//// "อานาปานสติ" ตั้งแต่ต้น จน แจ้งธรรม ////

คุยอะไรกันเนี่ย งง...

 

---พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่าใดที่เราแสดงแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ธรรมเหล่านั้น พวกเธอพึงเรียนเอาให้ดี พึงเสพให้ทั่ว พึงเจริญ ทำให้มาก โดยอาการที่พรห์มจรรย์ (ศาสนา)นี้ จักมั่นคง ตั้งอยู่ได้ตลอดกาลนาน ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชนืเกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ เทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย...........ภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่าใหนเล่า ที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งพวกเธอพึงเรียนเอาให้ดี---เพื่อความสุขแก่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรมเหล่านั้นคือ สติปัฎฎฐานสี่ สัมมัปธานสี่ อิทธิบาทสี่ อินทรียืห้า พละห้า โพชฌงค์เจ็ด อริยะมรรคมีองค์แปด...ภิกษุทั้งหลายเหล่านี้แล คือ ธรรมที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง อันพวกเธอพึงเรียนเอาให้ดี พึงเสพให้ทั่ว พึงเจริืญ ทำให้มาก โดยอาการที่หรมห์จรรย์นี้ จักมั่นคง ตั้งอยู่ได้ตลอดกาลนาน และข้อนั้น จักเปแ็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์ โลก เพื่อประโยชน์ เพทื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย--มหา.ที.10/140/107..

 

ถ้าถกกันในธรรม ก็ถือเป็นเรื่องดีนะครับ จะได้เกิดการทบทวนในธรรมด้วยทั้งกันทั้งสองฝ่าย และคนที่อ่านด้วยจะได้ไปค้นหาต่อว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้อย่างไรกันแน่... ส่วนจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมหรือไม่ เป็นเรื่องของเจตนาของคนๆนั้นครับ แต่ที่เห็นแบบคอยจับผิดก็มีครับ อันนี้แล้วแต่บุคคลไป ผมก็โดนเยอะเหมือนกัน แต่ก็ดีครับ จะได้ถือโอกาสทบทวนไปด้วย ถกกันเฉพาะธรรม จะได้ไม่สร้างกรรมต่อกันนะครับ

 

...............ผมไม่ได้ว่า อะไรนะครับ....เพียงแต่ขอเสริมนิดนึงว่า การบรรลุธรรม เป็นปัจจัตตังของบุคคล เมื่อ อินทรีย์ทั้งห้า ศัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ถึงพร้อม จึงจะเกิดการบรรลุธรรม แม้ ความเป้นต่างของพระอริยะ(โสดา สกิทา อนาคา) ก็ คือ ความ เป็นต่างกัน ของอินทรีย์ทั้งห้า นี้เอง ที่ถึงพร้อมและเต็มรอบ....ส่วนของการปฎิบัติอะไร ใครอยากนำเสนอสิ่งใด ก็ แล้วแต่ครับ...เพียงอยากให้ สังเกตุนิดนึง ว่า สัทธา หรือ สัมมาทิฎฐิ นั้น ก็ ย่อมมีเหตุปัจจัยของการเกิดขึ้นนะครับ ตามปรกติก็จะกล่าวว่า คบสัปบุรุษ ยังให้ ฟังพระสัทธรรม ยังให้เกิด ศรัทธา ยังให้ โยนิโสมนสิการ จึงทำให้เกิดการปฎิบัติต่อไป นะครับ.............

 

ลองดูในกระทู้นี้ หรือกระทู้ไหนๆ ว่า อธิบายเกินเลยไปกว่าธรรมของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้าเกินสามารถตำหนิได้เลยครับ แต่จะกระทู้นี้ หรือกระทู้ไหน ก็เพียง ชี้ ขยาย เทียบกับการปฏิบัติ จากอานาปานสติ สติปัฎฐาน มรรคมีองค์8 อริยสัจ4 จากคำสอนพระพุทธเจ้า ถ้าโยนิโสฯจะเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหมด สอดคล้อง เกื้อกูล สนับสนุนกันทั้งหมด ผมแค่แสดงให้ดูว่าสอดคล้องกันยังไงครับ

 

..........ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่าน จขกท บอก กล่าวถึงการบรรลุธรรมแล้ว ใน ระดับหนึ่ง ส่วนตัวในความคิดของผม การ ปฎิบัติต่อไป ตามหลักสติปัฎฐานสี่ อิทธิบาทสี่ สัมมัปธานสี่ อินทรีย์ห้า พละห้า โพชฌงค์เจ้ด อริยะมรรคมีองค์แปด นั้น ย่อมมีเป็นปรกติ ใช่ใหมครับ เสมือน สายน้ำ ตั้งแต่เริ่มต้น ไป เรื่อยเรื่อย .....ก็ ไม่คิดว่า จขกท จะ ต้องมีวาทะ กับ เพื่อนสมาชิก อะไร(แม้เขาเข้ามาแสดงความเห็น) ยังไง ยังไง ในเมื่อ เดินมาใน มรรคแล้ว คง ไม่ออกไปใหน..

 

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุและความดับแห่งธรรมนั้น...