เปิดกรุคตปรอท ลป.ละมัยครั้งใหญ่ หน้า12....ราคาพิเศษสุด หัวแหวนเหลือ 35 แบบก้อนปรอทเพชรทองเหลือ 49 ก้อน

รับทราบการโอนเงินของคุณ maxico ครับผม

 

เป็นเรื่องน่าสนใจครับที่ท่านพระอาจารย์วิรัช โอภาโส เล่าถึงหลวงปู่ครับ
copy มาให้อ่านเลยแล้วกันนะครับ

เรื่องที่ ๕ หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน อายุประมาณ ๑๔๒ ปี (ท่านบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๒ ปี บวชนาน ๒๒ พรรษา และบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่ออายุ ๓๔ ปี เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๓ ถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเวลา ๑๐๘ พรรษา ) แห่งสำนักสวนป่าสมุนไพร จังหวัดเพชรบูรณ์ อาตมาไปกราบคารวะและสนทนากับท่านครั้งแรกกลางปี พ.ศ.๒๕๔๖ ปีนั้นสร้างกุฏิเสร็จก็อยู่ลำพังองค์เดียว หลวงปู่ถามว่า “อยู่วัดไหน?” ตอบว่า “อยู่ตำบลนาเฉลียง ใกล้ถ้ำโถ เพิ่งสร้างสำนักใหม่”หลวงปู่ก็หยิบกระดาษขาวมาหนึ่งแผ่น เอาปากกาเขียนวงกลมแรกและพูดว่า “นี่ถ้ำโถ” เขียนอีกวง “นี่เขาพระ สำนักท่านอยู่ตรงไหน?” อาตมาก็ทำวงกลมห่างออกมา บอกว่ามีภูเขาใหญ่อยู่หลังกุฏิ ท่านก็พูดว่า “บริเวณภูเขาแถวนี้ทั้งหมด ภูเขาที่อยู่หลังกุฏิท่าน (อาตมา) สำคัญที่สุด”ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อ ๒๐กว่าปี เดินมาทางภูเขาลูกนี้ หลวงปู่สีทัศน์ผู้มีแขนสั้นแขนยาวสำเร็จพระอรหันต์มานานแล้ว เดินสวนออกมา หลวงปู่สมัยจึงถามว่า “หลวงตามาจากไหน?” หลวงปู่สีทัศน์ตอบว่า “เขาพนมฉัตร”ท่านเล่าอีกว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผมเดินเข้าไประหว่างถ้ำโถและเขาพระ พบหลวงปู่โลกอุดรเดินสวนออกมา ถามว่า “หลวงตามาจากไหน?” ตอบว่า “เขาพนมฉัตร”หลวง ปู่อธิบายว่า ที่เขาว่าเขาพนมฉัตร อยู่ทางเขาค้อไม่ใช่เขาปู่เขาย่า ทางเขาค้อก็ไม่ใช่ ต้องเลยถ้ำโถไปจึงเป็นเขาปู่เขาย่าแท้ เขาพนมฉัตร ถ้าอยู่ตรงกุฏิหลวงปู่มองเห็น แต่พอเข้าใกล้กลับหาไม่เจอ ท่านบอกว่าเป็นภูเขา ๗ ลูก ลูกกลางเป็นรูปพนมมือ มีภูเขา ๖ รูปล้อมรอบ ท่านเล่าอีกว่า เขาพนมฉัตรอยู่เลยจากบริเวณสำนักสงฆ์ธรรมยานไม่ไกล แต่เข้าไปแล้วหลายหน หาทางเข้าไม่เจอ มันเป็นอีกมิติหนึ่ง แต่ไม่ใช่เมืองลับแลท่านยังเล่าอีกว่า เคยไปจำพรรษาในถ้ำเขาพนมฉัตร ๓ เดือน ช่วงนั้นอายุยังไม่มาก เพิ่งบวชเป็นพระไม่นานนัก เพราะบวชเป็นสามเณรตั้งแต่เล็กจนถึง ๒๒ ปี จึงบวชเป็นพระธุดงค์มาตลอด เมื่อเป็นพระหนุ่มๆก็ธุดงค์ไปหลายประเทศ มี ๔-๕ ประเทศใกล้ๆกัน ธุดงค์วนไปวนมา ก็วนเข้าไปในถ้ำเขาพนมฉัตร เข้าไปในนั้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๘ หลวงปู่บอกว่า ถ้านับจากปีพ.ศ. ๒๕๕๑ ปีนี้ก็ราวๆ ๙๐ ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ที่เข้าไปจำพรรษาถ้ำเขาพนมฉัตรท่านยังบอกอีกว่า ที่นี่แปลก จะเข้าจุดไหนก็ได้ทุกจุดในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์
๑. ถ้าเข้าทางเขื่อนป่าแดง ในเขตอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ระยะประมาณ ๘ กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมงครึ่งก็ถึง
๒. ถ้าเข้าทางอำเภอหล่มเก่า ๒ ชั่วโมงก็ถึง
๓. ถ้าเข้าทางอำเภอชนแดน เข้าถึงเขาหินหลัก เข้าไปอีกประมาณ ๑๙ กิโลเมตรก็ถึง
๔. ถ้าเข้าทางถ้ำโถก็ไปได้ (แต่เคยเข้าทางนี้หาทางไม่พบแล้ว)
หลวงปู่เล่าว่าตอนเดินธุดงค์สมัยนั้น เดินไปรู้สึกว่าไม่ไกล พอเดินๆไป ๕-๖ โมงเย็น ก็เดินเข้าถึงเขาพนมฉัตร เข้าไปถึงก็เข้าพรรษาพอดี พอวันเข้าพรรษา จึงพบพระอรหันต์และสามเณรอรหันต์อยู่ในเขาทั้ง ๗ ลูก วันที่มาประชุมกัน มีพระอรหันต์เป็นพันรูป พระเหล่านี้สำเร็จด้วยธาตุ พระที่อยู่ในนี้ใช้ผ้าเพียงสามผืน สามเณรใช้ผ้าสองผืน ไม่มีสังฆาฏิ พระในนั้นนุ่งห่มผ้าจีวรเป็นผ้าไหมแพรสีคล้ำๆ ออกมันๆหน่อย อย่างที่หลวงปู่ใส่อยู่ประจำอาตมาจึงถามท่านว่า“อยู่ในนั้นได้อาบน้ำกันไหม?” ท่านว่า“อาบ”ในนั้นมีลำน้ำใสสะอาด น้ำเรียบเสมอกันหมด ไม่ลึกไม่ตื้น ที่นี่มีแต่สัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ ไม่เบียดเบียนกัน ภายในถ้ำคล้ายถ้ำตาหม้อ เป็นหินอ่อน ไม่มีค้างคาว ดูเย็น เกลี้ยง สะอาด หินในนั้นตีดังคล้ายฆ้องระฆัง หินเป็นก้อนๆ คล้ายอยู่ที่อำเภอศรีเทพ หินขาวในถ้ำ หินกลับมีชีวิตขึ้น เป็น สัตว์จำแลง เป็นสัตว์ตัวใหญ่ เป็นสัตว์ปลอม ถ้าเป็นสัตว์
เล็กๆเป็นสัตว์แท้ ท่านว่าไม่เหมือนที่ประเทศเขมร มีภูเขาที่สำคัญคือ เขาแปดเหลี่ยม ที่นั่นเป็นที่บำเพ็ญเพียร มีผู้มาบำเพ็ญเพียรมาก มีสัตว์ดึกดำบรรพ์น่ากลัวมาก อย่างเช่น ตะขาบ ตัวกว้างขนาดผืนเสื่อ ลำตัวยาวแบบตู้รถไฟ สัตว์ใหญ่ๆที่นั่น เป็นสัตว์จริง เคยไปอยู่ที่นั่นมา ๖ ปี เวลาจำวัด ก็จำวัดบนหิน ไม่ได้กางกลดอะไร ที่ใครก็ที่องค์นั้น คนหรือชาวบ้านแถวนั้นทำม้านั่งให้ก็มี เขาพูดกันได้ทุกภาษา เวลาเขาทำธุระ เขาคุยออกเสียง พระที่อยู่ในนั้นไม่ค่อยคุยกันทางปาก ถ้าคุยก็คุยเป็นภาษาบาลีและสันสฤกต พระออกบิณฑบาตน้อย บ้านชาวบ้านเป็นกระต๊อบหลังน้อยๆ ไม่มีเด็ก มันเป็นอีกมิติหนึ่ง เมื่อบิณฑบาตเสร็จ ต่างองค์ต่างอยู่ พระพูดหลายภาษา มาจากหลายประเทศ ภาษาที่ใช้สื่อกันหนักไปในทางภาษา ฮินดู พูดบาลีและสันสกฤตกลายๆ วันสวดปาฏิโมกข์ พระอรหันต์มาประชุมรวมกันเป็นพันรูป มันเป็นอีกมิติหนึ่ง อยุ่ในนั้นประชุมกันเป็นพันรูป มีแท่นสำหรับพระอาวุโสขึ้นเป็นองค์สวด ปาฏิโมกข์ แต่ที่นั่นไม่ต้องทำวัตรเช้า-เย็นท่านบอกว่า “ที่เข้าไปอยู่ในถ้ำเขาพนมฉัตร จะว่าฝันก็ไม่ใช่มีแต่เราองค์เดียว พระอรหันต์อยู่กันเป็นพันรูป มันเป็นอีกมิติหนึ่ง อยู่ในนั้นประชุมกันทั้งหมด ๖ ครั้ง ครบ ๓ เดือน ออกพรรษาพอดีหลังจากจำพรรษาครบ ๓ เดือน วันที่ออกพรรษา ตื่นเช้าก็ไหว้พระ พอไหว้พระเสร็จ ก็แค่คิดในใจเท่านั้น คิดว่าวันนี้เราจะกลับออกไปจากถ้ำ ก็มีพระอรหันต์รูปหนึ่งอายุ ๓๐ กว่าๆ ยังดูหนุ่มอยู่ ก็มาถามว่า “หลวงพี่จะกลับออกจากถ้ำ หรือ ผมจะพาออกไปส่ง”ก็เดินออกมาด้วย กัน ครู่เดียวครึ่งชั่วโมงถึงวังเวียง พระที่มาด้วยกัน พูดว่าผมส่งแค่นี้ พอหันหลังกลับไป ก็มีคนเดินคุยกันมา ๒-๓ คน ถามว่า “ที่นี่ที่ไหน?” เขาตอบว่า “วังเวียง”ประเทศลาว ซึ่งห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ ๘๐ กิโลเมตรเท่านั้นพอออกจากถ้ำ เขาพนมฉัตร ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ก็ป่วยไปอยู่ประเทศลาว ไปพักวัดที่มีเจดีย์ ชื่อวัดไชยะพูมาราม (วัดใหญ่) แล้วก็ไปสักยันต์ไว้ที่ต้นขาขวา (หลวงปู่เปิดยันต์ให้ดู) อาตมาถามว่า “เพื่อนๆหลวงปู่สมัยเป็นสาม เณรอยุ่มาถึงบัดนี้มีไหม?” หลวงปู่บอกว่า “เหลือ ๑ องค์ เพื่อนองค์สุดท้ายหนีไปอยู่ดาวพระเคราะห์ ตอนที่ยังอยู่ก็สร้างปราสาทหลังเล็กๆ อยู่ในหุบเขาเป็นป่าแถบผา เวียง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พอท่านไปอยุ่ดาวพระเคราะห์ ท่านยกเอาปราสาทไปด้วย ที่ ตรงนั้น ปัจจุบันเลยกลายเป็นสระใหญ่ๆ”หลวงปู่ลมัยมาเยี่ยมสำนักสงฆ์ธรรมยาน นั่งรถชมบริเวณทั้งหมด และไหว้พระ และบอกว่า “ต่อไปที่นี่จะเจริญ มาก” (หลวงปู่ลมัย เล่าเรื่องเขาพนมฉัตรให้อาตมาฟังไม่น้อยกว่า ๕-๖ ครั้ง และครั้งล่าสุด คุณอรทัย-รังสี ปรมัตตานนท์ พร้อมลูกสาว-ลูกเขย และเพื่อนรวม ๕ คน มาชวนอาตมาไปกราบหลวง ปู่ อาตมาจึงสัมภาษณ์เรื่องนี้อีก เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๑)และเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หลวงปู่ลมัยได้เมตตามาเยี่ยมที่สำนักสงฆ์ฯ พร้อมกับพาโยมย่ามแดง มาให้รู้จักกัน ท่านบอกกับโยมย่ามแดงว่า “รู้จักกันไว้ซะ ต่อไปโยมมาช่วยสร้างที่นี่บ้าง ที่นี่เป็นที่สมควรมาช่วยมาก เป็นแดนอรหันต์เชียวนะ” (หลวงปู่คงหมายถึงอรหันต์ที่ท่านพบในแถบ นี้มาก่อน)หลวงปู่ลมัยได้สนทนากับอาตมาชั่วโมงกว่า ก่อนกลับท่านเมตตามอบเงินให้อาตมา ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อสร้างวิหารทาน นับว่าเป็นสิริมงคลแก่อาตมาเป็นอย่างมาก ที่หลวงปู่มาเยี่ยมเป็นวาระที่สอง (ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๕๐ )

 

ธรรมะหลวงปู่ละมัย

การกราบพระ
กราบครั้งที่ 1 - กราบพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
กราบครั้งที่ 2 - กราบพระธรรมเจ้า ตั้งแต่ อดีจ ปัจจุบัน และอนาคต
กราบครั้งที่ 3 - กราบพระสงฆเจ้า ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ครู
มีโยมมากราบหลวงปู่ บอกหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ของเขา
หลวงปู่ตอบว่า
ครูมีอยู่ 6 คน
1. ตา
2. หู
3. จมูก
4.ลิ้น
5.กาย
6.ใจ

การคิด

"อดีตอย่าไปคิดแม่มัน
อนาคตไปคิดหาส้นตีนอะไร
ดูแต่ปัจจุบันนี่"

การทำบุญ

มีโยมมาบอกหลวงปู่ว่าชอบทำบุญ...

หลวงปู่ - "ทำบุญ ทำยังไง"
โยม - "ก็... ทำด้วยใจค่ะ ทำแล้วสบายใจก็เป็นบุญ"
หลวงปู่ - "ถ้าทำบุญแล้วสบายใจ เอ็งไปขี้ก็สบายได้แล้ว มันก็แค่บรรเทาทุกข์ ทำบุญจริงๆมันต้องฆ่าสัตว์!!"

(ถึงตรงนี้ ผมกำลังจะรอฟังว่า "ทำบุญต้องฆ่าสัตว์" แปลว่าอะไร ก็มีโยมคนอื่นมาแทรกพูดเรี่องงานทอดกฐินซะก่อน เลยไม่ได้รู้กันว่า ทำบุญต้องฆ่าสัตว์แปลว่าอะไร อาจจะหมายถึงฆ่าความเป็นสัตว์ ความไม่ดีในใจเรา หรืออาจมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อนๆก็ลองใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองปริศนาธรรมของหลวงปู่ตรงนี้เอาดูเองนะ ครับ)

การภาวนา

เอาแค่"นิจจัง"ก็พอ "นิจจัง" แปลว่า "จริง" ใช้อย่างอื่นจิตมันดิ้นไปมาได้ แต่ถ้านิจจังมันไม่ดิ้น มันไปไหนไม่ได้ โลกนี้มันมีอยู่แค่นั้น

"จริง" เป็น "โลกียะ"
"ไม่จริง" เป็น "โลกุตระ"

(ตรงนี้เป็นปริศนาธรรมที่ลึกซึ้งมากครับ เพราะปกติเราจะสอนกันว่าโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่จริงแท้ แต่หลวงปู่ให้ดู"นิจจัง" ความเที่ยง ความจริงแท้ แล้วตอนท้ายหลวงปู่ยังมาสลับอีกรอบว่า "จริง" เป็นแค่โลกียะอีก ลองพิจารณากันดูนะครับ จริงไม่จริง... จริงไม่จริง...)

หลวงปู่บอกว่า - การภาวนาน่ะ ทำท่าไหนก็ได้ ไม่ต้องไปนั่งตัวตรงเป๋ง ขัดสมาธิแบบที่ใครๆมันบอก เอาที่มันสบาย ดูตาคูณสิ (หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่) เค้านั่งยองๆ รู้รึเปล่าว่า ที่เค้านั่งยองๆน่ะ เค้ากำหนดจิตไว้ที่ฝ่าเท้า เค้าถึงได้มีกำลังจิตขนาดนั้น สมเด็จโต เค้าก็เอากำปั้นมาซ้อนกัน มันสบาย เค้าก็เอาแบบนั้น ท่าไหนก็ได้ จะนั่ง จะเอน จะพิง เอาให้มันสบาย..."

 

9999999999998

 

9999999999999999999999999

 

ขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจ......ดีใจครับที่ได้มีโอกาสเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่คตปรอทในครั้งนี้ในราคาไม่สูงเพราะเป็นที่อื่นคงหาแบบนี้ยากแหละครับ ท่านใดได้ไว้บูชาก็ขอให้หมั่นปฏิบัติบูชา หมั่นสวดมงคลจักรวาลใหญ่(ตามที่ท่านเจ้าของบอกมา)อย่าได้ขาดนะครับ....และที่สุดก็คือ ต้องระลึกถึงหลวงปู่ละมัย ฐิตมโน ด้วการสวดนามท่าน คือ "เปสะกะ"แล้วจึงตั้งจิตอธิษฐานเอาตามปราถนาเลยนะครับ แล้วท่านจะรู้เองว่าคตปรอท มีพลังงานดีอย่างไร......ขอบคุณทุกท่านและท่านที่คอยติดตามดิสเครดิสผมเสมอมานะครับ ไม่ต้องห่วงทองแท้ไม่กลัวไฟนะครับ

 

99999999999999999999999

 

77777777777777

 

9999999999999999999999

 

9999999999999999

 

ตามวาสนานาบุญนะครับผม.......แต่รับประกันให้ครับว่าท่านจะได้คตปรอทแท้สมัยหลวงปู่ดำรงสังขารอยู่ไปบูชาอย่าแน่นอนครับผม

 

แนะนำยิ่งสำหรับท่านที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา.....เพราะว่าคตปรอทเด่นสุดๆเรื่องอำนาจตบะเดชะครับ

 

99999999999999

 

99999999999999999999

 

999999999999999999

 

99999999999999999

 

99999999999999

 

999999999999999

 

[/url][/IMG]
[/url][/IMG]
ขอนำภาพคตปรอทเพชรที่สวนป่าฯที่พอหาได้นำมาเปรียบเทียบให้ดูนะครับว่าไม่แตกต่างกันเล๊ยยยบบครับ แต่ค่าบูชาผมก็ไม่รู้นะว่าตอนนี้เท่าไหร่กันแล้ว ถ้าท่านเจ้าของไม่มอบคตปรอทชุดนี้มาใก้เผยแพร่ ผมก็คงไม่มีปัญญาหาคตปรอทได้มากมายขนาดนี้หรอกนะครับ.....คำว่าปลอมคำว่าเก๊มีไหมเนี๊ยะ ตรงไหนหนอ55 ...... บางทีผมก็งงๆนะครับ ว่าลูกศิษย์ปู่ด้วยกันทั้งนั้นจะมานั่งดิสเครดิตกันทำมายยยยยทั้งๆที่ของๆผมหนะแท้ตาเปล่าอยู่แล้ว ทำไมไม่ช่วยกันเผยแพร่ของดีที่ปู่ยอมรับว่าดีจริงสู่สาธารณะให้คนทั่วไปได้ใช้ของดีราคาไม่แพงบ้างละครับ คนที่เค้ามีปัจจัยไม่เยอะจะได้พอบูชากันได้บ้าง ของดีไม่เห็นต้องแพงมากมาย.....เจ้าของคตเค้าแค่อยากนำคตที่เก็บไว้สมัยปู่พาไปทุบจากหินแล้วในห้วยปรอท ชุดหลวงปู่ท่านก็มอบไว้ให้เพื่อเป็นตัวแทนท่านยืนยันว่าคนนี้หนะของจริง.....ดังนั้นท่านที่บูชาคตปรอทไปจากผมก็ขอให้มั่นใจครับว่าของๆท่านแท้แน่นอน ใครในโลกจะมาทำได้ของแบบนี้ ก็ตามบุญวาสนาของแต่ละท่านหละครับเพราะผมเชื่อเหลือเกินครับว่าของทุกชิ้นเค้ามีเจ้าของทั้งสิ้นรอแค่เวลาที่จะได้มาเท่านั้นครับ

....สุขสวัสดีวันพระครับทุกท่าน.....

 

999999999999999999