เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ดีใจที่คุณ aonlin เข้ามาในห้องนี้อีกคนแล้ว จินตวดีรับรองว่าคุณจะต้องได้ขยายความรู้เพิ่มเติมอีกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ภายนอก และ ภายใน (ความฝัน) ซึ่งจะช่วยขยายความรู้ ความสามารถอีกมาก
    จินตวดีตอนนี้ฝันทุกคืนและให้ความสนใจกับมันมากถึงขนาดจดบันทึกความฝันอยู่เป็นประจำ เพื่อจะเรียนรู้การตึความสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏ บางอย่างมาในรูปของความรู้ เหมือนอย่าง ฝันเห็นคนป่วยเป็นไข้ ปวดท้อง มีนายคนปัจจุบันมาคอยบอกขยายความในฝัน ว่านี่เกิดจากฉี่หนู (อันนี้เรานึกรู้เองว่าเราเอาสัญลักษณ์ของนายเราไปใส่แทนครูบาอาจารย์หรือนักพูด) มีต้นไม้ ใบไม้โผล่ขึ้นมาเต็ม มีเพื่อนรักเดินเข้ามาบอกเราว่า กินซะ มันเป็นใบฝรั่ง พอตื่นมารีบไปเปิดหนังสือสมุนไพร เออหนอ ไอ้ใบฝรั่งนี่สรรพคุณมันใช้ แก้ท้องเสีย และฆ่าเชื้อในลำไส้ได้ชะงัดนัก แถมต้องไปเปิดอมตะจิตวิญญาณดูอีก ว่าฝันแบบนี้อยุ่ในสติสัมปชัญญะระดับไหน สรุปที่เคยถามพี่นักเขียนไป เลยได้เรียนได้ฝึกทั้งใน และนอกฝันเลย (จดจ่ออะไร ได้อย่างนั้นจริง ๆ เลย) ช่วงหลังเวลานั่งสมาธิ (จินตวดีนิยมทำสมาธิแบบลืมตา) มักจะเห็นสภาพสิ่งของข้างหน้ามีสภาพคล้าย ๆ ไม่คงทนถาวร ดูเหมือนภาพลวงตา หลายครั้งเวลาพอออกจากสมาธิ ต้องเดินไปแตะ ๆ จับ ๆเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองยังจับมันได้อยู่ แล้วสิ่งนี้มันก็ตอกย้ำเข้าไปอีก ว่าสิ่งของที่เราเห็นนั้น ล้วนแต่เคยเป็นจินตภาพมาก่อนทั้งนั้น ซึ่ง ณ ตอนนี้มันก็ยังเป็น เพียงแต่มันมีพลังความเข้มข้นมากกว่ากันเท่านั้น พอพูดถึงตอนนี้หลายท่านอาจยังอ่านไม่ถึง รอหนังสือวางเถอะค่ะ จินตวดีเชียร์ให้ซื้อยกชุด บอกคำเดียว "ชาตินี้ก่อนตายไม่เสียดายที่ได้อ่าน" จบท้ายด้วยความฝันเมื่อคืน ได้ไปที่งานนิทรรศการแห่งหนึ่ง จินตวดีเลือกเข้าห้อง "กาลเวลาไม่มี" เจอสิ่งประดิษฐ์มากมาย มีชิ้นหนึ่งน่าสนใจ เป็นเครื่องพิสูจน์กาลเวลา มีลูกตุ้มนาฬิกาที่ฝาผนัง บนพื้นข้างใต้เป็นวงกลมแบ่งครึ่ง ตัวเราเข้าไปยืนในวงกลมนั้น ขาแต่ละข้างอยู่ในแต่ละครึ่งนั้น สักพักภาพเปลี่ยนไป ครึ่งข้างซ้ายภาพปรากฏคมชัด ครึ่งข้างขวา ภาพสิ่งของบิดเบือนไปมากเหมือนไม่มีจริง ในฝันเข้าใจมันอย่างดี
    ช่วงนี้คุณนักเขียนหายไปไหนนะ จินตวดีคิดถึง ว่าแล้วคืนนี้เราไปเยี่ยมคุณนักเขียนในฝันดีกว่า ฮ่า ๆๆๆ
     
  2. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอต้อนรับคุณ aonlin เข้าสู่ห้องวิทย์ค่ะ..:cool:

    คุณ Veggie เหงาเหรอ.. ก็จะไม่ให้พวกเราเหงาได้งัยน่ะก็หัวหน้าห้องตอนนี้กำลังเกเรน่ะ.. ม่ายยอมส่งการบ้านซักที.. คุณครูก็เลยม่ายเฉลยการบ้านให้พวกเราฟังน่ะจิ..

    หัวหน้าขา, พี่เอขา ส่งการบ้านได้แล้วค๊า.. เดี๋ยวคุณครูงอนพวกเราน๊า..อิอิ +++ (one-eye) (one-eye) (one-eye)
     
  3. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ฟังเพลงน้องนกแล้ว เสียงน่ารักมากค่ะ น่ารักเหมือนเจ้าของเสียง แต่สิ่งหนึ่งที่น้องนกขาดคือ พลังเสียง เสียงที่น้องนกร้องมันออกจากแค่คอ ไม่ได้มาจากปอด ดังนั้นจึงขาดพลังไป น้องนกควรจะออกกำลังกาย วิ่ง หรือว่ายน้ำ เพื่อทำให้ปอดแข็งแรง เสียงจะได้มีพลัง อีกอย่าง หุ่นก็จะดีด้วยจ้ะ

    พูดถึงการแข่งขันร้องเพลง จินตวดีได้ดู Jordin spark who was the American Idol year 2007 (season 6) เพลง This is my now ที่ร้องฟังแล้ว ขนลุกมากโดยเฉพาะตอน เสียงสูง (เพื่อนข้าง ๆ บอกตอนหอน) ทำให้คิดถึงการใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อกับการร้องเพลง เพราะ Jordin ร้องได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวเองในขณะนั้นจริง ๆ

    ป.ล. น้องขจรวรรณจ๋า การบ้านอะรายง่ะ พี่จินต์ยังไม่รู้เลย(one-eye)(one-eye)
     
  4. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    หลังจากที่องคุลีมาลวิ่งตามเพื่อฆ่าพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่อาจวิ่งทัน...
    องคุลีมาล : ทำไมท่านถึงยังไม่หยุด
    พระพุทธเจ้า : ข้าหยุดแล้วเจ้าต่างหากที่ยังไม่หยุด
    สิ่งนั้นไม่ใช่หยุดทำชั่วแต่เป็น...หยุดเวลา!!
    เพราะเมื่อเราหยุดเวลาเราจะข้ามเครื่องพรางทางโลกเพื่อมองเห็นอดีตปัจจุบัน อนาคตทั้งปวง
    หลังจากที่ผมอ่านหนังสือไอสไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ ในหน้านึงประกอบกับนึกคำสอนในหนังสือของอาจารย์โนวา อนาลัยออกแล้วนำมาประกอบกัน ผมก็เข้าใจออกมาได้อย่างนี้ ซึ่งนั่นน่าจะหมายความว่าที่พระพุทธเจ้าให้องคุลีมาลหยุดน่ะไม่ใช่ให้หยุดทำชั่วอย่างที่ผมคิดมาตลอด แต่หยุดเวลาเพื่อมองอดีตปัจจุบัน อนาคตอย่างนั้นน่ะสิครับ น่าจะใช่นะ
     
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ประกาศผลสอบของตนเองค่ะ


    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สั่นกระดิ่ง ประกาศผลสอบของตนเองค่ะ(rose)
    [​IMG]

    ประมวลผลพัฒนาการสมองซึกขวา
    (พัฒนาการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายใน)

    ให้ทุกท่านที่ร่วมวาดภาพ นำภาพทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกสุด มา post เรียงตามลำดับ แล้วตอบคำถามต่อไปนี้

    1. รู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพแรกสุดกับภาพสุดท้ายที่คุณวาด

    2. ในขณะที่วาดภาพแรกสุด มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอย่างไร และ
    ในขณะที่วาดภาพสุดท้าย มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอย่างไร

    4. คุณมองเห็นพัฒนาการบางอย่างในตนเองหรือไม่ อย่างไร และพัฒนาการเหล่านั้นคืออะไร (ให้อธิบายถึงพัฒนาการทางด้านอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เกิดขึ้นเมื่อคุณมองดูภาพต้นฉับบ แล้ววาดภาพเหมือน ให้พิจารณาว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเมื่อแรกเริ่ม กับ ณ วันนี้ หรือ เมื่อวาดภาพสุดท้าย เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น ทำให้เรามีมุมมอง หรือทัศนคติเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่วินิจฉัยคุณภาพของภาพวาด แต่วินิจฉัยคุณภาพของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง)

    5. คุณค้นพบคุณสมบัติอะไรในตนเองบ้างจากหลังจากได้ฝึกฝนวาดภาพ ซึ่งคุณไม่เคยพบมาก่อน

    6. คุณรู้สึกว่าตนเองได้รับพร หรือมีพรสวรรค์บ้างไหม เมื่อมองเห็นภาพวาดเหล่านี้

    7. คุณสามารถนำเอาอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คุณใช้ในการวาดภาพ ไปใช้เป็นอารมณ์ที่ตั้งอยู่ ณ ขณะจิตอื่นๆ เมื่อเผชิญกับประสบการณ์อื่นๆในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ? อย่างไร ?

    8. กระบวนการวาดภาพด้วยสมองซีกขวาให้อะไรใหม่กับคุณบ้าง ?

    9. การวาดภาพจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม หรือความสามารถที่คุณจะใช้ต่อไปหรือไม่? รู้สึกอย่างไรกับความสามารถนี้?
    <!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
    นักเขียน http://www.novaanalai.com/novaanalai/Index.html

    จากหน้า 191 ครายที่ยังม่ายส่งการบ้านพี่นักเขียน ส่งมาซะดี ๆ .. ฮี่ฮี่..(f)
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    อ๊ะๆๆ...คุณขจรวรรณยังจำได้อีกนะ :cool:
    การบ้านไม่ได้ส่งสักกะที ช่วงนี้กิจกรรมเยอะไปหน่อยครับ
    นี่ก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว..สงสัยจะหมดสิทธิ์สอบแน่เลย
    พี่นักเขียนจะเปิดให้สอบซ่อมป่าวไม่รู้ อิอิ
     
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    พี่จินต์ไม่ได้บอกว่าที่ฝันว่าเข้าไปในงานนิทรรศการน่ะ ตอนเดินเข้าในห้องการเวลาไม่มี เห็นสิ่งประดิษฐ์มากมาย ในฝันตอนนั้นคิดตามไปด้วยว่า "สงสัยเป็นของไอน์สไตน์แหง ๆ "

    อีกนิด ขอขอบคุณตัวโต ๆ สำหรับความใจดี และเอื้อเฟื้อหนังสือของคุณขจรวรรณ (เล่มประวัตศาสตร์จิตวิญญาณ และ อมตะจิตวิญญาณทั้ง 2 เล่ม)และความช่วยเหลือด้านการประสานงานของคุณมี้ด ที่ทำให้จินตวดีได้อ่านหนังสือครบตามที่ตั้งใจไว้ (อ่านเสร็จ แต่ยังเรียนไม่เสร็จ แต่หวังไว้ให้ประสบความสำเร็จเข้าใจความหมายของจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้ง ) คงต้องรอให้หนังสือวางตลาดก่อน จึงจะซื้อคืนให้ได้ เพราะสภาพหลังจากจินตวดีอ่านแล้ว คิดว่าเจ้าของคงไม่อยากได้คืนเท่าไร ฮ่ะ ๆๆๆ เพราะต่างจากตอนได้รับมาก
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ฝันแบบมืออาชีพเลยนะครับคุณเอ..
    เรื่องวงกลมอีกแล้ว..คงมีความหมายที่ลึกล้ำไม่เบาอีกล่ะครับ
    นึกไปถึงวงกลมหนึ่ง..ที่เราเหยียบยืนอยู่ระหว่างมิติทั้งสอง
    มิติแห่งเวลา+นอกเหนือกาลเวลา
    มิติทางกายภาพ + มิติแห่งจิตวิญญาณ
    คิดได้หลายแง่มุม..แต่คนที่ฝันยังไงน่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นๆล่ะครับ
    ที่ถอดรหัสทายไปด้วยนี่ ก็เพราะสนุกไปกับคุณเอครับ อิอิ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2008
  9. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608
    อบอุ่นจังค่ะ ^^
     
  10. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ขอบคุณที่ไปฟังค่ะพี่จินต์ อิอิ ตอนนี้พยายามฝึกร้องให้เสียงมันออกมาจากข้างในเยอะ ๆ หน่อย ปกติชอบร้องออกมาแค่คอ ร้องแบบเปล่งเสียงเท่านั้นอย่างที่พี่จินต์บอกค่ะ เรื่องออกกำลังกายจะพยายาม เฮ้อ ขี้เกียจทุกทีสิน่า ถนัดออกกำลังกินอย่างเดียวนี่สิ
    หายไปนานเลย คิดถึงพี่จินต์นะเนี่ย (f)
     
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ภาพวาดของคุณ Year of the Cat สวยงามและมีชีวิตชีวาดีค่ะ:cool:

    พี่นักเขียนไม่เก่งเรื่องการใช้สีหรอกค่ะ และคุ้นเคยกับการวาดภาพเหมือนด้วย graphite หรือ กาแฟ ซึ่งเป็นสีเดียวมาตลอด เพิ่งจะหัดใช้สีโดยวาดด้วยสี prisma เป็นครั้งแรกเมื่อ Art Show ครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี้เองค่ะ เพราะมีความคิดว่าการใช้สีน่าจะทำให้การสร้างสรรค์เป็นไปได้อย่างอิสระมากขึ้น

    บางครั้งได้ยินผู้เข้าชม comment ว่าการวาดภาพด้วย graphite และกาแฟของพี่นักเขียน วาดยากกว่าการใช้สีหลายๆสี เพราะทั้งหมดจะดูมีความลึกได้อยู่ที่การใช้น้ำหนักเพียงอย่างเดียว เพราะไม่มีเรื่องสีเข้ามาช่วย

    พี่นักเขียนเข้าใจว่าเป็นคำชมที่เอาใจช่วยพี่นักเขียนมากกว่า เพราะเมื่อมาใช้สี prisma พบว่าสีไม่ได้ช่วยเรื่องน้ำหนักหรือความลึกของภาพเท่าไรเลย ไม่ว่าเราจะใช้สีใด เราก็ต้องใช้น้ำหนักของสีนั้นๆแตกต่างกันไปอีก เช่น ไล่ตั้งแต่ฟ้าอ่อนไปถึงฟ้าแก่ แม้จะเป็น Hue หรือสีฟ้าเดียวกันแท้ๆ แต่ก็ต้องระบายหนักเบาไม่เท่ากัน ณ พื้นที่ต่างๆเพื่อให้เกิดแสงเงา

    สรุปได้ว่า การวาดภาพด้วยดินสอ graphite และ กาแฟ ซึ่งเป็นภาพสีเดียว ทำให้เราเข้าใจเรื่องน้ำหนักของแสงและเงาได้ดี เป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เราสามารถใช้น้ำหนักของสีได้ดี

    ใครที่มองเห็นภาพวาดขาวดำของตนเองยังดูแบนๆอยู่ ให้ใช้ดินสอเบอร์ 4B และ 6B แต่งเติมแสงเงาให้เข้มอีกนิดค่ะ จะทำให้มิติของภาพชัดเจนขึ้น การสังเกตแสงและเงาต้องใช้สติสัมปชัญญะที่คมชัดยิ่งขึ้นไปกว่าการสังเกตรูปทรงของเส้นสายในภาพ แม้แต่พื้นที่ๆดูเสมือนว่าเรียบและเป็นสีเดียวหรือน้ำหนักเดียวสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแก้ม หากสังเกตและใช้การจดจ่ออย่างคมชัดสักครู่ เราจะพบว่า มีน้ำหนักที่แตกต่างกันจนดูเสมือนรูปทรงหลายๆรูปต่อกันบนผิวแก้มที่เรียบสนิทนั้น น้ำหนักเหล่านั้นแสดงถึงโครงสร้างของใบหน้าที่มีลักษณะจำเพาะเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละคน เช่น รอยบุ๋ม ลักษณ์ย้ิม ส่วนโค้ง ส่วนเว้า ความกลมกลืนของผิวหนัง เป็นต้น

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การเขียน การยืน เดิน นั่ง นอน และการทำกิจกรรม หน้าที่การงานทุกชนิด หากเรานำเอาภาวะจิตของการจดจ่ออย่างคมชัด เช่นเดียวกับที่เราใช้ในการวาดภาพเหมือนมาใช้ทุกอิริยาบท เราจะพบว่า เราสามารถเข้าถึงความเป็นจริงบางอย่างที่เราไม่เคยเข้าถึงมาก่อนในหน้าที่การงานหรือกิจกรรมนั้นๆ สิ่งที่เคยเป็นเสมือนของยาก น่าเบื่อหน่ายหรือ ไม่มีสาระน่าสนใจ จะกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ยาก น่าสนใจ มีสิ่งใหม่ๆให้เราค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดขึ้น จะช่วยทำให้เราค้นพบสิ่งที่มักจะเล็ดรอดการสังเกตของเราไปโดยปริยายเสมอๆ

    แม้พี่นักเขียนจะเรียกการวาดภาพว่า เป็นการฝึกสมาธินอกเบาะวิธีหนึ่ง แต่เราทุกคนก็สามารถใช้กิจกรรมทุกชนิดในชีวิตประจำวันเป็นวิธีการฝึกสมาธินอกเบาะได้เสมอ แม้แต่การล้างจาน ดังเช่นที่คุณ zip เคยถ่ายทอดจากคำสอนของท่าน Thich Nhat Hanh ให้พวกรา

    น้องนกของพวกเราก็สามารถใช้การร้องเพลงเป็นการฝึกสมาธิได้เช่นกันค่ะ หากเราทำกิจกรรมใดๆ ด้วยการจดจ่ออย่างคมชัดเสมอๆ เราจะพบว่า นอกจากเราจะพัฒนาทักษะให้ทำสิ่งนั้นๆได้ดีขึ้นอย่างผิดตาเช่นเดียวกับภาพวาดเหล่านี้แล้ว เรายังจะพบอีกด้วยว่า เวลาที่หายไปกับกิจกรรมนั้น เป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์อย่างยิ่งอีกด้วย ความสุขใจที่เกิดขึ้นนั้นแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากการวาดภาพหรือการทำกิจกรรมที่เราชอบ หากแต่เป็นผลลัพธ์ที่ได้เกิดจากการตั้งจิตไว้ในภาวะที่จดจ่อเป็นสมาธิ เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ทำ หรือมีสติสัมปชัญญะที่คมชัด(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2008
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยเป็นใจ มีพายุหิมะบ้าง พายุฝนบ้าง สลับกัน
    พี่นักเขียน log-in web พลังจิตไม่ได้ติดต่อกันหลายวันเลยค่ะ แต่บางวันพอ log-in ได้ก็ post ไม่ได้ upload file อื่นๆไม่ได้เลยค่ะ ใครทราบบ้างไหมเอ่ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ server ?
    [​IMG]
     
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ฉันได้กล่าวถึงละครของชาติภพใน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2008
  14. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ประสาทสัมผัสที่หก

    ประสาทสัมผัสที่หก คือ ความสามารถในการรับรู้ตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ

    ประสาทสัมผัสที่หก คือ การรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

    จิต หมายถึง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    วิญญาณ หมายถึง ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ

    จิตวิญญาณหมายถึง ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่รับและถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัด


    ตามคำจำกัดความทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่า เราทุกคนล้วนมีประสาทสัมผัสที่หกเสมอเหมืิอนกันทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ไม่เสมอเหมือนกัน หรือปัจจัยที่ทำให้เราแตกต่างกันนั้นคือ สติสัมปชัญญะอันคมชัด

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ประสาทสัมผัสที่หกของเราทำงานตลอดวันเวลา เรารู้เห็นและถ่ายทอดข้อมูลความรู้หลากมิติอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้เห็นไม่ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เราไม่จำเป็นต้องฝึกฝนที่จะทำให้ประสาทสัมผัสที่หกทำงาน หรือเรียนรู้ที่จะใช้ประสาทสัมผัสที่หก เพราะมันทำงานอย่างเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ แต่เรารู้ไม่ทัน เห็นไม่ทัน ว่าเรารู้อะไร เห็นอะไร เมื่อใด เราไม่รู้ว่าเราใช้ประสาทสัมผัสที่หกเมื่อไร อย่างไร เพราะเราขาดสติสัมปชัญญะอันคมชัด

    แต่สติสัมปชัญญะอันคมชัดเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ทุกคน เราสามารถอาศัยกิจกรรมต่างๆที่เราทำในชีวิตประจำวัน เป็นวิธีการฝึกสมาธิ หรือฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัดได้เสมอ ด้วยการจดจ่อจนเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่เราทำ เช่น การวาดภาพ ร้องเพลง การเขียน การยืน เดิน นั่ง นอน หรือ กายหายใจ ฯลฯ

    การจดจ่อ การฝึกสมาธิ หรือ สติสัมปชัญญะอันคมชัดไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเห็นผลทันตา หรือรู้ถึงพัฒนาการนั้นๆได้อย่างฉับพลัน ผลที่เราได้รับจากการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอวันละ 10-30 นาทีเปรียบเสมือนการสะสมน้ำวันละหยด สองหยด ลงในถัง วันใดวันหนึ่งเมื่อน้ำนั้นเต็มจนล้นถัง เราจะรู้สึกได้ถึงปริมาณ ปริมาตร หรือความพร้อมที่จะนำน้ำนั้นไปใช้อย่างได้ผล หรือได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

    เราสามารถนำน้ำถังนั้นไปรดต้นไม้ให้งอกงามได้หนึ่งต้น หรือหลายต้น ภาวะที่ทำให้เราตระหนักว่าเรามีสติสัมปชัญญะคมชัดและใช้ประโยชน์ได้ มักเกิดขึ้นเมื่อเราเข้าสู่ยามคับขัน สติสัมปชัญญะที่ได้รับการฝึกฝนแล้วจะเอื้ออำนวยให้เรามีความพร้อมอย่างเป็นอัตโนมัติ เหมือนการมีน้ำเต็มถังพร้อมให้ใช้งานได้เมื่อต้องการ

    สติสัมปชัญญะอันคมชัดทำให้เรารู้เห็นการทำงานด้วยประสาทสัมผัสที่หก ได้ในทิศทางเดียวกันคือ รู้เห็นได้เมื่อมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างฉับพลัน อย่างเป็นอัตโนมัติ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเผชิญกับความคับขันที่เป็นภัยพิบัติหรือเรื่องร้ายแรง แต่หมายถึงการเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่มีเวลาวิตกวิจารณ์ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นเรื่องจิบจ้อยเพียงใดก็ตาม เช่น แว้บรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นนอกเหนือการรู้เห็นของประสาทสัมผัสทั้งห้า เป็นต้น

    การแว้บรู้เหล่านี้ เป็นการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งเราทั้งหลายรู้เห็นเสมอๆ ต่างกันตรงที่ว่าบางคนแว้บรู้แล้ว เชื่อและศรัทธาในความสามารถของจิตวิญญาณของตนเองว่า เรารู้เห็นจริง เรามักจะมีความจดจ่อที่จะพิสูจน์ความเป็นจริง เมื่อพิสูจน์ได้ เราก็เกิดความมั่นใจ และทำได้อีกจนชำนาญ เป็นการลับสติสัมปชัญญะให้คมชัดยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้รู้เห็นใช้ประสาทสัมผัสที่หกได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก หรือสะสมหยดน้ำต่อไปอีกเพราะรู้ว่าจะทำให้มีใช้ได้อย่างดี

    ส่วนผู้ที่ไม่ศรัทธา ไม่รับเอา ไม่จดจำ ไม่เชื่อถือในตนเอง มักจะคิดว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น และไม่มีความคิดที่จะพิสูจน์ความเป็นจริงใดๆเกี่ยวกับการแว้บรู้เหล่านั้น เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ ก็ยิ่งไม่เชื่อ ยิ่งไม่ศรัทธา ทำให้ไม่สามารถรู้เห็นการใช้ประสาทสัมผัสที่หกได้เลย พลอยทำให้ล้มเลิกการฝึกสมาธิ เลิกสะสมหยดน้ำ เพราะคิดว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อเมื่อเข้ายามคับขัน ก็ปราศจากน้ำหนึ่งถังที่อาจใช้ประโยชน์ได้แม้กระทั่งดับไฟ-ดับโทสะ รดต้นไม้ให้งอกงาม-ชะโลมความคิดให้งอกงามสร้างสรรค์ เกิดปัญญา

    พี่นักเขียนเริ่มต้นด้วยการจดจำภาพ เสียง หรือการแว้บรู้ที่ผุดขึ้นมา ทั้งยามตื่น-ยามหลับ-ยามฝัน เพื่อที่จะนำไปพิสูจน์ความเป็นจริงเสมอๆ เพราะการพิสูจน์ความเป็นจริงเท่านั้น ที่จะทำให้เราเกิดความมั่นใจและศรัทธาได้อย่างหมดใจ พี่นักเขียนขอยกตัวอย่างประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังนะคะ

    ก่อนนอนคืนหนึ่งนั่งสมาธิตามปกติ แล้วแว้บรู้เห็น หรือรู้สึกถึงการเจ็บหน้าอกด้านซ้าย เห็นภาพสายยางห้อยออกมาจากทรวงอกด้านซ้าย พิจารณาดูแล้วตระหนักว่า อาการทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง และตระหนักว่าจำเป็นต้องนำสายยางนั้นออกทั้งหมด มิฉะนั้นจะเกิดอาการอักเสบจนลุกลาม พอถอนออกจากสมาธิ พี่นักเขียนก็จดจำภาพและข้อมูลทั้งหมดไว้ โดยมีความเชื่อว่า สักวันหนึ่งจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับใครบางคนที่สัมพันธ์กับภาพและข้อมูลที่ปรากฏในสมาธิ และหน้าที่ของพี่นักเขียนคือ แนะนำหรือสนับสนุนให้เขาเอาสายยางนั้นออก แล้วสุขภาพของเขาก็จะกลับดีดังเดิม

    เช้าวันรุ่งขึ้น พี่นักเขียนได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่า 2 ปี เขาโทรมาเยี่ยมและบ่นให้ฟังว่า ได้เคยผ่าตัดหลายปีมาแล้ว และเกิดมีอาการเจ็บหน้าอกด้านที่เคยได้รับการผ่าตัด และรู้สึกถึงแรงดลใจบางอย่างว่าจำเป็นต้องโทรมาปรึกษาพี่นักเขียน

    พี่นักเขียนเห็นภาพจากสมาธิแว้บขึ้นมา จึงขอแย่งเขาพูดก่อนเพื่อที่ว่า ข้อมูลจากเขาจะได้ไม่ทำให้ความจำของพี่นักเขียนบิดเบือนไป พี่นักเขียนอธิบายถีึงอาการเจ็บ ตำแหน่งที่เจ็บ และอธิบายถึง สายยางที่แว้บปรากฎในจินตภาพ ก็ปรากฏว่าตรงกับอาการของเขาและความเป็นจริงที่ว่า แพทย์ได้ทิ้งสายยางไว้ภายในทรวงอกจริงๆ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา ซึ่งในขณะนั้นจบขั้นตอนแล้ว แต่แพทย์ไม่ได้แนะนำให้ผ่าตัดเอาสายยางนั้นออก และปล่อยไว้ภายในหลายปีมาแล้ว พี่นักเขียนจึงส่งสารให้เพื่อนทราบว่า เขาควรจะไปรับการผ่าตัดเอาสายยางนั้นออก ก่อนที่จะเกิดอาการอักเสบจนถึงขั้นอันตราย โดยอธิบายให้แพทย์เข้าใจถึงอาการเจ็บ และตำแหน่งที่เจ็บ ซึ่งเกิดจากสายยางนั้น

    เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พวกเราจำนวนไม่น้อยเผชิญในทิศทางหรือเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เรามักเผชิญกับความบังเอิญที่มีความหมาย แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสำคัญมันมากพอที่จะใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ควร ในสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เพื่อนผู้นี้ได้ใช้ประสาทสัมผัสที่หกของเขาไม่น้อยไปกว่าพี่นักเขียน เขาใช้ประสาทสัมผัสที่หก ส่งข้อมูลเกี่ยวกับภายในร่างกายของเขา ส่วนพี่นักเขียนก็ใช้ประสาทสัมผัสที่หกรับข้อมูลเกี่ยวกับภายในร่างกายของเขา เมื่อรับแล้วก็จดจำ และเตรียมข้อมูลไว้ส่งมอบให้เขาอีกทีหนึ่ง

    เราทั้งหลายล้วนเป็นจิตวิญญาณที่ประสานกันเป็นระบบเครือข่าย เรารู้เห็นเพื่อรับและให้การช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอ บ่อยครั้งเรามักตีความหมายประสาทสัมผัสที่หกว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษ เฉพาะบุคคล เหนือมนุษย์ หรือเป็นความสามารถทางเดียว คือใครมี-ก็มี ใครไม่มี-ก็ไม่มี และหากใครมีก็ใช้ได้กับบุคคลอื่นๆ และหากใครไม่มีก็ใช้กับใครไม่ได้ ใครให้ได้ก็เป็นผู้ให้ถ่ายเดียว ไม่เคยต้องเป็นผู้รับ เป็นต้น

    เรามักจะไม่ค่อยคิดกันว่า ประสาทสัมผัสที่หกเป็นคุณสมบัติสองทาง สามทาง หรือหลากทิศทาง หากปราศจากผู้ส่ง ผู้รับย่อมรับไม่ได้ หากปราศจากผู้รับ ผู้ให้ก็ให้ไม่ได้ และในทางกลับกัน หากปราศจากผู้ให้ ผู้รับก็รับไม่ได้ แม้แต่หมอดูที่ดูเสมือนจะรู้เห็นเกี่ยวกับเรืิ่องส่วนตัวของเรา หลายคนก็ให้เครดิตแต่หมอดูว่า เขามีประสาทสัมผัสที่หกที่รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเราได้มากมายเหลือเชื่อ แต่เรากลับไม่ได้ให้เครดิตนเองเลยว่า เรามีประสาทสัมผัสที่หกที่ส่งเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองให้เขาได้มากมายเหลือเชิื่อ

    จากประสบการณ์ส่วนตัวที่พี่นักเขียนเล่าให้ฟัง เพื่อนผู้นี้มีความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสที่หกได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่น้อยไปกว่าพี่นักเขียน หากเขาไม่ส่งความรู้สึกนึกคิดมาดลใจให้พี่นักเขียนช่วยดูภายในให้เขา พี่นักเขียนก็จะรู้เห็นให้เขาไม่ได้

    ประสาทสัมผัสที่หกเป็นกลไกธรรมชาติที่เกิดจากความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวเสมอ กล่าวคือ ผู้รับจะรับไม่ได้ หากผู้ส่งไม่ส่งให้ จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังร่างหนึ่ง ไม่สามารถล่วงละเมิดจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนังในอีกร่างหนึ่งได้ การให้-การรับ การส่ง-การรับ ล้วนเป็นไปสองทาง สามทาง หรือหลายทางด้วยเป้าหมายแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเสมอ

    หากปราศจากความเข้าใจในธรรมชาติของประสาทสัมผัสภายใน อันเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ ซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยได้ถ่ายทอดให้เราทั้งหลาย บุคคลที่รู้เห็นหรือรับรู้ได้นอกเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้า มักเข้าใจว่าตนเองเหนือชั้น และรู้เห็นในสิ่งที่ผู้อื่นไม่รู้ ไม่ให้เครดิตผู้อื่นว่า เขาส่งสัญญาณมาให้ ตนจึงได้รับ มิฉะนั้นแล้วตนก็จะรู้เห็นไม่ได้

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ผู้ที่ขาดความเข้าใจในธรรมชาติความเป็นจริง แม้จะรู้เห็นได้มากมาย ในที่สุดจะขาดการติดต่อ ขาดการรู้เห็นเช่นเคยเมื่อเวลาล่วงเลยไป เพราะความเชื่อที่ว่าตนเองพิเศษ เหนือมนุษย์ หรือแตกต่างจากผู้อื่นย่อมทำให้เขา ตัดขาดหรือปิดกั้นตนเองจากระบบเครือข่ายโดยปริยาย ในทางตรงกันข้าม หากเราตระหนักได้ในความเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่รู้เห็น รับ-ส่ง ถ่ายทอด ด้วยประสาทสัมผัสที่หกตลอดวันเวลา ไม่ว่าเราจะหลับ ตื่น ฝัน จะอยู่แห่งหนใดในโลก เราก็ติดต่อสัมพันธ์ รับ-ส่ง ถ่ายทอดกับจิตวิญญาณอื่นๆเสมออย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งขีดจำกัดของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    พี่นักเขียนเห็นด้วยกับคุณน้องขจรวรรณที่ว่า เวลาของการฝึกสมาธิไม่ได้เป็นปัจจัยที่ระบุว่า บุคคลหนึ่งๆจะมีสติสัมปชัญญะคมชัด รู้เห็นการใช้งานประสาทสัมผัสที่หกได้เร็วหรือช้า มากหรือน้อย เพราะบางคนฝึกไม่นานก็ใช้การได้ บางคนฝึกตลอดชีวิตใช้การไม่ได้
    [​IMG]
    พี่นักเขียนเชื่อว่า ความรัก เป็นปัจจัยที่ทำให้จิตวิญญาณตระหนักในความเป็นหนึ่งเดียว และทำให้การรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสที่หกเป็นไปได้อย่างกว้างขวาง หากเราสามารถรักผู้อื่นได้อย่างปราศจากเงื่อนไขมากเท่าใด เราจะสามารถรู้เห็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณอันเป็นร่างกายเนื้อหนังอื่นๆได้มากเท่านั้น

    กลไกอันชาญฉลาดอย่างเป็นเลิศของจักรวาล เป็นไปเพื่อการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่างเป็นหนึ่งเดียว อย่างปราศจากพรหมแดน ไม่ได้เป็นไปเพื่อการล่วงละเมิด หรือการเหนือชั้นแปลกแยก แตกแยกจากกันและกัน(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2008
  15. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    (f) ขอต้อนรับคุณ aonlin สู่ห้องวิทย์ค่ะ(f)
    [​IMG]
    ระวังหัวหน้าห้องหน่อยนะคะ
    ดูเผินๆคล้ายพวกเรา
    [​IMG]
    แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวค่ะ(rose)
     
  16. จิตต์ปภัสสร

    จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +4,545
    อ๊ะๆๆ...คุณขจรวรรณยังจำได้อีกนะ :cool:
    การบ้านไม่ได้ส่งสักกะที ช่วงนี้กิจกรรมเยอะไปหน่อยครับ
    นี่ก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว..สงสัยจะหมดสิทธิ์สอบแน่เลย
    พี่นักเขียนจะเปิดให้สอบซ่อมป่าวไม่รู้ อิอิ[/quote]

    (f) เข้ามาห้องนี้ครั้งใดก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม แม้ว่านักเรียนจะหายไปบ้าง

    พี่นักเขียนขาอากาศเปลี่ยนแปลงทุกวัน อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


    :cool: หัวหน้าห้องไปปฏิบัติการภาคสนาม ทบทวนความฝันแล้วอย่าลืม

    จับลมด้วยนะคับ


    (sing) น้องนกถ้าร้องเพลงไป จับลมหายใจเข้า-ออกไปด้วย รับลอง

    ไพเราะสุด ๆ ถ้าไม่เข้าให้ถามหัวหน้าห้องนะจ๊ะ
     
  17. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอสนับสนุนคำกล่าวของพี่นักเขียนค่ะ(f)

    ขจรวรรณก็เคยมีประสบการณ์ที่ต้องแก้ปัญหาอย่างฉับพลันอยู่หลายครั้ง คือไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องเจอกับปัญหาแบบนี้ แต่จำเป็นจะต้องแก้ปัญหาแล้ว เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์ พอเรานิ่งลงแป๊บนึงก็มักจะคิดออกว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป และถ้าเราตัดสินใจดำเนินการไปตามนั้นก็จะรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นจะต้องถูกต้อง และก็เป็นไปอย่างที่เราคิดจริง ๆ ด้วยค่ะ.. :cool:
     
  18. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    น้องนกจ๋า พี่จินต์ชอบ เพลงใจเอย ของมาช่า ที่น้องนกร้องจัง วันหลังมากล่อมที่บ้านนะ ฟังแล้ว น้ำตาไหล กรี๊ส ส ...
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ลองฝึกหายใจแบบโยคีดูจิน้องนก คือหายใจยาว ๆ จนถึงท้องเลยแล้วก็หายใจออกช้า ๆ ยาว ๆ ถ้าฝึกแบบสติปัฏฐานสี่เค้าให้เอาจิตไปไว้ที่ท้อง เวลาหายใจเข้าท้องก็จะพองออก ถ้าหายใจออกท้องก็จะแฟบลงประมาณนี้แหละ ก็ลองเอามาประยุกต์เข้ากับการร้องเพลงดูนะจ๊ะ เวลาร้องเพลงก็ฝึกควบคุมเสียงและลมหายใจให้ถึงท้องเลย แฮ่.. แฮ่.. พี่ก็ร้องเพลงไม่ค่อยเป็นหรอกค่ะ ไม่ค่อยได้ฝึกแต่เวลาพูดให้เสียงดังพี่ก็ว่าดังอยู่นา.. อิอิ.. ลองดูจิ:cool:
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อคืน ได้รับคำสอนเกี่ยวกับ ตัวตนรวมที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจับสัญญลักาณ์ และช่วงเปลี่ยนได้ทีละนิดแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...