เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีต้อนรับทุก ๆ คนเข้าสู่ห้องวิทย์ฯ และขออนุญาตส่งการบ้านพี่นักเขียนก่อนเพื่อนนะคะ.. อิอิ..
    คำตอบก็คืออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่ลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของแต่ละบุคคลเป็นปัจจัยที่ทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตทุก ๆ คนค่ะ รู้สึกท่านอาจารย์อนาลัยจะกล่าวไว้ในหนังสือธรรมชาติของชาติภพ แต่พอดีขจรวรรณให้เพื่อนยืมไปอ่านอยู่เลยไม่ได้หามาให้อ่านน่ะค่ะ เพื่อเป็นการสนับสนุนคำตอบนี้จึงขออนุญาตนำเรื่องราวของ Prissila มา post ด้วยคร่าว ๆ นะคะ[Embarrass

    ...........................
    จุดเริ่มต้นในการค้นหาที่มาที่ไปของตนเองของ Prissila เกิดจากความไม่เข้าใจ เมื่อได้ไปฝึกสมาธิในแนวสติปัฏฐาน 4 ในภาวะที่จิตเกิดสมาธิก็รับรู้ว่า นอกเหนือจากร่างกายเนื้อหนังที่เรารู้เห็นหรือสัมผัสได้นั้นยังมีรูปกายทางด้านพลังงานซ่อนเร้นอยู่ภายใน รูปกายนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด สามารถคิดอะไรได้หลาย ๆ เรื่องในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้นก็สังเกตุได้ว่า เมื่อตัวตนภายในเกิดอารมณ์ความรู้สึกแล้ว ก็จะเกิดผลสะท้อนให้รูปกายทางกายภาพเกิดอาการตามนั้น เช่น เมื่อตัวตนภายในมีความสุข รูปกายภายนอกก็จะยิ้มหรือหัวเราะออกมา หรือภายในกำลังเศร้าเสียใจ ภายนอกก็จะน้ำตาไหลหรือร้องไห้ออกมา สภาวะอารมณ์ก็เปลี่ยนไปให้ได้สัมผัสรับรู้ไปเรื่อย ๆ เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธ โมโห น้อยอกน้อยใจ ฯลฯ

    บางครั้งขณะที่มีสติพร้อมในสมาธิก็พบว่าเธอมีอารมณ์ความรู้สึกอยากที่จะแสดงท่าทางคล้ายสัตว์หลายชนิด เช่น เป็นลิง เป็นสิงโต เป็นเสือ เป็นจรเข้ ฯลฯ บางทีก็อยากจะฟ้อนรำอย่างมีความสูขทั้ง ๆ ที่ในชาติภพปัจจุบันไม่ชอบฟ้อนรำเลย ก่อนที่จะออกจากสมาธิเวลาแผ่เมตตาออกมา เธอก็รู้สึกถึงกระแสพลังของความรักความเมตตาที่แผ่ออกไปเป็นวงกว้างอย่างไม่มีขีดจำกัด

    ก่อนนอนหลับบ่อยครั้งที่เธอรู้สึกกลัวและไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายของเธอถึงเบารับรู้ถึงความรู้สึกของรูปกายภายใน แต่พอเผลอนิดเดียวเค้าก็เหมือนถูกกระชากหรือเหวี่ยงไปกระแทกตามฝาผนัง, เพดานห้อง หรือบางทีก็ถูกเหวี่ยงไปชนกับประตูรั้วที่บ้านต่างจังหวัด และสงสัยว่าทำไมเธอถึงไปถึงที่นั่นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที และรู้สึกเจ็บตัวทุกครั้งที่ถูกกระแทกเสมอ

    และเมื่อเรียนพลังจักรวาลเธอก็ไม่เข้าใจอีกเช่นกันว่าทำไมมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเราจึงมีความสามารถทำอะไรได้มายมายมหาศาล เช่น สามารถรักษาโรคได้, สามารถผลักดันพายุหรือภัยพิบัติต่าง ๆ ออกไปนอกรัศมีที่เราอยู่อาศัยได้, สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เมื่อถึงคราวจำเป็น, สามารถเปลี่ยนน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดได้, สามารถสลายสารพิษหรือสารกัมมันตภาพรังสีได้ ฯลฯ มันเหมือนโปรแกรมสำเร็จรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของพลังความสามารถนั้นคืออะไร?

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็สนใจศึกษาข้อมูลความรู้ทางจิตวิญญาณจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะหนังสือ ซึ่งหนังสือที่เธอศึกษาก็ล้วนได้มาด้วยความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ และพบว่าหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยทั้ง 10 เล่มนี้สามารถไขข้อปัญหาที่เธอไม่เข้าใจได้ในทุกแง่ทุกมุมด้วยประโยค์สั้น ๆ แต่เข้าใจง่าย แต่ครอบคลุมด้วยเนื้อหาทั้งหมด
    ยังมีต่อ..
     
  2. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ในภาวะทางกายภาพ ( Prissila ต่อ )
    ทั้ง ๆ ที่หากเธออยู่ที่บ้านกับครอบครัวเธอก็สามารถที่จะอยู่ได้อย่างมีความสุข แต่เธอกลับเลือกที่จะแยกตัวออกมาเพื่อเผชิญกับชีวิตโดยลำพังเพียงผู้เดียว และมีโอกาสได้ไปสัมผัสหรือคลุกคลีอยู่กับวิถีชีวิตของผู้คนที่ดำเนินไปในลักษณะต่างขั้วกันแบบสุด ๆ เธอเคยแม้กระทั่งไปช่วยคุณแม่ของเพื่อนซึ่งต้องหาบขนมจีนขายอยู่แถว ๆ สนามหลวงหรือวัดโพธิ์ตั้งแต่เช้าจนมืด บางครั้งพวกเค้าต้องวิ่งหนีเพราะถูกเทศกิจวิ่งไล่จับ หลายชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินเรียนหนังสือด้วยความยากลำบาก ต้องทานอาหารแบบอดมื้อกินมื้อ เคยเจอครอบครัวใหญ่ที่มีคนนั่งล้อมวงเป็น 10 แต่มีกับข้าวให้ทานเพียงแค่ปลาทูตัวเล็ก ๆ กะน้ำพริกถ้วยเล็ก ๆ 1 ถ้วยเท่านั้น ในขณะที่อีกครอบครัวอาหารเต็มโต๊ะแต่ทานกันอย่างละนิดอย่างละหน่อย กินทิ้งกินขว้าง ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าอาหารสุนัขของพวกเค้ายังดีกว่าอาหารของบางครอบครัวซะอีก

    หลายชีวิตต้องแก่งแย่งกันขึ้นรถโดยสารเพราะหากไม่ได้ขึ้นในเที่ยวนี้ก็ต้องเสียเวลารอคันต่อไปอีกนานซึ่งอาจไม่ทันกาล แต่บางชีวิตขับรถคันหรูหรือมีคนขับรถให้และบอกว่าไม่เคยมีประสบการณ์ขึ้นรถโดยสารมาก่อนเลยในชีวิตเพราะครอบครัวไม่อนุญาติ บางครอบครัวอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตจนแทบจะหาสมาชิกในบ้านไม่เจอ แต่บางครอบครัวต้องอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังผุ ๆ ผู้มีสตังค์เยอะต้องคอยหลบหนีญาติพี่น้องที่มาขอยืมเงินเพราะให้ไปแล้วก็ไม่ยอมคืนหรือถ้าเจอแล้วไม่ให้ก็ถูกต่อว่าว่าไม่ช่วยเหลือ บางชีวิตง่อยเปลี้ยเสียขาไปไหนมาไหนก็ต้องอาศัยรถเข็นรึค่อย ๆ คลานไปหรือพยายามเรียนรู้ให้ชีวิตของตัวเองอยู่รอด ในขณะที่บางชีวิตเพียงแคขยับตัวนิดเดียวลูกน้องก็มาถึงแล้วอย่างรอดเร็วเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้ แต่ก็มีบางชีวิตที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุขทางกายแต่กลับรู้สึกว่าตัวเองปรารถนาที่จะมีอิสรภาพ และก็คุณพ่อบางคนที่ครอบครัวฐานะดีแต่ส่งลูกไปเรียนรู้ด้วยการไปเป็นเด็กวัด ฯลฯหลายต่อหลายชีวิตที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ Prissila เพื่อให้เธอได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตต่างขั้วทำให้เธอรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก

    งานในชีวิตประจำวันของเธอส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือต้องเผชิญกับผู้คนหลากหลายอารมณ์ หลากหลายประเภท และแต่ละชีวิตที่พบเจอก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิตต่างขั้วอยู่เช่นเดิม เธอไม่ปรารถนาที่จะทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว เพราะเคยทำงานเพื่อเงินแล้วชีวิตของเธอก็เหมือนไม่มีคุณค่า หลายต่อหลายครั้งที่เธอมีโอกาสมีชีวิตสุขสบายบนโดยไม่ต้องทำอะไร แต่ก็ไม่เลือกเส้นทางนั้น เพราะนึกไม่ออกว่าชีวิตของเธอที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นท้าทายอยู่เสมอจะมีชีวิตที่เหมือนตุ๊กตาไร้จิตวิญญาณไปได้อย่างไร? เธอไม่สามารถที่จะนั่งชี้นิ้วให้ใครต่อใครมาทำอะไรให้ตามที่เธอปรารถนาได้ เธอยินดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงแต่เต็มไปด้วยอิสระภาพ มีชีวิตอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบุคคลในระดับล่างมีความสุขและสบายใจกว่ากันเยอะเลยค๊า.. จบแล้ว.. อิอิ
    ;20;20;20
     
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    นี่เป็นความฝันที่พี่นักเขียนฝันให้ค่ะ..;aa34
    .........................................
    คุณน้องขจรวรรณที่รัก
    พี่นักเขียนได้ฝันให้แล้วตามคำขอและได้ความตามนี้ค่ะ

    คุณน้องขจรวรรณมีบุคลิกภาพที่พอใจในการใช้ความสามารถและความพยายามด้วยตนเองไม่ว่าตำแหน่งหน้าที่ของตนจะสามารถใช้หรืออาศัยผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ด้อยกว่าแบ่งเบาภาระหน้าที่ได้ก็ตามก็ไม่ปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น
    คุณน้องมีความรู้ความสามารถ มีพลังทุกด้านที่จะทำหน้าที่โค้ชได้เสมอ แต่เลือกที่จะลงสนามร่วมกับนักกีฬา ออกกำลังกับพวกเขาฝึกฝนกับพวกเขา เหงื่อท่วมไม่แพ้พวกเขาแทนที่จะยืนชี้นิ้วอยู่ข้างสนาม

    คุณน้องเลือกมาถือกำเนิดที่จะร่วมทุกข์-ร่วมสุขกับผู้ที่คุณน้องมีสัมพันธภาพด้วยเสมอไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม เป้าหมายของคุณน้องคือการใช้ความสามารถและพลังของตนเองเป็นผู้ร่วมทีมกับเขาไม่ว่าการร่วมทีมนั้นจะเป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่ก็ตามในระดับกายภาพแต่ในระดับจิตวิญญาณแล้วคุณน้องตระหนักว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตนเองบรรลุเป้าหมายหากเปรียบกับภาวะที่คุณน้องสามารถเป็นโค้ชได้แต่กลับเลือกลงสนามและเป็นส่วนหนึ่งของนักกีฬา ก็เพราะคุณน้องตระหนักได้ว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตนเองมีสุขภาพดีได้เช่นเดียวกับนักกีฬา

    ณ วันนี้ ไม่ว่าชีวิตของคุณน้องจะทุกข์ จะลำบากกายหรือใจเพียงใดมันก็ล้วนเป็นทางเลือกเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองโดยแท้เพราะคุณน้องไม่ได้เลือกทางสะดวก แต่พอใจที่จะออกแรงด้วยหยาดเหงื่อของตนเองและเชื่อว่าความทุกข์หรือความยากลำบากเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ตนเองบรรลุเป้าหมายได้ ไม่ว่าเป้าหมาย ณวันนี้จะเป็นความแกร่ง ทักษะ ความคล่องตัว หรือการเพิ่มเติมความสามารถใดๆก็ตามเป้าหมายรวมของคุณน้องคือการลงมือ ลงแรงด้วยตนเองเพื่อให้บรรลุผลนั้นๆด้วยตนเองอย่างดีที่สุดเสมอ

    หากชีวิตของคุณน้องกำลังเป็นไปด้วยความเหนื่อยยากคุณน้องควรจะตั้งคำถามตนเองว่า เราเลือกทางยาก ทางเหนื่อย ด้วยตนเองใช่หรือไม่หากคำตอบนั้นคือใช่ คุณน้องอาจจะพบว่าคุณน้องมีทางเลือกอีกมากมายและสามารถเลือกใหม่ได้เสมอแต่การเลือกทางง่่ายอาจไม่ได้ความปรารถนาที่แท้จริงของตนเองหากตระหนักได้ว่าความทุกข์หรือความยากคือสิ่งที่ตนเองเลือกและพอใจในความท้าทายเหล่านั้นคุณน้องก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์หรือเหนื่อยกับมันอีกต่อไปแต่ควรพลิกผันความทุกข์หรือความเหนื่อยเป็นพลังที่จะเอาชนะความท้าทายทั้งปวงเช่นเดียวกับโค้ชที่ตระหนักว่า การลงสนามและสละหยาดเหงื่อของเขาจะทำให้เขาแข็งแกร่งได้เสมอเหมือนกับนักกีฬาของเขา

    ด้วยความปรารถนาดี
    พี่นักเขียน
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]
    *****มาส่งการบ้านพี่นักเขียนฯครับ*****
    เมื่อคืนก็ฝันว่าคุณขจรวรรณมาตอบคำถามในกระทู้เป็นคนแรกด้วย :- (ผมมาต่อ..)

    1. เราแต่ละคนมีความเชื่อ ความเข้าใจ ความเห็น ข้อมูลความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตอย่างไรบ้าง ?
    -:::- เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และประสบการณ์ของละคนครับ ทุกๆคนต้องการค้นพบใฝ่หาความจริงในแง่มุมของจิตวิญญาณเพื่อได้รู้จักแก่นแท้ของความรู้ที่สามารถพัฒนาเติมเต็มต่อยอดสติปัญญาหรือเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด บนเส้นทางที่เราเลือกเดินในแต่ละภพชาติ
    สำหรับผมเป้าหมายที่ชัดที่สุดในการขยายทักษะและเรียนรู้ คงเป็นด้านออกแบบ-สร้างสรรค์งานที่เรารัก อย่างมีความสุขไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นสิ่งที่จรรโลงและตอบรับจิตใจผู้อื่นได้และเกิดประโยชน์กับผู้อื่นถือเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจครับ ..แต่อาจมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องทำให้ไม่ได้ดังที่คาดหมายไว้ หรือว่าอาจต้องใช้เวลาและความทุ่มเทสูงขึ้นกว่าเดิม..บางทีก็รู้สึกว่ายังไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่มีสิ่งอื่นทดแทนจากจิตวิญญาณต่างร่าง-ร่วมวัตถุประสงค์รอบตัว ทำให้รู้สึกว่าเราก็ก็ได้ชื่นชมยินดีจิตใจเบิกบาน-จิตวิญญาณเป็นสุขไปด้วยครับ

    2. อะไรคืิอปัจจัยที่จะทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ?
    -:::- คิดว่าเป็นแรงพลักดันจากภายในตัวเราเองส่วนนึง..(เป็นโลกส่วนตัว) ที่ชอบประดิษฐ์ทำของเล่นเล็กๆน้อยๆด้วยตัวเองอย่างไม่รู้จักเบื่อ สนุกกับสิ่งที่ทำทุกชิ้น รวมทั้งแรงบันดาลใจจากเพื่อนๆและหนังสือบางเล่มในวัยเด็กที่จุดประกายความคิด ให้เราค้นหาความลับ ความจริง และโลกของจินตนาการครับ

    3. ท่านอาจารย์อนาลัยให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ไว้หรือไม่ และ อยู่ในหนังสือเล่มใด?
    -:::- อันนี้จะบอกไว้ในหนังสือแทบทุกเล่มครับ โดยเฉพาะเนื้อหาในเล่มแรก ธรรมชาติของชาติภพ เป็นเล่มที่จุดประกายความคิดและจินตนาการออกไปกว้างไกลทะลุมิติจริงๆครับ เป็นเล่มที่ชื่นชอบมาก อ่านแล้วเข้าใจบางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ครับ เพื่อนๆลองมาตอบกันนะครับ จะสั้นจะยาวแล้วแต่ครับ
    รายต่อไปคุณ Dred แน่เลย..^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ขอต้อนรับ คุณazalia<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1348726", true); </SCRIPT> สู่ห้องวิทย์คร๊าบบบ:z4

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 813330y2hzfhypnn.gif
      813330y2hzfhypnn.gif
      ขนาดไฟล์:
      98.3 KB
      เปิดดู:
      38
    • kapook_42476.gif
      kapook_42476.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.6 KB
      เปิดดู:
      174
    • ShowLetter-vi.gif
      ShowLetter-vi.gif
      ขนาดไฟล์:
      100.9 KB
      เปิดดู:
      180
    • gmusi09.gif
      gmusi09.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.4 KB
      เปิดดู:
      181
    • mix_162.gif
      mix_162.gif
      ขนาดไฟล์:
      12.6 KB
      เปิดดู:
      173
    • promi00004.gif
      promi00004.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.3 KB
      เปิดดู:
      178
    • sourire2.gif
      sourire2.gif
      ขนาดไฟล์:
      5.2 KB
      เปิดดู:
      196
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ส่งการบ้านค่ะ
    1. เราแต่ละคนมีความเชื่อ ความเข้าใจ ความเห็น ข้อมูลความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตอย่างไรบ้าง ?
    คำตอบ...ความเชื่อ ความเข้าใจ ของเดรดคือ ข้อมูลความรู้ต่างที่เราได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ต้องแปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็นรูปธรรม ทดลองให้เกิดผลกับตนเอง เพราะถึงแม้รับข้อมูลมาแล้ว เราไม่สามารถเชื่อข้อมูลนั้นเต็ม 100 ถ้ามันไม่ให้ผลกับตัวเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลที่ ตรงข้ามกับความเชื่อเดิมๆ ซึ่งฝังลึกมานานมากๆ

    ฉะนั้น เดรดคิดว่าเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตเดรดคือ การพิสูจน์ ความเชื่อเหล่านี้ด้วยการทดลองทำ จากประสบการณ์ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...และแปลงความเชื่อของเรา ให้กลายเป็นความรู้ ที่ใช้ได้จริง

    2. อะไรคืิอปัจจัยที่จะทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ?
    คำตอบ...ข้อนี้ขอตอบว่า ประสบการณ์ อย่างเดียวเลยคะ สำหรับเดรดเอง เพราะไม่ว่าใครจะบอก จะสอนอย่างไร เราได้แค่ทฤษฏี แม้จะมีผู้ทำอะไรได้จริง แต่ถ้าไม่เกิดกับตัวเอง คงเปลี่ยนความเชื่อยาก

    3. ท่านอาจารย์อนาลัยให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ไว้หรือไม่ และ อยู่ในหนังสือเล่มใด?
    คำตอบ...ขอลอกข้อสอบเพื่อนๆ มีทุกเล่มค่ะ เดรดคิดว่า โดยเฉพาะ เล่ม 1 ขยายความธรรมชาติของชาติภพ เล่มนี้เป็นบทนำของหนังสือชุด ของอ.อนาลัย และแตกย่อย ไปอีก9เล่ม เพื่ออธิบาย จุดใหญ่ใจความของเรื่องราว ที่ปรากฎใน หนังสือเล่มที่1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จบได้งาย ยังไม่ได้ตอบคำถามคุณนักเขียนเลย อยู่ในเล่มไหน อะไรคือเป้าหมาย ตอบมาเลย อิ อิ
     
  8. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    นั่นซิครับ คุณ kajornwan จบแบบติดเบรคดังเอี๊ยดเลย
    รีบมาต่อด้วยนะครับ ผู้อ่านทั้งหลาย รวมทั้งผมด้วย กำลังรอด้วยความกระวนกระวาย อิอิ ;aa34

    ส่งการบ้านครับ

    1. เราแต่ละคนมีความเชื่อ ความเข้าใจ ความเห็น ข้อมูลความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตอย่างไรบ้าง ?

    สำหรับผม การที่จะค้นให้พบเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิต คือ ปฎิเสธสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของผม

    เป้าหมายในชีวิตของผม มีคำตอบเดียว คือ ใช้ชีวิตให้มีความสุข สนุกกับการค้นหา คำตอบนี้ผมก็เพิ่งจะได้รับเมื่อมาคิดคำตอบที่จะตอบโจทย์ของพี่นักเขียนครับ

    เมื่อมองย้อนกลับไปในทุกช่วงวัย ตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่ผมจะตอบกับตนเอง และผู้อื่นอยู่เสมอ ก็คือ วัตถุสิ่งของ เงินทองเป็นของนอกกาย การใช้ชีวิตให้มีความสุข เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นคำตอบทั้งหมด

    เมื่อโตขึ้นมาผมได้สั่งสมความเชื่อจากครอบครัว จากสังคมรอบตัว จนกลายมาเป็นตัวผลักดันพฤติกรรมของผมให้โลดแล่นไปตามกระแสสังคม

    เรียนรู้ที่จะตอบสิ่งที่มีเหตุมีผลที่สังคมยอมรับ โดยการยกเอาคำพูด ข้อความ การใช้ชีวิตของบุคคลอื่นมาเป็นแบบอย่าง

    เรียนรู้ที่จะเชื่อในสิ่งที่สังคมบอกว่าดี และเป็นเหตุเป็นผล

    เรียนรู้ที่จะไม่เชื่อ ไม่ประพฤติปฎิบัติในสิ่งที่ไม่ดี ที่สังคมไม่ยอมรับ

    จนวันนึง ก็เต็มไปด้วยความเชื่อ และไม่เชื่อ ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิต
    ความรู้สึกส่วนลึก ที่ตอบตนเองได้ในวัยเด็ก ก็ได้หายไปตามกระแสสังคม ถ้ามีใครถามว่าเป้าหมายของชีวิตต้องการอะไร ก็จะเลี่ยงตอบไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้เหมือนกัน

    เมื่อชีวิตถึงทางตัน คือ ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตต้องการอะไร

    ก็เริ่มค้นหาโดยการแบกทุนเดิม คือ ความเชื่อ ไม่เชื่อ ที่ฝังอยู่เป็นกระบุง และไปศึกษาทุกที่ตามทุนเดิมจะพัดพาไป เมื่อไปศึกษาแล้วแต่ยังแบกทุนเดิมไปอีก ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความเชื่อ ไม่เชื่อให้หนาแน่นขึ้น สุดท้ายก็ยังไม่พบอยู่ดี จนวันนึงผมก็ทิ้งสิ่งที่เคยรู้ เคยสัมผัส เคยเชี่ยวชาญทั้งหมด ไม่รับรู้ ไม่สนใจ

    และแล้วผมก็ได้ค้นพบคุณค่าของคำว่า สติ+ปัญญา

    เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของคำนี้ สิ่งที่ฝังรากลึกก็ได้เปลี่ยนไป ไม่ว่าเราจะศึกษาจิตตนเอง เพิกถอนความเชื่อ ไม่เชื่อ ที่ฝังรากลึกในจิตตนเอง ก็ไม่มีคำว่าหลงทาง หากเราพกคำว่า สติ และปัญญาไปด้วยเสมอ

    เมื่อมีสองคำนี้ ไม่ว่าจะศึกษาเรื่องอะไร ก็เป็นเรื่องไม่ยาก มุมมองในชีวิตก็เปลี่ยนไป การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป และสัมผัสกับความสุขได้เสมอในชีวิตประจำวัน

    ทำให้ตัวตนในวัยเด็กที่ตอบคำถามสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย กับตัวตนในปัจจุบันได้พบเจอกันอีกครั้ง

    ขอบคุณคำถามที่พี่นักเขียนตั้งมานะครับ ที่ตอบช้า เพราะยังไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน


    2. อะไรคืิอปัจจัยที่จะทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ?

    สติ และปัญญา

    3. ท่านอาจารย์อนาลัยให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ไว้หรือไม่ และ อยู่ในหนังสือเล่มใด?

    อยู่ในหนังสือ เรื่อง ขยายความธรรมชาติของชาติภพ
    และ อิสระจากความปราถนา ส่วนเล่มอื่นๆยังอ่านไม่จบครับ เลยตอบไม่ได้ แต่คิดว่า น่าจะมีอยู่ในทุกเล่มครับ<!-- / message --><!-- edit note -->
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จริงๆนะ บางที่เราไปรับเอาความเชื่อทางสังคมมาโดยปริยาย
    จนทำให้เราติดกับความคิดมุมมองที่คับแคบลงไปมาก
    แต่พอเรามาคิดหรือมองแบบไร้กรอบ วางความเชื่อ-ไม่เชื่อ ทิ้งไปซะ (ที่คุณเซลล์บอกน่ะ)
    จะพบเห็นมุมมองที่แตกต่างจากไปจากเดิมคนละเรื่องเลยครับ
    เช่น เรามองสิ่งเดียวกัน....ความเชื่อแต่ละคนบอกไปคนละแบบ
    "คำตอบ" ของสิ่งนั้นอยู่ที่เรามองนะครับ....
    ลองดูภาพข้างล่างสิครับ (Mr.Nick Vujicic)
    เรารู้สึกอย่างไร?
    เราเห็นเค้าเป็นคนพิการหรือมนุษย์คนหนึ่งที่เท่าเทียมกับเราทุกประการ ?
    เวลาที่เค้ามองเราเค้าคิดอย่างไรนะ ?
    ตอบกันเองเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ddddd.jpg
      ddddd.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.4 KB
      เปิดดู:
      34
    • ddd.jpg
      ddd.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  10. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินตวดีมีความฝัน 2 ความฝัน
    ความฝันที่ 1.
    จินตวดีเดินตามผู้ชาย 2 คนไปเขาจะพาไปในที่แห่งหนึ่ง ระหว่างทาง เขาให้ถอดอาภรณ์ เครื่องประดับทั้งหมดแล้วฝังไว้ในดิน จำได้จินตวดีคิดไว้ มันเป็นของ ๆเรา เราจะกลับมาเอาคืน เขาบอกเราเอาติดตัวไปไม่ได้ เมื่อไปถึงที่แห่งนั้นแล้วเขาก็ปล่อยเราไว้ พอเขาไปเราก็เห็นตัวเองพยายามหาทางเอา เสื้อผ้าคืนมา เราตามหามัน แล้วเราก็เจอ เราขุดมันขึ้นมา เราดีใจเพราะมันเป็นของ ๆ เรา

    ความฝันที่ 2
    เราเห็นลูกแก้วสุกใสเป็นประกายมันลอยลงมาจากฟ้าตรงมาที่จินตวดี เรามองว่ามันสวยงาม เรารู้ว่ามันเป็นของเรา พอมันหล่นมาถึงห้องนอนมันก็กลิ้งมาหาเราที่เตียง อยู่ ๆเราก็โวยวายขึ้นด้วยความกลัว (พอตื่นมาก็คิดว่ากลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว) มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา ผู้หญิงที่ตัวตนในฝันรู้จักดี เดินเข้ามาบอกว่า "ของสิ่งนี้เป็นของเธอ มันมีค่ามากนะ" เราก็มองผู้หญิงคนนั้นแปลก ๆ เพราะในความรู้สึกบอกว่า ลูกแก้วนี้ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าต้องใช้ ตาที่สามมองถึงจะเห็น ผู้หญิงคนนั้นเก็บลูกแก้วมาส่งให้จินตวดี เรารีบรับไว้ แล้วอุ้มกับไว้แนบตัวเราพร้อมบอกตัวเองว่า "มันเป็นของเรา"

    ข้างบนเป็นเป้าหมายของจิตวิญญาณ (อย่างสั้น ๆ) จินตวดีมาเพื่อค้นหาตัวเอง มาเพื่อทบทวนความจำที่ลืมเลือน มาเพื่อระลึกให้ได้ถึง สิ่งที่เคยเป็น เคยมี และพลังอำนาจในตัวเองที่ลืมเลือนไปก่อนมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง และมาเพื่อเรียนรู้เพิ่มพูนประสบการณ์แก่จิตวิญญาณโดยการเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ มันดูช่างน่าท้าทาย และมีชีวิตชีวา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2008
  11. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579
    มาร่วมตอบคำถามด้วยคนค่ะ...ขอตอบจากความรู้สึกและประสบการณ์ของตนเอง นะคะ


    1. เราแต่ละคนมีความเชื่อ ความเข้าใจ ความเห็นข้อมูลความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตอย่างไรบ้าง

    ในส่วนตัวเริ่มจากความสงสัย ความไม่รู้ ... สงสัยว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร ทำไมทุกคนต้องดำเนินชีวิตเป็นแบบแผนเดียวกันหมด ตั้งแต่เกิดจนตาย ...
    เรียนหนังสือ.. หางานทำ...แต่งงาน... มีลูก แล้วก็รอวันตาย ...
    มีคำถามมากมายที่อยากรู้ แต่หาคำตอบไม่ได้ ...
    จึงแสวงหาคำตอบ... เพราะสงสัยไปทุกเรื่อง
    แม้แต่เรื่องที่ทำไมคนซึ่งอยู่กันคนละทวีป ...ต่างชาติภาษาจึงมีความเชื่อเหมือนๆกัน ... เรื่องพระเจ้า นรก สวรรค์ ...และคำสอนของพระศาสดามีจริง.. หรือว่ามีคนกลุ่มหนึ่งบันทึกขึ้นมาเพื่อให้เราอยู่กันอย่างสันติ...ฯลฯ
    - เมื่อสงสัย อยากรู้...จึงเกิดการแสวงหาคำตอบนั้น...มีการเรียนรู้และลองทำตาม มีประสบการณ์จริง ...จึงสั่งสมประสบการณ์...แล้วเกิดความเชื่อและศรัทธา...
    เมื่อพบว่าวิธีที่ได้ลองทำตามนั้น...เกิดผลตามนั้นจริง...
    เพราะจิตเดิมนั้นเป็นคนดื้อรั้น..ไม่เคยเชื่ออะไร...จนกว่าจะเห็นด้วยตนเอง...
    ส่วนใหญ่..ผู้คนที่อยู่รอบกายจะถูกชักจูงให้คล้อยตามตนเองมากกว่า...
    แต่ตนเองไม่เคยคล้อยตามใครหากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งนั้น คือ สัจจะธรรม

    2. อะไรคืิอปัจจัยที่จะทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ?

    แรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนค้นพบเป้าหมายในชีวิต คือความทุกข์ปัญหาและความสงสัยจากความไม่รู้ ...
    จึงเกิดการดิ้นรน หาหนทางแก้ปัญหานั้น ...
    เพราะต้องการพ้นจากความทุกข์ที่มีอยู่ ...
    เพราะต้องการหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัย และยังไม่รู้...
    จึงนำไปสู่การค้นคว้า...เสาะแสวง...วิธีการ
    และได้พบหนทางแล้ว...จะยังไม่ยอมเชื่อจนกว่าจะมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง...
    จนได้คำตอบด้วยตนเอง ว่า สิ่งที่พบค้นนั้นคือเป้าหมายที่แท้จริงหรือไม่
    จากการที่ได้ลองผิดผิดลองถูกมาหลายครั้ง...
    และได้เห็นผลลัพธ์นั้นด้วยตนเอง รวมถึงเฝ้ามองผลที่เกิดขึ้นจากผู้คนรอบกาย
    <O:p</O:p

    3. ท่านอาจารย์อนาลัยให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ไว้หรือไม่ และอยู่ในหนังสือเล่มใด?
    - ข้อนี้ไม่ขอตอบเพราะอ่านยังไม่ต่อเนื่อง ... เพิ่งอ่านได้เล็กน้อยข้ามไปข้ามมา เลือกเฉพาะหัวข้อที่สนใจ ...แต่ก็คิดว่าน่าจะตั้งแต่บทแรกที่เขียน...ทำให้ดึงดูดใจให้อ่านต่อ...เพราะอยากค้นหา...ว่าผู้เขียน...ได้ค้นพบสิ่งที่ตรงกันหรือไม่
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  12. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310

    ครับคุณ mead เวลาเรามองคนที่ไม่เหมือนกับเรา เราได้ให้นิยามเค้าขึ้นมาว่า คนพิการ แปลว่า บุคคลที่มีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกับเราๆ นั่นคือ เราโต้ตอบสิ่งที่เราเห็น และเราตัดสินไปตามความเชื่อของเราเอง
    ซึ่งคนพิการที่ทำอะไรได้เองทุกอย่าง เค้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเค้าเองพิการ เค้าสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีเลิศได้หลายๆอย่าง ซึ่งที่เราคิดว่าเราปกติ มีร่างกายสมบูรณ์นั้น ยังไม่สามารถทำได้แบบเค้าเลย
    นั่นซิครับ แล้วความปกติ คือ อะไร อิอิ ;aa34


    [​IMG]


    ขอบคุณพี่นักเขียนนะครับ ที่ช่วยเป็นธุระติดต่อเรื่องหนังสือให้ผม ตอนนี้ผมได้รับหนังสือครบทั้ง 10 เล่มแล้วครับ ;k07

    ขอบคุณคุณเดรดด้วยนะครับ ที่เสนอหนังสือให้ผมยืมอยู่หลายครั้ง แต่เพราะเกรงใจจริงๆ เลยไม่ได้ขอยืมคุณเดรด ขอประจานความดีไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ;aa34
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ไม่ได้มาตอบอะไรกับเค้าเลย วันนี้้มัวแต่ปั่นงานเพราะงานเลยกำหนดแล้ว -*-

    เห็นคุณ Mead โพสถึง Mr.Nick Vujicic จำได้ว่าเคยตั้งกระทู้เขียนถึงเค้า เอ๊ะหรือว่าไปโพสในกระทู้ไหนหว่าจำไม่ได้แล้ว

    ส่วนมากเราจะเห็นคนคนนี้อยู่ข้างนอกใช่หรือเปล่า อาจจะมีคนสงสัยว่าแล้วในการดำรงชีวิตประจำวันจะทำยังไง ลองมาดูคลิปนี้ครับ แล้วความสงสัยจะกระจ่าง

    Nick Vujicic's Testimony

    <embed src="http://godtube.com/flvplayer.swf" FlashVars="viewkey=9bc6025b51155e26f6ce" wmode="transparent" quality="high" width="330" height="270" name="godtube" align="middle" allowScriptAccess="sameDomain" type="application/x-shockwave-flash" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" /></embed>

    คุณเซลล์มีความดีอะไรใครก็เอามาประจานบ่อยๆ นะ อิอิ
     
  14. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    เง่อคำถามอย่างกะเหมือนคำถามที่เป็นการสะกดจิตอ่อนๆเลยนะครับ -*-
    1. ตอบ เชื่อว่าชีวิตเราลิขิตเองครับ แต่การจะลิขิตชีวิตตัวเองได้จะต้องเริ่มจากการรักผู้อื่น
    2.ตอบ ก็อย่างเวลาผมอ่านไดอารี่ของคนอื่นเยอะๆ เวลาผมฟังเพลงที่มันฟังแล้วลึกซึ้งไม่ว่ามันจะมีความหมายที่ดีหรือไม่ ก็อยากที่จะให้ชีวิตตัวเองมีเรื่องราวเยอะๆแบบคนอื่นบ้าง สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดคือปัจจัยครับ และทำให้ผมเลือกที่จะมีเป้าหมายในชีวิต
    3.ตอบ ท่านตอบคำถามเหล่านี้เอาไว้แล้วแต่มันลึกซึ้งมากๆ บางส่วนยังไม่เข้าใจก็คงต้องอ่านวนอีกหลายรอบ แต่จะจริงหรือไม่นั้น บางส่วนก็คิดว่าใช่บางส่วนก็ยังไม่แน่ ต้องพิสูจน์กันต่อไป
     
  15. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณ Zip ครับ ถ้าจะให้ประจานความดีเพื่อนๆในที่นี้ คงบรรยายไม่หมดครับ :z4
     
  16. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ตามม่ะทันเลย หลายหน้า คิดถึงทุกคนค่ะ
     
  17. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    แง ๆ หาเวลาไม่ค่อยได้เลย ต้องแอบเล่น
     
  18. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    คำตอบก็คืออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่ลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของแต่ละบุคคลเป็นปัจจัยที่ทำให้เราค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตทุก ๆ คนค่ะ รู้สึกท่านอาจารย์อนาลัยจะกล่าวไว้ในหนังสือธรรมชาติของชาติภพ
    .............................
    ส่วนเป้าหมายส่วนตัวนั้นขอเก็บไว้เป็นปริศนาต่อไปก่องนะจ๊ะตัวเอง อ่านนวนิยายของ Prissila แล้วคิดว่าเธอมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดใดเป็นเอกลักษณ์จ๊ะพี่จินต์.. คิกคิก..
    ;18;18;18
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนได้พยายามที่จะ post เพื่อทวงการบ้านพวกเราก่อนหน้านี้ แต่ก็มีเหตุบังเอิญที่ไม่บังเอิญคือ ได้แก้ไขตัวสะกดเพื่อจะ post ใหม่ให้สมบูรณ์ แต่ว่าเครื่ิอง hang แทนที่จะปล่อยข้อความเดิมที่ทวงการบ้าน จึงลบไปก่อน วันนี้มาเช็คดูก็พบว่าพวกเราส่งการบ้านกันแล้ว จึงตระหนักได้ว่าทวงการบ้านไม่สำเร็จ เพราะไม่ต้องทวงนั่นเอง

    หลายวันที่ผ่านมา ในขณะที่พวกเรานักเขียนชาวห้องวิทย์ฯ กำลังประมูลเวลาเพื่อตอบคำถามเหล่านี้อยู่ มีผู้อ่านเงียบๆที่ได้ทะยอยกันส่งคำตอบมาให้พี่นักเขียนนอกห้องวิทย์ฯหลายราย ตอนแรกพี่นักเขียนคิดว่า หากวันนี้ยังไม่มีใครส่งการบ้าน ละครของชาติภพโรงนี้อาจจะต้องหมุนเวทีกลับไปสู่ผู้ชม-ผู้อ่านเงียบๆ และนำ spotlight ไปฉายทางฝั่งผู้ชม-ผู้อ่านเงียบๆแทน หลายท่านได้ออกตัวว่า ขอนั่งชมในความมืดต่อไปเพราะไม่ถนัดที่จะแสดงตัว

    แต่พี่นักเขียนก็อยากจะขอเรียนเชิญและสนับสนุนผู้อ่านเงียบๆทุกท่าน ให้ก้าวเข้ามาสู่ห้องวิทย์ฯ เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นร่วมกับพวกเราอย่างเป็นกันเองที่สุด ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเหตุว่าพี่นักเขียนไม่เต็มใจที่จะตอบจดหมายเป็นการส่วนตัวต่อไปนะคะ พี่นักเขียนไม่เพียงแต่จะเต็มใจอย่างยิ่ง ที่จะสละเวลาตอบจดหมายทุกฉบับเท่านั้น แต่จดหมายทุกฉบับมีค่ามากสำหรับพี่นักเขียน ทั้งในฐานะนักเขียนที่ปรารถนาจะได้รับฟังความคิดเห็นจากท่านผู้อ่าน และทั้งในฐานะนักเรียนทางจิตวิญญาณ ที่ปรารถนาจะเรียนรู้ และสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลนักเรียนทางจิตวิญญาณทุกท่าน ทุกทิศทางที่จะทำได้

    พี่นักเขียนมีความเชื่อว่า การที่จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง จะได้มีโอกาสได้รู้จักกันฉันญาติมิตรทางจิตวิญญาณเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันนั้น เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆในสังคมโลกทางกายภาพอันกว้างใหญ่ไพศาล ทุกท่านจึงมีความสำคัญและมีความหมายต่อพี่นักเขียนอย่างยิ่ง พี่นักเขียนปรารถนาที่จะรับทราบถึงความเป็นไป หลังจากที่ทุกท่านได้รับข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัย และได้นำข้อมูลความรู้เหล่านั้นไปพิสูจน์ด้วยตนเอง

    บางท่านเขียน e-mail มาโดยกล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีวันจะได้รับตอบจากพี่นักเขียน แต่ต้องการเขียนมาเพื่อจะบอกว่า หลังจากที่ได้อ่านหนังสือแล้ว ชีวิตได้พลิกผันไปในทิศทางที่ดี มีทัศนคติและมุมมองต่อโลกในทิศทางที่เป็นแง่บวกมากขึ้น และอยากจะเขียนมาเพื่อขอบคุณและให้กำลังใจให้เขียนกระทู้และหนังสือต่อไป โดยไม่ได้คาดหวังว่าพี่นักเขียนจะมีเวลาตอบ แต่พี่นักเขียนก็ไม่เคยละเว้นที่จะตอบ e-mail แม้แต่ฉบับเดียว ทำให้ต้องหายไปจากห้องวิทย์ฯบ้างเป็นบางช่วง แต่อย่างไรเสียก็ต้องกลับมาอย่างแน่นอน จนกว่าคุณ Mead หัวหน้าห้องฯท่านจะปิดประตูล้อคห้อง หรือสลายห้องวิทย์ฯไปด้วยเหตุใดก็ตาม

    การเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านเงียบๆ ก้าวมาสู่ห้องวิทย์ฯร่วมกับพวกเรา มีเหตุผลสองประการด้วยกัน :
    ประการแรก ในฐานะนักเขียน
    ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดมากมายของผู้อ่านเงียบๆแต่ละท่าน เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย ประเด็นแล้ว-ประเด็นเล่า บทพิสูจน์จากประสบการณ์ชีวิตจริงเหล่านั้น ล้วนมีความหมาย มีคุณค่าสำหรับพี่นักเขียนเป็นอย่างยิ่งในฐานะนักเขียน ในฐานะล่ามและเลขาฯของท่านอาจารย์อนาลัย ผู้นำข้อมูลความรู้เหล่านี้มาเผยแพร่ เพราะข้อมูลความรู้เหล่านี้ ล้วนเป็นข้อมูลความรู้ที่ไม่อาจพิสูจน์หรืออ้างอิงได้จากหนังสือเล่มอื่นๆเช่นงานเขียนทั่วไป ประสบการณ์ที่ผู้อ่านเงียบๆถ่ายทอดมาทางจดหมาย จึงเป็นบทพิสูจน์และแหล่งอ้างอิงจากชีวิตจริงที่มีค่ายิ่ง ซึ่งนอกจากจะทำให้พี่นักเขียนตระหนักได้ถึงความเป็นจริงมากมายที่ปรากฏในหนังสือแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้พี่นักเขียนใช้ความรู้อย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะช่วยขยายความหรืออธิบายให้พวกเราได้หายข้องใจในบางสาระ บางประเด็น และทำให้ตนเองบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่เลือกมาทำหน้าที่ส่งสาร หรือ ถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้ต่อไปอย่างดีที่สุด


    ประการที่สอง ในฐานะนักเรียน
    ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดมากมายของผู้อ่านทั้งในและนอกห้องวิทย์ฯ รวมถึงผู้อ่านเงียบๆทุกท่าน เป็นข้อมูลที่เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ และแม้แต่เปลี่ยนความเชื่อหลายๆความเชื่อของพี่นักเขียนให้เป็นความรู้ ท่านอาจารย์อนาลัยได้เคยกล่าวกับพี่นักเขียนไว้ในความฝันว่า เมื่อเธอได้เผยแพร่หนังสือชุดนี้ออกไปสู่ผู้อ่านจำนวนมาก และได้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของพวกเขา สิ่งเธอและฉันจะได้รับ คือ ความรู้ที่ขยายตัวออกไปอีกอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ผู้รู้คือจิตวิญญาณ และความรู้ย่อมเปลี่ยนแปลงผู้รู้เสมอ

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ในฐานะนักเรียน-ผู้แสวงหาความรู้จากโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติอันกว้างใหญ่ไพศาล หากเรามีนักเรียนร่วมชั้นเรียนที่แลกเปลี่่่่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความคิดเห็นร่วมกัน ด้วยการยึดมั่นในเป้าหมายเดียวกันคือ การช่วยเหลือเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้นมากเท่าใด ความรู้ของเราทั้งหลายก็จะแตกฉานออกไปมากมายเท่านั้น

    ผู้อ่านเงียบๆหลายท่าน ได้ส่งการบ้านพร้อมด้วยคำตอบที่ลึกซึ้ง ซึ่งควรแก่การนำมาเสนอแก่พวกเราชาวห้องวิทย์ฯ และ ผู้อ่านเงียบๆจำนวนมากต่อไปอีก กระแสแห่งการเรียนรู้ของพวกเราจึงจะขยายตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง พี่นักเขียนเชื่อว่า หนังสือชุด 10 เล่มของท่านอาจารย์อนาลัย เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ ที่จะจุดประกายให้มีนักเขียนเกิดขึ้นอีกมากมายหลายท่าน ซึ่งล้วนปรารถนาที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่แตกแขนงออกไปจากจุดเริ่มต้น 10 เล่มนี้ออกไปอีก อย่างไม่มีวันสิ้นสุด(rose)
    :z15
     
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต

    ขอบคุณพวกเราชาวห้องวิทย์ฯทุกคนที่ส่งการบ้านค่ะ พี่นักเขียนหวังว่าผู้อ่านเงียบๆที่ได้ e-mail คำตอบดีๆมาให้นอกห้องวิทย์ฯ จะนำคำตอบมา post และร่วมสนทนากับชาวห้องวิทย์ฯ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดดีๆกันต่อไป

    คำตอบต่อคำถามทั้งหมดนี้ พี่นักเขียนหวังว่าจะทำให้เราแต่ละคนได้รับคำตอบ-เพื่อตนเอง จากคำตอบที่ได้ post กันมาแล้ว หลายคนตอบคำถามนี้อย่างเป็นกลาง แต่หลายท่านที่ e-mail มาถึงพี่นักเขียนเป็นการส่วนตัวได้ตอบคำถามนี้อย่างเจาะจง พี่นักเขียนเชื่อว่า การที่เราตอบคำถามนี้อย่างเป็นกลาง ไม่ได้หมายความว่าเรายังค้นหาเป้าหมายสูงสุดของชีวิตของตนเองไม่พบ พี่นักเขียนขอให้เราแต่ละคนตอบคำถามตนเองต่อไปว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราไม่ตอบคำถามนี้อย่างเจาะจง

    การไม่ตอบคำถามนี้อย่างเจาะจง ไม่ได้ทำให้การบ้านนี้ไม่ได้ A เพราะเพียงแค่ได้ทำการบ้าน บางคนก็อาจจะตระหนักได้ทันทีว่า ตนเองได้รับ A+A คือ Ambition+Absolute คือค้นพบเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิตของตนเอง ที่ทำให้ตระหนักได้ว่า ความเป็นเลิศในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองนั้นคืออะไร พี่นักเขียนเเชื่อว่าหลายคนอาจจะพบว่า เป้าหมายชีวิตอันสูงสุดของตนเองนั้นดูเสมือนจะเป็นสิ่งที่เปิดเผยไม่ได้ เพราะมันอาจจะฟังดูเสมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไกลตัว ไกลความรู้ความสามารถของตนเอง หรือแทบจะเป็นการอวดอ้าง เพราะเป้าหมายสูงสุดของชีวิตของเราแต่ละคน จะเป็นไปตามจินตนาการและความฝันอันยิ่งใหญ่ด้วยกันทุกคน กล่าวได้ว่า เป้าหมายชีวิตอันสูงสุดของเราแต่ละคน ล้วนเป็นความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น

    คนจำนวนมากที่รู้สึกหมดหวังหรือท้อแท้กับชีวิต ไม่ใช่บุคคลที่ค้นไม่พบเป้าหมายชีวิตอันสูงสุดของตนเอง ในทางตรงกันข้าม เขาค้นพบหรือตระหนักได้ในส่วนลึก แต่รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่เสียจนทำให้เขาขาดศรัทธาในตนเอง ขาดความเชื่อถือหรือเชื่อมั่นในตนเองว่า เขาจะมีความรู้ความสามารถพอที่จะบรรลุเป้าหมายอันสุดเอื้อมนั้นได้ มันจึงทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผย รู้สึกว่าชีวิตของตนเองมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป บางคนรู้สึกเสมือนว่ายังเป็นหนี้ตนเอง และบางคนก็อาจจะรู้สึกหมดหวัง หรือแม้กระทั่งท้อแท้กับชีวิต

    VDO ของ Mr. Nick Vujicic ที่คุณ zip นำมา post เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่ง ที่เราจะหาพบได้ในโลกนี้ เป็นตัวอย่างของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตน ผู้ค้นพบเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของตนเอง และมีความศรัทธาในตนเองอย่างสูงสุดที่จะบรรลุเป้าหมายที่ดูเสมือนจะเป็นไปไม่ได้มากมาย Vujicic เกิดมาโดยปราศจากแขนขา เขาเล่าให้พวกเราฟังว่า วินาทีที่เขาถือกำเนิดจากครรภ์มารดา น่าจะเป็นวินาทีที่ได้รับความรักและการชื่นชมอย่างสุดซึ้งจากแม่ของเขา แต่สิ่งที่เขาได้รับคือ คำกล่าวของแม่ต่อพยาบาลที่นำทารกแรกเกิดผู้ปราศจากแขนขามาวางบนอกของแม่ว่า "เอามันไปให้พ้น" (Take it away!)

    การบรรลุความสำเร็จของ Vujicic ในแต่ละวัน ด้วยการใช้ความสามารถของเขาเพื่อดำเนินชีวิตประจำวันที่ดูเสมือนจะเป็นเรื่องเล็ก สำหรับผู้ที่เกิดมาพร้อมด้วยแขนขา กลับกลายเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวง เขากล้าเผชิญกับความท้าทายเหล่านั้น และยอมรับว่า เขาได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตที่เคยเชื่อว่า การเกิดของเขาไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับพ่อแม่ แต่เป็นปัญหาและอุปสรรคตลอดชีวิตให้ท่าน ความเชื่อดังกล่าวทำให้เขาเคยคิดแม้กระทั่งว่าจะจบชีวิตของตนเองลงเมื่อมีอายุได้เพียง 10 ปีเท่านั้น แต่ในที่สุดเขาก็พบว่า ชีวิตของเขามีเป้าหมายอันสูงสุดที่พระเจ้ามอบให้คือ การเผชิญกับความท้าทายทุกรูปแบบ และเอาชนะมันได้ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในพระเจ้าว่า การถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนของเขานั้น มีคุณค่า มีความหมายสำหรับตนเองและผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง

    ภาพนี้คือ Nick Vujicic เมื่อเขายังเป็น Baby อยู่ค่ะ รอยยิ้มนี้กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ในวันนี้ ทำให้พี่นักเขียนระลึกถึงคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า จิตวิญญาณทั้งหลาย ล้วนมาถือกำเนิดด้วยความเชื่อถือในธรรมชาติ ศรัทธาในธรรมชาติ และเชื่อว่าเขาจะเติบโตอย่างสมบุูรณ์พูนสุข ที่จะสนับสนุนให้เขาเผชิญกับความท้าทาย เพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ไม่ว่าเขาจะถือกำเนิดมาด้วยสภาพร่างกายเช่นใดก็ตาม

    [​IMG]

    ในขณะที่ Vujicic เล่าถึงประสบการณ์อันน่ารันทดของเขาให้ผู้ชมจำนวนมากฟัง เราจะเห็นได้ว่า ดวงตาของเขาปราศจากความเศร้าสลดกับเหตุการณ์ในอดีต ในทางตรงกันข้าม เขากลับดูสดชื่นอยู่กับปัจจุบันของเขา เขากล่าวติดตลกว่า ใน Bible เขียนไว้ว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามรูปลักษณ์ หรือ image ของพระองค์ แล้วเขาก็พยักหน้ากับผู้ฟังพร้อมกับกล่าวสัพยอกว่า "ใช่เลย" (Right!)

    เราจะเห็นได้ว่า ผู้ฟังของ Vujicic ล้วนเป็นบุคคลที่มีแขนขาครบเป็นปกติ ไม่มีผู้ใดที่มาฟังการบรรยายของ Vujicic เพียงเพื่อต้องการคำตอบจากเขาว่า เขาจะสามารถทำกิจวัตรประจำวันให้บรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร เพราะคนเหล่านั้นทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างง่ายดายโดยปราศจากการท้าทายใดๆ แต่สำหรับ Vujicic แล้ว กิจวัตรประจำวันที่ดูเสมือนจะง่ายดาย ปราศจากความท้าทาย กลับกลายเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่

    Vujicic ทำให้เราทั้งหลายตระหนักได้ไม่มากก็น้อยว่า การเผชิญความท้าทายใดๆในชีวิต จากมุมมอง จากจุดยืน อันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคนนั้น เป็นสิ่งที่บรรลุผลสำเร็จได้ด้วยการมีศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ไม่ว่าความท้าทายนั้นคืออะไรก็ตาม ไม่มีความท้าทายใดที่จิบจ้อย ไร้ค่า ไร้ความหมาย และไม่มีความท้าทายใดๆที่ยิ่งใหญ่ สุดเอื้อม หรือ เป็นไปไม่ได้

    Vujicic เผชิญหน้ากับความท้าทายทุกรูปแบบโดยไม่ย่อท้อ ความศรัทธาและความเชื่อมั่นในตนเอง ยังผลให้สภาพที่เราเรียกเขาว่า คนพิการ ดูเสมือนจะสลายตัวไป เพราะสิ่งที่ปรากฏให้เราเห็น คือภาพของเด็กหนุ่มผู้มีบุคลิกภาพที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เข้มแข็ง ร่าเริง ร่างกายของเขาแข็งแรงเสมือนนักกีฬาผู้มีความคล่องตัว และ เขาเป็นนักพูด-นักแสดงตัวยง ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน และการมองโลกในแง่ดี ที่สามารถสะกดคนฟังได้ด้วยคำพูดและการกระทำของเขา ไม่ใช่ด้วยรูปกายของเขา

    ขอบคุณ Einstein Zipper ที่นำ VDO นี้มาให้ชมค่ะ และขอบคุณ Nick Vujicic สำหรับการเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศ ให้พี่นักเขียนได้เรียนรู้ว่า เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิตของเราแต่ละคน คือการเผชิญกับความท้าทายที่เราเลือกมาถือกำเนิด ไม่ว่าเป้าหมายนั้นคืออะไร มันย่อมมีค่า มีความหมาย และเป็นความท้าทายที่หาที่เปรียบไม่ได้ จากมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ความสำคัญของเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต จึงไม่ใช่สาระที่ว่า เราจะเป็นอะไร-มีอะไร-ทำอะไร-ได้แค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเราจะเป็นได้อย่างไร-มีได้อย่างไร-ทำได้อย่างไร-ได้อย่างดีที่สุด ด้วยความศรัทธาอันเติมเปี่ยมในจิตวิญญาณของตนเอง(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...