เชิญบูชา "เหรียญพระศรีอารย์-ลป.ทวด" เพื่อร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ลป.ญาท่านสวน

ดีชั่วอยู่ที่การกระทำโดยมีเจตนาเป็นเครื่องตัดสินระดับความดีชั่วนั้นๆ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

​

เมื่อกี้หนูได้ไปอ่านเจอข้อความของ "คุณเกาะแก้ว" อ่านแล้วเลยอยากนำมาฝากพี่ๆน้องๆทุกท่านค่ะ​

 

ในหลวงท่านได้ปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีมีความกตัญญูมาตลอด... แล้วพวกเราได้ปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีมีความกตัญญูต่อพ่อหลวงของประเทศ้แล้วหรือยัง... อยากให้ทุกท่านหาคำตอบของตัวเองให้เจอค่ะ

 

พระองค์ท่าน ทรงเลิกทาส ให้เป็นไท
พวกจัญไร ก็ยังอยาก เป็นทาสต่อ
เป็นทาสเงิน ทาสอำนาจ ไม่รู้พอ
แบมือขอ ขายศักดิ์ศรี ที่เห็นกัน

ไม่มีไพร่ ก็คิดชั่ว ตัวเป็นไพร่
อ้างประชา-ธิปไตย อย่างขบขัน
กับสิทธิ ที่ถูกจ้าง เป็นรายวัน
เพื่อล้มเจ้า ล้มสถาบัน เคยบริบาล

ไม่มีไพร่ มีแต่พาล สันดานไพร่
มีจิตใจ หยาบช้า น่าสงสาร
ทั้งโง่เง่า ไร้หลัก พวกสันดาน
เป็นควายงาน ถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัว​

 

ยามนี้ทุกชีวิตต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันค่ะ​

<!-- google_ad_section_end -->

 

​

นี่แก... ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาฉันได้ยิน "นายกปู" เค้าแถลงว่ามั่นใจ (อีกแล้ว) ว่าช่วงต้นเดือน "พฤศจิกายน" น้ำในกรุงเทพจะลดลงแล้ว ไม่ต้องตระหนกตกใจ แกว่าจะให้ประชาชนมั่นใจเชื่อนายกคนนี้ได้หรือป่าววะ เพราะขนาดเดือน "พฤศจิกายน" นายกคนนี้ยังเรียกเป็น "พฤศจิกาคม" โคตรน่าขำเลยเนอะ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ ประจานความโง่ของตัวเองอีกแล้ว ความรู้ขั้นพื้นฐานเด็ก ป.2 ยังไม่รู้เลย แล้วจะให้ประชาชนเชื่อมั่นในการบริหารประเทศในยามวิกฤตอย่างนี้ได้ยังงัยเนี่ย แกเห็นด้วยกับฉันมั้ยวะ ยามนี้พวกเราประชาชนตาดำๆ ทั้งตัวดำและตัวขาว ทั้งตัวยาวและตัวสั้น ทั้งคนที่ทำงานจนตัวเป็นมันและเป็นเผือกคงต้องพึ่งพากันเองแล้วหละ ขืนไปฝากคามหวังไว้กับรัฐบาลนี้คงมีหวังตายก่อนกำหนดแน่เลย... จริงมั้ยวะแก...​

<!-- google_ad_section_end -->

 

นี่แก... แต่ว่าไปแล้วฉันก็วิตกกังวลอยู่พอสมควรนะ เรื่องน้ำเนี่ยฉันว่ามันจะมาอีกนะ มาคราวนี้ฉันว่าพวกเราจะอ่วมกว่าเดิมอีกหลายเท่าเชียวหละ อีกอย่างฉันก็ได้กลิ่นและได้ยินข่าว (ที่ไม่ค่อยดี) แว่วๆมาด้วยว่าอาจจะมีชาวบ้านอย่างเราๆ "ที่ไม่ใช่พวกเสื้อแดง" อดตายกันเยอะเลยทีเดียว แกอยากรู้มั้ยว่าทำไม แกลองดูข้อมูลจากรูปภาพที่ฉันเอามาให้ดูก็แล้วกัน รูปภาพมันอธิบายบรรยายฟ้องถึง "กลิ่นตุๆ" ของรัฐบาลนี้ได้เป็นอย่างดี ดูเอานะ

เรื่องการบรรจุถุงยังชีพ ที่มีคนบอกว่ามีการบังคับให้ต้องใส่เสื้อแดงนั้น เป็นเรื่องไม่จริง มีคนใส่เสื้อทุกสี
(เรื่องจริงคือพวกเขาเลยไม่มา เพราะไม่ต้องการกลายเป็นพวกเสื้อแดงให้กับใครบางคน)



แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับพบว่าเป็นการสนับสนุนกลุ่มการเมืองอย่างชัดเจน



รถที่ขนของไปแจกมีติดสัญญลักษณ์ธงสีแดง




จุดกระจายของบริเวณ cargo คุมโดยคนเสื้อแดงทั้งหมด รถที่ขนของติดภาพ-ชื่อนักการเมืองชัดเจน




ของที่จะนำไปบริจาคห้ามขนย้ายเพราะนักการเมืองสั่ง



แล้วถ้าแกมีญาติมิตรและเพื่อนพ้องก็ช่วยบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังด้วยแล้วกัน ไอ้คนที่มันยังครึ่งๆกลางๆ ยังไม่รู้ความจริงมันจะได้หูตาสว่างกันมากขึ้น ฉันก็แค่อยากให้คนไทยกลับมารักกัน สามัคคีกัน มีน้ำใจต่อกัน และให้อภัยซึ่งกันและกันตามคำสอนของ "พ่อหลวง" ของพวกเราเท่านั้นเอง ประเทศไทยเราจะได้เจริญและสงบสุขกันมากกว่านี้

 

ขณะนี้และในวันข้างหน้าที่จะเลวร้ายมากกว่านี้ (ด้วยทั้งภัยจากธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ด้วยกัน) คนที่จะมาช่วยเหลือเราก็คงช่วยได้เฉพาะทางด้านร่างกายเท่านั้น (ให้สามารถดำรงชีพอยู่ต่อไป) แต่ทางด้านจิตใจพวกเราทุกคนคงพึ่งใครไม่ได้นอกจากพึ่งตัวเอง โดยเบื้องต้นต้องยึดพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งก่อน นอกจากนั้นเสบียงบุญที่พวกเราได้สั่งสมมาจะส่งผลให้ได้ประจักษ์กันแน่นอนค่ะ ยามนั้นใครที่มีครูบาอาจารย์ดี มีของดี ก็คงต้องขอบารมีท่านให้ช่วยอีกแรงหนึ่งนะคะ

วันนี้หนูขอนำพระคาถาบทสำคัญที่ทุกคนควรหมั่นภาวนามาฝากกันค่ะ (ยิ่งช่วงมีภัยพิบัติยิ่งควรหมั่นภาวนา)

คาถาวันโลกดับ (คาถาป้องกันภัย)

ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขมามิหัง ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ

ปล.หนูเคยนำมาลงไว้แล้วครั้งหนึ่ง แต่อยากนำมาบอกกล่าวกันอีกครั้ง เพราะอาจจะยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้รับรู้ หนูมั่นใจว่าในวันข้างหน้าจะมีประโยชน์มากๆ ต้องได้ใช้แน่ๆค่ะ องค์ครูบาอาจารย์ท่านได้ประจักษ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์และให้ความสำคัญกับพระคาถาบทนี้เป็นอย่างยิ่ง หมั่นสวดภาวนาไว้ให้คล่องนะคะ เมื่อยามวิกฤตมาถึงจะได้มีสติน้อมระลึกได้

 

ข่าวสารข้อมูลที่พี่หนูจะนำเสนอต่อพี่ๆน้องๆทั้งหลายนั้นพี่หนูต้องกรองและพิจารณาให้แน่ใจก่อนว่าชัวร์ไม่มั่วนิ่ม จะพูดลอยๆโดยไม่มีหลักฐานก็ใช่ที่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกระจ่างจากสื่อต่างๆมาแล้ว (หลักฐานมัดตัวซะขนาดนั้น) พี่หนูก็แค่นำมาเสนออีกครั้งเพราะหวังจะสะกิดใจและเตือนสติผู้ที่ยังเป็น "ผู้ครึ่งๆกลางๆอยู่" ให้ได้รับรู้ความจริงให้มากขึ้น จะได้กลับตัวกลับใจซะตั้งแต่วันนี้เพราะหากยัง "ไม่" ก็ไม่รู้จะช่วยยังงัยแล้ว งานนี้คงต้องปล่อยตัวใครตัวมัน กรรมใครกรรมมัน ขอย้ำว่า งานนี้ "ท่าน" จะ "จัดหนัก จัดเต็ม" แล้วนะ ที่ผ่านมาและกำลังประสบกันอยู่นี้ท่านแค่เตือนเท่านั้น

ขอให้คนดีมีศีลธรรมอยู่รอดปลอดภัยด้วยความดีเป็นเกราะกำบังด้วยเถิด... สาธุ...

 

เมื่อวานนี้ได้นำเสนอข่าวแรงส์ๆหนักๆเศร้าๆมาแล้ว...
วันนี้หนูจะขอนำเสนอสิ่งดีๆที่น่าชื่นใจบ้างค่ะ ^^<!-- google_ad_section_end -->

 

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณเสี่ยโต้ง จากเว็บไซต์พันทิป​

ปริมาณน้ำมวลใหญ่มหาศาล เริ่มไหลทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และกระจายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ริมคลอง ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะปริมาณน้ำทั้งน้ำเหนือที่กำลังไหลลงมา บวกกับน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระดับน้ำในบริเวณดังกล่าวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว...

ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษนั้นก็คือ บริเวณท่าวังหลัง หรือที่ใครหลาย ๆ คนเรียกว่า ท่าศิริราช เพราะนอกจากพื้นที่ตรงนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่จุผู้ป่วยนับร้อยนับพันคนแล้ว ยังเป็นที่พำนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในหลวงของพวกเราด้วย

บรรดาประชาชนทุกหมู่เหล่า และอาสาสมัครจากทั่วทุกสารทิศ ก็ได้ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันปกป้องพื้นที่ดังกล่าวอย่างสุดความสามารถ ทุกแรงใจแรงกาย ช่วยกันคนละไม้ละมือ จากหนึ่งกระสอบกลายเป็นร้อยเป็นพันกระสอบ บวกกับการวางแผนการวางแนวกั้นอย่างรัดกุม จนสามารถสร้างคันกั้นน้ำขนาดย่อม แต่คุณภาพเยี่ยม กั้นบริเวณภายนอก และภายในชั้นใต้ดิน ของโรงพยาบาลศิริราชได้...<!-- google_ad_section_end -->

 

​

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:25:45 น

วันนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จโดยรถยนต์ที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราชไปพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงตรัสห่วงใยพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยใหญ่ดังนี้

"ข้าพเจ้าเข้าใจคนที่ลำบากน้ำท่วม บ้านข้าพเจ้าก็น้ำท่วม แต่ยังคิดว่า มีแรงเหลือมาช่วยพี่น้องประชาชน ส่งหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพประชาชน และสัตว์เลี้ยง ข้าพเจ้า สัญญาว่า จะไม่ปั๊มน้ำออกจากบ้าน เพื่อให้บ้านน้ำแห้ง ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน และเราจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้ไปด้วยกัน ข้าพเจ้าได้สั่งแม่บ้านของข้าพเจ้าแล้ว ให้ทำอาหารส่งหมู่บ้านที่ห่างไกล ได้ทราบว่า แม่บ้านได้ทำอาหารแจกชาวบ้านโดยรอบ 1,000 กล่อง/วัน ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขอใจทุกคนสู้อดทน และพวกเราจะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน"

( จากไอเอ็นเอ็น) ฟ้าหญิงฯตรัส ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน : มติชนออนไลน์

 

​

 

ตอนนี้ใครที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชน
ทุกคนก็รู้เห็นกันอยู่แก่ใจแล้ว
ระหว่าง "ทหาร" หรือ "รัฐบาล"​

<!-- google_ad_section_end -->

 

"พี่ nuanpan" ได้แจ้งข่าวดีมาให้หนูทาง pm ค่ะ... แต่หนูได้แจ้งให้พี่เค้าทราบว่าช่วงนี้อาจจะไม่สะดวกเพราะแถวบ้านพี่โก๋ก็ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ตอนนี้... เลยขอให้พี่เค้ารอส่งให้หลังช่วงน้ำท่วมค่ะ

 

พอดีพี่นวลได้โทรมาบอกแล้วครับเรื่องดิน ขออนุโมทนาพี่นวลด้วยครับ

กำลังจะถามเรื่องพี่โก๋เลยว่าเป้นยังไงบ้าง บ้านใหม่ด้วย พอมีข่าวคราวบ้างมั้ยครับพี่หนู

 

บ้านพี่โก๋ก็โดนเหมือนกัน... ท่วมไปแล้วแต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตค่ะ...

 

กลัวไม่อินเทรนด์กะคนอื่นเค้าอ่ะ... fishh_



ข้างบนนี้น พูดเล่นนะครับ ที่นี้เอาสาระบ้าง
ในวิกฤติครั้งนี้ ก็มีบทเรียนแฝงมาให้

1. อย่ายึดติดกับทรัพย์ภายนอก มากซะจนจิตตก (จิตมีค่าสำคัญกว่ามาก)

2. คนเรากลัวน้ำท่วม มากเกินกว่าความเหมาะสม เพราะเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัด
แต่ลืมนึกถึง "กรรม" ที่เคยทำและกำลังจะทำ

จริงๆแล้ว ควรเกรงกลัวบาปกรรมมากกว่า
เพราะน้ำท่วม อีกเดือน หรือ 2 เดือนก็ลดหายไป
แต่ "กรรม" ที่เราทำ จะติดตัวเราไปทุกภพชาติ

3. ช่วงนี้ ผมเพิ่งเข้าใจแล้วถึงคำสอนที่หลวงปู่ทวด เตือนไว้ที่วัดสะแกเมื่อหลายปีก่อนโน้น ว่า
"ให้เร่งเพียร เวลาปฏิบัติเหลืออีกไม่มากแล้ว"


-------------------------------------------------


คนเรา ถูกจำแนกแตกต่างกันด้วยผลกรรม ของแต่ละคนเอง
หมั่นเจริญสมาธิ รักษาจิตทุกวัน


.

 

สาธุ... ที่น้ำมาก็เพราะคนเป็นต้นเหตุเองนั่นแหละค่ะ น้ำก็แค่มาเตือนให้เห็นทุกข์ให้เห็นสัจจธรรมว่าชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน ตอนอยู่กันอย่างสุขสบาย (คนส่วนใหญ่) ก็หลงลืมนึกถึงคำว่า "บุญกุศล" น้ำก็แค่มาเตือนให้รู้ว่าชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะไปกับสายน้ำ (หรือจากภัยพิบัติอย่างอื่น) เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จึงควรรีบเร่งทำความดีสั่งสมเสบียงบุญเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้เรามองเห็นภาพความจริงชัดเจนขึ้นเป็นอย่างดี ทรัพย์สมบัติทางโลกที่ผู้คนมักจะสะสมและให้ความสำคัญนั้นเมื่อเกิดเหตุทำให้เราต้องอพยพเร่งด่วนหรือต้องตาย เราเอาอะไรติดตัวไปได้บ้างเช่น บ้าน ที่ดิน ตู้เซฟ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ มีแต่ "บุญและบาป" เท่านั้นที่จะเกาะเราแบบไม่ปล่อยตามไปส่งผลกับเราทุกชาติทุกภพไป <!-- google_ad_section_end -->