เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 24 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 20 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>mead*, ธรรมจิตต์ , เซลล์ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้ตอบปัญหาบ้านไปซะก่อน แต่ดูมีคนสนใจกันเยอะเหมือนกันครับ
    เรื่องก่อผนังเราใช้เวลาแค่ 1-2 วัน ก็เป็นห้องขึ้นมาแล้วครับเร็วมาก
    ใช้โครงสร้างเสาคานตามปกติ..และใช้โฟมแทนผนังอิฐครับ
    น้ำหนักอยู่ที่ 20 กก.ต่อ 1 ตารางเมตรครับ เบามาก
    ฉาบปูนประกบหนาข้างละ 2 cm.ครับ ตอกตะปูบนผนังได้ครับ
    ส่วนโฟมจากโรงงานหนา 2 นิ้วขนาด 0.60X 1.20 ม. ตกแผ่นละ 69 บาทเองครับ
    ค่าปูนซิเมนต์+กับน้ำยาประสานคอนกรีต 1 แกลอน ลองไปเช็คราคาดูนะครับ
    http://www.rctconstruction.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=396709&Ntype=2

    การซ่อมแซมก็ง่ายๆ..ใช้โฟมซ่อมแซมผนังที่แตกร้าวและฉาบปูนปิดทับอีกทีครับ
    กรมศิลปากรก็ใช้วิธีนี้ไปซ่อมโบราณสถานด้วย
    หวังว่าเรื่องนี้จะมีประโยขน์และไปพัฒนาทำกันเองได้ง่ายๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2008
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    มีเกมส์จินตนาการ มาให้เพื่อนๆเล่นครับ เพิ่งคิดได้เมื่อกี๊นี้
    ยกความดีให้คุณ mead ละกัน ที่จุดประเด็นเรื่อง avatar

    เกมส์จินตนาการ

    1.ลองนึกดูว่า หน้าตาปัจจุบันเราเป็นยังไง เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนการแต่งตัวไปเรื่อยๆ

    2.เราที่หน้าตา การแต่งตัว ลักษณะ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในฉากเช้า สาย บ่าย เย็น มืด

    3.เราที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในสถานที่ต่างๆทั่วโลก ที่เรารู้จัก และไม่รู้จัก

    4.ทำเหมือนกับข้อ 1-3 โดยคิดว่า หน้าตาเราเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเดิมที่เป็นอยู่ เป็นเด็กชาย เด็กหญิง ผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศไหนๆก็ได้ ในช่วงวัยต่างๆ

    5.บุคคลทั้งหลายในข้อ 1-4 กำลังนั่งทักเพื่อนอยู่ เพื่อนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามข้อ 1-4 เหมือนกัน

    6.บุคคลทั้งหลายในข้อ 1-4 กำลังถูกทักอยู่ เพื่อนที่มาทักเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามข้อ 1-4 เหมือนกัน

    7.คิดว่า เหตุการณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นพร้อมกัน และซ้อนทับกันอยู่ทั้งหมด ณ ปัจจุบัน เราเป็นผู้ทัก เราเป็นผู้ถูกทัก เป็นทุกอย่างในข้อ 1-4



    อันนี้เป็นเกมส์น่าคิดจากคุณเซลล์ เอามาให้เพื่อนๆคิดตามดูครับ..อาจสมองบวมได้***
    http://palungjit.org/group.php?groupid=54&pp=10
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2008
  3. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ข้าพเจ้ามีเรื่องเกี่ยวกับความฝันเมื่อคืนนี้ มาเล่าให้ฟัง เพื่อขั้นรายการรายหน่อยนะครับ

    คือว่าเมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ฝันไปว่าได้ไปอยู่ในสถานที่แห่งใดก็ไม่ทราบคล้ายๆกับสถานบันเทิง และได้ดื่มสุราคล้ายๆกับแชมเปญ(น้ำสีใส ขวดสีเขียวและมีฉลากสีเงิน) เป็นจำนวนมากซึ่งดูจากจำนวนขวดที่ดื่มไปแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบขวดเห็นจะได้ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะดื่มอีกขวดหนึ่งนั้น ข้าพเจ้าก็เกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ข้าพเจ้าถือศีลห้าอยู่ ข้าพเจ้าจะดื่มไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้ากจึงรีบวางขวดที่กำลังจะดื่มนั้นลง แล้วรู้สึกเสียใจว่าเราดื่มไปได้อย่างไร เราไม่น่าที่จะดื่มเลย

    จากเหตุการณ์ของความฝันนี้เราจะกล่าวได้หรือไม่ว่าการที่เรารู้ตัว และหยุดกระทำในสิ่งที่ผิดนั้น เกิดจากสติสัมปชัญญะในความฝันที่คอยยับยั้งหรือเตือนไม่ให้เรากระทำผิด

    ขอความเห็นจากเพื่อนๆด้วยครับ
     
  4. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ว้าว! น่าสนใจมากครับคุณ mead ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล
    นี่ถ้าคุยกันก่อนสร้างบ้าน คงประหยัดไปได้หลายแสน (ตอนนี้แสนสาหัส)
    เอาไว้ทำเฟสที่สองอาจพิจารณาใช้เทคนิคนี้ครับ
     
  5. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ต้องไขปริศนาตรงนี้ก่อน เพื่อนๆว่า
    (น้ำสีใส ขวดสีเขียวและมีฉลากสีเงิน) แทนยี่ห้ออะไร อิอิ


    การตีความ ผมว่าต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกถอดออกมาครับ
    สัญลักษณ์ที่แทน แต่ละคนจะมีความหมายที่ซ่อนอยู่ไม่เหมือนกัน
    เมื่อความเชื่อเปลี่ยนไป สัญลักษณ์ที่ผูกไว้ก็จะมีความหมายเปลี่ยนไปเช่นกันครับ
    คุณธรรมจิตต์จะตีความออกมาได้ดีที่สุดครับ ;aa22

    ถ้าให้ออกความคิดเห็นเรื่องการกฎระเบียบ และการดื่มสุรา

    ผมมองว่า ในการตัดสินใจจะทำอะไรซักอย่าง มักจะมีทางเลือกหลากหลายให้เลือกเดิน

    เช่น ในยามตื่น เราตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่ทานเหล้าตลอดเข้าพรรษานี้ แต่ถามว่า ในใจนั้น เรารู้สึกว่า เราต้องห้ามตนเองไม่ให้ทานเหล้า ทั้งๆที่เราก็ยังอยากจะทานอยู่
    เป็นการสู้กันของความรู้สึก ระหว่าง อยาก กับ ไม่อยาก

    ในความฝันที่ทุกอย่าง คือ ภาวะจิตของเรา มีจิตส่วนนึงกำลังทานเหล้า
    และอีกส่วนนึงคอยเฝ้ามอง คอยตักเตือน เราจะกล่าวได้หรือไม่ว่า จิตทั้งสอง จิตไหนทำผิดหรือจิตไหนทำถูก เราได้สร้างจิตนึงเพื่อมาคาดโทษอีกจิตนึง ที่เรามองว่าไม่ดี ไม่งาม

    ในความฝัน ที่แสดงถึงความขัดแย้ง แสดงถึงความรู้สึกผิด แสดงถึงกฎระเบียบข้อบังคับ แสดงถึงการเพ่งโทษนั้น เราต้องดูว่า สิ่งไหนเป็นความเชื่อของเรา ความเชื่อที่เรามีต่อการดื่มสุราเป็นอย่างไร ความเชื่อที่เรามีต่อกฎข้อบังคับเป็นอย่างไร


    ความเชื่อที่เรามีในสุรา และกฎระเบียบข้อบังคับย่อมไม่เหมือนกัน ถ้าเรามองจากมุมมองความเชื่อที่เรายึดถืออยู่ สิ่งไหนเป็นเพียงความเชื่อ สิ่งไหนที่เป็นความรู้


    เมื่อความเชื่อเปลี่ยนเป็นความรู้ เราจะมีกฎระเบียบโดยที่เราไม่ได้ยึดถือกับระเบียบ และเราจะดื่มสุราโดยที่ไม่ขาดสติ หรือเราจะเลิกดื่มเองโดยอัตโนมัติ โดยไม่มีการสู้กันระหว่างความรู้สึก 2 ส่วน ที่เราเป็นผู้แบ่งแยกออกมา

    เพื่อนๆว่างัยบ้างครับ มาแลกเปลี่ยนกันฉันท์ญาติมิตรทางจิตวิญญาณกันครับ ;welcome2
     
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    สวัสดีค่ะ คุณธรรมจิตต์

    ยามฝัน เดรดมักรู้สึกว่า เหตุการณ์ต่างๆก็เป็นไปเสมือนความจริงในยามตื่น เพียงแต่บางทีจะไม่คมชัดเท่า และเรื่องราวอาจจะปนๆกันไป หลายฉากหลายตอน ก่อนที่ได้มาศึกษาเรื่องราวของอ.อนาลัย เดรดมีความรู้สึกว่า เป็นแค่ผู้เฝ้าดูและไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่เมื่อเริ่มหันมาสนใจ กลับกลายเป็นเรามีชีวิตอีกด้านหนึ่ง เสมือนโลกยามตื่น

    ยามใดที่รู้สึกว่าจะต้องตัดสินใจ กับเหตุการณ์บางอย่างในความฝัน ก็มีความรู้สึก และพิจารณาเช่นเดียวกับยามตื่น

    ยกตัวอย่างนะค่ะ เดรดเคยฝันเห็นวิญญาณ เรากลัวมาก คือความเชื่อดั้งเดิมคือ ผี...น่ากลัว เราก็พยายามหนี แต่หนีไม่ได้ จนสุดท้ายหมดหนทาง ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ต้องสวดมนต์ เลยตั้งใจสวดมนต์เพื่อจะไล่ไปพ้นๆ(ก็ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ผี กลัวบทสวดมนต์) ในฝัน ผีก็ยังไม่ไปหรอกค่ะ แต่ที่ประหลาดใจคือ นึกบทสวดได้ยังไงทำไมเลือกบทนี้ อันนี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อเราเจอปัญหา เราจะแก้ไขอย่างไร มันก็เกิดจากประสบการณ์ความรู้ ความเชื่อที่เรามีในยามตื่น ที่เป็นข้อมูลในจิตวิญญาณที่เรา บันทึกไว้ อยู่ในความทรงจำ

    การมีสติสัมปชัญญะในความฝัน ทำได้จริงถ้าเราจดจ่อมันพอควร สติมีเช่นเดียวกับยามตื่น จึงไม่แปลกที่คุณธรรมจิตต์ รู้สึกผิดขึ้นมา ก่อนจะดื่มสุรา เราพกพาความเชื่อที่มีอยู่ ในยามตื่น เข้าไปในโลกแห่งความฝันด้วยนะค่ะ ...

    ฉะนั้นเดรดคิดว่านะคะ ...การเปลี่ยนความเชื่อให้ เป็นความรู้ ทำได้ ทั้งโลกยามตื่น และยามฝัน ด้วยสติสัมปชัญญะที่คมชัดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และทั้งสองโลกนี้ ต่างใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน และlink กันเอง อย่างอัตโนมัติด้วย

    เดรดคิดแบบนี้....ท่านอื่นๆ คิดว่าอย่างไรบ้างค่ะ ขอความเห็นกันหน่อยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2008
  7. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ขอขอบคุณคุณเซลล์ และคุณเดรดมากครับที่ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยกัน

    สำหรับท่านอื่นๆยินดีนะครับ
     
  8. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    การที่ตัวข้าพเจ้า คุณแม่ของข้าพเจ้า(เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว...ก่อนที่บุตรสาวของข้าพเจ้าจะเกิดประมาณหนึ่งปี) และบุตรสาวของข้าพเจ้า(เกิดมาหลังจากที่คุณแม่ของข้าพเจ้าเสียชีวิตไปแล้วประมาณหนึ่งปี) มีปานสีน้ำตาลรูปนกบินที่บริเวณเหนือสะโพกเหมือนกันโดยคุณแม่และบุตรสาวของข้าพเจ้าจะมีปานดังกล่าวอยู่ข้างเดียวกัน แต่คนละข้างกับข้าพเจ้า

    พอจะอนุมานได้หรือไม่ว่าปานที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกหรือยืนยันให้รู้ว่าเราทั้งสามคนมีจิตวิญญาณร่วมกัน แต่จะร่วมร่าง ต่างร่าง มิติเดียวกัน หรือต่างมิติกันนั้น ขึ้นอยู่กับสถานะของตัวตนที่เปลี่ยนไป

    ไม่ทราบว่าเพื่อนๆมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อคืนฝันว่าแม่ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพมาบอกว่า "ดีใจมั้ยเดี๋ยวจะได้ไปอยู่กับความว่างแล้ว" แล้วบอกชื่ออีกคนหนึ่งซึ่งจะได้ไปด้วยกัน สติสัมปชัญญะไม่ดีจำไม่ได้แต่ในฝันรู้จักดีทีเดียว เห็นภาพศิลปินที่เคยวาดด้วย เพิ่งจะรู้เขามีตัวตนจริง ๆด้วย ภาพที่เห็นคงเป็นภาพเขียนที่เราใช้สัญลักษณ์หรือความเคยชินคลุมไว้ เอภาพนั้นตั้งใจวาดอาจารย์อนาลัย หรือท่านมาจริงหว่าแต่หน้าตาเครียดจังเลย
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    จากการสังเกต ทำตัวเป็นยาม เฝ้าดูยามตืน ตลอดจนยามฝัน


    ตัวเราเหมือนคอมพิวเตอร์ ที่ดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆมาใช้งาน
    ทุกอย่างไม่มีลำดับ ไม่มีเวลา อยู่ที่เจตนา

    ยกตัวอย่าง ผมได้ดาวน์โหลดข้อมูล การเป็นช่างก่อสร้างว่าต้องทำยังไง
    ได้เหนี่ยวนำข้อมูลการปลูกบ้าน ทั้งยามตื่น และยามฝัน จากอารมณ์ ความคิด จินตนาการ จนออกมาเป็นวัตถุธาตุ (ช่วงนี้จะมีฝันเรื่องนี้เรื่อยๆ เพราะกำลังสร้างงานศิลปะชิ้นนึงอยู่ครับ)

    ตามปกติถ้ามองตามลำดับขั้นตามเหตุและผล ในกาลเวลา
    เราจะเรียงลำดับการก่อสร้างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น ลงเสา-ก่ออิฐ-ฉาบปูน-ทำรั้ว-ติดกระจก-ติดเหล็กดัด-ทาสี-ปูพื้น-ฯลฯ

    แต่ในแง่ความฝัน ที่เป็นความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในโลกที่ไม่มีกาลเวลา ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันหมด

    จากข้อมูลในฝัน ถ้านำมาเรียงเป็นเส้นทางกาลเวลา

    จะเรียงเป็น บ้านสร้างเสร็จแล้ว-หาเงินมาสร้าง-จัดสวน-ติดไฟ-ลงเสา-ฉาบปูน-ก่ออิฐ-ทำรั้ว-ฯลฯ

    มองดูในมุมมองของเรา มันไม่มีเหตุมีผลเลยใช่มั๊ยครับ
    แต่ที่ไม่มีเหตุมีผลนี่แหละ คือโลกแห่งความเป็นจริง เป็นวิธีการ คือความมีเหตุมีผลที่อยู่นอกเหนือมุมมองจำเพาะของตัวตนภายนอก

    เมื่อดำเนินตามเส้นทางกาลเวลา ทุกอย่างจะค่อยๆเผยออกมาเป็นลำดับขั้นตอน ที่ต้องทำสิ่งไหนก่อน สิ่งไหนหลังจริงๆ

    จากพิมพ์เขียวภายในความฝันทั้งหมด
    ข้อมูลดังกล่าว ทำให้รู้ว่าต้องทำตรงไหนบ้าง ต้องเพิ่มตรงไหน ต้องลดตรงไหน ต้องป้องกันตรงไหน เพราะเราจะเห็นข้อมูลที่เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ไปปิดกั้นมันซะก่อน จากความเป็นเหตุเป็นผลจำเพาะของเราเอง

    ฝากกลอนดีๆมีความหมาย ของเพื่อนทั้งสองท่านนะครับ ลองทายดูซิว่าใครแต่งบทไหน และใครนำบทไหนมาฝากครับ

    **********************
    จักรวาลนั้นกว้างใหญ่แผ่ไพศาล

    เป็นบ่อเกิดแห่งพลังงานอันยิ่งใหญ่
    จากศูนย์รวมที่เคยร่วมทุกดวงใจ
    จิตวิญญาณล้วนแยกย้ายจากกันมา

    ต่างก็เลือกทางเดินที่หลากหลาย
    ต่างก็มีจุดมุ่งหมายที่ปลายฝัน
    ต่างก็คอย..เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนกัน
    ต่างจิตต่างมุ่งหมายมั่นฝ่าฟันไป

    เพื่อมาเติมเต็มแห่งประสบการณ์
    เพื่อบรรลุรากฐานที่ยิ่งใหญ่
    เพื่อมาเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นไป
    ตามประสงค์แห่งไซร้...จิตวิญญาณ

    **********************


    ตัดทอนมาบางส่วนครับ


    ร่างกายว่างเปล่า
    จะถูกเติมเต็ม และก่อกำเนิดใหม่
    ไม่จำเป็นที่จะออกไปค้นหา
    ไม่จำเป็ฯที่จะฝ่าข้ามผืนทะเล
    เพราะฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
    ที่อยู่ในตัวฉันเอง
    ฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
    ที่จะอยู่กับฉันตลอดไป

    ;aa19
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เดี๋ยวนี้ชาวห้องวิทย์แต่งกลอนกันเก่งๆนะครับ
    ซึมซับตัวตนนักกวีจากจิตวิญญาณต่างร่างฯกันมาแบบไม่รู้ตัว..
    คุณเดรดแต่งได้เข้าทีครับ นึกถึงให้ที่คุณจินต์ฯเคยแต่งไว้เลย
    อันนี้เอามาจากเพลงการ์ตูน Spirited Away
    ยังไม่เคยแต่งกลอนสดๆแบบนี้ครับ ไม่ถนัด อิอิ

    บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียก
    จากส่วนลึกในใจฉัน

    ฉันอาจจะตกอยู่ในห้วงฝัน
    ความฝันที่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ได้
    ผ่านน้ำตากี่ร้อยพันหยด
    แห่งความโศกเศร้ากี่ร้อยพันอย่าง
    แต่ฉันรู้ว่าในอีกฝั่งหนึ่ง ฉันจะได้พบเธอ

    ทุกครั้งที่เราล้ม
    เราจะมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน
    และระลึกว่าฟ้ายังเป็นสีฟ้า
    เหมือนครั้งแรกที่ได้มอง
    ทางสายเปลี่ยวนี้อาจจะยาวไกล
    และไม่อาจเห็นปลายทาง
    แต่ฉันสามารถรับสัมผัส
    แห่งแสงที่โอบล้อม ด้วยสองมือและหัวใจ

    ยามฉันเอ่ยคำลา
    หัวใจฉันหยุดนิ่งในสัมผัสละมุน
    ร่างกายว่างเปล่า
    เริ่มระลึกถึงสิ่งจริงแท้ในความสงัด
    ความหมายของการดำรงอยู่
    ความหมายแห่งการดับสูญ
    สายลม เมืองและดอกไม้
    ทุกสิ่งล้วนมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน

    บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียก
    จากส่วนลึกในใจฉัน
    จงเรียนรู้ที่จะฝัน
    และเก็บรักษามันไว้
    อย่าพร่ำบ่นถึงความเศร้าโศก
    หรือความเจ็บปวดใดในชีวิต
    จงใช้ริมฝึมากเดียวกัน
    ขับขานบทเพลงหวาน ให้กับตัวเอง

    เสียงเพรียกแผ่วเบา
    ของทุกความทรงจำที่เลือนหาย
    จะคอยนำทางเธอเสมอ
    แม้แต่เศษกระจกแตกร้าว
    กระจัดกระจายบนพื้นดิน
    ยังสามารถสะท้อนภาพชีวิตใหม่ได้
    หน้าต่างแห่งชีวิต
    นิ่งเงียบในแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ...


    ร่างกายว่างเปล่า
    จะถูกเติมเต็ม และก่อกำเนิดใหม่
    ไม่จำเป็นที่จะออกไปค้นหา
    ไม่จำเป็นที่จะฝ่าข้ามผืนทะเล
    เพราะฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
    ที่อยู่ในตัวฉันเอง
    ฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
    ที่จะอยู่กับฉันตลอดไป***

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2008
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    จิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกอื่น มิติอื่นอยู่ตลอดวันเวลาอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่เราขาดสติสัมปชัญญะอันคมชัดที่จะรู้เห็นการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อเหล่านั้นได้

    การจดจ่อแต่เพียงโลกทางกายภาพแต่เพียงโลกเดียวมิติเดียว ทำให้เราจำกัดตนเองที่จะรู้เห็นต้นกำเนิดของทุกข์ และประสบการณ์ชีวิตในแง่ลบที่เกิดขึ้นกับเราทั้งหมด

    ความคิดที่ว่า หากเรายังทุกข์อยู่กับโลกปัจจุบันที่เราดำเนินชีวิตอยู่ โดยไม่สามารถเข้าใจมันได้ โอกาสที่เราจะเปลี่่ยนวิถีการจดจ่อไปรับรู้โลกอื่น-มิติอื่น อันเป็นต้นกำเนิดของทุกข์ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หรือทำไม่ได้เลย เป็นความคิดหรือความเชื่อที่ปิดกั้นเราไม่ให้สามารถเข้าถึงรากเหง้าหรือต้นเหตุของความทุกข์ของตนเอง เพราะถ้าหากเราตระหนักได้ว่า เมื่อเราเข้าถึงรากเหง้าหรือต้นเหตุของทุกข์ของตนเองได้ เราจะกำจัดมันได้ เราคงไม่ปฏิเสธและไม่ใช้ความพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าให้ถึง นอกเสียจากว่าเราจะตระหนักไม่ได้และเชื่อว่าเราปราศจากพลังอำนาจที่จะกำจัดทุกข์ได้ด้วยตนเอง และเชื่อว่าทุกข์ทั้งหลาย รวมทั้งประสบการณ์ชีวิตในแง่ลบ ไม่ได้เกิดแต่ภาวะจิตของตนเอง แต่เกิดจากปัจจัยภายนอกตัวตนของเรา ซึ่งเราไม่สามารถจะควบคุมได้

    พระพุทธองค์ได้สอนให้เราดำเนินชีวิตด้วยทางสายกลาง โดยดำเนินชีวิตด้วยมรรคแปด โดยละเว้นที่จะดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ทุ่มเทกับการสนองความต้องการทางกายภาพ จนกระทั่งไม่ใส่ใจกับจิตวิญญาณ และในทางตรงกันข้าม ก็ให้ละเว้นที่จะดำเนินชีวิตที่ทุ่มเทไปกับการพัฒนาจิตวิญญาณ จนกระทั่งละเลยภาวะทางกายภาพ

    พี่นักเขียนขอนำมรรคแปดมาให้คุณน้อง Kindred และพวกเราลองพิจารณาดู เพราะจะทำให้เข้าใจได้ว่า ทางสายกลางนั้นเป็นวิถีชีวิตที่เหนี่ยวนำให้เราเข้าถึงภาวะทางกาย ทางจิต และจิตวิญญาณ หรือเข้าถึงโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ อันได้แก่โลกหรือภาวะทางกายภาพ โลกหรือภาวะทางจินตภาพ และโลกหรือภาวะทางจิตวิญญาณได้พร้อมกันหมด

    หมวดศีล - ครอบคลุมโลกหรือภาวะทางกายภาพ
    1. Right Speech (สัมมาวาจา) วาจาชอบ
    2. Right Action (สัมมากัมมันตา) ประพฤติชอบ
    3. Right Livelihood (สัมมาอาชีวะ) ประกอบอาชีพชอบ


    หมวดสมาธิ - ครอบคลุมโลกหรือภาวะทางจินตภาพ
    4. Right Effort (สัมมาวายามะ) เพียรชอบ
    5. Right Mindfulness (สัมมาสติ) มีสติชอบ
    6. Right Concentration (สัมมาสมาธิ) มีสมาธิชอบ


    หมวดปัญญา - ครอบคลุมโลกหรือภาวะทางจิตวิญญาณ
    7. Right View (สัมมาทิษฐิ) ทำความเห็นให้ชอบ
    8. Right Thought (สัมมาสังกัปปะ) คิดชอบ


    หากแปลตามภาษาอังกฤษจากคำว่า Right แทนที่จะแปลเป็นไทยโดยใช้คำว่า ชอบ
    พี่นักเขียนคงจะขอแปลคำว่า Right ว่าหมายถึง การทำให้ถูกต้องโดยชอบธรรม หรือ เป็นไปตามความเป็นจริง อย่างตรงไปตรงมา ถูกเป้าหมาย

    สองหมวดแรกคือ ศีล กับ สมาธิ
    พวกเราคงมองเห็นได้ไม่ยากว่า ล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับภาวะทางกายภาพและจินตภาพ หรือเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม


    หมวดที่สามคือ ปัญญา
    เป็นหมวดที่ครอบคลุมภาวะทางจิตวิญญาณ เพราะแก่นแท้ของจิตวิญญาณ คือ ปัญญา-ความรู้ จิตวิญญาณที่ปราศจากความเชื่อคือต้นกำเนิดของความรู้ทั้งปวง ในหมวดนี้ คำว่า Right View (สัมมาทิษฐิ) ทำความเห็นให้ถูกต้อง คือการเปลี่ยนความเชื่อในทางที่ผิดให้เป็นความรู้ที่ถูกต้อง และ Right Thought (สัมมาสังกัปปะ) การคิดในสิ่งที่ถูกต้อง คือการใช้ความคิดไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อตนเองและผู้อื่น

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอๆว่า เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง และ จินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหมดท่านจึงแนะนำให้เรารู้จักใช้ความคิดไปในทิศทางที่ดีเสมอ เพื่อก่อเกิดประสบการณ์ชีวิตในแง่ดีให้กับตนเองและผู้อื่น

    เมื่อกล่าวถึงการฝึกสมาธิ การฝึกสติสัมปชัญญะให้คมชัด
    การมีสมาธิ หรือมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดจะช่วยให้เราตระหนักได้เสมอๆว่า ความคิดของเรากำลังเป็นไปในทิศทางใด มันกำลังเป็นไปในแง่ลบหรือบวก และมันกำลังก่อเกิดประสบการณ์หรือเหนี่ยวนำประสบการณ์ใดมาสู่ชีวิตของตนเอง

    คำกล่าวที่ว่า จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกอื่น มิติอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น ไม่ใช่ส่ิงที่ลึกลับไกลตัวเลย เมื่อใดที่เราปล่อยให้ความคิดพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะล่องลอยไปกับความคิดในแง่ลบ จิตวิญญาณพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะของเรากำลังเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกอื่น มิติอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น และเผชิญกับประสบการณ์เหล่านั้นด้วยความคิด หรือจินตภาพ เราเพียงแต่เชื่อว่า มันเป็นเพียงความคิดที่ไม่มีตัวตนเท่านั้น และเราก็ยังเชื่ออีกว่า ความคิดเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นและไม่มีผลอะไรต่อชีวิตของตนเองหรือผู้อื่น

    ในทางตรงกันข้ามท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวว่า ความคิดมีโลกที่มีความเป็นจริง และจริงจังกว่านั้นมาก เพราะมันคือต้นกำเนิดของความเป็นไปได้ ที่จะเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงที่เรารู้จัก

    ความสำคัญของการมีสติที่จะติดตามการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่สิ่งลี้ลับไกลตัว เพราะมันคือการติดตามความคิดของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อชีวิตของเราทุกคน
    ความคิดที่เปลี่ยนไปตลอดวันเวลา โดยปราศจากการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยในการคิดแง่ลบ เป็นปัจจัยหลักที่นำทุกข์และความไม่สมปรารถนาทั้งปวงมาสู่ชีวิตของตนเอง
    (rose)

    [​IMG]
    What You Think,
    You Become.

    Gautama Buddha
     
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนได้รับ e-mail จำนวนมากมายจากผู้อ่าน ที่เขียนมาหาพี่นักเขียนเป็นระยะยาว คือ เขียนติตต่อกับพี่นักเขียนเป็นเวลาต่อเนื่องมายาวนานหลายสัปดาห์ หลายเดือน และบางรายก็กว่าปี ประสบการณ์จากท่านผู้อ่านหลายรายที่ติดต่อมาระยะยาว ทำให้พี่นักเขียนตระหนักได้ว่า

    แม้ว่าผู้อ่านทั้งหลายจะยอมรับข้อมูลความรู้จากหนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัยไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ผู้อ่านจำนวนมากก็ได้รับความรู้และประสบการณ์แตกต่างกัน โดยพอจะจำแนกได้เป็นสามพวกอย่างเห็นได้ชัด การแบ่งแยกความแตกต่างที่ปรากฏ ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งทางด้านความคิดเห็น แต่เกิดจากความแตกต่างของพฤติกรรมในการทำสมาธิโดยตรง

    ท่านผู้อ่านกลุ่มที่หนึ่งกล่าวว่า ได้ฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอมายาวนาน เข้าใจในข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะต้องใช้เวลาอ่านซ้ำๆหลายรอบ แต่ในที่สุดก็เข้าใจได้ และสัมผัสหลายสิ่งหลายอย่างได้ด้วยตนเอง
    _____________________

    ท่านผู้อ่านกลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่กล่าวว่า สนใจในการฝึกปฏิบัติ แต่ก็ไม่ได้ทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง แต่ตระหนักว่า ช่วงที่ทำสมาธิติดต่อกัน จดจำความฝัน และเข้าใจได้มากขึ้นเริื่อยๆ และทำให้เข้าใจในประสบการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นในสมาธิได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อห่างเหินการทำสมาธิไป การจดจำความฝันและความเข้าใจทั้งหลายก็ดูเสมือนจะลดลงเป็นเงาตามตัว
    ____________________

    ท่านผู้อ่านกลุ่มที่สาม คืิอกลุ่มที่กล่าวว่า สนใจในการฝึกปฏิบัติ แต่บางคนยังไม่เคยฝึก และบางคนกล่าวว่า-ฝึกแต่ไม่สำเร็จ บางสิ่งบางอย่างที่อ่านพบในหนังสือก็เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง และบางอย่างก็ดูเสมือนว่าจะยังไม่เข้าใจเอาเลย และบางครั้งก็ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเข้าใจได้ในภายหลัง แต่กลับรู้สึกว่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เลยไม่แน่ใจว่า ตนเองเข้าใจได้ถูกต้องหรือเปล่า

    ____________________

    พี่นักเขียนพิจารณาข้อมูลจากท่านผู้อ่านสามกลุ่มนี้ และทำให้ตระหนักว่า ช่องโหว่ของการแนะนำของพี่นักเขียนคือ การเน้นเกี่ยวกับการทำสมาธิ-น้อยเกินไป และเน้นเกี่ยวกับสาระของความฝัน -การจดจำ และการตึความหมายความฝันมากเกินไป จนทำให้ผู้อ่านจำนวนไม่น้อย จดจ่อกับการจดจำและตีความหมายความฝัน จนไม่ได้ใส่ใจกับการเตรียมความพร้อมให้กับสติสัมปชัญญะ ด้วยการฝึกทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ

    แม้ว่าพี่นักเขียนจะกล่าวว่า ตนเองเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่าง-จากสมาธิ มายาวนานก่อนหน้าที่จะมาฝึกฝัน และรับถ่ายทอดข้อมูลจากท่านอาจารย์อนาลัย เพื่อนำมาเขียนเป็นหนังสือชุดนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อฝึกฝันและรับข้อมูล พี่นักเขียนไม่ได้ทำสมาธิหรือใช้สมาธิเป็นปัจจัยอีกต่อไป

    ในทางตรงกันข้าม ความฝันกับสมาธิ กลายเป็นสิ่งเดียวกัน
    เพราะหากปราศจากภาวะจิตที่เป็นสมาธิ ความฝันอันพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัด
    จะเกิดขึ้นไม่ได้

    พี่นักเขียนอาจจะบกพร่องไป ที่ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนให้หลายๆท่านเข้าใจว่า เราจะต้องทำสมาธิก่อนนอน แม้วินาที่ที่จะล้มตัวลงนอน ก็ให้ประคองภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นไว้ เพื่อก้าวล่วงไปสู่ความฝันด้วยภาวะจิตที่เป็นสมาธิ มิฉะนั้นแล้วหากนอนหลับและฝันโดยปราศจากสมาธิ เราจะก้าวไปสู่ความฝัน-ตามปกติ อันได้แก่ความฝันที่เป็นไปโดยปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด เราอาจจดจำประสบการณ์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และทั้งหมดก็เป็นไปโดยปราศจากเป้าหมาย ปราศจากเจตนา และปราศจากการควบคุม

    การทำสมาธิ เป็นฐานและเป็นกลไกสำคัญ และเป็นปัจจัยหลักเพียงปัจจัยเดียว ที่จะทำให้เรามีความพร้อมที่จะจดจำความฝันได้ดี เผชิญกับความฝันได้ด้วยสติพร้อม และสามารถตีความหมายและสัญลักษณ์ที่ปรากฏในความฝันได้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ด้วยความเชื่อ

    สติสัมปชัญญะ เป็นทั้งกระบวนการ และ ผลลัพธ์ของการทำสมาธิ
    ที่ว่าเป็นกระบวนการนั้น เพราะเหตุว่า การทำสมาธิคือการใช้สติสัมชปัญญะในทิศทางที่เราไม่เคยใช้มาก่อน อันได้แก่ การใช้สติสัมชปัญญะ สำรวจและพิจารณาตัวของมันเอง


    ที่ว่าเป็นผลลัพธ์นั้น เพราะเหตุว่า หลังจากเราพิจารณาสติสัมชปัญญะ-ด้วย-สติสัมปชัญญะ
    อย่างสม่ำเสมอเป็นนิจ ผลลัพธ์ที่ได้คือ การแปลงสภาวะของสติสัมปชัญญะ โดยที่มันจะแปลงสภาวะจากการเป็นผู้กระทำ กลายเป็นผู้สังเกตการณ์การกระทำนั้นๆ

    สติสัมปชัญญะที่ได้รับการอบรม จะเกิดการขยายตัว คือแบ่งออกเป็นสองหน้าที่ ส่วนหนึ่งทำหน้าที่ตามปกติซี่งเรียกได้ว่า เป็นส่วนของผู้กระทำ อีกส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ คือติดตามรู้เห็นการกระทำของส่วนแรก

    สมาธิไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยกไปจากชีวิตของเรา เราทำสมาธิหรือฝึกสมาธิได้ทุกขณะจิต-นอกเบาะสมาธิ เช่น ในขณะที่เราทำกิจกรรมใดๆอย่างจดจ่อ เราสามารถแบ่งแยกสติสัมปชัญญะออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือผู้กระทำกิจกรรมนั้นๆ อีกส่วนหนึ่งคือผู้สังเกตการณ์การกระทำนั้นๆ ไม่ใช่มีเพียงสติสัมปชัญญะส่วนเดียวที่จมหายไปกับการกระทำจนไม่รู้ได้ว่า รอบตัวเรานั้นกำลังเป็นไปอย่างไร ซึ่งมักเกิดขึ้นกับเราได้บ่อยๆในขณะที่เราทำกิจกรรมใดๆอยู่ ในนัยที่เรามักเรียกว่า ทำได้อย่างจดจ่อ-มีสมาธิ

    แต่เราควรจะก้าวไปสู่อีกก้าวหนึ่ง คือ ขยายสติสัมปชัญญะออกไปสู่ส่วนของผู้สังเกตการณ์ ที่สามารถเฝ้าดูและพิจารณาส่วนที่จมหายไปกับการกระทำนั้นๆ และสามารถพิจารณาภาวะของส่วนแรกได้

    ในยามหลับ ก็ไม่ต่างกัน หากปราศจากการฝึกฝน สติสัมปชัญญะที่เราเคยชินก็จะก้าวล่วงไปสู่โลกของความฝันในฐานะผู้กระทำ โดยปราศจากผู้สังเกตการณ์ เราจึงจมหายไปในโลกของความฝัน และปราศจากความสามารถที่จะเปลีี่ยนแปลงแก้ไข หรือแม้แต่หยุดความฝัน เปลี่ยนความฝัน หรือก้าวออกจากความฝันนั้นๆได้ตามปรารถนา

    การฝึกสมาธิก็ดี การฝึกฝันก็ดี ในที่สุดแล้ว คือสิ่งเดียวกัน คือ การฝึกฝนสมาธิเพื่อให้มีสติสัมปชัญญะที่เป็นทั้งผู้กระทำและผู้สังเกตการณ์พร้อมๆกัน ทั้งยามตื่นและหลับ
    [​IMG]
    พี่นักเขียนหวังอย่างยิ่งว่า พวกเราชาวห้องวิทย์ฯที่ได้ให้ความสนใจในการแสวงหาความรู้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทั้งหลายทางด้านจิตวิญญาณ จะตระหนักได้เสมอว่า รากฐานของการพัฒนาความรู้ทั้งปวง จะบรรลุผลสำเร็จได้ - ด้วยการฝึกฝน

    การฝึกฝนที่เป็นจุดเริ่มต้น และจะต้องเป็นไปต่อไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีสิ่งอื่นใด คือการฝึกสมาธิ
    พี่นักเขียนตั้งใจไว้ว่า จะนำเอาวิธีการที่พี่นักเขียนใช้ฝึกฝน มานำเสนอในเร็ววันนี้ค่ะ ระหว่างนี้ขอพวกเราช่วยกันแนะนำการทำสมาธิให้กันและกันไปพลางๆก่อน เพราะเห็นว่าพวกเรามีพื้นฐานและรู้จักการฝึกปฏิบัติกันมาแล้วไม่มากก็น้อย บางท่านอาจฝึกฝนมายาวนานกว่าพี่นักเขียนด้วยซ้ำไปค่ะ
    (rose)
     
  14. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณ ค่ะ พี่นักเขียนที่รัก.......
    Kindred ได้คำตอบแล้วค่ะ;aa16
     
  15. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419

    ขอขอบคุณคุณพี่นักเขียนมากครับ พวกเราจะรอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการฝึกสมาธิจากคุณพี่นักเขียนครับ

    ไม่ทราบว่าเพื่อนๆท่านใดฝึกหรือปฏิบัติสมาธิอยู่บ้างครับ ลองมาแนะนำหรือเล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ ผู้ที่ยังไม่เคยทำหรือทำบ้างไม่ทำบ้างจะได้รู้และเตรียมตัวไว้ก่อน แล้วพอคุณพี่นักเขียนมาแนะนำจะได้ปฏิบัติไปพร้อมๆกันได้
     
  16. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    วิธีการฝึกสมาธิของผม เริ่มจากการถามตนเองว่า
    สติ คืออะไร สมาธิ คืออะไร
    สติ กับสมาธิ เกี่ยวข้องกันอย่างไร

    ผมจะฝึกสมาธินอกเบาะสมาธิซะส่วนใหญ่ครับ โดยการเฝ้าดูอารมณ์ ความคิด ว่าไปในทิศทางไหน และไปสร้างเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ต่างๆได้อย่างไร

    เฝ้าดูว่า เวลา ช่องว่าง ระยะทาง คืออะไร สร้างอุปสรรคต่อการเรียนรู้ยังไง
    แล้วเราจะละจากเวลา ช่องว่าง ระยะทาง ได้อย่างไร

    เฝ้าดูว่าอารมณ์ ความคิด ยามตื่น ไปสร้างสัญลักษณ์ในฝันได้อย่างไร
    และความฝัน สร้างโลกความเป็นจริงยามตื่นได้อย่างไร

    และก็เฝ้ามองว่า มีความเชื่อใดบ้างที่อยู่ในฝัน และมีความเชื่อใดบ้างที่อยู่ในยามตื่น
    เมื่อเห็นและเข้าใจก็วางความเชื่อ และก็ใช้ความเชื่อ โดยไม่ติดกับความเชื่อ

    วิธีที่ผมฝึก มีแค่นี้ครับ

    ในเรื่องการฝึกสมาธิ เพื่อนๆในที่นี้ ต่างก็ฝึกฝนมาอย่างช่ำชองอยู่แล้ว มาลองแชร์กันดูครับ ระหว่างรอพี่นักเขียนเข้ามาชี้แนะ
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เชื่อว่าหลายๆคนจะเริ่มจากความสงสัย+ความอยากรู้แทบทุกคนนะครับ
    เหมือนพวกเราต่างก็เป็นเด็กๆที่กำลังเรียนรู้หาคำตอบ จึงสนใจเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ
    คุณเซลล์ก็เริ่มจากการตั้งถามตนเอง เฝ้าดูความคิดและอารมณ์ ทั้งยามตื่น-ยามหลับ
    มองทะลุกำแพงความเชื่อ ค้นหาสาระอันแท้จริงของจิตวิญญาณและขยายให้เติบโตขึ้น

    ส่วนตัวคิดว่า มุมมองและทัศนคติต่อสิ่งที่เราเรียนรู้ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันครับ
    ผลงานหนังสือบางเล่มก็มีอิทธิพลและความหมายชนิดที่ต้องขอบคุณจากส่วนลึกครับ
    โดยเฉพาะหนังสือของพี่นักเขียนฯ ก็เน้นลงไปถึงการหยั่งลึกสู่ภาวะจิตของมนุษย์
    หากเราเข้าใจได้ถูกต้อง ก็จะเต็มเต็มช่องว่างที่ว่างนั้นให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
    การทำความเข้าใจกับ "เครื่องพราง" ก็ขยายขอบเขตความรู้ออกไปได้กว้างไกลจริงๆครับ
    ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นปัจจุบัน เหล่านี้ก็ถูกหล่อหลอมไปพร้อมๆกัน

    การทำสมาธิจึงเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเข้าถึงความคิดที่ควบคุมได้-สังเกตุได้
    จนเกิดสติที่คมชัด การตัดสินใจทั้งยามตื่น-ยามหลับก็ทำได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
    การฝึกฝนและสร้างความเข้าใจจึงเน้นไปที่การรักษาสติในชิวิตประจำวันครับ
    พวกเรามาแชร์ประสบการณ์ด้วยกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  18. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยังไม่มีเวลาเข้ามาคุยเลยค่ะต้องรีบเคลียร์งานก่อน เนื่องจากลาพักร้อนจะไปทำสมาธิซัก 5 วัน จะออกเดินทางเย็นนี้แล้วค่ะ เดี๋ยวพี่จินต์คงมาให้คำแนะนำนะคะ..;welcome2
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณครับพี่นักเขียน พอดีเห็นคำว่า Gautama Buddha เลยลองไปค้นดู
    ไปเจอภาพยนต์เรื่อง Little Buddha คงจำกันได้นะครับ แต่เอามาลงไม่เป็น

    How did Gautama Buddha reach Enlightenment (Nirvana)?
    http://www.youtube.com/watch?v=MTbVVbDpGzM
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  20. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/MTbVVbDpGzM&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true">

    ช่วยคุณ mead ลงครับ ;welcome2
     

แชร์หน้านี้

Loading...