เขาหากันให้ควัก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,571
    ค่าพลัง:
    +21,328
    760-03fa.jpg

    หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี๒๕๒๐
    ประวัติหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี
    หรือ พระครูประสุดสังฆกิจ อดีตเจ้าอาวาส วัดหนองปลาหมอ นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของ จ.สระบุรี พระรูปเหมือนของท่านถึงแม้จะสร้างไม่ ทันตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่นิยมและยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เบญจภาคีพระรูปเหมือน ยอดนิยมของเมืองไทย และมีสนน ราคาสูงครับ หลวงพ่อยอด ท่านเป็นชาวนครราชสีมา เกิดเมื่อปีพ.ศ.2400 พออายุครบบวชท่านจึง ได้อุปสมบท โดยมีพระอาจารย์อินทร วัดมะรุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปล้อง วัดมะรุม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รอด วัดมะค่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อินทโชติ" ได้ศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระจากพระอุปัชฌาย์จนแตกฉาน จึงได้เดินทางมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่วัดชนะสงคราม หลวงพ่อยอดท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ อยู่ที่วัดชนะสงครามหลายพรรษา ต่อ มาท่านก็ได้รู้จักกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองพระนครศรีอยุธยา คือหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม และหลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง ท่านจึงได้เดินทางมาที่พระนคร ศรีอยุธยา โดยจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อกลั่นระยะหนึ่ง จากนั้นก็ออกเดินทางมาทางอำเภอ อุทัย อำเภอหนองแค ผ่านหมู่ บ้านหนองปลาหมอ และขณะนั้นที่วัดหนองปลาหมอเดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ที่ร้างอยู่ ท่านจึงดำเนินการ สร้างขึ้นเป็นวัด ในปี พ.ศ. 2432 จนเจริญรุ่ง เรืองมาจนทุกวันนี้
    หลวงพ่อยอดท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการหมวด และเป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงพระครูเจ้าคณะแขวงที่ พระครูประสุดสังฆกิจ เมื่อปี พ.ศ.2460 ท่านปกครองวัดหนองปลาหมอนานถึง 54 ปี จึงมรณภาพลงในปี พ.ศ.2486 สิริอายุได้ 86 ปี พรรษาที่ 63
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี ๒๕๒๐
    รุ่นแรกก็ไม่ทันตัวท่านปลุกเสก แต่ ราคาสูงมาก รุ่นนี้ ศิษย์ท่านปลุกเสก ใกล้จะ 50 ปีแล้วนะครับ

    บูชา 170 บาทค่าส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240827_194417.jpg IMG_20240827_194439.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,571
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724821062899.jpg

    เขาหากันให้ควัก
    ....
    ท้าวเวสสุวรรณหลวงปู่โง่นโสรโย
    ท้าวเวสสุวรรณ พระพุทธเอกนพรัตน์ 12นักษัตร
    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก
    ปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๓๘
    ออกวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์
    พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง9พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น...
    พระ12นักษัตรที่รายรอบ พระพุทธเเละท้าวเวสสุวรรณ เปรียบเสมือนการฝากดวงชะตาไว้ที่พระ
    ทำเนียบท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น โสรโย
    ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น จัดสร้างตามปีดังนี้...
    1.) ท้าวเวสสุวรรณปี14 ออกที่วัดมิ่งเมือง /ศาลหลักเมืองน่าน เสกพร้อมหลวงพ่อวัดดอนตัน ครูบาก๋ง. เเละเกจิสมัยนั้น ติดอันดับท้าวเวสเมืองเหนือยอดนิยมมาหลายสิบปี
    2.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อดิน วัดโมฬี(หลวงพ่อโม้) จ.กำเเพงเพชร ปี2525
    3.) ท้าวเวสสุวรรณปี2535 วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ปีนั้นสวดภาณยักษ์ที่วัดเขารวกอย่างยิ่งใหญ่ บางคนหลงว่าเป็นปี14 มี2พิมย์
    3.1 )พิมย์ใหญ่หน้ายักษ์
    3.2 )พิมย์เล็กหน้าเทวดา
    4.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อผง วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์ ปี2538 สร้างเป็นท้าวเวสด้านนึงอีกด้านเป็นพระพุทธเอกนพรัตน์ หรือเป็นอย่างใดอย่างนึงทั้งสองด้าน
    5.) ท่านท้าวเวสสุวรรณ เนื้อดินผสมผง วัดพระพุทธบาทเขารวก ปี2541-2542 ลักษณะเป็นการนำท่านท้าวเวสสุวรรณปี2535พิมย์เล็ก พิมย์ใหญ่มารวมกัน คือขนาดเท่าพิมย์ใหญ่ เเต่ด้านหน้าคล้ายพิมย์เล็กหน้าเทวดา่
    ราชาเเห่งทรัพย์จ้าวเเห่งภูติผีนายเเห่งยักษ์ทั้งปวง
    ยักษ์ผู้มีเมตตา
    ......
    หลวงปู่โง่น ท่านเป็นครูบาอาจารย์ยุคแรก
    ที่สร้างและอธิฐานจิตท้าวเวสสุวรรณได้ขลังแทบทุกรุ่น
    หลวงปู่โง่น ยังเมตตากล่าวรับรองว่าผู้ใดก็ตามที่พก
    ท้าวเวสสุวัณของท่านย่อม รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตราย
    ทังปวง ไม่ว่าจะคุณไสย คุณคน หรือคุณผี ก็ป้องกันได้ทั้งหมด เพราะท่านสร้างขึ้น ด้วยสรรพวัสดุที่มีคุณค่าทางจิตใจจากทุกสารทิศทั่วโลก
    พระพุทธเอกนพรัตน์ เป็นพระพุทธรูป ๓ องค์ ๓ สมัย ๔ อิริยาบถ ๑๐ ปาง ในฐานเดียวกันคือ ประทับยืนสมัยสุโขทัย ประทับนั่งสมัยเชียงแสน และปางไสยาสน์สมัยอู่ทอง รวมพุทธจริยา ๑๐ ปาง ประทับยืน ๕ ปาง
    ๑. ปางประทับรอยพระพุทธบาท
    (พระกาญจนาภิเษกเป็นองค์ประธาน )
    ๒. ปางรำพึง ประจำวันศุกร์
    ๓. ปางห้ามญาติ ประจำวันจันทร์
    ๔. ปางถวายเนตร ประจำวันอาทิตย์
    ๕. ปางอุ้มบาตร ประจำวันพุธ ประทับนั่ง ๓ ปาง คือ
    ๖. ปางนาคปรก ประจำวันเสาร์ มีนาค ๙ เศียร
    ๗. ปางสมาธิ ประจำวันพฤหัสบดี
    ๘. ปางปาลิไลยก์ ประจำวันพุธกลางคืน
    ประทับบรรทม ( ไสยาสน์ ) ๒ ปาง คือ
    ๙. ปางไสยาสน์ ประจำวันอังคาร
    ๑๐. ปางพระเกศธาตุ ประจำพระเกตุ
    (พระหัตถ์แตะพระเศียร ) ถอนเส้นพระเกศา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1724821071938.jpg FB_IMG_1724821077870.jpg FB_IMG_1724821074660.jpg FB_IMG_1724821065929.jpg FB_IMG_1724821069019.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,571
    ค่าพลัง:
    +21,328
    พ่อท่านเขียว-กิตฺติคุโณ-วัดห้วยเงาะ-2.jpg
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสก ปี๒๕๓๖
    บรรพชา
    เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ นายศรีแก้วจึงได้รับการอุปสมบทในราว พ.ศ. 2378 ณ วัดห้วยเงาะ โดยมี หลวงพ่อจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หลวงปู่หิด เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระศรีแก้วเป็นพระที่ใฝ่หาในวิทยาคมและขยันหมั่นเพียร เมื่อเป็นพระภิกษุท่านได้ศึกษาเวทย์จากหลวงพ่อจันทร์ จนบรรลุในจุดที่สามารถจะไปไหนมาไหนได้อย่างอาจารย์เมื่อถึงจุดหนึ่งพระศรีแก้วจึงออกธุดงค์ เพื่อเสาะหาอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในสถานที่ต่าง ๆ กัน โดยไม่จำกัดว่าวิชาเหล่านั้นท่านได้มาจากเพศบรรพชิตหรือฆราวาส ตามประวัติท่านออกธุดงค์เงียบหายไปเป็นเวลานานมาก เงียบหายไปกับกาลเวลา
    พระศรีแก้ว กลับมาวัดห้วยเงาะอีกครั้งหนึ่ง แต่ครานี้ท่านกลับกลายเป็น หลวงพ่อศรีแก้วผู้เข้มขลังด้วยพระเวทย์ เต็มเปี่ยมเมตตาปรานี เพียบพร้อมด้วยไสยและโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ แต่น่าเสียดายที่สมุดบันทึกมิได้กล่าวถึงรายนามพระอาจารย์ของท่าน ที่ท่านออกธุดงค์ไปพบเจอพร้อมทั้งศึกษาไสยเวทย์ มาให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ ทราบแต่เพียงว่าท่านธุดงค์ไปถึง ถ้ำผ่าปล่องสู่ถ้ำเชียงดาว ระยะทางจากปัตตานี ถึง เชียงใหม่ ในเวลานั้นจะ
    สุดยอดขนาดไหน ที่แน่ ๆ เส้นทางเมื่อ 100กว่า ปี ที่แล้วต้องเต็มไปด้วยป่าไม้รกทึบ ไข้ป่า สัตว์ป่านานาชนิดแน่นอน พระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนสุดหยั่งจริง ๆ ยิ่งมีอยู่ในตัวเท่าไหร ยิ่งทำให้พระเกจิท่านนั้น ดูภูมิฐาน อิ่มเอิบสดใส คงเป็นไปได้ว่า พระเกจิสมัยก่อนนั้น ทุก ๆ ท่านหยั่งรู้ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นแน่แท้
    พระเวทย์อีกวิชาหนึ่งซึ่งประจักษ์แก่สายตาชาวท้องถิ่น คือ วิชาสั่งกระสุน (ธนู) วิชานี้ท่านเอาไว้ใช้ปราบเด็กอันธพาลเกเร ที่ไม่เชื่อฟัง ในสมัยต้องมีวิธีการที่ใช้ปราบเด็กเกเรให้เด็ดขาด วิธี หลวงพ่อศรีแก้วท่านสั่งสอนแบบธรรมดา คือ ผู้ที่โดดลูกธนูของท่านก็จะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดที่คิดจะกระทำอีก และทราบด้วยว่ากระสุนนั้นเป็นของใครทุกคนที่โดนจะต้องเข้าไปกราบไหว้ท่านและต้องกลับตัวเป็นคนดีประสอบการณ์เรื่องนี้มีมากมาย
    วิธีใช้ เมื่อท่านจะสั่งกระสุนไปโดนใคร (ลูกธนูดิน) ท่านจะนั่งบริกรรมพระคาถาอยู่ในกุฏิ คนที่จะกระทำผิดก็จะโดดลูกธนู พร้อมเสียงร้อง โอ๊ย ทุกคน
    วิชาสั่งกระสุนนี้ ชาวบ้านในแถบถิ่นรู้กันดี ว่าถ้าใครโดด คือ หลวงพ่อท่านเตือนแล้ว อย่าได้บังอาจคิดกระทำผิดอยู่ ฉะนั้นในละแวกวัดจึงมีแต่คนคิดดี ทำดี
    หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับสายพระเวทย์ว่า � วิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม เปรียญเหมือนมีดเราจะใช้ทำอะไรก็ได้ ฆ่าคน ทำร้ายคนหรือนำมาเป็นประโยชน์ป้องกันตัว ช่วยคน ตัดไม้ทำอาหาร มีดมิใช่ว่าใช้ทำร้ายคนอย่างเดียว ประโยชน์ต่าง ๆ ก็มีมากมาย�
    เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อศรีแก้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในรัชสมัยราชที่ 4 หลวงพ่อได้ให้การบรรพชาและอุปสมบทแก่กุลบุตร ผู้มีความศรัทธาอย่างกว้างขวางท่านต้องรับภาระหนักมาก ทุกปีจะต้องเดินทางไกลโดยใช้ช้างเป็นพาหนะ ช้างของท่านมีอยู่ 2 เชือก ชื่อ อ้ายหนุน เป็นช้างพราย และ บูดาหยัง เป็นช้างพัง
    ทำงานพระศาสนา
    หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแก่ผู้เข้าสนทนาด้วยความปิติในศีลาจารวัตรว่า
    �ตลอดชีวิตของกู ทำนกบินหลาตาย ตัวเดียว�
    หลวงพ่อศรีแก้ว สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากวันเพ็ญวิสาขะมาศ ท่านก็จะออกเดินทางจากวัดห้วยเงาะ โดยมีช้างเป็นพาหนะ รอนแรมไปตามทาง เพื่อให้การอุปสมบทแก่ชาวพุทธที่อาศัยอยู่ใน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ในสมัยนั้น กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ยังเป็นเขตแดนไทยอยู่ เพราะ หลวงพ่อศรีแก้ว มีชีวิตอยู่ พ.ศ. 2357 � พ.ศ. 2447 แต่ไทยเสียดินแดน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ประมาณ พ.ศ 2451 เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ก็จะเดินทางอ้อมกลับไปทางสงขลา
    กว่าจะเดินทางมาถึงวัดห้วยเงาะ เป็นเวลาถึง 8 เดือน จึงให้การอุปสมบทแก่วัดค้างเคียงก่อน และจะอุปสมบท ที่วัดห้วยเงาะ เป็นครั้งสุดท้าย หลวงพ่อท่านจึงอธิษฐานเข้าพรรษา
    มรณภาพ
    หลวงพ่อศรีแก้วทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในภาคใต้ของไทยตลอดจน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี จนกระทั่งได้ร่วงเลยมาถึงวัยชรา ท่านได้ถึงกาลมาณภาพ ในวัย 90 พรรษา พรรษาที่ 69
    หลวงพ่อศรีแก้วได้มรภาพลงแล้วชาวพุทธผู้ศรัทธาในองค์หลวงพ่อก็หล่งไหลไปนมัสการกราบไหว้บูชา บางคนมีเรื่องทุกข์ร้อน ก็บนหลวงพ่อของความเมตตา หากสิ่งใดเป็นไปเพื่อความสุจริต ก็จะสมปรารถสิ่งนั้นตามสมควร
    จึงมีคนพูดว่า บนพ่อท่านในหีบ
    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
    โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
    หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ �ตาเลี่ยม�ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
    นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ �พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ � ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
    แม้กระทั่งพ่อท่านเขียว ยังเคยไปช่วยตำว่านยาต่าง ๆ ให้กับพระอาจารย์ทิม เมื่อครั้งที่สร้างหลวงปู่ทวด 2497 อันโด่งดัง คณะนั้นพระอาจารย์ทิมไม่ได้สร้างไว้เพื่อเช่า แต่สร้างไว้เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถ
    พ่อท่านเขียวเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ไม่เคยยกตัวออดดี และตั้งแต่บวชมาไม่เคยยึดติดในลาภยศ สรรเสริญ พ่อท่านเขียวได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า พรรษาแรกที่ท่านบวชท่านได้ถูกขโมยรองเท้าไป หลังจากนั้นมาท่านจึงเลิกส่วมรองเท้ามาจนถึงทุกวันนี้
    พ่อท่านเขียว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากในภาคใต้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องรับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลทั่วประเทศ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว
    เหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านและญาติโยม จึงให้ความเคารพศรัทธาพ่อท่านเขียว กันเกินคณานับในปัจจุบัน
    ข้อมูลส่วนใหญ่ คัดลอกมาจากหนังสือ พระอาจารย์เขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแผ่ ประวัติ คุณงาม ความดี ของบูรพาจารย์ ให้ชนส่วนใหญ่ได้ทราบ และ มิให้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา
    จึงขออณุญาติทางวัดห้วยเงาะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    ขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสกปี๒๕๓๖ สวยเดิม กล่องเดิม
    ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240824_132313.jpg IMG_20240821_213356.jpg IMG_20240821_213257.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...