรายมืดแล้ว ช่างเหล็กก็แน่ทำทั้งคืน

    เช้ามืดคณะล่วงหน้าไปก่อนตื่นแต่เช้ามืด ไปรับหมวกที่เขาทำฉัตรติดไว้ขึ้นดอยตุง จัดการไม่ทันเสร็จ คณะหลวงพ่อท่านก็ไปถึง จึงช่วยกันใหญ่

    หลวงปู่มหาอำพัน บุญ-หลง วัดเทพศิรินทร์ ไปพร้อมหลวงพ่อท่าน ได้เอาทองคำเปลวไปติดฉัตรและแบ่งให้ข้าพเจ้า พี่ชอได้ติดด้วย

    หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวง

    ...ขณะที่พวกผู้ชายเอาฉัตรปีนขึ้นไปติดบนยอดเจดีย์ อากาศเป็นใจ คือลมพัดเอาก้อนเมฆมาบังวิวข้างล่าง ไม่ให้เห็นความสูงจากยอดเจดีย์ลงไปที่เชิงเขา ไม่ต้องกลัวความสูง

    สวมฉัตรและห่มผ้าเจดีย์ 2 องค์เรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อท่านทำพิธีบวงสรวง แล้วนำเดินเวียนเทียนรอบเจดีย์ด้วย คณะหลวงพ่อท่านเสร็จแล้วกลับเลย คณะล่วงหน้าไปก่อนกลับทีหลัง คือนอนที่วัดเม็งรายอีก 1 คืน

    รุ่งขึ้นไปส่งหลวงปู่ชัยวงศ์ที่วัดท่าน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หลวงปู่เอาบายศรีกระดาษทองไว้บูชาที่วัดท่าน นอนที่นั่นอีก 1 คืน จึงได้กลับกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นปลื้มสุดขีด เห็นรูปเจดีย์พระธาตุดอยตุงมีฉัตรสวยงามที่ไหน ก็นึกปลื้มใจมากทุกครั้ง ว่าเราได้ร่วมทำด้วย

    หลวงพ่อท่านบอกว่า การยกฉัตร "พระธาตุดอยตุง" กับ "พระธาตุจอมกิตติ" นั้น เพื่อแก้ เคล็ดหรือป้องกันไม่ให้คอมมูนิสต์ หรือต่างชาติยึดครองแผ่นดินของเราได้ จึงรอดปลอดภัยเป็นไทยจนทุกวันนี้..."

    เหตุที่ต้องเปลี่ยนฉัตร

    "...สมัยนั้น พระธาตุดอยตุงยังไม่เจริญ ทางขึ้นก็ยังเป็นลูกรัง จากการสร้างของหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก พร้อมด้วยชาวบ้านแถวนั้น ประมาณ 17 กม.

    องค์พระธาตุจึงขาดการบูรณะ เพราะไม่มีเจ้าอาวาสอยู่ประจำ เหตุว่าบางรูปก็ลาสึกไปอยู่กับสาวชาวดอยบ้าง บางรูปก็ถูกฆ่าตายบ้าง

    การบูรณะสมัยนั้นจึงง่ายไม่ต้องทำเรื่องถึงกรมศิลปากร ตอนนั้นหลวงพ่อจึงมอบหมายให้หลวงปู่ชัยวงศ์ไปหาฉัตร พวกกะเหรี่ยงก็ไปหาที่มีรูปแบบคล้ายพม่าหรือมอญ

    ต่อมาทางราชการมองเห็นถึงเรื่องความมั่นคงในอนาคต เพราะเขตแดนของพระธาตุดอยตุงอยู่ใกล้เขตแดนของพม่า มีเส้นแบ่งเขตแดนอยู่บนสันเขา อาจจะมีข้อพิพาทในภายหลังได้

    ถ้าเขาเอาพระธาตุดอยตุงที่มีฉัตรคล้ายพม่าเป็นข้ออ้าง เขาสามารถขยายเขตแดนเข้ามาได้ นี่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เขาเอาเป็นเหตุได้ ซึ่งเคยมีตัวอย่างทางภาคใต้มาแล้ว

    ซึ่งผู้เขียนเคยเดินธุดงค์บนสันเขา จากวัดพระธาตุผาจม ที่แม่สาย สามารถเดินมาถึงดอยตุงได้ แต่ก็พลัดหลงเข้าไปในเขตพม่า จึงรู้ว่าเส้นเขตแดนอยู่ใกล้กัน

    ภายหลังจึงมีการเปลี่ยนฉัตรใหม่ ให้เป็นรูปแบบของไทย เรื่องนี้ก็เป็นอันยุติข้อสงสัยได้ เพราะสมัยท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล ก็ได้นำคณะศิษย์เป็นเจ้าภาพ ร่วมกันสร้างองค์พระธาตุทั้ง 2 องค์ พร้อมฉัตรใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    จึงขอให้ตั้งจิตอนุโมทนาร่วมกัน เพราะได้ผลบุญตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ จนมาถึงสมัยปัจจุบันนี้ เพื่อให้ได่ผลสำเร็จสมความปรารถนาเช่นกัน


    สมุดบันทึกบุญของพระชัยวัฒน์ อชิโต
    ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๐ (ไปงานยกฉัตรพระธาตุดอยตุง)
    - ถวายค่าสร้างฉัตร พระธาตุดอยตุง ๑๐ บาท
    - ถวายเงินหลวงปู่สิม พิธีพุทธาภิเษกวัดดอนมูล ๒๐ บาท
    - ถวายเงินหลวงพ่อฯ เพื่อใช้ตามอัธยาศัย พิธียกฉัตร พระธาตุดอยตุง ๑๐ บาท
    - ถวายเงินครูบาชัยวงศ์ เพื่อใช้ตามอัธยาศัย พิธียกฉัตร พระธาตุดอยตุง ๒๐ บาท
    - ถวายเงินร่วมสร้างผ้าห่มองค์พระธาตุ พิธียกฉัตรพระธาตุดอยตุง ๑๐ บาท
    - ถวายเงินเพื่อนำไปบรรจุในพระธาตุพร้อมพระธาตุข้าว พิธียกฉัตรพระธาตุดอยตุง ๑๕ บาท
    - ถวายเงินร่วมสร้างพระอุโบสถและชำระหนี้สงฆ์ วัดเม็งราย จ.เชียงราย ๒๐ บาท
    - ถวายเงินร่วมสร้างพระนาคปรก วัดเม็งราย จ.เชียงราย ๑๐ บาท

    พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต
    อัพเดท 8 พฤษภาคม 2563

    ที่มา: https://www.facebook.com/tamroi.phrabuddhabat/posts/2974651759270105:0

     
  2. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    87491442_1825776737553291_2102638515777961984_o.jpg

    87470874_1825776744219957_4136796878987591680_o.jpg

    87953134_1825776780886620_3032051850741284864_o.jpg

    88025132_1825778260886472_7593961186777890816_o.jpg

    80337070_1837852153012416_4220123784310423552_o.jpg

    87195127_1825778377553127_9066093203513409536_o.jpg


    จบลงไปในส่วนของตำนานพระธาตุดอยตุงและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตำนานจะจริงหรือปล่าว เรื่องเล่าจะถูกหรือไม่ เป็นสิ่งที่เกิดมาเนินนานเราคงไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่จริงแท้แน่นอนจากการอ่านตำนานก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป หมุนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น

    หนทางออกจากวัฏจักรเช่นนี้ ก็มีแต่เดินตามรอยบาทพระศาสดาเท่านั้น
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,398
    ค่าพลัง:
    +53,091
    ผ้ายันต์เก้ายอด หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทาจ.กำแพงเพชร

    received_2932223253551253.jpeg
     
  4. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    87370953_1822919951172303_6175996842312990720_o.jpg

    87612570_1825778327553132_1645154696945467392_o.jpg

    87385506_1824901974307434_8614995872201048064_o.jpg

    87278601_1824901954307436_1486821797025284096_o.jpg


    87456080_1824901934307438_5138166884847321088_o.jpg


    ถวายตุงบูชาคุณพระรัตนตรัย

    เมื่อมาดอยตุงก็ต้องถวายตุงเป็นเครื่องบูชาเฉกเช่นตามตำนาน

    ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำลงไปนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ได้เข้าถึงซึ่งคำสอนของพระบรมศาสดา ขอคำว่าไม่มีและไม่รู้ จงอย่าบังเกิดแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ...



    ความหมายของตุง(ภาพจากเพจพาไปวัด)
    87730878_1824915720972726_5206933674943053824_n.jpg

    ไม้ล้มหมอนนอนไพร คือไม้ที่ล้มตายเองตามธรรมชาติ
     
  5. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    87867211_1826866470777651_1957465047760371712_o.jpg

    88144281_1826866490777649_7977128258774761472_o.jpg

    88268560_1827684860695812_6357714048158531584_o.jpg

    88023777_1827684814029150_1720308365403357184_o.jpg

    87484477_1827685044029127_3092000544697352192_o.jpg

    87580470_1827684824029149_7548565066086350848_o.jpg

    87904121_1827684907362474_5503868300536315904_o.jpg

    87445409_1827684954029136_5148963796974305280_o.jpg


    ทางเดินเชื่อมระหว่างบันไดนาคมายังองค์พระธาตุดอยตุง เป็นทางเดินที่ร่มครึ้มไปด้วยแมกไม้ สองข้างทางเป็นราวระฆัง ผู้ที่เดินผ่านต่างเดินเคาะกันไปตามจังหวะของตน แต่เสียงที่ได้กลับสอดประสานกันไพเราะราวกับเสียงดนตรีจากสรวงสวรรค์ ช่วยขับให้บรรยากาศดูศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังยิ่งนัก

    *****************

    ความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง โบราณให้สังเกตว่า บ้านเมืองใดยังมี ๔ เสียง นี้อยู่ บ้านเมืองนั้นร่มเย็น

    "เสียงฆ้อง เสียงกลอง เสียงมองต๋ำข้าว เสียงตุ๊เจ้าไหว้พระสวดมนต์"


    • เสียงฆ้อง เสียงกลอง หมายถึงประเพณีวัฒนธรรมยังเคลื่อนไหว มีการใช้ในชีวิตประจำวัน สืบสาน รักษา และส่งต่อให้คนรุ่นใหม่รุ่นต่อรุ่น
    • เสียงมองต่ำข้าว หมายถึงเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ยังอุดมสมบูรณ์ ประชาชนอยู่ดีกินดี มีพออยู่ พอกิน
    • เสียงตุ๊เจ้าเทศนา สวดมนต์ หมายถึงคุณธรรม จริยธรรม คำสอนของพระศาสนายังเป็นหัวใจของบ้านเมืองอยู่เสมอ บ้านเมืองบริบูรณ์ด้วยศีลธรรม






     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    87940396_1829594450504853_874567654860390400_o.jpg

    88204953_1829594423838189_1331036362467442688_o.jpg

    87884580_1829594460504852_5761307897229213696_o.jpg

    87955369_1829594350504863_3560524297791340544_o.jpg

    87784939_1829594380504860_2297249930705633280_o.jpg


    มีโอกาสได้ร่วมถวายทองหล่อพระที่พระธาตุดอยตุง ร่วมฝากกระแสบุญไว้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี
     
  7. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    87936532_1831368420327456_3299918644481359872_o.jpg

    88025540_1833243343473297_1679095946585047040_o.jpg

    88194217_1833243306806634_6099746260682539008_o.jpg

    88225228_1833243330139965_9060274527849676800_o.jpg


    จุดชมวิว กม.๑๒ สูง ๘๗๔ ม. เหนือระดับน้ำทะเล

    จุดชมวิว กม.๑๒ เป็นจุดชมวิว ที่ไม่ควรพลาดถ้าขึ้นมาบนดอยตุง ตรงนี้จะมีลานจอดรถ มีร้านค้าและห้องน้ำ สามารถจอดพักชมวิวเก็บภาพกันได้ เห็นตัวเมืองอยู่ด้านล่างไกลลิบๆ กลุ่มเราหลังจากถ่ายภาพกันเสร็จเห็นว่าบ่ายแล้วก็เลยตัดสินใจทานข้าวกันที่นี่ เดินเข้าไปดูในร้านมีลูกชิ้นทอด ส่วนข้าวเป็นข้าวราดแกงแต่มีผัดกะเพราอยู่อย่างเดียว ด้วยความที่พวกเราง่ายๆและไม่อยากกังวลหาร้านข้าวอีกให้เสียเวลาก็สั่งข้าวราดกระเพรามา ตัวร้านทำคล้ายร้านก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาชื่อดังของแม่ฮ่องสอน สามารถนั่งกินข้าวห้อยขา ชมวิวเบื้องล่างได้ไกลสุดลูกหูลูกตา กินเสร็จเรียกเก็บเงิน นึกว่าช่วงเทศกาลอย่างนี้เขาจะบวกเพิ่ม(ปีใหม่พอดีตอนที่ไป) แต่เปล่าก็ราคาปกติ โชคดีไป อาหารหลักสิบบรรยากาศหลักล้าน
     
  8. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    89038052_1835992999864998_9214918643568082944_o.jpg

    88148814_1835993016531663_5419375221398306816_o.jpg

    88089386_1835992953198336_7562318079649120256_o.jpg

    88166327_1835993059864992_6643484155373944832_o.jpg

    88081138_1835993099864988_5327302345321611264_o.jpg

    88357396_1835993129864985_7012029754240925696_o.jpg

    ขุนน้ำนางนอน

    ไฮไลท์ที่สำคัญของทริปเชียงรายครั้งนี้ก็คือการได้มาเยือน ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ถ้ำหลวงในอดีตก็ไม่ได้มีคนสนใจมาท่องเที่ยวกันมากนักจนมีเหตุการณ์ที่ทีมหมูป่าเข้าไปติดอยู่ในถ้ำเมื่อเกือบสองปีก่อนนั้น ทำให้ถ้ำหลวงมีชื่อเสียงโด่งดังและผู้คนอยากจะมาสัมผัสกับถ้ำที่มีเรื่องราวเล่าขานตำนานความรักจากอดีตกาล ที่ผ่านมาเกี่ยวพันกับทีมหมูป่า และครูบาบุญชุ่ม

    ************************

    สระขุนน้ำมรกต ถ้ำหลวง จ.เชียงราย อัศจรรย์ลำธารสีฟ้าใส

    สระขุนน้ำมรกต อยู่ในความดูแลของ วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ท้องที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เดิมเป็นลำธารขนาดเล็ก เรียกกันว่า ขุนน้ำนางนอน ภายหลังเมื่อได้เปิดปากถ้ำไทรทองเพื่อสูบน้ำออกจากถ้ำหลวง ทำให้เกิดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่และลึกกว่าเดิม คือลึกถึง 4 เมตร ซึ่งน้ำที่ไหลออกมามีส่วนผสมของธาตุหินปูน ปะปนกับพื้นทรายใต้บ่อน้ำ น้ำเลยไม่ขุ่น ใสสะอาดบริสุทธิ์ แบบที่เห็น อีกทั้งยังนำก้อนหินเล็กใหญ่ที่หลงเหลือจากการเปิดปากถ้ำมาจัดสวนปรับภูมิทัศน์ จึงกลายเป็น สระขุนน้ำมรกต (สระมรกต+ขุนน้ำนางนอน) ที่สวยงามมาก ๆ

    ที่มา: https://travel.mthai.com/region/198462.html

    ***********************

    หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เผยสาเหตุน้ำสีฟ้าเขียวมรกต มาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ ชี้แนวทางอนุรักษ์ให้สวยงามเช่นนี้ต่อไป.

    นายกวี ประสมพล หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เปิดเผยว่า สาเหตุที่น้ำบริเวณบริเวณหน้าถ้ำหลวงฯ ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีสีฟ้าเขียวมรกตนั้น มีที่มาดังต่อไปนี้

    1. น้ำบริเวณหน้าถ้ำหลวงไหลผ่านเขาหินปูน ซึ่งมีแร่แคลเซียมคาร์บอเนต จึงทำให้น้ำใส และเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์อยู่แล้วว่า หากน้ำไหลผ่านแร่แคลเซียมคาร์บอเนต น้ำจะใสขึ้นมาทันที
    2. การขุดลอกเส้นทางน้ำให้ลึกขึ้น ส่งผลให้น้ำใส เนื่องจากไม่มีตะกอนหรือเศษใบ้ไม้ต่างๆ หมักหมมอยู่ด้านล่าง ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีการขุดลอกเส้นทางน้ำมานานนับสิบๆ ปี
    3. ในช่วงที่ผ่านมา มีชาวบ้านเดินทางมาเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าวอยู่เสมอ จึงทำให้น้ำขุ่นมาโดยตลอด และ
    4. เมื่อน้ำปะทะกับแสงแดด จึงสะท้อนแสงออกมาในลักษณะของสีฟ้าเขียว


    ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/north/1349407

    ************************


    บรรยากาศมุมกว้างสระขุนน้ำมรกต


     
  9. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    88416881_1838720559592242_6543294061690748928_o.jpg

    84332719_1838720662925565_1753319484040413184_o.jpg

    89038348_1838720636258901_3583170414802632704_o.jpg

    88175304_1838720509592247_5989237993402007552_o.jpg

    88307157_1838720586258906_4501519617658716160_o.jpg


    ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน

    ไฮไลท์ของทริปนี้ก็คือการมาชมถ้ำหลวง(ถ้ำหลวงกับขุนน้ำนางนอนเป็นสองสถานที่นะครับห่างกันประมาณสองกิโล ขุนน้ำนางนอนเป็นทางน้ำที่ระบายออกมาจากถ้ำ) ที่โด่งดังไปทั่วโลก แม้จะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าชมได้แค่ปากถ้ำไม่สามารถเข้าไปหรือแม้แต่ลงไปตรงโถงได้ แต่ถึงกระนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังหลั่งไหลกันมามากมาย เรียกว่าขอให้ได้เห็นปากถ้ำสักครั้งก็ยังดี

    *************

    เปิดตำนาน "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ขุนเขาแห่งความรักที่ไม่สมหวัง

    วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน ท้องที่ ต.โป่งผา เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ มีจุดบริการท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ บริเวณถ้ำหลวง บ้านน้ำจำ และบริเวณขุนน้ำนางนอน บ้านจ้อง มีสภาพเป็นพื้นที่ราบระหว่างหุบเขาหินปูนสูงชันเงียบสงบ

    ถ้ำหลวง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ เชื่อกันว่ามีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยเนื่องจาก มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างมากภายในถ้ำจะพบกับความงามของ เกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงยังรอคอยความท้าทายการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา เพราะสำรวจไปได้ไม่ถึงที่หมายก็ต้องล่าถอยออกมาด้วยพบกับอุปสรรคความยากลำบาก ภายในถ้ำและยังมีถ้ำเล็กๆ อีก 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน สามารถเดินเข้าไปชมความงามได้ และควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย โดยที่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมภายในถ้ำ ไม่พบหลักฐานทางโบราณคดี

    ตำนานดอยนางนอน เรื่องแรกเล่าขานว่า ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปงดงามเป็นที่ยิ่ง ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว บอกพระสวามีว่าจะประทับรออยู่ที่นั่น สวามีก็บอกว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหน ชายหนุ่มก็ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเสียที ปรากฏว่าถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาเจ้าหญิงที่สะกดรอยตามมา

    ด้วยความเสียใจ นางจึงใช้ปิ่นปักผม แทงพระเศียรของพระองค์จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ และพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้

    ทางไปอำเภอแม่จัน มีขุนเขาทอดตัวคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว เรียกว่า ดอยนางนอน ดอยส่วนที่ศีรษะเรียกว่า ดอยจ้อง หรือ ดอยจิกจ้อง (เดิมเรียกดอยนี้ว่า ดอยท่าหรือดอยต้า) เป็นดอยของลูกชายปู่เจ้าลาวจกที่รอคอยพ่อ ดอยลูกถัดมาเรียกว่า ดอยย่าเฒ่า ซึ่งเป็นภรรยาของปู่เจ้าลาวจก ส่วนดอยอีกลูกหนึ่งคือ ดอยดินแดง หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ ดอยตุง

    เชื่อกันว่า ดอยทั้ง 3 นี้เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของลาวจักราช ผู้เป็นต้นวงศ์ของพญามังราย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดงเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยตุง อันถือเป็นปฐมธาตุแห่งแรกของภาคเหนือ

    ตำนานเรื่องที่ 2 เล่าว่า เจ้าหญิงเมืองพุกามกรีธาทัพออกตามหาเจ้าชายที่นางรัก นางออกรบ มีผู้คนล้มตายมากมาย และขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆ จนมาถึง “เวียงสี่ทวง” จึงพบกับเจ้าชาย แต่ปรากฏว่าเจ้าชายหนีหายไปกับสาวสวยชาวเวียงนี้อีกครั้ง นางรู้สึกเศร้าสลดจนตรอมใจตาย

    ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ร่างของนางกลายเป็นเทือกเขา ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ดอยนางนอน” น้ำตาที่ไหลรินกลายเป็น “ขุนน้ำนางนอน” ส่วนไพร่พลของนางก็กลายมาเป็นชนเผ่าหลากชาติพันธุ์บนภูเขาแห่งนี้

    ตำนานเรื่องที่ 3 เกี่ยวกับ “พระธาตุจอมนาค” อีกเรื่องว่า พญาครุฑลักพาลูกสาวพญานาค มาแอบซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้ พญานาคผู้พ่อออกตามหาก็มาพบลูกสาวนอนอยู่กับพญาครุฑในบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระธาตุดอยตุง

    พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกกับทองคำ ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาล มาแลกลูกสาวนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑนั้นเรียกว่า “หนองละกา” แปลว่าพญานาคลาจากสัตว์พวกนกกากลับบาดาล ทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายคำ” หรือถ้ำทรายทอง ก่อนกลับไปพญานาคสร้าง “พระธาตุจอมนาค” หมายไว้

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :Chiangrai Guide Book,รักบ้านเกิด,แม่สายบ้านเรา,chiangmainews


    88320785_1838730896257875_7435737254472974336_o.jpg

    ทริปนี้ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปเทือกเขานางนอนมาให้ได้ แต่ปรากฏว่าเมื่อลงมาจากดอยตุง(เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขานางนอน)แล้วระยะทางมันใกล้เทือกเขานางนอนเกินไปทำให้ถ้าจะถ่ายรูปก็จะได้มาแค่หน้าอกกับส่วนหัวเท่านั้น ไว้คราวนี้มีโอกาสค่อยมาถ่ายใหม่ ภาพเทือกเขานางนอนจากเน็ตครับ
     
  10. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    88325794_1839643759499922_199832024985370624_o.jpg

    88112821_1839643769499921_6485991690359275520_o.jpg

    88959158_1839643882833243_4985201439916687360_o.jpg

    89206592_1839643706166594_3480692293256609792_o.jpg

    88434867_1839643669499931_3131564404743602176_o.jpg


    89272830_1839643809499917_7330541977701711872_o.jpg



    ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน(๒)

    วนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ มีพื้นที่สำหรับบริการนักท่องท่องอยู่ 2 แห่ง คือ

    1. บริเวณวนอุทยานถ้ำหลวงตั้งอยู่ท้องที่บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นที่ตั้งสำนักงาน

    2. บริเวณขุนน้ำนางนอน มีเนื้อที่ 8 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

    เทือกเขาดอยนางนอน สถานที่ตั้ง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีลักษณะเป็นภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกเรียงตัวสลับซับซ้อน มองดูคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว มีส่วนหัว จมูก หน้าอก และลำตัวชัดเจน ขนานไปกับถนนในเขตอำเภอแม่จัน และแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง มีจุดสูงสุดคือ ผาช้างมูบ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 830 เมตร

    นอกจากถ้ำหลวงยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกเช่น

    – ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก(ลึกประมาณ 40 เมตร) ชาวบ้านได้สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ไว้ ภายในถ้ำ มีหินงอก-หินย้อย ที่งดงามแปลกตา อากาศบริเวณปากถ้ำเย็นสบายตลอดทั้งปี

    – ถ้ำมัลติกาเทวี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้หน้าผาบนภูเขา ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยบุคคล และได้มรณภาพในถ้ำนี้ ที่ปากถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย สูงประมาณ 2.5 เมตร

    – ถ้ำเลียงผา เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน ทำให้มีลักษณะเป็นเวิ้งมีหุบเหวล้อมรอบ บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาโบราณอายุหลายร้อยล้านปี

    – ขุนน้ำนางนอน ห่างจากถ้ำหลวงประมาณ 2 กม. มีธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว จุดเด่นคือบึงน้ำจืดขนาดเล็กที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และถ้ำทรายทอง ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาเหนือบึงน้ำ เป็นถ้ำลอดที่ยังไม่ได้มีการสำรวจ จึงยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์


    ที่มา: https://travel.mthai.com/region/183730.html

    ปล.ทริปที่ผมไปเป็นช่วงปีใหม่นะครับตอนนั้นยังไม่มีโควิดคนจึงยืนเบียดกัน






    5 อันดับ ถ้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
    ท้าทายนักผจญภัยที่อยากสำรวจ

    1. ถ้ำพระวังแดง จังหวัดพิษณุโลก
    มีความยาว 13,761 เมตร รังวัด RFD/CSS/OCC/SMCC เมื่อปี 1997-2004

    2. ถ้ำแม่ละนา จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    มีความยาว 12,720 เมตร รังวัด Australian expeditions เมื่อปี 1986-1992

    3. ถ้ำใหญ่น้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
    มีความยาว 10,631 เมตร รังวัด SMCC เมื่อปี 2004-2014

    4. ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย
    มีความยาว 10,316 เมตร รังวัด APS/SMCC/BEC/Unsworth เมื่อปี 1988 / 2014-2016

    5. ถ้ำน้ำลาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    มีความยาว 8,550 เมตร รังวัด Australian expeditions เมื่อปี 1986


    ที่มา:https://travel.mthai.com/blog/184048.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    90190713_1842531525877812_8946233675737989120_o.jpg

    90087947_1842531615877803_6575746692845404160_o.jpg

    90278465_1842531505877814_5393741997582319616_o.jpg

    90110668_1842531599211138_8124599813468585984_o.jpg

    90246727_1842531569211141_3990536668279996416_o.jpg

    90142539_1842531482544483_4756329934157250560_o.jpg


    ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน(๓)

    ความเชื่อ อาถรรพ์ สิ่งเร้นลับ อยู่คู่กับคนไทยมานาน บางเรื่องสามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์แต่หลายๆเรื่องก็ยังไม่สามารถอธิบายได้

    เมื่อครั้งที่ทีมหมูป่าเข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวงนั้น มีพระเกจิที่เป็นที่นับถือของชาวบ้านมาทำพิธีเสริมสร้างกำลังใจกันหลายองค์ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญไหนจะพ่อแม่และญาติของเด็กๆ ไหนจะทีมงานต่างๆที่เข้าไปช่วยกัน ต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย และความเหน็ดเหนื่อยรวมทั้งเรื่องเล่าตำนานอาถรรพ์ของสถานที่ ยิ่งนานวันเข้าสิ่งเหล่านี้ย่อมบั่นทอนกำลังใจของคนให้ทดถอยลงไป

    แต่เมื่อพระเกจิที่เป็นที่เคารพของผู้คนปรากฏกายขึ้นกำลังใจย่อมมา โดยเฉพาะครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร ยามเมื่อเท้าของท่านย่ำสัมผัสกับสถานที่แห่งนี้ ราวกับเมฆหมอกแห่งความดำมืดได้สลายตัวลง ครูบาท่านได้ทำพิธีสวดถอนขึด เปิดถ้ำ เบิกทาง ล้างอาถรรพ์สิ่งอัปมงคลทั้งปวง ให้มลายหายสิ้นไป
    และหลังจากนั้นไม่นานทีมหมูป่าก็ได้รับการช่วยเหลืออกมาอย่างปลอดภัยทุกคน



    90083785_1842568185874146_6827100690247057408_o.jpg


    ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร มาทำพิธีถอนขึด ตามความเชื่อ สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ช่วงนั้นมีกระแสข่าวว่ามีคนฝันว่าเจ้าแม่นางนอนโกรธแต้นจึงกักตัวเด็กๆไว้ จะจริงเท็จไม่ทราบ แต่ก็กัดกร่อนขวัญกำลังใจพ่อแม่และเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อครูบาท่านมาทำพิธีให้ขวัญและกำลังใจย่อมกลับมา ทำให้ผู้คนมีความหวังมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวดีตามมาว่าพบทีมหมูป่าแล้ว โดยฝรั่งที่เข้าไปพบได้ว่าเล่าว่า เชือกที่แกลากเข้าไปในถ้ำมันหมดลงตรงนั้นพอดี แกเลยขึ้นมาบนผิวน้ำเมื่อฉายไฟไปก็พบเด็กพอดี

    ทำไมเชือกต้องหมดตรงนั้นพอดี!!! เรื่องบังเอิญ??? หรือเพราะอะไรคงไม่มีใครบอกได้



    89591334_1842543222543309_4265704537056083968_n.jpg

    “ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ข้างในเป็นเมืองลับแล
    ข้างล่างเป็นเมืองบาดาล มีพญานาค”


    (พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร)

    ****************************



    บรรยากาศภายในถ้ำหลวง เข้าได้แค่ปากถ้ำด้านบนเท่านั้น โถงด้านล่างยังลงไปไม่ได้ จากรูปจะเห็นว่ายังคงมีข้าวของวางอยู่



     
  12. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    90118711_1846508582146773_4090663918001717248_o.jpg

    90115078_1846508512146780_3994846625011859456_o.jpg

    90099862_1846508488813449_2331009752336695296_o.jpg

    90065874_1846508525480112_5854931960874401792_o.jpg


    ศาลาอนุสรณ์สถาน และอนุสาวรีย์จ่าแซม

    เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์
    ด้านหน้าถ้ำหลวงจะมีอนุสาวรีย์จ่าแซมและศาลาอนุสรณ์สถาน ภายในมีภาพวาดภารกิจช่วยทีมหมูป่า โดยอ.เฉลิมชัย นำทีมศิลปินช่วยกันวาดภาพ

    ผมยืนมองภาพวาดเหล่านั้น ยังนึกถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นได้ว่าตื่นนอนขึ้นมาจะต้องเช็คข่าวก่อนว่าเจอเด็กหรือยัง ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งเครียด พ่อแม่เด็กก็คงจะเครียดกว่าเราเป็นหลายเท่า การทำงานแต่ละวันมีแต่อุปสรรคโดยเฉพาะฝนที่ตกลงมาไม่มีท่าว่าจะหยุด น้ำยังคงเติมเข้ามาในถ้ำเรื่อยๆ แมัว่าจะมีการติดตั้งเครื่องดูดน้ำเพื่อระบายน้ำออกไป

    เหล่ามนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยที่หาญสู้กับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ จะสู้ได้หรือไม่ได้ก็ต้องลองสู้กันดูก่อน มิได้จะเอาชนะธรรมชาติแต่ขอเพียงให้ช่วยเด็กๆออกมาได้ก็เพียงพอ สรรพกำลังกาย กำลังสติปัญญา ต่างหลั่งไหลกันมาที่ถ้ำหลวง ช่วยกันเต็มที่ทั้งภาครัฐและเอกชน จนกระทั่งชาวบ้านทั่วไป

    ทีมนักประดาน้ำทั้งในไทยและต่างประเทศ ทีมขุดเจาะน้ำบาดาล ทีมท่อซิ่ง ทีมเก็บรังนกจากลิบง ชาวบ้านที่มาช่วยกันทำอาหารเครื่องดื่ม บริษัทห้างร้านต่างๆ ช่วยเรื่องเครื่องปั่นไฟ ท่อน้ำ สายยาง และอีกมากมาย ทุกคนมาช่วยกันด้วยใจ หาทุนทรัพย์ค่าน้ำมันค่าใช้จ่ายมากันเอง อย่างทีมเก็บรังนก ในหมู่บ้านช่วยกันเรี่ยไรเงินได้แค่ค่าเดินทางมา ค่าเดินทางกลับยังไม่มีแต่ต้องมาช่วยเด็กๆให้เร็วที่สุดก่อน ค่าเดินทางกลับค่อยคิดอีกที(เมื่อเสร็จภารกิจผู้คนทราบถึงน้ำใจจึงช่วยกันออกค่าเดินทางกลับให้)

    นับเป็นเหตุการณ์ครั้งประว้ติศาสตร์ที่ผู้คนรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ทั้งที่ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน แต่ความสมัครสมานสามัคคีเกิดขึ้นได้อย่างอัศจรรย์




    90012158_1847481568716141_8420472220635103232_o.jpg

    89947712_1847481578716140_1740206102777167872_o.jpg


    อนุสาวรีย์จ่าแซม

    อนุสาวรีย์นาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม อดีตทหารเรือหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ สูง 3.20 เมตร ฐานกว้าง 2.50 เมตร โดยโรงหล่อเอเชีย ไฟน์ อาร์ต จ.พระนครศรีอยุธยา

    โดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย และอาจารย์สราวุฒิ คำมูลชัย หรือสล่าต้น ศิลปินนักปั้นมือหนึ่งยังคงพร้อมด้วยศิลปินอีกกว่า 10 คน ผลัดเปลี่ยนกันเข้าปั้นรูปปั้นของจ่าแซม ที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาดามีที่ถ้ำหลวง เหตุการณ์ถ้ำหลวงในครั้งนั้นนอกจากจ่าแซมแล้ว เมื่อปลายปีที่แล้ว จ่าเบรุต หรือ จ.อ.เบรุต ปากบารา (นรจ.52) ก็ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อมาจากภารกิจถ้ำหลวงในครั้งนั้นด้วย



    791A743EE2D14E43A796F6B7F718477E_1000.jpg
    (ลุงเจาะน้ำบาดาล)


    90173215_1846527085478256_5168135646220386304_o.jpg
    (ทีมเก็บรังนกจากลิบง)


    36706528_2137267906502771_1348708026881671168_n.jpg
    (ทีมท่อซิ่ง)


    90203638_1846527425478222_3522581156539138048_n.jpg
    (จิตอาสามาทำอาหารเลี้ยงฟรี)


    B6FtNKtgSqRqbnNsUwV29T6cLjaznMiLeoXGanjjY6g2lXUmZAEt7JXRZDUVIsQDHxk25.jpg
    (ทีมนักดำน้าที่มากประสบการณ์)



     
  13. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    90019195_1848494068614891_37089284573888512_o.jpg

    90060313_1848494158614882_2397490279801159680_o.jpg


    90059413_1848494055281559_6285312036398170112_o.jpg

    90341966_1848494178614880_1668341309821157376_o.jpg


    90063752_1848494261948205_5947330962407817216_o.jpg

    90908241_1848494195281545_202010913434238976_o.jpg


    วัดพระธาตุดอยเวา

    ออกจากถ้ำหลวงมาไม่ไกล เราก็มาถึงด่านแม่สายเหนือสุดแดนสยาม ก่อนที่จะไปเดินชมตลาดแม่สาย เราขึ้นไปกราบพระธาตุดอยเวากันก่อน ทางขึ้นพระธาตุดอยเวาจะค่อนข้างแคบและจะต้องวิ่งผ่าตลาดขึ้นไป จริงๆเป็นทางวันเวย์แต่หลายคนที่ไม่เคยมารวมทั้งเราด้วยทำให้วิ่งขึ้นผิดด้าน ซึ่งทำให้รถติดเพราะทางแคบมากๆ ใครจะขึ้นมาบนนี้แนะนำให้ถามชาวบ้านแถวนั้นก่อนว่าขึ้นด้านไหน อย่าวิ่งตามgps เป็นอันขาดจะทำให้ขึ้นผิดด้าน

    **************

    วัดพระธาตุดอยเวา & จุดชมวิวเมืองท่าขี้เหล็ก

    ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้า ผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง นอกจากนี้ยังมีหอชมทิวทัศน์ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ในตัวเมืองแม่สาย และจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนม่าร์ ได้อย่างชัดเจน และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา

    ดอยเวา...ดอยแมงป่องยักษ์...

    เดิมทีขุนควักเวา หรือองค์เวา กษัตริย์องค์ที่ 10 วงศ์สิงหนวัติ แห่งนครนาคพันธุ์สิงหนวัติ (เชียงแสนโบราณ) สร้างพระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุไว้บนดอยนี้ เมื่อพ.ศ. 296 ดอยนี้เรียกว่าดอยเวา ตามพระนามของกษัตริย์พระองค์นั้น เมื่อล่วงเวลามานาน พระเจดีย์ชำรุดหักพังตามอายุขัย และมีผู้บูรณะขึ้นอีกหลายครั้งหลายหน ครั้งสุดท้าย เหลือซากพระเจดีย์เพียงฐานชั้นล่าง สูงพ้นดินประมาณ 2 เมตร และถูกขุดเป็นโพรงลึก

    ต่อมานายบุญยืน ศรีสมุทร คฤบดีอำเภอแม่สายนี้ ร่วมกับพระภิกษุดวงแสง รัตนมณี เชื้อชาติไทลื้อ อยู่เมืองลวง เขตสิบสองปันนา พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ผู้มีใจศรัทธา บูรณะขึ้นอีก จัดสร้างขึ้นตามแบบล้านนาไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร ในการขุดแต่งก่อนบูรณะได้พบพระบรมสารีริกธาตุในผอบหินคำ 5 องค์ ผอบใหญ่ขนาดไข่เป็ด จึงบรรจุในฐานพระเจดีย์ที่เดิม วางศิลาฤกษ์ ก่อองค์พระเจดีย์ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2498 มีคณะศรัทธาจากหัววัดในอำเภอแม่สาย เชียงแสน แม่จัน เชียงราย พาน แม่สรวย และฝั่งท่าขี้เหล็ก รวม 58 หัววัด นำเครื่องไทยธรรมมาถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    คำว่าเวา แปลว่าแมงป่องช้าง ชะรอยองค์เวา เมื่อทรงพระเยาว์จะชอบขุดรูแมงป่องช้างเล่น จึงมีพระนามอย่างนั้น

    ปัจจุบัน บนพระธาตุดอยเวาได้จัดตกแต่งให้มีความร่มรื่นเป็นอันมาก มีรูปปูนปั้นแมงป่องช้าง (แมงเวา) ตัวขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือขององค์พระเจดีย์ มีอนุสาวรีย์ของ พระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา และพระเอกาทศรถประดิษฐานอยู่เคียงข้างกัน โดยอนุสาวรีย์ทั้ง 3 พระองค์สร้างขึ้นตามความตั้งใจของหลวงปู่โง่น โสรโย แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร รวมทั้งมีปราสาทไพชยนต์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประกาศถึงคุณงามความดี และเพื่อสักการะพระอินทร์ (องค์อัมรินทราธิราช) ซึ่งร่วมสร้างกันหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชน คหบดีของอำเภอแม่สาย ฯลฯ


    ที่มา: http://www.chiangraifocus.com/…/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94…
     
  14. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    วัดพระธาตุดอยเวา & จุดชมวิวเมืองท่าขี้เหล็ก





    ข้าวหนุกงาแผ่นละ 10บาท เราซื้อจากคุณยายที่นั่งขายอยู่บนพระธาตุดอยเวา หาทานได้ยาก และอีกไม่นานก็คงจะหมดไปตามกาลเวลา ข้าวเหนียวร้อนๆหอมงาโรยด้วยน้ำตาล รสชาติหวานหอมกำลังดี ถ้ามาเมืองเหนือก็ควรจะลิ้มลอ


    91419972_1864214630376168_2615230591833997312_o.jpg
    ข้าวหนุกงา ข้าวหนุกงา (หนุก แปลว่า คลุกหรือนวด) มีการเรียกชื่อที่แตกต่างกันไปตามถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น ข้าวงา ข้าวหนึกงา ข้าวแดกงา แต่กระบวนการทำและวัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่ต่างกัน งาที่เอามาใช้หนุกหรือคลุกคือ “งาขี้ม้อน” ซึ่งมีลักษณะจะเป็นงาเม็ดกลมเล็กยิบๆ เหมือนลูกปัดหรือทราย สีน้ำตาล มีกลิ่นเฉพาะตัว หลังจากนั้นก็นำมาตากให้แห้งแล้วเอามาคั่วไฟให้หอมๆ นำมาตำใส่เกลือเล็กน้อยคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ ข้าวเหนียวนึ่งต้องเป็นข้าวออกใหม่ ในช่วงฤดูหนาวของล้านนา ในปัจจุบันมีลักษณะการรับประทานที่ประยุกต์ต่างกันออกไป เช่น หยอดกะทิใส่ข้าวหนุกงาเล็กน้อย บางท้องถิ่นอาจจะทำพิเศษขึ้นไปอีกคือเอาข้าวหนุกงาที่ตำจนเป็นแป้ง เหนียวนั้นมาแผ่คลึงเป็นแผ่นบางๆ แล้วเอาย่างไฟ พอแป้งโดนความร้อนก็จะพองตัว และมีผิวนอกที่กรอบ จากนั้นก็เอาน้ำอ้อยมาราดก็จะได้ขนมที่หวานมันและเค็มปะแล่มๆ เรียกกันว่า ข้าวงาปิ้ง หรือข้าวหนุกงาปิ้ง ก็มี

    ที่มา: http://www.agro.cmu.ac.th/lanna/rice.htm

    ************************************************



    91440602_1863191247145173_8481292320505856000_o.jpg


    92274640_1863191697145128_4077525071877373952_o.jpg


    วัดพระธาตุดอยเวาตั้งอยู่บนเขาลูกย่อมๆและติดชายแดนพอดี จึงมีจุดชมวิวมองดูทิวทัศน์เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ได้



    *****************************************************************


    91520822_1864214427042855_3248335335637123072_o.jpg



    เหนือสุดยอดในสยาม ลือนามพระธาตุเจ้าดอยตุง ผดุงวัฒนธรรมล้านนา เปิดมรรคาสู่อินโดจีน
    แผ่นดินพระเจ้าพรหมมหาราช


    ประวัติความเป็นมา :

    แม่น้ำสาย เดิมชื่อ แม่น้ำใส และเมืองแม่สาย เดิมคือ เวียงสี่ตวง ขึ้นกับแคว้นโยนกนคร ปรากฏหลักฐานตามประวัติศาสตร์ (ตำนานสิงหนวัต) เมื่อปีพ.ศ.1462 พระเจ้ามังคราช เจ้าผู้ครองแคว้นโยนกถูกขอมดำรุกราน จึงอพยพ ราษฎรมาอยู่ริมแม่น้ำสาย ต้องส่งส่วยให้ขอมดำเป็นทองคำปีละ 4 ตวง หมากพินลูกเล็ก (มะตูม) จึงได้ชื่อ "เวียงสี่ตวง" ต่อมาพระเจ้าพรหมมหาราช พระราชโอรสของพระเจ้าพังคราช ได้เปลี่ยนชื่อเมือง "เวียงสี่ตวง" เป็น "เวียงพางคำ" อันหมายถึง พานคำที่ใช้ตีเชิญช้างคู่บารมีของพระองค์ขึ้นจากน้ำของ(แม่น้ำโขง) จนสามารถกอบกู้แคว้นโยนกนคร จากขอมดำได้สำเร็จ ต่อมาเวียงพานคำ ได้เพี้ยนเป็นเวียงพางคำ คือ พื้นที่ตำบลเวียงพางคำในปัจจุบันนี้


    ที่มา: http://www.chiangraifocus.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E…


    91548201_1864214403709524_4488795334662684672_o.jpg


    ไหว้พระกันเสร็จก็เดินลงมาที่ตลาดแม่สาย เย็นมากแล้วตลาดเริ่มวาย พ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงเรียกกันเซ็งแซ่ พวกขนมบางอย่างถูกลดราคาลงมากในตอนนี้เพราะคนขายไม่อยากขนกลับบ้านแล้ว กลยุทธ์การค้าถูกงัดขึ้นมาใช้เพื่อล่อใจ เราเดินดูซะมากกว่าไม่ได้ซื้ออะไรมา
     
  15. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    91984975_1865199770277654_198731091723419648_o.jpg

    91844403_1866288766835421_6724217085133586432_o.jpg

    91527478_1866288773502087_9221867385256935424_o.jpg

    91898131_1866288723502092_4925575993789251584_o.jpg


    วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย

    เช้าตรู่วันที่ ๓๑ ธันวาคม หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันสบายดีแล้วตื่นเช้ามาอากาศเย็นสบายดีมาก ระหว่างขับรถออกมาจากบ้านเพื่อไปยังวัดร่องขุ่น มีหมอกลงตลอดทางดูเหมือนจะมากกว่าเมื่อวานเสียด้วยซ้ำ วันนี้เราวางทริปเที่ยวรอบๆตัวเมือง เริ่มจากวัดร่องขุ่นก่อนซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เห็นรถทัวร์พานักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่ชาวจีนมาถึงกันหลายคณะแล้ว เสียโหวกแหวกโวยวายดังไปทั่ว แต่วัดยังไม่เปิด ต่างคนต่างก็เดินถ่ายรูปด้านนอกกันไปก่อนเพื่อรอเวลา การมาเชียงรายแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปคู่กับวัดร่องขุ่นก็เหมือนกับยังมาไม่ถึง

    บรรยากาศงดงามมาก ทริปนี้ประทับใจมากจริงๆขึ้นเหนือมาครานี้ได้เจออากาศหนาวและสายหมอก(หมอกจริงๆนะไม่ใช่ฝุ่นควัน) ขับให้วัดร่องขุ่นเหมือนกับลอยอยู่บนสวรรค์ก็มิปาน
     
  16. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    92572631_1867224830075148_4503346142695653376_o.jpg

    92130228_1867224976741800_8671638794253893632_o.jpg

    92131238_1867224923408472_5780619813948751872_o.jpg

    92233905_1867224866741811_2706212395893653504_o.jpg


    วัดร่องขุ่น

    วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆ ด้วยฝีมือการออกแบบ และก่อสร้างของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด สร้างโดยจินตนาการของอาจารย์ จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่ง

    ประวัติวัดร่องขุ่น


    อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้

    ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน


    ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา


    พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงปรารถนาที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน


    โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย สร้างขึ้นด้วยแรงปณิธานที่มุ่งมั่น รังสรรค์งานศิลปะที่งดงามแปลกตาผสานวัฒนะธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน ทั้งลวดลายปูนปั้นประดับกระจกและจิตรกรรรมฝาผนังขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นของวัดคือ พระอุโบสถถูกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาวเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับด้วยพญานาคมีงวงงาดูแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

    วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆ ด้วยฝีมือการออกแบบ และก่อสร้างของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด สร้างโดยจินตนาการของอาจารย์ จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่ง

    จึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิต ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด" (จากเอกสารของวัดร่องขุ่น) ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ "โบสถ์" เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้


    โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า
    สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า
    กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล

    สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา

    บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16 ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา

    ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลมหมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง ซึ่งหมายถึงความหลุดพ้น แล้วจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิ
    ภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง

    นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆ ของโบสถ์ของวัดร่องขุ่น ส่วนรายละเอียดจริงๆ นั้น อาจารย์บอกว่าจะสร้างทั้งหมด 9 หลัง แต่ละหลังมีความหมายเป็นคติธรรมทุกหลัง ผมหวังจะสร้างงานพุทธศิลป์ของแผ่นดินให้ยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้คนทั้งโลกยอมรับ และปรารถนาจะมาชื่นชมให้ได้ จะถวายชีวิตสร้างจนลมหายใจสุดท้าย และได้สร้างลูกศิษย์รอรับช่วงต่ออีก 2 รุ่น หลังผมตาย คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 9 หลัง คงใช้เวลาทั้งหมด 60-70 ปีครับ"

    นอกจากจะชมความงดงามของพระอุโบสถแล้ว ยังสามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์ และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย


    ที่มา: http://www.lovechiangrai.com/index.aspx…
     
  17. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    92053744_1868221939975437_4758072045906952192_o.jpg

    92824254_1868221883308776_734843624168095744_o.jpg

    92022245_1868222929975338_7079447636842905600_o.jpg

    92023894_1868221999975431_6751768857955794944_o.jpg


    มาวัดร่องขุ่นแล้วก็มารู้จักประวัติ อ.เฉลิมชัยกันสักนิด

    “เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์”

    วัดร่องขุ่นเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป เมื่ออาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นคนบ้านร่องขุ่นโดยกำเนิดมีดำริจะบูรณะวัดขึ้นมาใหม่โดยใช้ความรู้ด้านศิลปะร่วมสมัยที่ได้ร่ำเรียนมา ดังนั้นเมื่อสร้างวัดร่องขุ่นได้ไม่นานวัดแห่งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น งดงาม อ่อนช้อยเหนือคำบรรยาย

    อาจารย์เฉลิมชัย เกิดและเติบโตขึ้นที่บ้านร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หลังจากที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย จึงได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง จากนั้นจึงได้เบนชีวิตข้ามฟ้าข้ามทะเลไปวาดรูปอยู่ที่ลอนดอนเป็นเวลา 4 ปีก่อนที่จะกลับสู่อ้อมกอดแผ่นดินเกิดเมื่อ ปี พ.ศ.2531

    เฉลิมชัยเริ่มเป็นที่รู้จักมักคุ้นในแวดวงศิลปะเมื่อภาพวาดของเขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นภาพวาดที่สวยงาม อ่อนช้อย แสดงออกถึงพลังที่มาจากจิตวิญญาณของศิลปิน เฉลิมชัย เล่าว่า “หลังจากที่ผมกลับมาถึงประเทศไทย จึงนึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับหลวงพ่อว่าจะสร้างวิหารวัดร่องขุ่นขึ้นใหม่ จึงได้ร่วมกับชาวบ้านรื้อวิหารหลังเก่าที่ทรุดโทรมก่อสร้างวิหารวิหารหลังใหม่ในรูปแบบของศิลปะไทยล้านนาร่วมสมัย เพื่อสืบสานศิลปะไทยล้านนาให้กับแผ่นดินเกิด สร้างไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาศิลปะยุคใหม่ โดยไม่มีการลอกเลียนแบบมาจากที่ใดแบบงานสร้างสรรค์ที่ใช้ความละเอียดอ่อน ผสมผสานกับศิลปกรรมและประติมากรรมเพื่อให้เป็นพุทธศิลป์ที่งดงามที่สุดในล้านนาหรือในประเทศไทย”

    เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เป็นคนบ้านร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยกำเนิด อ.เฉลิมชัย เป็นบุตรของนายไพศาล นางพรศรี โฆษิตพิพัฒน์ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนบัวสลี บ้านร่องขุ่น ก่อนเข้าไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนดรุณศึกษา จังหวัดเชียงราย จากนั้นได้ไปศึกษาต่อระดับปวช. ที่วิทยาลัยเพาะช่าง กรุงเทพฯและศิลปบัณฑิตศิลปไทย (รุ่นแรก) จากคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร

    ปีพ.ศ. 2520 เริ่มแสดงผลงานของตัวเองโดยใช้เวลาในการสร้างผลงานเข้าร่วมประกวดแค่ 3 ปีแล้วหันมาใช้ชีวิตศิลปินอิสระสร้างผลงานให้กับตัวเองและส่วนรวม เป็นอาจารย์วิทยากรพิเศษและสัมมนาศิลปะกว่า 50 สถาบัน ผลงานและรางวัล ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองในการประกวดจิตรกรรมบัวหลวง รางวัลเกียรตินิยมอันดับที่ 3 ในการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 25 เครื่องหมายเกียรติคุณบุคคลตัวอย่าง ผู้สร้างงานวัฒนธรรมด้านจิตรกรรมจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โล่เชิดชูเกียรติ “เพชรสยาม” สาขาจิตรกรรม จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร

    บทความโดย
    จักรพงษ์ คำบุญเรือง


    ที่มา: https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1130154


    บรรยากาศหน้าโบสถ์วัดร่องขุ่นยามเช้า รอเวลาวัดเปิด






     
  18. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    93519687_1874105592720405_8171750226437079040_o.jpg

    93364093_1874105652720399_8451674556745121792_o.jpg

    93244120_1874105829387048_1703991973624414208_o.jpg

    93659790_1874105699387061_697682721014546432_o.jpg

    92818494_1874105762720388_2809975949611761664_o.jpg

    92811925_1874105776053720_1439203498909499392_o.jpg


    เมื่อได้เวลาวัดเปิด จุดแรกที่ทุกคนจะต้องเข้าชมก็คือโบสถ์ โดยจะต้องเดินข้ามสะพาน ซึ่งผูสร้างได้สอดแทรก "ปริศนาธรรม" เอาไว้ดังนี้

    สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16 ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา





    ข้ามสังสารวัฎ

    ขอข้ามมหานทีสีทันดร ในวันส่งท้ายปีเก่า ขอทิ้งทะเลแห่งความทุกข์ระทมไว้เบื้องหลัง สืบแต่นี้ไปเบื้องหน้าขอให้พบแต่สิ่งที่ดี ขอให้บ้านเมืองมีแต่ความสงบสุขเข้าสู่ยุคชาววิไล คนไทยมีแต่ความร่ำรวยๆๆ กันทุกคน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    93762972_1875123922618572_4720842178463531008_o.jpg

    93016508_1875123979285233_5922748918952624128_o.jpg

    92595070_1875123949285236_3023894775838277632_o.jpg

    93600315_1875124039285227_2970515943031046144_o.jpg

    93054025_1875124072618557_4090770751018237952_o.jpg


    ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นแต่ภาพโบสถ์วัดร่องขุ่นกันตามหน้าโซเชี่ยล แต่จริงๆแล้วยังมีสถานที่สวยๆอีกมากมายเลยในวัดให้บรรดาช่างภาพได้แชะรูปกัน เรียกว่าถ้าจะเดินชมให้ทั่วทั้งวัดคงใช้เวลาหลายชั่วโมง


    92785478_1875124092618555_652730111530893312_o.jpg

    โพธิ์เงิน มากมายจริงๆทำเป็นต้นก็มี นักท่องเที่ยวทำบุญแล้วก็เขียนชื่ออธิษฐานกัน
     
  20. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,125
    95352749_2885771064792972_1980838607677554688_o.jpg

    IMG_3794.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...