เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

วันนี้ว่างเลยไปทำบุญปล่อยปลา เลี้ยงอาหารปลา แล้วเที่ยวตลาดน้ำตลิ่งชัน นั่งเรือเที่ยว ชมธรรมชาติ และวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คนส่วนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีรูปหนึ่งเป็นดอกสาละ ต้นไม้ที่พระศากยมุนีท่านปรินิพพาน
ก็ขอแผ่ความเมตตา ความสุขสดชื่นให้กับทุกๆคนครับ
ยินดีกับนักเรียนที่เข้ามาพูดคุยครับ ใกล้ครบพันคนแล้วนะ ยังขาดอีก เก้าร้อยกว่าๆ
ถ้าอาจารย์นักเขียนมากรุงเทพเมื่อไหร่ผมจะพาอาจารย์เที่ยวครับ

 

รหัสชีวิต

รูปกายของเราทุกคนในแต่ละชาติภพเป็นโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ-สามมิติ ที่ฉายออกมาจากโลกแห่งความเป็นจริงภายในที่เป็นจินตภาพ โลกภายในเป็นโลกหลากมิติ ซึ่งประสานการเป็นบุคคลตัวตน หรือประสานต้นกำเนิดของรูปกายทุกรูปกายเข้าด้วยกัน

ไม่ว่ารูปกายแต่ละชาติภพจะดูเสมือนว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นบุคคลตัวตนเพียงหนึ่งคน-ร่างเดียว-ตัวตนเดียว ที่ดูเสมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากก็เพียงตามกาลเวลา และเราก็เชื่อว่าไม่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม จากแรกเกิดมาจนถึงปัจจุบัน เราก็ยังคงเป็นเรา เป็นร่างเดิม ตัวตนเดิม

ความเชื่อของเราที่ยึดติดในการเป็นบุคคลตัวตนเดียว-ร่างเดียว ทำให้เราเชื่อต่อไปอีกว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นของเรา-คือเรา เป็นสิ่งที่คงที่ถาวร ความกลัวในการสูญเสียความเป็นตัวตนของเรา ทำให้เราพยายามแสวงหาสิ่งที่เราเรียกว่า-คงที่ เพื่อระบุการเป็นบุคคลตัวตนเดียว-ร่างเดียว-ที่เป็นของเราชั่วชีวิต เราจึงกำหนดการเป็นตัวตนด้วย-ชื่อ แม้จะมีผู้ที่มีความเชื่อในทิศจำเพาะที่ทำให้เขาเปลี่ยนชื่อได้เรื่อยๆตลอดชีวิต หากเขาเปลี่ยนชื่อทุกปี-ทุกเดือน-หรือแม้แต่ทุกวัน-ตั้งแต่เกิดจนวันตาย จำนวนชื่อของเขา ก็ยังจิบจ้อยเมื่อเทีียบกับจำนวนรูปกายของเขาที่เปลี่ยนไปในหนึ่งชั่วโมง

ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้วรูปกายของเรากะพริบเกิด-ดับ และปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่น-มิติอื่น-ชาติภพอื่นอยู่ตลอดวันเวลา หากแต่เราไม่อาจรู้เห็นหรือตระหนักได้ในระดับกายภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ตัวตนที่เรารู้จักอยู่กับที่และบางส่วนของเราเร่ร่อนไปปรากฏในโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น หากแต่ว่าโลกแห่งความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่ทุกขณะจิตนี้ ก็ไม่ใช่โลกเดิม มิติเดิม ชาติภพเดิม หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นเดิมอย่างที่เราคิดว่ามันคงที่

นอกจากชื่อแล้วเราก็ยังพยายามแสวงหาสิ่งที่ระบุความเป็นบุคคลตัวตนของเราที่คงที่ถาวรและมีลักษณะทางกายภาพอื่ืนๆอีก เช่น ลายมือ ม่านตา ยีนส์ โครโมโซม ลักษณะทางพันธุกรรม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาธรรมชาติแห่งความเป็นจริงด้วยการค้นหาปัจจัยต่างๆจากระนาบเดียว คือโลกเดียว มิติเดียว ชาติภพเดียว เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นเดียว แล้วสรุปความเป็นไปทั้งหมดนี้ให้เรา

พี่นักเขียนขอให้เรานำภาพถ่ายต่างกาลเวลา ต่างสถานที่ หรือต่างช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาของเรามาพิจารณากัน เพื่อให้เรามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปกาย และให้เราพิจารณาความหลากหลายของการเป็นบุคคลตัวตน ซึ่งไม่ได้มีความหลากหลายแต่เพียงรูปกายที่เป็นกายภาพเท่านั้น หากแต่ยังมีความหลากหลายในอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิด ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับว่า เรามองเห็นการเป็นบุคคลตัวตนที่เป็นเราเหล่านั้นว่ามีหลายรูปกาย หลายบุคลิกภาพ แทบจะเรียกได้ว่า-ไม่ใช่เราในวันนี้ แต่หากว่าเราไม่เข้าใจธรรมชาติความเป็นจริงได้อย่างถ่องแท้ แม้จะมองเห็นความแตกต่างที่ปรากฏ เราก็ยังยึดถือเชื่อมั่นต่อไปว่า บุคลิกภาพอันหลากหลายเหล่านั้นคือ หนึ่งบุคคล หนึ่งตัวตน หนึ่งร่าง หนึ่งรูปกาย ในโลกเดียว มิติเดียว ชาติภพเดียว เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นเดียวอยู่เช่นเดิม

หากเราสามารถบันทึกภาพของตนเองได้ทุกขณะจิต เราก็จะพบกับความแตกต่างของรูปกายและความหลากหลายในอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิด หลายบุคลิกภาพในเวลาสั้นๆเพียงชั่วโมงเดียวได้ไม่น้อยไปกว่าจากภาพถ่ายที่มีระยะห่างกันหลายปีหรือหลายเดือน

แต่การจดจ่อกับการเป็นร่างกายเนื้อหนังของเรา ทำให้สติสัมปชัญญะของเราก้าวข้ามรอยต่อของความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง ความไม่รู้ส่วนนี้ของเรามีประโยชน์ต่อการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพซึ่งต้องมีการตอบสนองเป็นปัจจุบันที่ขึ้นกับช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เพื่อการอยู่รอด ซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า มันมีประโยชน์มากสำหรับโลกมนุษย์ในยุคสมัยที่มนุษย์ยังต้องดิ้นรนเพืิ่อความอยู่รอดทางกายภาพ

แต่เมื่อมาถึงโลกในยุคปัจจุบัน ซึ่งการอยู่รอดทางกายภาพแต่เพียงอย่างเดียวไม่ใช่สาระหลักอีกต่อไป กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า จิตวิญญาณอันมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง ได้บรรลุผลสำเร็จในการจดจ่อกับภาวะทางกายภาพเพื่อการอยู่รอดเป็นร่างกายเนื้อหนังได้สำเร็จแล้ว เราทั้งหลายได้ก้าวมาสู่ยุคสมัยที่จิตวิญญาณของเราทั้งหลายถึงเวลาแล้วที่จะเรียนรู้ที่จะใช้สติสัมปชัญญะเพื่อกลับไปรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่เราจากมา

สิ่งที่เราเรียกว่า รหัสชีวิต ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ทางกายภาพที่ปรากฏในโครโมโซม ยีนส์ ลายนิ้วมือ ม่านตา ชะตากำเนิด ราศี ดวง โหวงเฮ้ง ฯลฯ ล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่เรามองเห็นได้เพียงระนาบเดียว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เราสำรวจมันได้เพียงความเป็นไปบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เพียงเส้นเดียวที่เรากำลังจดจ่ออยู่เท่านั้น

แม้สติสัมปชัญญะของเราไม่สามารถติดตามรู้เห็นการเปลี่ยนรูปกาย การเปลี่ยนโลก เปลี่ยนมิติ เปลี่ยนชาติภพ เปลี่ยนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ที่เป็นไปอยู่ทุกขณะจิต แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและส่งผลกระทบต่อความเป็นไปของร่างกายตลอดจนประสบการณ์ชีวิตของเราทุกขณะ

การศึกษาหาความรู้เกีีี่ยวกับการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของสติสัมปชัญญะ จึงเป็นหัวใจสำคัญของเรียนรู้ที่จะใช้สติสัมปชัญญะเพื่อกลับไปรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่เราจากมา คำว่าจากมาในที่นี้ ไม่ใช่การจากที่ตัดขาดจากบ้านเก่าอย่างแท้จริง เพราะตามธรรมชาติแล้วจิตวิญญาณของเรากลับบ้านเก่าอยู่เสมอตลอดวันเวลา แต่เป็นการตัดขาดในระดับจิต ในอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ซึ่งถูกบดบังด้วยความเชื่อในการเป็นบุคคลตัวตนเดียว-ร่างเดียวที่ถาวรคงที่ตลอดหนึ่งชีวิต ทำให้เราไม่รู้-ไม่เห็นต้นกำเนิดของตนเอง

หากเราเข้าใจและตระหนักได้ในความสำคัญของการรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ รู้เห็นต้นกำเนิดของตนเอง เราจะเข้าใจและตระหนักได้ถึงการเป็นบุคคลตัวตนที่แท้จริงของเรา เราจะพบว่าสิ่งที่เราเชื่อว่าคงที่ถาวร เช่น รูปกาย ลายมือ ม่านตา ยีนส์ โครโมโซม และลักษณะทางพันธุกรรม แทบจะเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย เพราะมันปราศจากความถาวรอย่างที่เราเข้าใจ แม้ลายมือของเรา ม่านตายีนส์ โครโมโซม และลักษณะทางพันธุกรรมจะผันแปรไปเพียงใดก็ตาม เราก็ไม่อาจรับเอาหรือรู้เห็นความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ เช่นเดียวกับที่เรายังคงรับเอาว่า รูปกายตัวตนและการเป็นบุคคลทั้งหมดที่ปรากฏในภาพถ่ายทุกภาพ คือเราคนเดิมที่ไม่เคยเป็นบุคคลตัวตนอื่น ร่างอื่น ที่มีชีวิตอยู่ในโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่น เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น

ความรู้ทั้งหลายที่ผูกพันธ์เกี่ยวกับรูปกายของเรา ที่เราเรียกมันว่าคงที่ถาวรจนกว่าจะถึงวันตาย จึงเป็นความรู้ที่จำกัด-ซึ่งมนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อระบุการเป็นตัวตนในร่างเดียว โลกเดียว มิติเดียว-เท่านั้น

เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เพียงเส้นเดียว ไม่อาจครอบคลุมโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติภายใน ที่เป็นต้นกำเนิดของความเป็นจริงทั้งหมดได้

ในขณะจิตนี้ เรากำลังเป็นบุคคลตัวตนใด ในโลกแห่งความเป็นจริงโลกใด มิติใด ชาติภพใด บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใด พร้อมด้วยชื่อ ลายมือ ม่านตา ยีนส์โครโมโซม ชะตากำเนิด ราศี ดวง หรือ โหวงเฮ้ง -ชุดใด ?



รหัสชีวิต ที่สร้างสรรค์และกำหนดความเป็นไปของชีวิตของเราได้แม่นยำที่สุด
คือรหัสที่ครอบคลุมการเป็นบุคคลตัวตนของเราทุกตัวตน
ในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ หลายชาติภพ
หลายเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ซึ่งส่งผลกระทบถึงกันหมดทุกตัวตน


รหัสดังกล่าว คือ อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกที่ดี-ในปัจจุบัน
ซึ่งคล้อยตามความเชื่อในแง่บวก หรือ คล้อยตามความรู้ที่แท้จริง

เธอจดจ่อกับสิ่งใด-ย่อมได้สิ่งนั้น-ไม่มีกฏเกณฑ์อื่น

จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่เป็นอยู่ดำเนินไปเป็นภาวะนั้น
พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้นๆ (rose)

 

ว้ากกกกก มายด์แว้บมาแล้วววว อิอิ คิดถึงนะจ๊ะ สอบให้ได้ฉลุยไปเลย
สอบเสร็จแล้วรีบมานะ ตับในห้องนี้เต็มเลย รอมายด์มากิน 555

 

อนุโมทนาสาธุ ได้ไปเที่ยวด้วยทำบุญด้วย นกไปเรียน เซ็งจะตายอ่ะ(b-ng)

 

ว้าว เยี่ยมไปเลย พี่นักเขียนช่วยแบ่งน้ำหนักจากนกแล้ว อิอิ
สงสัยมื้อเช้า ต้องหาของอร่อยๆมาให้พี่ซัก 5 จาน พอไหมเอ่ย (b-deejai)

 

เมื่อเช้ารีบปั่นงานภายใน 2 ชม. ดีนะที่มีpresentช่วงบ่าย
ใจจริงอยากจะงีบต่ออีกหน่อย แต่ไฟลนก้นขนาดนี้ ขืนนอนต่ออาจยาว
เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยสิ ถ้าไม่จวนตัวแล้วไม่ค่อยรีบ อิอิ ตื้นเต้นดี แต่เสี่ยงสูง
และแล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดีหน่อยๆ ติดขัดบ้างเล็กน้อยเพราะไม่ได้เตรียมตัวเลย
แต่อาจารย์ถือว่าเป็นกลุ่มแรกๆ ก็ไม่ได้ติอะไรมาก ฮุ้ โล่งไปที
กลับมาบ้านเลยงีบตอนเย็นซะหน่อย เพราะง่วงมากมาย
ช่วงนี้เหนื่อยๆนิหน่อย ไม่ได้หยิบหนังสือของอาจารย์อนาลัยเลย
ยังดีที่ได้เข้ามาอ่านในเว็บทุกๆวัน เลยยังซึมซับเข้าไปเรื่อยๆ
แต่ตอนฝันจะชอบพูดถึงชื่ออาจารย์ตลอด ไม่ว่าจะพูดกับใครก็แล้วแต่
เหมือนเราอยากจะให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้กับสิ่งที่อาจารย์สอน
และตัวเราก็อย่าลืมหมั่นศึกษาด้วย (เตือนตัวเองไว้)
ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะทุกคน วันนี้ง่วงๆเบลอๆมากเลย ไปคร่อกๆดีกว่า

 

คุณเฉลยบอกว่าจะพาไปเที่ยว พี่นักเขียนรีบ pack ของตามเลยค่ะ

 

การค้นหาจุดประสานมิติ

โครงการ ปิรามิด meditation resort & spa ที่คุณ Mead กำลังทำอยู่นี้
เป็นโครงการที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่นอกจากจะมีผู้ที่เข้าใจในศาสตร์ของพลังงานแล้ว
ยังนำมาสร้างสรรค์และใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย พี่นักเขียนเอาใจช่วยขอให้หัวหน้าห้องของเราและทีมงานสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการโดยราบรื่น

พี่นักเขียนขอนำประสบการณ์จากความฝัน ที่ทำให้ตนเองได้ศึกษาเกี่ยวกับการค้นหาจุดประสานมิติมาถ่ายทอดให้พวกเราได้ลองนำไปศึกษาและทดลองด้วยตนเอง พี่นักเขียนได้ถอดความเพียงบางส่วนและปรากฏในหนังสือ
อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น บทที่ 4 จุดประสานมิติ กับ การก่อเกิดวัตถุธาตุด้วยจิตวิญญาณ

ข้อมูลชุดนี้มีความพิเศษกว่าข้อมูลชุดอื่นๆตรงที่ว่า เป็นข้อมูลที่พี่นักเขียนต้องออกไปทดสอบกับสถานที่จริง
เนื่องจากได้รับชื่อและสถานที่มาจากความฝัน ซึ่งทำให้ต้องการค้นหาและพิสูจน์ความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเกินความสามารถ

ในความฝัน-พี่นักเขียนได้แลเห็นภาพพร้อมกันกับที่ได้ร้บคำอธิบายที่เป็นเสมือนภาพยนต์
โดยแลเห็นภาพทางอากาศของเมืองที่ตนเองพำนักอยู่ คือเมือง Lawrence, Kansas (หาภาพถ่ายทางอากาศจริงๆของเมือง Lawrence ไม่ได้ แต่นำภาพนี้มาประมาณให้ดูค่ะ)

จากนั้นภาพทางอากาศก็แปลงเป็นแผนที่
จากนั้นแลเห็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งกำหนดจุดตัดขึ้น 3 จุด

จุดที่ 1 คือกึ่งกลางถนนชื่อ Jefferson
จุดที่ 2 คือกึ่งกลาง park ชื่อ Dad Perry Park
จุดที่ 3 คือกึ่งกลางถนนสายที่ 14
พี่นักเขียนไม่ได้รู้จักชื่อหรือสถานที่ทั้ง 3 นี้มาก่อนในยามตื่น นอกจากรู้จักแต่ถนนสายที่ 14 เท่านั้น

ในความฝัน-ปรากฏเส้นตรงลากผ่าน 3 จุดนี้
จากนั้นเส้นตรงที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นรัศมีของวงกลมใหญ่

จากนั้นก็ปรากฏวงกลมเล็กขึ้นภายใน (พื้นที่สีเหลืองในวงกลมเล็กอีกทีหนึ่ง)
มีปรากฏการณ์คล้ายพายุหมุนดังในภาพ sketch (ภาพเล็ก-ภาพที่สามด้านล่าง)ขึ้นทางด้านขวามือของวงกลมที่พี่นักเขียน label ไว้ว่า vortex ซึ่งหลังจาก sketch ภาพและได้คำว่า vortex มาแล้ว ได้ค้นพบภาพคล้ายที่กับภาพในความฝัน จาก website (ภาพเล็ก-ภาพที่สี่ด้านล่าง)ซึ่งเป็นภาพที่นักฟิสิกส์สร้างขึ้นด้วย graphic program ต่างกันตรงที่ว่า ในความฝัน พี่นักเขียนแลเห็น หรือกล่าวได้ว่า รู้สึก ถึงสสารจำนวนมากมายผุดออกมาจากการเคลื่อนไหวของ vortex หรือพายุหมุนดังกล่าว

เมื่อตื่นขึ้นจากความฝัน พี่นักเขียนได้ตรวจสอบจากแผนที่ของเมือง ปรากฏว่าพบชื่อทั้ง 3 จุดที่ปรากฏในความฝันจริง และสามารถลากเส้นตัดผ่านทั้ง 3 จุดได้จริงตามความฝัน ดังภาพที่แสดงนี้ และส่วนของ vortex ไปตก ณ ตำแหน่งของสนามกอล์ฟชื่อว่า Orchard Golf Course ซึ่งรายล้อมด้วยอาคารบ้านเรือน

ข้อมูลที่ได้รับเป็นเสมือนบทเรียนที่ครู-คือท่านอาจารย์อนาลัย ได้นำเสนอเป็น multimedia และพาไปศึกษาจากปรากฏการณ์จริงในความฝัน ให้มองเห็นจุดประสานมิติซึ่งพี่นักเขียนเข้าใจได้ว่า มันคือตำแหน่งทางจินตภาพ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่หากไปถึงแล้วจะมองเห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสภายใน และจะแลเห็น หรือ รู้สึกถึงจุดประสานมิติคล้ายภาพที่ sketch ขึ้นมาน้ี คือแลเห็นพลังงานจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากจุดประสานมิติ และจะสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตหรือประสบการณ์หลากมิติทีเป็นไปใน อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต และเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ

ความฝันใดที่ได้รับการกำหนดให้ไปทดสอบ จะทราบว่าบุคคลที่ต้องตามไปช่วยทดสอบคือใคร ในครั้งนี้ได้นัดแนะบาทหลวงศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นชายชาวอเมริกันท่านหนึ่ง สตรีชาวอเมริกันผู้ทำอาชีพรักษาโรคด้วยฝ่ามือและนับถือศาสนายิวอีกท่านหนึ่ง โดยพี่นักเขียนเดินไปลำพังในสนามกอล์ฟแห่งนั้น และปล่อยให้อีก 2 ท่านแยกย้ายกันเดินไปตามลำพังเช่นกัน โดยไปหลัง 6 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเลิกเล่นกอล์ฟกันแล้วเพราะอากาศเริ่มหนาว เป้าหมายของการสำรวจคือเพื่อให้บุคคลอีก 2 ท่านรวมทั้งพี่นักเขียนเป็นคนที่ 3 ซึ่งสามารถสัมผัสกับพลังงานได้ และมีความเชื่อทางศาสนาแตกต่างกัน ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า จุดประสานมิติที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงนั้นรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในได้อย่างไร รู้เห็นแล้วเป็นอย่างไร และแต่ละคนจะบอกอะไรได้บ้าง พี่นักเขียนไม่ได้ถ่ายทอดสาระจากความฝันให้กับสองท่านนี้ก่อน แต่ขอให้เขาไปช่วยตรวจสอบก่อนที่จะให้เขาดูภาพ sketch

ปรากฏว่า เมื่อต่างคนต่างเดินเป็นอิสระในสนามกอล์ฟ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ เราทั้ง 3 คนมาบรรจบกัน ณ หลุมกอล์ฟ หลุมที่ 9 และสรุปเห็นพ้องต้องกันว่า สัมผัสกับจุดประสานมิติที่มีลักษณะเสมือนพายุหมุน หรือลูกข่างที่มีประจุแม่เหล็กไฟฟ้าปริมาณมหาศาลออกมา และขณะเดียวกันก็มีประจุถูกดูดหายกลับเข้าไปจำนวนมหาศาลพอๆกัน เมื่อยืนอยู่ ณ หลุมที่ 9 ทุกคนพบตำแหน่งทางจินตภาพของจุดประสานมิติ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยทำองศากับพื้นดินขึ้นไปประมาณ 45 องศา และห่างจากหลุมที่ 9 ไปประมาณ 200 เมตร บาทหลวงท่านเรียกจินตภาพที่ปรากฏว่า vortex ส่วนสตรีผู้รักษาโรคด้วยฝ่ามือเรียกภาพที่ปรากฏในจินตภาพของเธอว่า spiral of energy ซึ่งเมื่อพี่นักเขียนนำภาพ sketch จากความฝันให้ดูก็เห็นพ้องต้องกันว่าคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาเห็นหรือรู้สึกได้จริง

เมื่อเรา 3 คนนั่งสมาธิร่วมกันบนเก้าอี้ยาว ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับหลุมที่ 9 เป็นเวลากว่า 45 นาที เราพบว่าได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากทางด้านหลัง เสียงฝีเท้าดังมากจนกระทั่งมาถึงด้านหลังของเรา แต่ไม่ทันที่จะมีผู้ใดลืมตาขึ้น เราพบว่ากลุ่มคนทั้งหมดเดินทะลุเราไปราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ ณ ที่น้้น และเมื่อเราลืมตาขึ้นพร้อมกันก็พบว่า เสียงฝึเท้าของคนกลุ่มนั้นอยู่ด้านหน้าของเรา โดยที่เราไม่สามารถมองเห็นผู้คนได้เลยแม้แต่เงา บาทหลวงเป็นท่านแรกที่อุทานออกมาว่า "My God! They just walked right through us."(พระเจ้าช่วย พวกเขาเดินทะลุเราไปเดี๋ยวนี้เอง!) ปรากฏว่าเราทั้ง 3 คนเผชิญกับประสบการณ์นี้ด้วยกัน

พี่นักเขียนได้กลับไปที่ vortex หรือสนามกอล์ฟแห่งนี้อีกนับครั้งไม่ถ้วน พรัอมกับนำนักเรียนสมาธิหลายคนไปนั่งสมาธิด้วย และได้ทำการทดสอบหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ข้อมูลต่อไป อีกการทดสอบหนึ่งคือ พี่นักเขียนได้นั่งสมาธิ ณ หลุมที่ 9 และได้ตัวเลขมากลุ่มหนึ่งซึ่งมีทั้งหมด 6 ตัวเลขด้วยกัน ตั้งแต่ 1-52 ซึ่งไม่ทราบว่าคือเลขอะไร แต่ได้จดไว้ ปรากฏว่าเมื่อ Lottery รางวัลที่ 1 ออกมาในคืนนั้น เป็นเลข 6 ตัวถูกต้องทั้งหมด และเลขเหล่านั้นเกี่ยวพันกกับหลุมที่ 9 ได้แก่ ตัวเลขระยะ tee off-ถึงหลุม PAR ฯลฯ ทั้งหมด พี่นักเขียนเข้าใจความหมายของประสบการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ จุดประสานมิติ นำส่ง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด และแปลงสภาวะให้กลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงได้รวดเร็วกว่าการส่งผ่าน ณ จุดอื่นๆในโลก ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าเราจะนึกคิดสิ่งใด โอกาสที่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆจะถูกแปลงสภาวะเป็นโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ มีได้สูงกว่าปกติ

จากตัวอย่างหนึ่งเรื่องที่พี่นักเขียนเล่าให้ฟังนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกความฝันมาในลักษณะนี้เหมือนกันหมด เพราะบางเรื่องก็ไปทำการทดลองเช่นนี้ไม่ได้ แต่ภาพฝันที่ปรากฏก็เป็นไปตามหลักการณ์เดียวกันคือ ปรากฏในลักษณะที่เรียกได้ว่าคล้าย multimedia แต่มีปรากฏการณ์จริงเสมือนได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆแทนส่วนที่เป็น VDO ซึ่งบางครั้งตนเองก็เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ และบางครั้งก็เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์

เมื่อตื่นขึ้นมาข้อมูลทั้งหมดเสมือนว่ากลับไปอยู่ใน zip file คืออัดแน่น และต้องจดแยกส่วนออกมาเป็นภาพวาดบ้าง ตัวหนังสือบ้าง ปนกัน การถอดความเป็นไปด้วยการระลึกถึงความฝัน และประมวลออกมาเป็นคำพูด ซึ่งพี่นักเขียนอาศัยใช้ keyboard ซึ่งไม่มีตัวอักษรไทย ทำให้ต้องเข้าภวังค์จึงจะพิมพ์ตัวหนังสือออกมาได้ตามความรู้สึกอันลุ่มลึก ไม่ใช่ตามตาเห็น-นิ้วสัมผัส เพราะพี่นักเขียนพิมพ์สัมผัสไม่เป็นมาก่อนที่จะมาเขียนหนังสือชุดนี้ ในภาวะที่นั่งลงหน้าแป้นพิมพ์ จะเกิดอารมณืที่สองขึ้นคือ รู้สึกเสมือนร้อนใจที่จะต้องถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดออกมาเป็นตัวอักษร และเมื่อตั้งจิตเป็นสมาธิและเข้าภวังค์ตื้นๆได้ ข้อมูลจะเอ่อขึ้นมาเหมือนน้ำล้น ภาพความฝันที่คล้ายสื่อ Multimedia จะคมชัดขึ้นมาหมด พร้อมสาระที่เป็นคำพูดก็จะขยายตัวออกมา ทำให้บรรยายสาระเหล่านั้นออกมาเป็นคำพูดได้อย่างถี่ถ้วน

หากจะอธิบายให้ง่ายที่สุด ก็พูดได้ว่า แปลงสื่อ Multimedia ทั้งหมดที่ขยายออกมาจาก zip file เป็นภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว VDO ให้กลับเป็นคำพูด-เป็นตัวหนังสือ ซึ่งกลับทิศกับงานที่ทำเป็นอาชึพ กล่าวได้ว่าไม่ได้เขียนในลักษณะที่เหมือนการถูกบอกให้จดตาม เพราะข้อมูลไม่ได้มาเป็นคำพูดตรงๆเลย แต่เป็นมุมมอง เป็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของบุคลิกภาพขององค์ความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกท่านว่า อาจารย์อนาลัย

ตัวอย่างที่เล่มมานี้ เป็นเพียงสาระย่อ เพราะบ่อยครั้งความฝันเพียงหนึ่งสาระจะยาวนานติดต่อกัน 7-14 คืน และมักเป็นสาระเปิด คิือไม่จบในตัวเอง ไม่เหมือนดูภาพยนต์จบทีละเรืองแล้วค่อยมาเล่า แต่เป็นความฝันที่จดแล้วต้องนำมาประมวลและประสานโยงใยกับสาระอื่นๆ ทำให้พี่นักเขียนต้องเขียนหนังสือ 10 เล่มพร้อมกันหมดตามที่เล่าไว้ในบันทึกของนักเขียน

สถานที่ที่คุณ Mead กำลังทำโครงการอยู่นี้ พี่นักเขียนเชื่อว่า จะประสพความสำเร็จและเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่อนำผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของพลังงาน หลายศาสนา หลายความเชื่อ มาประสานงานกัน เพราะความเชื่อทางศาสนา และ ความเชื่อส่วนบุคคล เป็นปัจจัยที่ขวางกั้นการรู้เห็นธรรมชาติแห่งความเป็นจริงค่อนข้างมาก หากบุคคลต่างความเชื่อต่างศาสนา รู้เห็นและเห็นพ้องต้องกัน พี่นักเขียนเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ขจัดความเชื่ออันจำกัดออกไปได้ไม่มากก็น้อย และน่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อส่วนรวมได้มากมาย

การค้นหาจุดประสานมิติ เป็นสิ่งที่ทำได้ ด้วยการเหนี่ยวนำให้สติสัมปชัญญะก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่เป็นสมาธิ ใช้สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสภายใน แต่การรู้เห็น สัมผัส หรือรู้สึก เป็นสิ่งที่ควรได้รับการตรวจสอบหรือทดสอบร่วมกันหลายคน จึงจะเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า พิสูจน์ความเป็นจริงได้
การเดินเป็นเวลายาวนานใน Golf Course เป็นไปเสมือนการเดินจงกรม

สภาพแวดล้อมที่ปรากฏ เช่น การเติบโตของพืชพันธุ์ ความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ สภาพความเป็นไปทั้งหมด จะปรากฏสนับสนุนทิศทางของพลังงานอย่างเห็นได้ชัดทางกายภาพ สนาม Golf ดังกล่าวยังมี ลำธารไหลผ่ากลาง ซึ่งพี่นักเขียนและท่านอื่นๆที่ไปร่วมพิสูจน์ พบว่า ทิศทางการไหลของน้ำ นำพาเอาพลังหรือประจุลบออกไปจากสถานที่นั้น สู่ทิศใต้ และรูปลักษณ์ของลำธารมีลักษณะคล้ายมังกร ซึ่งทอดกายอยู่ในแนวเหนือใต้พอดึ

ศาสตร์เกี่ยวกับจุดประสานมิติ ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมาก พี่นักเขียนตั้งใจว่าจะนำภาพ sketch และบันทึกอื่นๆจากความฝันที่ยังไม่เคยเขียนเป็นหนังสือมาถ่ายทอดให้ฟังต่อไป จนกว่าพวกเราจะหนีไปเที่ยว Atlantis หรือ Himalaya กันหมดห้อง (rose)

 

ขออนุญาตแทรกเรื่องฝันหน่อยนะครับ
พอดีเมื่อคืนนี้ ผมมีฝันที่ประทับใจอยากเล่าให้ฟังครับ

ผมฝันว่าตัวเองนั้นกำลังตามหาห้องพักห้องเดิมของตัวเองอยู่
ซึ่งในห้องนั้นผมได้เก็บสิ่งของส่วนตัวของผม
ทั้งที่มีค่ามาก มีค่าน้อย และอาจไม่มีค่าเลยเอาไว้ข้างใน
แต่เหมือนว่าผมได้จากไปซะนาน จนผมจำไม่ค่อยได้แล้ว
ว่าแท้ที่จริงแล้วห้องพักของผมอยู่ที่ไหนกันแน่..

ในฝันนั้น ผมรู้แล้วหละครับว่า ห้องที่ว่านั้นอยู่ระแวกนี้หละ
คล้ายๆจะเป็นห้องแรกของตึกแถว 4 คูหานั้น แต่คูหาไหนก็ยังไม่แน่ใจ
เพราะรู้สึกสับสน จำไม่ค่อยได้ หรืออาจเพราะเคยย้ายไปมา
ระหว่างห้องต่างๆในคูหาเหล่านี้ด้วย..

ในฝันคล้ายๆว่ากุญแจห้องพักของผมนั้น ผมไม่ได้เก็บเอาไว้เอง
รู้สึกว่าญาติผู้น้องคนหนึ่งเก็บเอาไว้ให้ และในระหว่างที่ผมเดินทาง
จะไปตามหาห้องพักนั้น ผมได้เจอกุญแจ และลูกกุญแจนั้นค้องอยู่ที่
ประตูบานที่ผมเพิ่งเปิดผ่านมานั้นแล้ว รู้สึกคุ้นๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่
กุญแจห้องของผมหรือเปล่า ผมก็เลยหยิบมาด้วย เพื่อจะเอาไปทดลองเปิดดู

และด้วยความที่ ผมจำห้องเดิมของผมไม่ได้ ผมเลยตั้งใจว่า
จะค้นมันทุกๆห้องเลย..ไล่ไปทีละห้อง ถ้าเจอของๆผมอยู่ข้างใน
ห้องไหน ก็ห้องนั้นแหละ..

ห้องแรก มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมรู้จักมานานแล้วอยู่ หรือเป็นเจ้าของห้อง
ผมก็ไม่แน่ใจ ข้างในห้อง เห็นมีย่ามสะพายผ้าอยู่หลายสิบใบ
กองสุมๆอยู่กลางห้อง ลักษณะของย่ามผ้า เหมือนกับที่ผมเคยชอบ
และเคยมีและที่ติดกับผนังห้องยังมีตู้และชั้นเก็บของหลายอย่างปิดไว้มิดชิด
ผู้หญิงคนนั้น เธอกำลังจะออกไปธุระข้างนอก ผมจึงขออนุญาตเธอ
ค้นห้องหน่อย เผื่อจะเจอของๆผมอยู่ในตู้ใบใดใบหนึ่ง..เธอก็อนุญาต
ผมเลยเข้าไปหยิบและเลือกดูย่ามสะพายผ้าหลายใบ
ซึ่งผมพบว่า ย่ามผ้าและกระเป๋าผ้าเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะยังใหม่อยู่..

จากนั้นภาพก็ตัดมาที่..ผมเจอเด็กผู้ชาย 2 คน โตพอจะยืนได้แล้ว
แต่ผมคำนวณอายุไม่ค่อยถูกเพราะไม่เคยมีลูกครับ น่าจะราวๆ 1-2 ขวบ ??
เด็กหน้าตาน่ารัก อ้วนท้วนสมบูรณ์ ความรู้สึกบอกว่า "เป็นพระโพธิสัตว์น้อย"
ผมเลยเข้าไปกอดเด็กคนแรก และในใจก็อธิษฐานขอให้ผม
ได้ "กายมหาบุรุษ" และรู้สึกว่าผมจะต้องเป็นผู้ที่คอยดูแล และคอยสอน
เด็กๆเหล่านี้ ให้รู้อะไรๆและเติบโตไปข้างหน้าอย่างดีที่สุด ซะด้วยนะ

จากนั้นผมก็อาบน้ำ ชำระร่างกายให้เด็กคนแรก สอนให้แปรงฟัน
สอนให้อาบน้ำด้วย เสร็จแล้วผมก็ทำเช่นเดียวกันกับเด็กคนที่ 2

แต่หน้าตาของเด็กคนที่ 2 นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมประหลาดใจ
คือเด็กก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี แต่เด็กเริ่มมีหนวดนิดๆแล้ว
หนวดจะเป็นลักษณะเหมือนหนวดของผู้ชาย ในภาพวาดแบบไทยๆ
คือปลายหนวดจะอ่อนช้อย ช้อนขึ้น..

ผมสังเกตเห็นว่าปลายหนวดข้างขวา และปลายคิ้วข้างขวาของเด็ก
มีรอยแหว่งไปนิดหน่อย เหมือนใครเอามีดไปตัดเล็มออกนิดหน่อย
ก็เลยทำให้ไม่เสมอกันทั้ง 2 ข้าง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ..

ตรงที่แหว่งไปนั้น ปลายหนวด อ่านได้ชัดเจนว่า "ปัญญา"
ส่วนปลายคิ้ว อ่านได้ชัดเจนว่า "สัจจะ"

พอผมอาบน้ำให้เด็ก 2 คนนี้เสร็จแล้ว ผมก็สังเกตเห็นว่า
เด็กยังไม่ได้สระผม ผมก็เลยจะพาไปสระผมและเล่นน้ำในลำธาร
ผมบอกกับเด็กๆว่าในลำธาร อาจจะมีช่วงลึกช่วงตื้นนะ
เราจะวิ่งเล่นไปตามลำธาร เจอน้ำใสๆ เราก็จะว่ายน้ำ-ดำน้ำเล่นด้วย
แต่ช่วงไหนลึกๆ ก็ไม่ต้องกลัวที่จะข้าม เดี๋ยวผมจะคอยสอดส่องดูให้ก่อน
ว่ามีสัตว์ร้ายอะไรซุกซ่อนอยู่หรือไม่ แต่อย่างไรก็ไม่ต้องกลัว
ที่จะวิ่งลุยข้ามมันไปให้ได้..มันก็แค่น้ำในลำธารช่วงที่มันลึกหน่อยเท่านั้นเอง

ในความฝันผมยังมีน้องผู้หญิงอีกคน ที่ไปคู่กับผม เพื่อคอยดูแลเด็กคนละคนกับผม
เราทั้งหมดตกลงกันว่า เพื่อให้สนุกสนานยิ่งขึ้น ไม่น่าเบื่อ
ในระหว่างที่เราวิ่งเล่นไปตามธารน้ำนี้ เราจะสลับสับเปลี่ยนกัน
ใส่หน้ากากแบบสวมหัว ซัก 4 แบบ ที่เป็นตัวการ์ตูนที่เด็กๆชอบ
ซึ่งผมเลือกเอง เช่น โดเรม่อน ปาร์แมน อุลตร้าแมน เป็นต้น..

 

ดูท่าในฝัน คุณชยุตจะเลี้ยงเด็กเพลินจนลืมหาห้องตัวเองซะแล้ว

มิน่าละในหนังสือ อาจารย์อนาลัยถึงให้พี่นักเขียนไปอเมริกา คงเพราะว่าที่อเมริกามีความหลากหลายทางความเชื่อ ทางศาสนามากกว่าที่ไทย ซึ่งมันก็คงทำให้พี่นักเขียนเห็นอะไรได้หลากหลายมุมกว่า

โดยส่วนตัวแล้ว มีความคิดว่า ถ้าอยากจะรู้ความจริงของธรรมชาติ คงต้องมองจากมุมอื่น ความเชื่ออื่นด้วย เพราะว่าไม่งั้นแล้วจะเป็นตาบอดคลำช้างไป บางทีก็พูดถึงเรื่องเดียวกันแหล่ะ แต่คนละคำอธิบายเลยทำให้งงว่าไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

ผมเชื่อว่าใบไม้นอกกำมือพระพุทธเจ้า นั่นก็เป็นความเป็นจริงของธรรมชาติเหมือนกัน แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้พูดถึงเพราะว่ามันไม่ช่วยอะไรในการไปสู่นิพพาน

ความจริงนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ก็ได้ และเรื่องอื่นๆ เช่นทำไมดวงอาทิตย์ถึงส่องแสง ฯลฯ

บางความเชื่อ บางศาสนา ก็อาจจะพูดถึงส่วนที่เป็นใบไม้นอกกำมือ นั้นก็เป็นความจริงอีกส่วนเหมือนกัน ก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกที่รับมาหรือเปล่า ด้วยจุดประสงค์ของเราที่ว่า จะรู้ไปทำไม


มีคำถามมาถามพี่นักเขียนอีกแล้วว่า... พี่นักเขียนบอกว่าความคิด สิ่งที่เราคิดเราจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ทางธรรมชาติ เช่นว่า ต่อให้เราคิดว่าเราเหาะได้อย่างซุปเปอร์แมน ก็คงจะเหาะไม่ได้จริง แล้วอย่างจินตนาการของนิยายต่างๆ ที่ดูเป็นไปไม่ได้นั้น อย่างเช่นนิยายไซไฟ หรือว่าการจินตนาการอย่างในการ์ตูน

พี่นักเขียนบอกว่า ความคิด จินตนาการนั้น เมื่อเกิดแล้วก็จะคงอยู่ต่อไปและกระจายแผ่ออกไป จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า มันจะไปเกิดขึ้นในมิติอื่น ที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนกับสิ่งที่เราคิด เหมือนกับว่าความคิดที่คิดแล้วเป็นจริงไม่ได้ เหมือนกับเมล็ดดอกไม้ในทะเลทราย ทะเลทรายเปรียบเหมือนมิติของเราที่ไม่มีสภาพเอื้อให้มันเกิดขึ้น แต่เมื่อมีน้ำฝนตกลงมา เหมือนว่าตอนนั้นมีภาวะที่เอื้อให้มันเกิดได้ มันก็งอกขึ้นมา

เอ.. ไม่ทราบว่าอธิบายอย่างนี้จะเข้าใจได้ตรงประเด็นหรือเปล่า หรือจะลองอธิบายว่าเหมือนว่ามีเมล็ดดอกไม้ในทะเลทราย ซึ่งมันไม่สามารถงอกได้เพราะว่าสภาพไม่เอื้อ แต่ว่าเมื่อเมล็ดดอกไม้ถูกลมพัดพาไปที่อื่น เมื่อมันไปตกลงในที่ที่เหมาะสม(เปรียบว่ามิติอื่นที่มีสภาพที่ทำให้ความคิดนั้นเป็นจริงได้) เมล็ดดอกไม้นั้นก็จะงอกขึ้นมาได้

อย่างในตอนนี้ ในมิติซักที่นึง หรืออาจจะซักจักรวาลนึงในอีกมิตินึง ก็จะมีซุปเปอร์แมนอยู่ในจักรวาลนั้น โลกนั้น

 

เรียนถาม อ.โนวา อนาลัย

วัฎฎจักร แห่งความนึกคิด จิตวิญญาณ

จิตวิญญาณ แปลงไปเป็น อารมณ์
อารมณ์ แปลงไปเป็น ความนึกคิด(สมอง)
คลื่นแห่งความนึกคิด ไปสิ้นสุด ณ ที่ใด????
เช่น คิดถึงดวงอาทิตย์
คลื่นพลังงานความคิด ไปสิ้นสุด ที่ดาวอาทิตย์????

คลื่นพลังงานความคิด แห่งมวลมนุษยชาติ สรรพสัตว์ แม้แต่ต้นไม้
ไปหลอมรวมกันไว้ เป็นหนึ่งเดียว ที่ดวงอาทิตย์?????
แล้วอาทิตย์จึงแผ่คลื่นพลังงานกลับมายัง สรรพชีวิต
ที่คิดต้องการแสง อยากเห็นแสงสว่าง?????(kiss)

 

LOVE, LOVE, LOVE.
(b-ping) (b-ping) (b-ping)

 

ขอบคุณมากครับพี่ฯ อ่านแล้วกระจ่างเลยครับว่า...
ตัวตนร่างกายของเราเป็นภาพฉายที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่อาจครอบคลุมภาวะที่แท้จริงได้ทั้งหมด รหัสเหล่านั้นก็มีความสัมพันธ์กับจิตวิญญาณในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบในทุกๆตัวตนที่แท้จริง ก็คืออารมณ์+จินตนาการในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ หลายภพชาติที่อยู่เบื้องหลังรหัสทั้งหมดนี่อีกที..พี่อธิบายละเอืยดมากๆ ที่ยกตัวอย่างเรื่องรูปถ่ายของเราในแต่ละช่วงเวลา ก็ยังเปลื่ยนแปลงไปได้หลากหลายบุคลิก..ตรงนี้ก็ยังอธิบายปรากฎการณ์ของตัวตน-บุคลิก ความทรงจำ(ที่ระลึกได้-ระลึกไม่ได้) ไม่ต่างจากเรื่องของภพชาติได้อีกด้วยนะครับ..

 

"การค้นหาจุดประสานมิติ" ของพี่ฯน่าสนใจมากเลยครับ..จริงๆแล้วผมชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ เห็นว่าจุดหลักๆมีอยู่ 4 จุดในโลก..และมีจุดย่อยๆอยู่อีกมากมายหลายจุด จุดประสานมิติเหล่านี้คง Fix ตำแหน่งเอาไว้ และมีอยู่นานมากแล้ว กำลังสนใจถามเรื่องนี้พอดีครับ สมมุติว่า..เกิดมีมนุษย์ไปรบกวนจุดเหล่านี้ ด้วยการส่งพลังงานที่ไม่สมดุลไปรบกวนเข้า..จุดเหล่านี้จะเปลื่ยนตำแหน่งหรือหายไปได้รึเปล่าครับ?.. หรือ..ถ้าเราสร้างปิรามิดเพิ่มขึ้น สร้างเจดีย์พระธาตุ เพื่อให้เป็นสถานที่ที่สามารถเหนี่ยวนำพลังงานด้านบวกลงมาได้นี่เท่ากับเป็นการสร้างจุดประสานมิติย่อยๆขึ้นมาได้ด้วยใช่มั๊ยครับ?..หรือมีองค์ประกอบอื่นๆที่เหมาะสมเกี่ยวกับทำเลที่ตั้ง ทิศทาง การเคลื่อนไหลของพลังงาน กระแสลม กระแสน้ำ ประตูมิคิของภพภูมิแบบนี้ ถ้าเปิดจุดประสานมิติเพิ่มได้ด้วยน่าจะเป็นประโยชน์มากทีเดียว ถ้าไม้ได้จริงๆก็ต้องค้นหาจุดประสานมิติให้พบก่อนแล้วค่อยสร้างสถานที่ขึ้นไปเหนี่ยวนำพลังลงมาใช้ น่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่าถูกมั๊ยครับ ?

 

ดีใจครับ ที่อุตสาห์เข้ามาทักทาย
ตั้งใจสอบนะครับน้องมายด์..เพื่อนๆถามหาตลอดเลย


(deejai)(deejai)(deejai)

 

เรื่องจุดประสานมิติที่สนามกอล์ฟ ไม่ทราบว่าแล้วหลุมนั้นมันมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ เช่นว่าเล่นยากเป็นพิเศษ เพราะเห็นว่าเป็นหลุมที่ 13 คนฝรั่งถือว่าเป็นเลขไม่ดี เผื่อว่าคนที่เล่นเชื่อว่าเป็นเลขไม่ดีแล้วมันจะทำให้ตีเสียบ่อย เพราะว่าตรงนั้นก็เป็นจุดประสานมิติพอดี เลยทำให้ความเชื่อนั้นเป็นไปได้

 

รอคอยน้องมายด์..จนนน ไม่มีตับจะให้กินนน

 

ตรงที่แหว่งไปนั้น ปลายหนวด อ่านได้ชัดเจนว่า "ปัญญา"
ส่วนปลายคิ้ว อ่านได้ชัดเจนว่า "สัจจะ"

คุณชยุตฝันสนุกและน่าประทับใจดีครับ
แต่ไหงไปเล่นกับเด็กๆเพลินจนลืมหาของไปเลยล่ะครับ
ของสำคัญของที่ว่าอาจเป็นปลายหนวด +ปลายคิ้ว ของเด็กๆก็ได้
คือนี้อาจมีฝันภาค 2 นะครับ

 

555 พี่เม้าส์รอจนหลับ
น้องมายด์ ย่องมาข้างหลังแล้ว อุอุ !!

 

ยินดีต้อนรับเข้าชั้นเรียนคะ