*เครื่องรางของขลัง/วัตถุมงคล...รายการละ 100 บ./พร้อมส่ง บูชา 3 รายการ แถม 1 รายการ...

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 4 มิถุนายน 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่581 หลวงพ่อโสธร ภปร. พิมพ์ใหญ่ แบบมีซุ้ม รุ่นสร้างพระอุโบสถ เนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ (หลังเก่า)
    "หลวงพ่อโสธร" ทรงพระสมเด็จ รุ่น เนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ถือเป็นพระประสบการณ์ครับ เรียกว่าใครได้มีไว้ติดตัว จะโชคดี แคล้วคลาด ปลอดภัย แถมรูปเคารพแห่งองค์หลวงพ่อโสธรอธิษฐานสิ่งใดก็มักจะสำเร็จ (ถ้าไม่เกินกรรม) ดุจบารมีขององค์จริงที่เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเสมอมา การสร้างพระพุทธโสธร รุ่นเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ (หลังเก่า) วัดโสธรวรารามวรวิหาร นี้ได้มีการนำมวลสารมงคล 3 ชนิด จากองค์หลวงพ่อมาผสมรวมกัน คือ
    1.กระเบื้องหลังคาโบสถ์
    2.ทองคำปิดหลวงพ่อ
    3.ดินแม่พระธรณีฐานโบสถ์ นับเป็นมหามงคลในการจัดสร้างพระเครื่องหลวงพ่อโสธรโดยแท้ นอกจากนั้น ยังมีมวลสารมงคลจากที่ต่างๆ เป็นจำนวนมากเป็นส่วนผสม พระรุ่นนี้นอกจากใช้กระเบื้องหลังคาโบสถ์เก่ามาบดและผสมด้วยแผ่นทองที่ปิดองค์หลวงพ่อและมวลสารสำคัญอื่นๆ

    IMG_20181118_203043.jpg IMG_20181118_203031.jpg
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่582 พระขุนแผนหลังกุมารสมบัติ หลวงพ่อทอง วัดสามปลื้ม
    พระมงคลวุฒิ อายุ 101 ปี 80 พรรษา ในชื่อนี้อาจไม่มีใครที่จะรู้จักนัก แต่ถ้าบอกว่า "หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม" แล้วใครๆก็จะต้องร้อง...อ๋อ!!! ทันที เพราะใครๆที่ได้สัมผัสจะประทับในเมตตาบารมีจากท่าน

    หลวงปู่ทอง โสณุตตโร เกิดเมื่อปี 2447 ณ บ้านกุดน้ำใส หมู่ 2 ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในปี 2465 ตอนนั้นอายุได้ 18 ปี อยู่ได้พรรษาเดียวก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่ที่วัดสามปลื้มแล้วเข้าบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ

    ในช่วงที่เป็นพระหนุ่มนั้น ได้สนใจพระปริยัติธรรมบาลี เป็นศิษย์ของ สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ จน สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยคและเป็นครูสอนไปในตัวด้วยในหลายสำนักทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ต่อมาจึงได้หันเข้าสู่การปฏิบัติในด้านวิปัสสนาธุระอย่าง จริงจัง ได้ออกไปธุดงค์ในภูมิภาคต่างๆ ทั้งในภาคตะวันออก เหนือและอีสานบ้านเกิด และได้เป็นสหธรรมิกกับ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระ เถราจารย์ที่มีอายุ 100 ปี จนเป็นที่เลื่องลือเชื่อมั่นในเรื่องคาถาอาคม...แล้วจึงกลับมาที่วัดสาม ปลื้มอีกครั้งตราบจนมรณภาพและได้รับพระราชทานเพลิงเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 49
    IMG_20181120_223034.jpg IMG_20181120_223024.jpg

     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่583 พระประทับสัตว์รุ่นสู่พุทธภูมิ วัดบางนมโค ปี 36 ปลุกเสกพิธีใหญ่ ในวันเสาร์ 5 วันที่ 27 มีนาคม 2536 จัดสร้างโดย พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค
    พระประทับสัตว์รุ่นสู่พุทธภูมิ วัดบางนมโค ปี 36 ปลุกเสกพิธีใหญ่ ในวันเสาร์ 5 วันที่ 27 มีนาคม 2536 จัดสร้างโดย พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค โดย มี พระเกจิคณาจารย์ ร่วม ปลุกเสก มากมาย อาทิเช่น 1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา 2.หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา 3.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา 4.หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน จ.อยุธยา 5. พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค จ.อยุธยา 6. หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย จ.อยุธยา 7.พระครูกิตติธรรมธาดา (เจ้าอาวาสวัดเจ้าแปดทรงไตรย์) จ.พระนครศรี อยุธยา 8.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กลเจา มวลสาร ได้แก่ 1.พระเนื้อดินที่ หักชำรุดหลวงพ่อปาน 2.พระเนื้อดินที่หักชำรุดของ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดนอก 3.พระกรุเนื้อดินต่างๆ ที่หักชำรุด 4.พระที่หักชำรุดของ หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค 5.พระ เนื้อดินรุ่นสู่มาตุภูมิปี 33 ที่หักชำรุด โดยมี หลวงปู่ฤาษีลิงดำเสก และ อุด ด้วยผงพุทธคุณเก่า ของหลวงพ่อปาน ผงเก่าหลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค ผงพุทธคุณ เขียนลบตามสูตรหลวงพ่อปาน ของปู่ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ท่านมอบให้ตั้งแต่ ปี 33 ผงวิเศษของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก และ ผงพุทธคุณ ของหลวงปู่ ทิมวัดพระขาว พระมีทั้งหมด 6 พิมพ์ ได้แก่ 1.พิมพ์ทรงไก่ หาง 5 เส้น และหาง พวง 2.พิมพ์ทรง หนุมาร 3.พิมพ์ทรง ปลาใหญ่ 4.พิมพ์ทรง ครุฑ 5.พิมพ์ทรง แม่น 6.พิมพ์ทรง นก
    IMG_20181120_223145.jpg IMG_20181120_223135.jpg
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่584 พระผงรูปเหมือนรุ่นรวยยั่งยืน หลวงปู่ผาด ออกวัดปราสาททอง บุรีรัมย์
    หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญวัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

    ***วัด บ้านกรวด เป็นวัดเก่าแก่ประจำ อำเภอบ้านกรวดตั้งขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี มีอายุนับถึงปัจจุบันไม่น้อยกว่า120 ปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีประพุทธรูปศิลา อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ มีเจ้าอาวาสครอง วัดติดต่อกันมานับถึงปัจจุบันรวม 4 รูปด้วยกัน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ ซึ่งได้บวชเรียนมาตั้งแต่อายุได้ 22 ปี เป็นต้นมานับถึงปัจจุบัน 97 ปี นับพรรษา ได้ 76 พรรษา

    ……….เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อและความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัยถึง 3 ปี (ในสมัยนั้นจังหวัดอุดรมีชัยยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย)จากนั้นท่าน ได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศ ใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมรเป็นเวลา 8 ปี จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนงแตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง
    ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน สืบต่อมาหลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอดแต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหวจึงต้องยอมรับเป็น เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวดและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจนถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธในการสร้างวัตถุมงคลมาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่ามีผู้เลื่อมใสศรัธาในตัวหลวงปู่ประสงค์อยากจะได้วัตถุมงคลของหลวง ปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด จึงออกมาน้อยมาก ดังนั้นคนที่มีอยู่ต่างหวงแหน ไม่ค่อยหลุดออกมาให้เห็นกัน ทำให้วัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ของท่าน หายากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    ……….หลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคลที่ผ่าน การอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งบุญญาฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ ดุจมีแก้วสารพัดนึก ใครมีโอกาส ได้ครอบครอง ขอให้เก็บไว้บูชาดีๆ เพราะท่านเคยพูดกับศิษย์บ่อยๆ ว่า “อีกหน่อยพระของเราจะเป็นเพชร” จากอมตะวาจาของหลวงปู่อนาคตจึงไม่ต้องพูดถึงเพราะต่างทราบกันดีว่า
    หลวงปู่ท่าน “วาจาสิทธิ์” เป็นยิ่งนัก เอาเป็นว่าอนาคตอันใกล้คงต้องได้เห็นอย่างแน่นอนเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอนาน เหมือนอดีต “ของดี” มีประการณ์ประเดี๋ยวก็มีคนถามหากันเอง! หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้สนิทใจสมกับ “พุทธบุตร” โดยแท้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพระภิกษุอย่างหลวงปู่ผาด ไม่ควรจะเป็นของอำเภอบ้านกรวด เพียงอย่างเดียวควรเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เปรียบดังช้างเผือกในป่า น่าจะมาเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง จึงจะถูกต้อง สมกับพระบารมีของท่านเป็นอย่างยิ่ง

    กิตติคุณความเป็นผู้ทรงวิทยาพุทธาคม แม้แต่ “นักบุญแห่งภาคอีสาน” จ้าวตำรับ “กูมึง” ขนานแท้ (แม้แต่พระองค์อื่นจะใช้บ้างก็ไม่น่าพิสมัยเท่าท่าน) ยังกล่าวยกย่องเชิดชู กับคณะศรัทธาบุญจากอำเภอบ้านกรวดที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการท่านที่ วัด เมื่อท่านสอบถามรู้ความว่าเดินทางมาจากอำเภอบ้านกรวด ท่านถึงกับออกปากพูดว่า “มึงจะมากราบมาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่นของท่านศักดิ์สิทธิ์กว่าของกูตั้งเยอะ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลยของดีอยู่กับท่านยังไม่รู้ค่าอีก” สำหรับประโยคคำพูดจากปากยอดพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนเคารพกราบไหว้ ทั้ง ประเทศคงยืนยัน คุณวิเศษ ในองค์หลวงปู่ผาดได้อย่างดี

    คุณduke2513 ปิดครับ
    IMG_20181120_223052.jpg IMG_20181120_223043.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2018
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่585 พระพุทธทรงครุฑ พระอาจารย์ตุ๋ย (กฤษณ์) กิตติญาโณ วัดนิมิตโพธิญาณ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี
    IMG_20181120_223109.jpg IMG_20181120_223101.jpg
     
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่586 พระผงหลวงพ่อปาน พิมพ์ขี่หนุมาน รุ่นพุทธบูชา วัดสระพัง จ.นครปฐม
    IMG_20181120_223126.jpg IMG_20181120_223118.jpg
     
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่587 พระผงจันทร์ลอย รุ่นแช่น้ำมนต์ หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา กล่องเดิม
    คุณduke2513 ปิดครับ
    IMG_20181120_223529.jpg IMG_20181120_223520.jpg IMG_20181120_223348.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2018
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่588 พระผง หลวงพ่อผาเงา วัดพระธาตุผาเงา เชียงราย ปี 36
    IMG_20181122_221405.jpg IMG_20181122_221354.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่589 พระผงหลวงปู่หลวง วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง ปี๔๖
    “หลวงปู่หลวง กตปุญโญ” หรือ พระครูการุณยธรรมนิวาส พระสายปฏิบัติเมืองลำปาง หนึ่งในศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่า

    นามเดิมชื่อ หลวง สอนวงค์ษา เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2464 ตรงกับปีระกา ที่บ้านบัว หมู่ที่ 5 ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    เนื่องจากเป็นพี่ชายคนโต จึงต้องรับภาระช่วยพ่อ-แม่ ทำไร่นาและดูแลน้องๆ อีก 5 คน เมื่ออายุได้ 7-8 ขวบไปปรนนิบัติหลวงลุง ซึ่งเป็นพระมหานิกายอยู่วัดใกล้บ้าน พร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย จึงมีจิตใจโน้มเอียงทางพุทธศาสนา จนได้อ่านหนังสือพระไตรสรณคมน์ ของพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม จนมีความเลื่อมใสมากขึ้น

    พออายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบทในสังกัดพระมหานิกาย เมื่อปีพ.ศ.2485 ที่พัทธสีมา วัดศรีรัตนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้รับฉายา “ขันติพโล”

    มีความหมั่นเพียรขยันอดทนทั้งปริยัติและปฏิบัติจนสอบได้นักธรรมชั้นโท

    ระยะนั้น หลวงปู่สิม พุทธจาโร กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด พระหลวงได้ไปกราบและศึกษาข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทา ตลอดจนได้อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่ สิมอยู่หลายเดือน

    ครั้งหนึ่งพระหลวงไปนมัสการ หลวงปู่แว่น ธนปาโล ที่ อ.เมือง จ.สกลนคร จึงมีโอกาสพบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฟังพระธรรมเทศนาคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่นจนซาบซึ้ง

    จึงเดินทางแสวงหาครูบาอาจารย์ทางภาคเหนือ เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่สิม พุทธจาโร ที่วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอญัตติใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2493 ที่วัดเชตวัน อ.เมือง จ.ลำปาง โดยมีพระครูธรรมาภิวงศ์ เป็นพระอุปัชฌายะ หลวงปู่แว่น ธนปาโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาใหม่ว่า “กตปุญโญ”

    เดินทางธุดงค์ติดตามครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทธจาโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล ไปในหลายจังหวัดเขตภาคเหนือ เพื่อฝึกปฏิบัติอบรมกัมมัฏฐานภาวนา จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิวาส ในปีพ.ศ.2506 ในปีเดียวกันเป็นเจ้าคณะตำบล อ.เกาะคา ต่อมาในปีพ.ศ.2509 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูการุณยธรรมนิวาส และปีพ.ศ.2511 เป็นพระอุปัชฌาย์

    ดูแลรักษาพัฒนาวัดป่าสำราญนิวาส ทั้งด้านศาสนสถานและศาสนวัตถุ ตลอดทั้งด้านจิตใจของสาธุชน เทศนาสั่งสอนอบรมศรัทธาญาติโยมทั้งทางใกล้และทางไกล ให้ประพฤติปฏิบัติตั้งมั่นอยู่ในทาน ศีล สมาธิ ภาวนากัมมัฏฐานโดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

    เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีปฏิปทาอันงดงาม เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของสาธุชน

    IMG_20181122_221527.jpg IMG_20181122_221518.jpg
     
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่590 สมเด็จก้าวหน้า วัดสุทธาราม พระครูไพศาลประชาทร (หลวงพ่อดนัย) เจ้าอาวาสวัดสุทธาราม ได้จัดหารวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ พิธีมหาพุทธาภิเษก 9 ธันวาคม ปี53
    มี 3 องค์
    องค์ที่1 IMG_20181122_221719.jpg IMG_20181122_221710.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181122_221701.jpg IMG_20181122_221651.jpg
    องค์ที่3 IMG_20181122_221641.jpg IMG_20181122_221631.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2018
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่591 สมเด็จก้าวหน้าปรกโพธิ์ วัดสุทธาราม พระครูไพศาลประชาทร (หลวงพ่อดนัย) เจ้าอาวาสวัดสุทธาราม ได้จัดหารวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ พิธีมหาพุทธาภิเษก 9 ธันวาคม ปี53
    มี 3 องค์
    องค์ที่1 IMG_20181122_221819.jpg IMG_20181122_221810.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181122_221759.jpg IMG_20181122_221749.jpg
    องค์ที่3 IMG_20181122_221738.jpg IMG_20181122_221729.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2018
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่592 พระผงหลวงพ่อสืบ ปริมุตฺโต วัดสิงห์ จ.นครปฐม
    หลวงพ่อสืบ เกิดที่บ้านตลาดบน ต.ท่ากระจับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2475 ในครอบครัวเกษตรกรรม บิดาชื่อนายชาญ มารดาชื่อนางเพียร สกุล "ยอดยง" เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดไทร จนจบชั้นประถมจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเพิ่มวิทยา วัดกลางบางแก้ว เมือปี พ.ศ. 2492 จบชั้นมัธยมแล้วจึงสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจ จบการศึกษาจากโรงเรียนพลตำรวจได้รับการเข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ณ สถานีตำรวจลุมพินี กรุงเทพฯ รับราชการตำรวจอยู่ได้ 3 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงตัดสินใจลาออกเพื่ออุปสมบท เมื่อปีพ.ศ. 2497 ณ วัดท่าใน ต. ท่าพญา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พระครูสิริวุฒาจารย์ (ห่วง สุวัณโณ ) วัดท่าใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ ปิ่น วัดศรีษะทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการ ม้วน วัดไทร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา " ทานรโต " หลังจากอุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าในศึกษาธรรมและปฏิบัติรับใช้ " หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน "หลวงพ่อห่วง องค์นี้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้ามากเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน เป็นสหธรรมกับ หลวงพ่อ เงิน วัดดอนยายหอม และ หลวงพ่อ น้อย วัดธรรมศาลา แม้แต่หลวงพ่อเงินเองก็ยังกล่าวยกย่องในความสามารถของหลวงพ่อห่วง ชาวบ้านแถวๆ ต.ท่าพญา นครชัยศรี เมื่อเดินทางไปขอวัตถุมงคลกับหลวงพ่อเงินมักจะออกปากว่า "คุณเลยของดีมาเสียแล้วหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน นั่นแหละของดี ของจริงไปเอาที่นั่นเถอะโยม " หลวงพ่อสืบ ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ได้ 1 ปี ได้เรียนวิชาก้าวหน้าพอสมควร จิตใจเกิดรุ่มร้อน อยากจะลองวิชาที่เรียนมาว่าเป็นอย่างไรกันแน่ อยู่ไม่ได้จึงตัดสินใจลาสิกขา นึกถึงคำพูดของเพื่อนว่า " เป็นลูกผู้ชายต้องเป็นทหารกล้า " จากนั้นบ่ายหน้าไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายสิบทหารม้ายานเกราะรุ่น 5 รุ่นเดียวกับ พ.ท.ทองสุข เก่งศิริ,พ.อ.นคร ธีระเนตร, พ.อ. ประสาน รักปทุม จบจากโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ได้รับยศสิบโท ไปสังกัดกองพันทหารม้ายานเกราะสระบุรี ใช้ชีวิตลูกผู้ชายคุ้มค่าโลดโผนโจนทะยาน เข้าออกคุกทหารเป็นประจำจนเบื่อหน่ายเต็มที่หันหน้ากลับท้องทุ่งท่าพญา นครชัยศรีไปพบหลวงพ่อม้วนซึ่งสมัยบวชครั้งแรกเป็นคู่สวด ขณะนั้นเป็น" พระครูอินทรสิริชัย " ระบายความในใจว่าชีวิตฆราวาสมีแต่ทุกข์สับสนวุ่นวายกิเลสตัญหามากมาย แก่งแย่งชิงดีมีแต่อิจฉาริษยา ได้ไปทดลองท่องดินแดนฆราวาสมานานหลายปี รับรู้รสชาติหมดทุกอย่างมิใช่หนทางแห่งการสิ้นทุกข์ มีแต่ทุกข์เพิ่มขึ้นเหมือนอยู่ในวังวนแห่งกิเลส ปรึกษากับ " หลวงพ่อม้วน " แล้วจึงตัดสินใจออกบวชอีกครั้ง ครั้งนี้จะใช้ชีวิตบรรพชิตจนชีวิตจะหาไม่ จึงอุปสมบทในปี พ.ศ. 2514 โดยมี พระครูอินทสิริชัย ( ม้วน อินทสุวัณโณ ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการ ง้อ ปัญญาธโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า " ปริมุตโต " จำพรรษาอยู่วัดไทร ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมจนแตกฉาน สามารถสอบนักธรรมตรี-โท-เอก ได้โดยลำดับในปี พ.ศ. 2518 แล้วหันมาสนใจเวทวิทยาคม ระลึกถึงภูมิเก่าวิชาที่ได้รับมาจากหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ทบทวนจนแม่นยำและศึกษาเพิ่มเติมจาก " หลวงพ่อม้วน ""หลวงพ่อม้วน" วัดไทร องค์นี้เป็นศิษย์พุทธคมของพระครูอุตรการบดีหรือหลวงพ่อสุข วัดห้วยจรเข้ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก "หลวงปู่ นาค วัดห้วยจระเข้" ผู้สร้างพระปิดตาเนื้อเมฆพัด ได้ขลังโด่งดัง เป็นพระปิดตาอันดับหนึ่งของเมืองไทย หลวงพ่อม้วนเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อสุข หนึ่งในสาม อีกสององค์คือหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร และหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อม้วน วัดไทร องค์นี้ขลัง ดังเงียบ วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อย แจกยาก เลือกคนแจกไม่ได้ให้ง่ายๆ จึงไม่แพร่หลายแต่เหนียวเหลือเกิน " หลวงพ่อสืบ " ได้ศึกษาวิชามาจากหลวงพ่อม้วนอีกทางหนึ่ง เมื่อมารวมกับหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน แล้วก็มีวิชามามากพอตัว จัดว่าท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจาก "หลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้" สหธรรมกับ " หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว" อัธยาศัยของหลวงพ่อสืบเป็นคนมีจิตใจนักเลงติดตัวมาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส จึงมีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว

    ประสบการณ์ :
    เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2552 ข้าพเจ้าและผู้รับเหมาอีกจำนวน 2 คน (ผู้รับเหมาคนหนึ่งขับ อีกคนนั่งข้างคนขับด้านหน้า ส่วนข้าพเจ้านั่งที่เบาะหลัง)
    ได้ขับรถออกจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไป จ.ระยอง ไปตามทางบนถนนทางหลวงหมายเลข 7 ด้วยความเร็วสูงประมาณ 140 กม./ ชม. ซึ่งระหว่างทางฝนตกอย่างหนักมองทางไม่ชัดเจน
    และข้าพเจ้าซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังสังเกตว่ามีรถใหญ่ชนิด 4 ล้อจะหลบจอดอยู่ข้างทาง ส่วนรถที่ยังแล่นอยู่บนท้องถนนจะเปิดไฟฉุกเฉิน แต่รถที่ข้าพเจ้านั่งไปนั้น ผู้ขับยังคงขับรถด้วยความ
    เร็วสูง พร้อมทั้งยังขับฉวัดเฉวียนแซงซ้าย แซงขวามาตลอดทาง

    จนถึงที่เกิดเหตุประมาณกิโลเมตร 38 -39 ขณะนั้นฝนเริ่มซาลง ผู้ขับได้ขับรถแซงรถคันหน้า โดยเปลี่ยนจากเลนซ้ายมาเลนขวา ก็มาเจอน้ำ ผู้ขับจึงได้ทำการห้ามล้อกะทันหัน
    แต่เนื่องจากรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงทำให้รถเสียหลัก พุ่งเข้าชนกับแท่งปูนกั้นกลางถนน จึงทำให้รถเสียหลักพลิกข้ามแท่งปูนกั้นกลางถนนทำให้คว่ำและกลิ้งกระแทก
    ไปประมาณ สองตลบ (รถหงายท้องล้อชี้ฟ้า) ตกลงไปในร่องลึกกลางถนน และเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าซึ่งนั่งโดยสารมาในรถด้านหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส
    (ผู้ขับและผู้นั่งด้านหน้าบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะมีเข็มขัดนิรภัยและAirbag)

    จากนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาทำการช่วยเหลือติดต่อมูลนิธิเพื่อนำข้าพเจ้าส่งที่ รพ. กรุงเทพ-พัทยา และส่งตัวต่อมาที่ รพ. ราชวิถี เพราะต้องผ่าตัดโดยด่วน
    เนื่องจากกระดูกคอข้อที่ 5 และ 6 หัก ข้อที่ 7 เคลื่อนกดทับเส้นประสาท แต่ทีน่าแปลกคือร่าง กายภายนอกของข้าพเจ้าไม่พบบาดแผลใดๆเลย

    ข้าพเจ้าพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ราชวิถีรวม 50 วัน (ออกจากโรงพยาบาล วันที่ 9 ต.ค. พ.ศ. 2552) ซึ่งขณะรักษาตัวอยู่นั้น
    ผู้ที่มาเยี่ยมข้าพเจ้านั้น ต่างถามเป็นคำถามเดียวกันว่า "ข้าพเจ้ามีของดีอะไร ทำไมสภาพรถพังยับเยินและคอหักแต่ไม่ตาย"

    ข้าพเจ้าได้แต่ตอบไปว่าตอนนั้นขณะเกิดเหตุข้าพเจ้าไม่ได้คิดถึงอะไร นอกจากพ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วย แต่ถ้า
    พูดถึงของดีที่ข้าพเจ้าพกติดตัวในวันนั้น ข้าพเจ้าพกตะกรุด หนังกลองตะโพน และ เหรียญรุ่นแรก ของหลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ ติดตัวเท่านั้น
    (ส่วนคนนั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับพกเหรียญยันต์เฑาะห์เนื้อเงิน และ เหรียญหนุมาณเหินหาว ซึ่งปรากฏแผลแค่แผลเดียวบริเวณปากเป็นรอยแผลฉีก)

    IMG_20181122_221547.jpg IMG_20181122_221537.jpg 34.jpg zx.jpg
     
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่593 ผ้ายันต์พญาราชสีห์ มหาอำนาจ หลวงพ่อปัญญา ดอยสะเก็จ เชียงใหม่ ขนาด 7.5*8.5 นิ้ว
    ยันต์พญาราชสีห์ ความหมาย ความเชื่อ ทำให้คนเกรงขาม เป็นตบะเดชะ มีอำนาจ
    IMG_20181122_221258.jpg ราชสี1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2018
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่594 ผ้ายันต์จีวรหลวงพ่อโต วัดบางพลีใน ขนาด 9.5*12 ซม.
    ***อภินิหาร!!"หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน" ๑ใน๓ ของพระพุทธรูป๓พี่น้อง คุ้มครองชาวบ้านบางพลีมาหลายชั่วอายุคน!!

    หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะเบิกเนตร ขัดสมาธิราบ สร้างขึ้นด้วยศิลปะสมัยสุโขทัย ตามตำนานประวัติ กล่าวว่า ประมาณกาล ๒๐๐ ปีกว่าล่วงมาแล้ว พระพุทธรูป ๓ องค์บังเกิดปาฏิหาริย์ไหลล่องรอนแรมมาตามลำน้ำเจ้าพระยาตลอดมา มาตราว่า ประชาราษฎร เมื่อสมัยอยุธยาอาราธนา ลงสู่แม่น้ำสำคัญนี้ เพื่อหลบหลีกข้าศึก และภัยอันตายจากพม่า

    สำหรับพระพุทธรูปองค์สุดท้ายได้ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วปาฏิหาริย์บังเกิด ลอยวกกลับเข้ามาในลำคลองสำโรง ชาวบ้านที่พบเห็จต่างอัศจรรย์ใจในความศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันอาราธนาให้ขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่พระพุทธรูปไม่ไหวติง และในที่นั้นมีชายปัญญาดีคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่าคงฉุดลากขึ้นฝั่งไม่สำเร็จเป็นแน่ ควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์พระพุทธรูป ไว้แล้วแล้วใช้เรือพายฉุดให้ลอยมาตามน้ำสำโรง พร้อมอธิษฐานว่า “หากท่านพระสงค์ขึ้นโปรดที่ใด ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมา จงหยุด ณ ที่นั้นเถิด “ เมื่อชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นพ้องต้องกันดีแล้ว จึงพร้อมในกันทำตามนั้นแล้วใช้เรือพายทั้งสิ้น ช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อยมาตามลำคลอง เป็นที่น่าประหลาดใจว่า เรือที่ใช้ลากจูงนั้นล้วนแต่มีชื่อแปลกหู เช่น ม้าน้ำ เป็ดน้ำ ตุ๊กแก ฯลฯ พร้อมกันนั้นจัดให้มีละครเจ้ากรับ รำถวายและการละเล่นอื่นๆ ครื้นเครงมาตลอดลำน้ำ ครั้งแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือวัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านก็เกิด หยุดนิ่ง แม้พยายามออกแรงจ้ำและพายกันสักเท่าใด แพนั้นก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่ ชาวบ้านที่มากับเรือและชาวบางพลีต่างตระหนกตกใจระคนอัศจรรย์ใจยิ่ง ต่างพากันก้มกราบนมัสการด้วยความเคารพศรัทธา และพร้อมใจอาราธนาจิตอธิษฐานว่า “ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครองชาวบางพลีให้ได้รับ ความร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ก็ขออาราธนาอัญเชิญองค์ท่านให้ขึ้นจากน้ำได้โดยง่ายเถิด” และความมหัศจรรย์ก็บังเกิด ซึ่งในกำลังคนไม่มากนักก็สามารถอาราธนาพระพุทธรูปนั้นขึ้นไปประดิษฐานในพระวิหาร แต่ต้องชะลอขึ้นข้ามฝาผนังวิหาร และขณะนั้นหลังคาพระวิหารยังไม่สร้าง และประตูวิหารมีขนาดเล็ก หลักจากนั้นท่านได้ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารเรื่อยมา

    อภินิหารและความศักดิ์สิทธิของหลวงพ่อโตมีคณานับ ดังเช่นในด้านรักษาอาการผู้เจ็บป่วย โดยเมื่อนำน้ำพระพุทธมนต์หลวงพ่อโต ไปรักษาเพื่อเป็นสิริมงคล ปรากฏว่าอาการทุเลาลงจนหายเป็นปกติ หรือแม้กระทั้งเหรียญบูชาหลวงพ่อโตก็เป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์เช่นกันเพราะชาวบ้านนำมาสวมใส่แก่บุตรหลานของตน จนมีเรื่องเล่าสืบมาว่า เมื่อบุตรหลานพลัดตกน้ำกลับลอยตัวได้โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้นหลวงพ่อโตยังได้แสดงปาฏิหาริย์ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ กล่าวคือ องค์พระซึ่งเป็นทองสำริดกลับนิ่มเฉกเช่นเนื้อมนุษย์ จนเป็นข่าวแพร่สะพัดทั่วหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และชาวบ้านผู้เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศพากันมาชื่นชมบารมี ๒ ปีถัดมา ได้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทุกวันนี้ ชาวบางพลีต่างศรัทธาในความศักดิ์สิทธิและบารมีหลวงพ่อโตที่คุ้มครองชาวตลาดบางพลีให้รอดปลอดภัยจากอัคคีภัย ในขณะที่ชุมชนโดยรอบ ล้วนแต่เคยประสบอัคคีภัยมาแล้วทั้งสิ้น

    IMG_20181122_221313.jpg art_42037645.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2018
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่595 ผ้ายันต์เสาร์ห้า สารพัดกัน แก้อาถรรพ์ คุณไสย ขับไล่สิ่งอัปมงคล ขนาด 7*12 นิ้ว
    ตำนานความเป็นคู่มิตรของ พระเสาร์กับพระราหู 2 เรื่อง


    เรื่องที่ 1

    กาลครั้งหนึ่ง พระจันทร์เกิดเป็นคนเข็ญใจ จึงไปขอกู้เงินพระราหู ซึ่งเกิดเป็นคฤหบดีมาทำทุน ครั้นนานเข้า พระราหู คฤหบดี ก็ไปทวงเงินจากพระจันทร์ พระจันทร์ยังไม่มีเงินใช้หนี้ จึงได้หลบหนีซ่อนตัว

    พระเสาร์เกิดเป็นพ่อค้าเป็นสหายของพระราหู พระเสาร์เดินทางไปค้าขายในที่ต่างๆ ได้พบพระจันทร์ที่หลบหนี้อยู่ พระเสาร์จึงบอกที่อยู่พระจันทร์แก่พระราหูผู้เป็นสหาย

    พระราหูเจ้าหนี้จึงไปตามทวงหนี้พระจันทร์

    พระพุธซึ่งเกิดเป็นสุนัขเห็นเหตุการณ์เข้า เกิดความสงสารพระจันทร์ จึงโดดเข้าไปกัดพระราหูเพื่อช่วยเหลือพระจันทร์ พระจันทร์จึงหนีจากพระราหูไปได้

    ตำนานนี้มีความว่า พระจันทร์กับพระราหูเป็นคู่ผูกเวรกันโดยเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้

    พระเสาร์เป็นคู่มิตรกับพระราหู

    พระพุธเป็นคู่มิตรกับพระจันทร์ เพราะได้ช่วยเหลือพระจันทร์ไว้

    เรื่องที่ 2

    กาลครั้งหนึ่งนานแสนนาน พระอาทิตย์ พระอังคาร พระพฤหัสบดี พระเสาร์ เกิดเป็นเทวบุตร

    เทวบุตรทั้งสี่องค์นี้เกิดดำริอยากจะสร้างดิน และน้ำไว้เป็นที่อาศัยแห่งสัตว์โลก แต่ว่าเห็นว่ากำลังจะไม่พอ เห็นว่าพระราหูทรงฤทธิ์มากจึงไปปรึกษาพระราหู พระราหูบอกว่า ตนไม่ได้อาศัยด้วยน้ำ และดินจึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะไปสร้าง

    แล้วเทวบุตรทั้ง ๔ ก็เคืองพระราหู แล้วมาสร้างน้ำและดินกันเอง

    พอสร้างได้ตามปรารถนาแล้วก็กำหนดให้พระพฤหัสบดี ซึ่งเป้นพรอินทร์ รักษาเขาพระสุเมรุ

    พระอาทิตย์เป็นพญาครุฑ รักษาเขาสัตตปริพันธ์ทั้ง ๗

    พระอังคาร เป็นราชสีห์รักษาป่าหิมพานต์

    พระเสาร์เป็นพญานาครักษามหาสุมทร

    กาลนานผ่านไป มาอีกหนึ่งชาติเวร ความสัมพันธ์ของเทวบุตรที่ได้ครองพื้นที่ดังกล่าวก็เปลี่ยนไป

    พญาครุฑเห็นพญานาคก็อยากจับกินเป็นอาหาร พญานาคจึงหนีไปพึ่งพระราหู พระราหูไล่พญาครุฑไปแล้วพญาครุฑก็หนีไปยังสำนักพระอินทร์ พระราหูก็ไล่ตามพญาครุฑไป พอไล่ไม่ทันก็หิวน้ำ จึงแวะดื่มน้ำอมฤต พระอินทร์เห็นเช่นนั้นก็โกรธ เพราะว่าตอนที่ไปขอให้พระราหูมาช่วยสร้างน้ำและดินพระราหูปฏิเสธ คราวนี้จะมาดื่มน้ำนี้เสีย พระอินทร์จึงตวาดต่อว่าพระราหู และขว้างจักรไปต้องพระราหู กายขาดออกเป็นสองท่อน แต่พระราหูได้ดื่มน้ำอมฤตซึ่งทำให้เป็นอมตะเข้าไปแล้ว พระราหูจึงไม่ตาย หนีไปได้

    ตำนานนี้ พระอาทิตย์กับพระเสาร์ เป็นศัตรูกัน

    พระอาทิตย์ พระพฤหัสบดี เป็นศัตรูกับพระราหู

    พระราหูกับพระเสาร์ เป็นมิตรกัน

    นั่นคือเรื่องราวของเสาร์กับราหูที่ตำราโหราศาสตร์ และเทพปกรณัมว่าไว้อย่างแพร่หลาย

    และจากตำนานความเชื่อนี้เอง เมื่อใดราหูหวั่นไหวจะให้โทษ พึงมองหากำลังของพระเสาร์ เมื่อใดพระเสาร์หวั่นไหวจะให้โทษ พึงหากำลังของพระราหู ดังนี้จึงเห็นอีกอย่างว่า เรื่องของ "เสาร์ 5" ตามคตินิยมพื้นบ้านของเราเป็นอีกเรื่องหนึ่งควรพิจารณา หากเชื่อว่าวัตถุมงคลเข้มขลังคงกระพันฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์จริง
    IMG_20181122_221221.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2018
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่596 พระเนื้อผง หลวงพ่อพระใสพิมพ์ปรกโพธิ์ วัดโพธิ์ชัย ถนนประจักษ์ศิลปาคม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย"รุ่นแรกเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์" สร้างปี 2541
    หลวงพ่อพระใส จ.หนองคาย

    เมื่อถึงบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าร้อง พระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้น มาจนถึงปัจจุบันนี้

    ก็ยังเหลือแต่ พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบัน คือ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)

    ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระเสริมจากวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย ไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้

    ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย จนถึงปัจจุบัน
    เมื่อองค์หลวงพ่อพระใสมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัย มีความศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์หลายประการ จึงเป็นที่ศรัทธาเคารพนับถือและสักการบูชาของประชาชน จนได้สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก” ตราบเท่าทุกวันนี้ ทำให้วัดโพธิ์ชัยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้พุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศและพี่น้องชาวต่างชาติได้มาสักการบูชาอย่างไม่ขาดสาย

    ภาคปาฏิหาริย์
    หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมาปรากฏตามประวัติว่า เมื่อรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศ์ เสด็จเสวยราชย์ขึ้นครองนครเวียงจันทน์ พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าหากครองราชย์ไพร่ฟ้าอยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เกิดอัศจรรย์ อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นตามคำอธิษฐาน ความอัศจรรย์หรืออภินิหารครั้งที่ 2 คราวที่ขุนวรธานีอัญเชิญหลวงพ่อพระใสออกจากวัดหอก่อง เพื่อจะนำไปพร้อมกับพระเสริมไปยังกรุงเทพฯ มาถึงวัดโพธิ์ชัย ไม่สามารถลากเกวียน ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระใสให้เคลื่อนต่อไปได้ แม้จะใช้เครื่องฉุดก็สุดความสามารถเช่นเดียวกัน ได้ทำการอ้อนวอนด้วยประการต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนหักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกครั้ง เพราะไม่สามารถจะเคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงปรึกษาแล้วตกลงกันว่า จะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย แล้วก็ทำการอ้อนวอน เป็นผลดังใจนึก พอเข้ามาหามเพียงไม่กี่คน หลวงพ่อพระใสก็ถูกยกขึ้น ประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย ให้คณะเราได้กราบไหว้เคารพสักการบูชาและเป็นเกียรติอันสูงส่งแก่ชาว จ.หนองคาย มาตลอดจนบัดนี้

    รอดจากเครื่องบินตก
    ในคราวต่อมา หลวงพ่อพระใสแสดงความอัศจรรย์อีกหลายครั้ง เช่น เมื่อคราวที่ขุนเชาว์ฯ เป็นผู้เชิดชูหลวงพ่ออยู่นั้นขณะที่ทางวัดโพธิ์ชัยมีงานสมโภชหลวงพ่อพระใส ได้มีท่านผู้หนึ่งซึ่งเดินทางมาจากต่างถิ่น ไม่สู้เชื่อความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระใสมากนัก เพื่อเป็นการทดลองจึงได้พูดว่าถ้าหากหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้บันดาลให้ฟ้าผ่า ทันใดนั้นเองฟ้าก็ผ่าลงมาจริงๆ

    เมื่อเครื่องบินของบริษัท เดินอากาศไทย ประสบอุบัติเหตุบริเวณทุ่งนาคลองรังสิต เมื่อปลายเดือน เม.ย. 2523 มีผู้โดยสารสองท่านที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย สามารถลุกขึ้นเดินกลับบ้านได้ ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล และหนึ่งในสองท่านนั้นคือ คุณศักดิ์ดา อัครเมธาทิพย์ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนออกเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อพระใสพร้อมกับบูชาหลวงพ่อพระใสจำลองขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว นำขึ้นเครื่องบินเดินทางไปด้วย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งคนและองค์พระกลับไม่เป็นอะไรเลย

    เหตุการณ์ในครั้งนั้นนับเป็นปาฏิหาริย์ที่รู้เห็นกันอย่างกว้างขวางจนมีสื่อมวลชนหลายแขนงเสนอภาพและข่าวอย่างละเอียด พร้อมกับได้มีการตั้งสมญานามหลวงพ่อพระใส ว่า “พระพุทธรูปปาฏิหาริย์” บ้าง “ยิ่งกว่าอัศจรรย์” บ้างดังนี้แล

    IMG_20181122_221508.jpg IMG_20181122_221457.jpg
     
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่597 พระผงพระถังซำจั๋ง - หลวงปู่กาหลง วัดเขาแหลม สระแก้ว
    พระอธิการกาหลง เตชวณฺโณ (กาหลง เตชวัณโณ) หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ หรือ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว เดิมท่านเป็นชาวคลอง 7 ปทุมธานี เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2461 มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ท่านเป็นบุตรคนโต โดยก่อนที่หลวงปู่ท่านจะเกิด ก็ได้เกิดนิมิตขึ้นมาดังนี้ มีชายคนหนึ่งชื่อ ลุงบาง กำลังออกหาปลา อาชีพของเขาในตอนนั้น ในตอนนั้นเขากำลังอยู่ใกล้บริเวณบ้านของหลวงปู่ ตอนนั้นท่านยังไม่เกิด ตอนนั้นลุงบางได้เห็นลูกไฟลูกหนึ่งลอยมาหน้าบ้านของหลวงปู่ ทันใดนั้นดวงไฟนั้นก็ได้กลายเป็นฤๅษี กำลังจูงเด็กน้อยเข้าไปในบ้านหลวงปู่ เมื่อแกเห็นเป็นเช่นนั้น แกจึงได้ยกมือไหว้ด้วยความเลื่อมใส และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าเด็กในบ้านนี้เกิดเป็นผู้ชาย แกจะเลิกจับปลาเด็ดขาด ต่อมา ผู้หญิงผู้ชายในบ้านนี้ก็ได้คลอดลูกออกมาเป็นลูกชาย ตั้งชื่อให้ว่า กาหลง

    หลังจากนั้นลุงบางก็ได้เลิกหาปลาตามที่เขาได้สัญญาไว้ ในชีวิตวัยเยาว์ หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่มีใจฝักใฝ่ต่อพระพุทธศาสนา ท่านชอบไหว้พระ หรือเมื่อพ่อแม่ของท่านชวนท่านไปวัด ท่านก็จะไปวัดกับพ่อแม่เป็นประจำ ท่านชอบนั่งสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำ ในปี พ.ศ. 2481 ตอนนั้น ท่านมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดนาบุญ คลอง 7 จังหวัดปทุมธานี ในวันที่ท่านบวช ลุงบางก็ได้เล่านิมิตที่ลุงบางได้เก็บมานานถึง 20 ปี ให้หลวงปู่ฟัง และหลังจากหลวงปู่ท่านอุปสมบทแล้ว ลุงบางก็ทำหน้าที่เป็นโยมอุปฐาก คอยดูแลหลวงปู่อย่างใกล้ชิด หลังจากอุปสมบท ท่านก็ได้บวชเรียนและจำพรรษาที่ วัดนาบุญ และร่ำเรียนวิทยาคมกับ หลวงพ่อเนียม และ หลวงพ่อซึ้ง ท่านทั้ง 2 นี้เป็นกพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากวัดนาบุญ จนท่านมีความชำนาญในการเข้ากรรมฐาน และวิชาอาคมต่างๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดน้ำซับ หลวงปู่ท่านได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ท่านได้สร้างโบสถ์หลายๆหลังขึ้นมาอีกมากมาย จากนั้น ท่านก็ได้ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดเขาแหลม และเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาแหลมในปี พ.ศ. 2513 [1] ท่านเคยไปปลุกเสกตามวัดต่างๆหลายต่อหลายวัดมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไปปลุกเสกร่วมกับ ลป.โต๊ะ หลังเสร็จพิธีการลป.โต๊ะถึงกับกล่าวและชี้มาที่ ลป.กาหลง หัยลพ.แช่มวัดนวลนรดิศและศิษย์ที่นั่งอยู่ฟังว่า "พระรูปนี้ชื่ออะไรอยู่วัดไหน ทำไมพลังอำนาจจิตถึงได้รุนแรงพิศดารแบบนี้ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน" หลวงปู่ท่านมีเขี้ยวแก้วอยู่ที่กลางเพดานปากเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตัวท่านมาแต่เกิด หลวงปู่บอกว่าของดีนี้เกิดขึ้นเองและจะมีก็แต่บุคคลที่พิเศษจริง เช่น ของพระพุทธเจ้าเป็นต้นที่มี ถ้าเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เรียกว่า พระเขี้ยวแก้ว แต่ของหลวงปู่ท่านเรียกว่า เขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นของดีเฉพาะตัวเฉพาะบุคคลเวลาใครไปกราบท่านแล้วให้ท่านปลุกเสกของท่านก็มักจะเอามือล้วงไปในปากท่านแตะที่เขี้ยวแก้วของท่านแล้วนำมาคลึง ที่พระหรือ ของที่มาให้ท่านปลุกเสกเป็นการเพิ่มพลังพุทธคุณ ท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่า "ของๆฉันตั้งใจทำมากับมือต่อไปจะมีค่ายิ่งกว่าทองคำจะหายากยิ่งกว่าเพชร" ฉันทำเครื่องรางของขลังทั้งสักทั้งเสกเพื่อคุ้มครองชีวิตคนมาตั้งแต่ปี 2485 แต่ไม่เคยประกาศให้ใครรู้มีแต่บอกต่อกันแบบปากต่อปาก เมื่อก่อนใครจะมาเอาของๆฉันไปบูชาต้องแบกปืนมาลองด้วยถ้าฉันไม่แน่จริงฉันคงสร้างโบสถ์ได้ไม่ถึง8หลังหรอก คือว่าเมื่อก่อนท่านย้ายวัดไปหลายวัดท่านสร้างโบสถ์เสร็จท่านก็ย้ายไปจำวัดอื่น แล้วก็สร้างโบสถ์อีกเป็นแบบอยู่หลายวัด 8หลังแล้วที่ท่านสร้างมา [2] หลวงปู่กาหลง ท่านได้อาพาธตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา และได้เข้ารักษาอาการอาพาธ ซึ่งท่านได้ตรวจพบเจอ มะเร็งที่ลำคอ ต่อมาอาการของหลวงปู่ท่านก็ได้ทรุดหนักลงจนกระทั่ง ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552 ณ โรงพยาบาลเปาโล รวมสิริอายุได้ 91 ปี บวชเรียนมา 71 พรรษา [3] หลังจากนั้นได้นำศพของท่านมาตั้งสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 คืน และสวดศพ 100 วัน จากนั้นได้นำศพของท่านนำบรรจุใส่โลงแก้ว ให้สาธุชนได้กราบไหว้ต่อไป

    คุณduke2513 จองครับ
    IMG_20181123_214221.jpg IMG_20181123_214211.jpg 687470-25139.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2018
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่598 พระผงรูปเหมือนแซยิด81 ปี45 หลวงปู่หลวง วัดคีรีสุบรรพต ลำปาง
    .....หลวงปู่หลวง กตปุญโญ หรือพระครูการุณยธรรมานิวาส เป็นพระเถระสายวิปัสนากรรมฐานอีกรูปหนึ่ง ในสายพระป่า สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยหลวงปู่หลวงท่านได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และหลวงปู่เทศก์ เทสรังษี หลวงปู่หลวงท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามรอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ควรค่ายิ่งแห่งความเคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนชาวพุทธทั้งหลายได้สักการบูชา
    IMG_20181123_214244.jpg IMG_20181123_214234.jpg 21083520_125884514717467_4313649347531548925_o.jpg
     
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่599 ผ้ายันต์นางกวักมหาลาภหงส์คู่ สีแดง ขนาด 6.5 X 9.5 นิ้ว มีไว้บูชาค้าขายดีครับ
    IMG_20181123_214840.jpg
     
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่600 รูปหล่อโบราณ เกจิอาจารย์ ไม่ทราบที่
    IMG_20181030_062925.jpg IMG_20181030_062915.jpg IMG_20181030_062907.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...