เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ยืนยันการรับจอง สมเด็จวัดเทพากรของ ลพ.กวยไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ

 

ยืนยันการรับจอง พระพุทธกวักของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพังไว้แล้วครับ ใครมีก็ลองใช้บูชาดูนะครับ ขอบคุณครับ

 

พระแม่ธรณีบีบมวยผม เนื้อโลหะของวัดบ้านแค สร้างเข้าในพิธีปี2518 ขนาดฐานกว้าง 5 นิ้ว ลงสีเหลืองทอง ทาชาดแดง หลวงพ่อกวยจารกำกับรอบฐานทั้ง 4ด้าน ด้วยหัวใจพระแม่แม่ธรณี "โพ อะ วะ นิ ตะ ละ" และหัวใจคาถาต่างๆครบบริบูรณ์ และจารไว้บนองค์พระแม่ด้วย "เม กะ มะ อุ" เป็นสมบัติจากศิษย์ก้นกุฏิของ ลพ.กวย ยังได้ข้อมูลจาก อ.ทรง รอดเล็ก ผู้นั่งปลุกเสกในพิธีนี้ร่วมกับหลวงพ่อกวย(ตอนนั้นยังเป็นรองเจ้าอาวาส) ที่บอกเล่าให้ฟังว่า ในพิธีของวัดบ้านแคในปี18 มีการสร้างรูปหล่อหลวงพ่อกวย รูปหล่อพระแม่ธรณีและพระบูชาเข้าในพิธีมากหลายแบบรวมทั้งพระเครื่องแบบอื่นๆ เมื่อดูจากหลักฐานบนองค์พระแม่องค์นี้ ก็จะรู้ว่าเป็นของแท้และทันหลวงพ่อกวยแน่นอน ตำราสร้างพระแม่ธรณีของหลวงพ่อกวยสืบทอดมาจาก ลป.ศุขและลพ.อิ่ม วัดหัวเขา ถ้าจะหามาบูชาก็เลือกที่มีหลักฐานให้เห็นและพิสูจน์ได้ด้วยตนเองจะดีที่สุด

newmoon30 จองบูชาแล้ว

 

รับองค์นี้ครับ ขอบคุณครับ

 

ยืนยันการรับจองพระแม่ธรณีบีบมวยผม เนื้อโลหะ ขนาด 5นิ้ว ของวัดบ้านแคไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ

 

โชว์..พระกริ่งตุ๊เจ้าเสือดาว ที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกให้ด้วย จะตอกโค๊ตศาลาไว้ด้านหลัง

 

พระกริ่งเจริญลาภ ของหลวงปู่หมุน สร้างปี2542
มีจำนวนการสร้าง ดังนี้
-พิมพ์หล่อโบราณ (แขนตัน) เนื้อนวโลหะ 250 องค์
-พิมพ์หล่อโบราณ (แขนทะลุ) เนื้อนวโลหะ 50 องค์
-พิมพ์หล่อเหวี่ยง เนื้อนวโลหะ 699 องค์

 

มรดกของหลวงพ่อกวย

กว่าที่หนังสือมรดกหลวงพ่อกวยจะทำออกมาสำเร็จได้นั้น ทีมงานตะเวนไปหาลูกศิษย์ที่เคยอยู่กับหลวงพ่อกวยมาไม่น้อยกว่า 28ราย และกว่า 90%ของคนเหล่านี้ก็ไม่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในวงการพระเลยแม้แต่น้อย เขามีวัตถุมงคลเก่าๆที่หลวงพ่อเคยเมตตามอบให้สมัยก่อน อีกทั้งยังเคยสักยันต์ให้ด้วยตัวท่านเอง ซึ่งพระเครื่องหลายอย่างที่ผู้อาวุโสเหล่านี้มีอยู่กลับได้รับการปฏิเสธจากคณะผู้ทำหนังสือชุดก่อนๆ จะด้วยสาเหตุใดก็ไม่แน่ชัด แต่พระเครื่องหลายพิมพ์ที่ไม่เคยปรากฏในหนังสือพระมาก่อนหน้า กลับไปแขวนอยู่ในสร้อยพระประจำตัวของลูกศิษย์เก่าๆหลายคน อยู่กับลูกหรือคนในครอบครัวก็มี ยิ่งไปกว่านั้นคือ มีพระเครื่องเก่าๆหลายพิมพ์ไปอยู่ในครอบครองของลูกศิษย์ลูกหาที่หลายคนยุคนี้รู้จักกันดีว่าเป็นศิษย์ตัวจริงตลอดมา เช่นอาจารย์ทรง รอดเล็ก หรือคุณกมล พลพิทักษ์กุล(เสี่ยตี๋) คณะที่ทำหนังสือตั้งแต่ปี2540เป็นต้นมาก็เคยแวะเวียนไปขอข้อมูลและยืมวัตถุมงคลมาถ่ายภาพลง แต่บางเล่มก็สลับเอาภาพพระของคนทำลงไว้แทนก็ยังมี หนังสือที่เจตนาทำเพื่อเป็นแนวทางอนุรักษ์นับว่าดีต่อคนรุ่นหลัง แต่หนังสือที่ตั้งใจทำเพื่อเป็นแนวทางการขายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับการเข้าพบศิษย์หลวงพ่อกวยที่ทันยุคนั้น กว่าจะได้ออกมาเป็นข้อมูลต่างๆนั้นต้องใช้เวลาและแสดงความจริงใจให้ท่านเห็น ว่าเรานับถือและเคารพด้วยจริงใจ ไม่ใช่เข้าไปขอถ่ายรูปกับท่านเหล่านั้นเพียงครั้งเดียวแล้วเอามาโปรโมทเพื่อทำหนังสือเหมือนชุดเก่าๆที่เขาเคยทำกันมาก่อน แต่ทีมงานแวะเวียนเข้าออกพูดคุยนานเป็นปีๆกว่าจะได้ข้อมูลมาเรียบเรียงให้อ่านกัน มิได้ทำให้ผ่านๆเพื่อจบงานเท่านั้น และตลอดเวลานานกว่า40ปีที่ผ่านมา ข้อมูลศึกษาเก่าๆที่ถูกตีกรอบเดิมๆก็ไม่ได้รู้ความจริงที่เป็นข้อเท็จจริง แค่พูดตามกันและเล่นหาตามๆกันมาเท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความจริงทั้งหมด ทีมงานจึงได้เรียบเรียงเชื่อมโยงข้อมูลจริงๆ จากศิษย์ของท่านยุคนั้นออกมาเผยแพร่ ซึ่งสามารถสอบถามจากท่านเหล่านั้นได้เสมอเมื่อได้พบเจอ

นักสะสมและผู้ที่นับถือท่านจริงๆ ล้วนไม่มีปัญหากับการเล่นพระแบบมาตรฐานสากล และอยากให้มีแนวทางที่ชัดเจนถูกต้องเสียที เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกกลุ่มยึดถือเป็นแนวทางและใช้ได้จริงทั้งในวันนี้หรือวันหน้า ใช้ได้ทั้งเพื่อการขายและการอนุรักษ์ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการพระมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาคือ หาความสากลแบบมาตรฐานที่ถูกต้องไม่ได้จริงๆ แม้แต่หนังสือที่ถือเป็นเล่มมาตรฐานที่สุดของหลวงพ่อกวย ในเล่มเดียวกันเองก็ยังลงข้อมูลย้อนแย้งกันในตัวเอง ลองไล่ตรวจสอบดูได้เลยว่า เหรียญรุ่นแรกแบบนิยมสากล ที่เหรียญละหลักล้านบาทนั้น เห็นชัดเจนว่ามีมากกว่า1รูปแบบ พระสมเด็จพิมพ์พุทธกวัก หรือพิมพ์สิวลีก็มีหลายรูปแบบในหนังสือเล่มเดียวกัน ยังไม่นับพิมพ์อื่นๆอีกหลายอย่าง เมื่อนำหนังสือเล่มอื่นๆที่หลายคนถือเป็นสรณะมาเปิดเทียบเคียงจะพบว่า ข้อมูลมันไม่ชัดเจนมาแต่ต้นและไม่เคยมีคนสนใจจะแก้ไข เพียงได้แต่คัดลอกต่อๆกันไป แม้การแปลพระไตรปิฏกต้นฉบับก็ยังมีการสังคายนาแก้ไขให้ถูกต้องในยุคสมัยต่างๆเสมอมา แต่วงการพระกลับไม่คิดอะไรมากกว่า..สิ่งที่ขายได้คือแบบอย่างที่ดีแล้ว

หากไปไล่ย้อนดูเวปวัดโฆสิตาราม ที่เริ่มก่อตั้งขั้นมาเป็นอันดับแรกและเป็นฐานข้อมูลอย่างดีในเบื้องต้น นักสะสมที่เป็นสมาชิกก็ยังมีความเห็นขัดแย้งกันเอง จนแตกแขนงแยกเป็นเวปเหลือง-เวปแดงและเวปเขียว ด้วยสาเหตุอะไรคนวงในก็รู้กันดีอยู่กับใจตัว คำว่าสากลที่แท้จริงของคนที่นับถือศรัทธาและสะสม คือทุกคนต้องยอมรับได้แบบมีข้อยุติ และอีกเรื่องที่สำคัญมากแต่ทุกคนมองข้ามคือ พระเครื่อง-วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านเพียรพยายามสร้างขึ้นมานั้น เจตนาก็ไม่ได้สร้างมาไว้ให้ขาย แต่ตั้งใจทำไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้มีติดตัวคุ้มครอง ป้องกันภัย โดยอาจมีอีกหลายอย่างที่ท่านทำเอง ทำน้อยชิ้น แจกเฉพาะคน และไม่ออกสู่คนวงนอก ซึ่งจะไม่แพร่หลายกระจายเหมือนของจากโรงงานที่สั่งทำมาคราวละมากๆ แต่หนังสือหรือตำราต่างๆก็ขีดวงไว้เพียงรูปแบบที่หาเจอจากคนที่รู้จักหรือที่สะสมไว้เท่านั้น หนังสือทุกเล่มก็มาจัดทำกันทีหลังทั้งนั้น เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปในแนวทางที่พวกเขากำหนดว่าแบบนี้เป็นมาตรฐาน จะมีเล่มใดที่ทำในสมัยที่ท่านยังอยู่บ้างไหม ลองไปสอบถามคนในวงการพระเครื่องดูได้เลยว่า หนังสือเล่มไหนที่ทำออกมาโดยนักปลอมแปลงพระสายนี้ เล่มไหนทำออกมาโดยลูกศิษย์ยุคเก่า ถามเพิ่มอีกสักคำว่า..ระหว่างอาจารย์ทรง รอดเล็ก อดีตศิษย์ครอบครูและรองเจ้าอาวาสในสมัยหลวงพ่อกวย กับเซียนพระที่ทำหนังสือนั้น ควรให้น้ำหนักคำพูดของใครมากกว่ากัน

ดังมีนักสะสมรุ่นเก่าเคยกล่าวไว้ว่า “ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้เล่นพระมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคที่ใช้สนามหลวงเป็นเวทีซื้อขาย ซึ่งเวลานั้นข้อเท็จจริงในการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังของสมเด็จโต พรหมรังสี ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าท่านลงมือสร้างเมื่อใด แต่ก็มีผู้สันนิษฐานที่แอบอ้างว่ามีการสร้างจำนวนน้อย เช่นอ้างว่ามี 4 พิมพ์ทรง แต่ละพิมพ์ทรงมีเพียง 4-5 แบบบล็อกแม่พิมพ์เท่านั้น ซึ่งมีปัญหาว่าทั้งๆที่ผู้แอบอ้างว่ารู้ดีนั้นก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน ทำไมจึงไม่คิดว่าแนวการเล่นของกลุ่มตนเป็นการเล่นในแนวที่คับแคบ หลงผิด หรือเล่นเพื่อผูกขาดตัดตอน เคยคิดบ้างไหมว่าแนวทางที่เล่นนั้นผิด ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการทำลายบล็อกแม่พิมพ์อื่นๆ ที่สมเด็จโตสร้างขึ้นมา ”

ทั้งนี้มีคำพูดของนักสะสมอาวุโสที่พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "พระแท้หรือไม่แท้..อยู่ที่องค์พระ ไม่ได้อยู่ที่คนดู ผู้ที่ได้รับพระเครื่องที่เป็นมรดกตกทอดจากปู่ ยา ตา ยาย รวมทั้งผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หากนำพระที่ห้อยอยู่ไปให้เซียนพระดูแล้วบอกว่าเป็นพระไม่ถึงยุค ก็อย่าคิดถอดพระหรือไม่แขวนพระองค์นั้นเลย ให้คิดเสียว่า เซียนตาไม่ถึง หรือมีความรู้ไม่มากพอ และให้คิดเสียว่า พระองค์นั้นๆเป็นของที่ระลึก ผู้ให้มีเจตนาดี พระทุกองค์สามารถใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้เสมอ”


บางคนที่หิวแสงมากหน่อยหรือเซียนพระหลายคนในเวลานี้ก็เกิดไม่ทันหลวงพ่อ ทั้งชีวิตไม่เคยเจอผู้รู้ตัวจริงๆเลยสักคน ไม่เคยได้พูดคุยกับคนในวันวานที่รู้ต้นตอและเรื่องที่เกิดขึ้นจริงสมัยก่อน เพียงฟังที่เขาว่ามาเท่านั้น ไม่เคยเห็นหลักฐาน ไม่มีหลักการพิจารณาอะไร ไม่เคยมีโอกาสได้รู้ว่าอะไรคือของที่เคยมีอยู่จริงๆ ไม่เชื่อหลักฐานแบบสากล ขาดทั้งวิจารณญาณและสติปัญญา นั่งอ่านอย่างเดียวแล้วก็มโนคิดว่ารู้ทุกอย่างดีมากแล้ว ก็ตระคองกอดหนังสือไว้เป็นองค์ความรู้ที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดและไม่เปิดวิสัยทัศน์รับข้อมูลจากคนอื่นๆ เมื่อถึงเวลาวันดีคืนดีก็ออกมาแสดงความรู้อันมีน้อยนิด แต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า “ การพูดมาก..ไม่ได้เป็นคนฉลาดเสมอไป การไม่พูดเสียอีกที่จะทำให้คนไม่รู้ว่าตัวเราโง่และน่าสงสาร ”

 

เกือบลืม...หนังสือมรดกหลวงพ่อกวย จัดสร้างขึ้นโดยได้ขออนุญาตวัดโฆสิตารามอย่างถูกต้อง ผ่านการตรวจสอบและแก้ไขความถูกต้องของต้นฉบับจากคณะกรรมการและท่านเจ้าอาวาสฯ ซึ่งถือเป็นลิขสิทธิ์ที่สมบูรณ์ โดยมีวางจำหน่ายในวัดของหลวงพ่อกวยด้วยเช่นกันครับ

 

ขุนแผนเคลือบวัดอัมพวัน นนทบุรี เมื่อ7ปีก่อนเป็นข่าวใหญ่และดังมาก เพราะมีกลุ่มเซียนใหญ่บนห้างที่ล้วนเป็นระดับTopทั้งสิ้น ช่วยกันผลักดันหวังจะให้เป็นพระแท้ราคาหลักล้านเหมือนพระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล เปิดแถลงข่าวใหญ่โตที่โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี มีการตีพิมพ์ประวัติและรายละเอียดการสร้างลงหนังสือไปไม่รู้กี่เล่ม ซื้อขายและประกวดกันโดยองค์กรหลักของวงการพระเครื่องไปหลายงาน ตีภาพตีพิมพ์โชว์ในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันเสียด้วย ที่น่าแปลกใจคือพระชุดนี้ไม่ตกอยู่ในมือชาวบ้านบ้างเลย ไม่มีการขุดเพื่อค้นหาพระของคนในพื้นที่เลย แต่จะพบเจอได้เพียงกับกลุ่มบุคคลในวงการพระเท่านั้น เซียนพระตัวใหญ่ๆในวงการล้วนถือครองกันไว้แทบทั้งสิ้น

หนังสือพระเครื่องรายเดือนนำภาพลงปกกันทุกเล่ม จนวันหนึ่งมีคนนำพระองค์งามไปเสนอขายนายตำรวจใหญ่ยศพลตำรวจเอกที่นิยมพระและเป็นผู้มีอำนาจวาสนาในเวลานั้นและท่านจะเชื่อในหลักการวิทยาศาสตร์มากกว่าคำพูด ท่านนำพระไป2องค์ คือพระขุนแผนเคลือบองค์ที่ยอมรับกันว่าเป็นพระเก่าของแท้จากกรุวัดใหญ่ชัยมงคล 1องค์ และพระขุนแผนเคลือบจากกรุวัดอัมพวันที่สภาพสวยงามอีก 1องค์ นำไปตรวจสอบน้ำยาเคลือบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ซึ่งทำได้ไม่ยากและตรวจได้ชัดเจน) ก็พบว่าทั้ง2องค์มีค่าสารประกอบในน้ำยาเคลือบต่างกันมาก พระองค์จากกรุวัดอัมพวันมีสารสังเคราะห์ที่เพิ่งทำออกมาไม่ถึงร้อยปี

ดังนั้นข้อสรุปคือ..พระขุนแผนเคลือบกรุวัดอัมพวันชุดนี้อาจจะแท้แต่มีอายุการสร้างไม่กี่ปี และไม่ใช่พระสร้างในสมัยอยุธยาแน่นอน หลังจากนั้นจนถึงวันนี้ก็จบกันไปแบบทางใครทางมัน ไม่มีเซียนใหญ่บนห้างคนไหนอธิบายอะไรให้ชัดเจนตามวิธีที่ถูกต้องและควรจะทำ คงเพราะโดนไปคนละหลายบาท นี่คือตัวอย่างการพิสูจน์ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง และพิสูจน์ได้ว่าวงการพระเมืองไทยยังขาดมาตรฐานสากล

พระถ้ำเสือ กรุเขาดีสลัก เป็นอีกกรณีเพื่อศึกษาเรื่องราวของผลประโยชน์ในวงการพระ ลองหาอ่านได้จากโลกอินเตอร์เน็ต นี่คืออีกผลิตภัณฑ์จากนักเลงพระเครื่อง คนที่ไม่ลงพื้นที่จริงๆ ไม่หาข้อมูลจากคนในพื้นที่บ้างเลย เชื่อแต่เซียนพระ เชื่อเพราะคนดังๆเขาบอกมาก็เลยท่องจำไว้อย่างเดียว “เขาว่าแต้ๆ” ยังมีพระขุนอินทรประมูล พระวัดตะไกรหน้าครุฑ พระนางพญากรุโรงทอและอื่นๆอีกหลายแห่งที่ปัจจุบันเป็นเพียงเรื่องเล่าสู่กันฟังในวงเหล้าของกลุ่มคนขายพระ

พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม กรุเจดีย์ริมน้ำ วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี อันนี้เป็นอมตะเรื่องเล่าเคล้ารอยยิ้มได้อย่างดี พระปิดตาราคาหลายแสนบาทตอนนั้นถูกชาวบ้านเรียกพระตาปิดกรุเรือบรื๋อ และมีเฉพาะในมือเซียนพระเท่านั้น ลูกศิษย์สายวัดสะพานสูงล้วนปฏิเสธ รวมทั้งชาวบ้านไม่เคยมีกันและไม่ยอมรับว่าเป็นของแท้ มีแต่เซียนบนห้างใหญ่เท่านั้นที่บอกว่าแท้-ดี-มีราคา หายาก แต่เอ..ทุกวันนี้ไปไหนกันหมด..หว่า

 

บล๊อคแตก เป็นบล๊อคนิยมจริงหรือ..?

ย้อนอดีตไปตั้งแต่ก่อนปี 2480 ไล่มาจนถึงปี 2525 หากวัดใดจะสั่งทำเหรียญของสมภารประจำวัด ก็ไปติดต่อสั่งร้านให้ทำเหรียญตามตัวอย่างที่ทางวัดร่างหรือกำหนดขึ้น ร้านจะรับดำเนินการทุกอย่างจนเสร็จแล้วนำเหรียญไปส่งมอบให้วัดตามจำนวน แล้วที่แน่นอนคือไม่ลืมเบิกเงินค่าเหรียญ ส่วนแม่พิมพ์ก็ยังตกอยู่ที่โรงปั๊มเพราะเป็นสมบัติของร้าน เหรียญดีบางส่วนที่ปั๊มเกินเพื่อชดเชยของชำรุด และเหรียญที่ชำรุดก็ตกค้างอยู่ที่ร้านเช่นกัน (ดังเช่นเหรียญตกค้างของหลวงพ่อในอยุธยา ที่เคยมีเรื่องราวกันหลายปีก่อน) ยุคหลังปี2525 จึงนิยมทำโค๊ตเล็กๆตอกเป็นรหัสบนเหรียญไว้ เพื่อให้รู้ว่าเฉพาะเหรียญเหล่านี้เท่านั้นที่เข้าพิธีของวัดจริงๆ แต่แม่พิมพ์ก็ยังเป็นสมบัติของร้านโดยไม่ได้ส่งมอบคืนให้วัดแต่อย่างใด

ลองมาคิดกันเล่นๆเพราะมันเป็นเรื่องจริงว่า...แม่พิมพ์ที่ใช้แล้วเหล่านั้นจะขาดความคมชัดไปหลายส่วน บ่อยครั้งที่เกิดรอยแตกเล็กๆจากการปั๊มกระแทกโลหะแข็ง ร้านก็จะหยุดปั๊มและพอในจำนวนแค่นั้นหรืออาจทำแม่พิมพ์ตัวใหม่ออกมาเพื่อปั๊มให้ครบจำนวน (อ้าว..ถ้ามี 2บล๊อค แล้วจะรู้ได้ไง) ดังจะเห็นบางพระเกจิมีบล๊อคพิมพ์มากกว่า1รูปแบบ แต่..สมัยก่อนไม่มียอดจองทางไลค์สดเช่นทุกวันนี้ การทำเหรียญให้สวยงามและส่งมอบให้วัดได้เป็นความสมบูรณ์แบบของงานแล้ว สมัยก่อนยังขาดเทคนิคการชุบแข็งแม่พิมพ์ จึงทำให้เหรียญชุดท้ายๆที่ปั๊มออกมาจะมีตัวหนังสือและรายละเอียดชัดด้อยกว่าชุดแรกๆ ซึ่งเหรียญชุดที่ปั๊มแรกๆนั้นจะมีทั้งรายละเอียดที่ชัดเจนและตัวหนังสือมีเหลี่ยมคมสวยงาม สามารถหาจุดพิจารณาได้มากกว่าเหรียญที่ปั๊มชุดหลังๆซึ่งบางทีตัวหนังสือขาดความเป็นเหลี่ยมคมชัดไปแล้ว(ตัวหนังสือล้ม) แต่เหรียญชุดหลังจะได้เพิ่มมาคือ..รอยแตกจากแม่พิมพ์ที่ปรากฏบนพื้นผิวเหรียญ หากมีใครสักคน(หรือหลายๆคนก็ได้) นำแม่พิมพ์เก่ามาปั๊มใหม่ สิ่งที่ได้คือ

-จะได้เหรียญที่มีเนื้อโลหะใหม่ แตกต่างจากของเดิมที่เคยทำครั้งก่อน
-จะเห็นร่องรอยสนิมขุมบนพื้นผิว มีร่องรอยการกรอสนิมจนผิวเป็นหลุม
-จะเห็นรอยแตกบนพื้นผิวเหรียญ เนื่องจากแม่พิมพ์ชำรุดไปบ้างแล้ว

หากเป็นการสะสมเหรียญกษาปณ์สากล จะถือว่าเหรียญที่มีตำหนิเหล่านี้ชำรุดและขาดมูลค่า แต่คนไทยเก่งมากที่สามารถทำให้ของชำรุดกลายเป็นของนิยมสุด ราคาแพงสุดไปได้ เมื่อได้อ่านมาแบบนี้แล้ว จะยังคิดว่าเหรียญบล๊อคแตกควรเป็นของนิยมสุดอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าเลือกได้ มองหาเหรียญแท้ๆที่รายละเอียดคมชัดมากที่สุด จะปลอดภัยมากกว่าเหรียญบล๊อคแตกที่แยกไม่ออกว่า จะได้เหรียญที่ปั๊มชำรุดตกค้างในโรงงาน หรือเป็นเหรียญปั๊มออกมาใหม่ด้วยแม่พิมพ์ตัวเก่า แต่หากเชื่อว่าเป็นรูปหลวงพ่อที่นับถือแล้วดีทั้งนั้น ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก..ลุยโลด

 

โชว์..พระบูชาหลวงพ่อกวย แกะจากไม้สัก ด้านหลังจารกำกับเต็มๆด้วยลายมือท่าน เป็นหลักฐานที่ดีทุกยุคสมัย

 

นี่คือตัวอย่างของข้อมูลที่ชี้ชัดได้ว่า เป็นความคลาดเคลื่อนและขาดข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์มานานแล้ว แต่ก็ยึดถือคัดลอกสืบต่อกันมานานหลายปีเช่นกัน ถ้าพระแหวกม่านในภาพทั้ง3องค์ที่ลงในหนังสือเล่มมาตรฐานของวงการพระเครื่องมานานนับสิบปีแบบนี้เป็นของแท้สากลนิยมราคาองค์ละครึ่งล้านบาท แล้วพระแหวกม่านพิมพ์อกใหญ่มีจริงๆกี่แม่พิมพ์กันแน่ เอาตัวอย่างเพียง 5%มาดูกันแบบนี้ก็พอจะได้ยั้งคิดกันบ้าง ลองพิจารณาเปรียบเทียบทั้ง3ภาพ ดูใบหน้า เส้นฐาน วงแขน ขอบเส้นรัศมี ใบหู การไขว้ขาขององค์พระ ก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนว่าเป็นคนละแม่พิมพ์ ลองเปิดใจรับข้อมูลอื่นๆแบบน้ำไม่เต็มแก้วกันดูบ้าง เชื่อว่าองค์ความรู้และฐานข้อมูลที่จะทำเป็นหลักฐานเพื่อสาธารณะต้องมีการคัดกรองมาบ้างแล้ว เพราะมีหลายคนเก็บไปฝังจำแบบลงรากลึกไปแล้ว แต่คนมีสติและปัญญา ดูแล้วจะคิดอะไรได้อีกมาก

หมายเหตุตัวใหญ่ๆ..ข้อมูลภาพชุดนี้ ไม่ได้หมายถึงจะเป็นพระไม่แท้แต่อย่างใด เพียงชี้ให้เห็นว่ามีแม่พิมพ์แตกต่างกัน นำมาลงให้ดูตามที่มีคนอยากเห็นว่าอะไรคือจุดที่แตกต่างกัน

 

พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อกวย พิมพ์ใหญ่ บางคนก็เรียกสมเด็จหลังรูปรุ่นสอง องค์นี้ยังสภาพสวย ด้านหลังยังสมบูรณ์ดี แต่น่าเสียดายที่ด้านหน้ามีรอยเนื้อบิ่นหายไปตรงหน้าแข้งและฐานชั้นแรกอีกเล็กน้อย ส่งซ่อมได้เพียงไม่กี่บาท แต่ขอลงภาพไว้ในสภาพเดิมๆแบบนี้ เป็นพระผงที่มีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะการขอโชคลาภดังที่มีคนเขียนไว้ในที่ต่างๆ ปัจจุบันหายากแล้ว หากใครมองหาพระดีๆแบบนี้ลองพิจารณาดูได้ครับ พิมพ์นี้มีคนลงขายในร้านเซียนใหญ่สายตรงหลักแสนนิดๆ แต่ลงในเวปแบบสมัครเล่นเพียงหลักหมื่นเท่านั้น

ครุฑา จองบูชาแล้ว

 

ขอจององค์นี้ครับพี่หนุ่ม

 

ยืนยันการรับจอง พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อกวย พิมพ์ใหญ่เนื้อผงน้ำมันไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ

 

หลวงพ่อกวยวัดบ้านแค เป็นพยาน
ลูกศิษย์คิดทำทาน หนึ่งบ้าง
ผิดถูกชี้บอกกัน คนชอบ
ศิษย์ใหม่ได้รู้บ้าง เก๊แท้ เป็นไฉน



พระปรกโพธิ์เก้าใบของหลวงพ่อกวยทั้งสององค์นี้ นำภาพมาจากหนังสือเล่มมาตรฐานของ ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม ไม่ได้นำจากร้านพระหรือในเวปแห่งใดทั้งสิ้น ซึ่งเป็นตำราที่เซียนพระและนักสะสมถือเป็นแนวทางในการซื้อและขายกันมานานกว่า15ปีแล้ว องค์ที่เป็นเนื้อผงน้ำมันอมเหลืองเป็นของครูประจักษ์ อดีตครูโรงเรียนวัดบ้านแค และได้รับจากหลวงพ่อกวยมาโดยตรง พระองค์นี้ทุกวงการยอมรับว่าแท้ดูง่าย เนื้อใช่ พิมพ์ถูกต้อง มีพิมพ์ภาพลงในหนังสือแทบทุกเล่ม

ส่วนองค์สีดำเป็นภาพลงในตำราเล่มมาตรฐานเช่นกัน ส่วนองค์ไหนจะเป็นพิมพ์โพธิ์ชัดหรือโพธิ์ไม่ชัด จะขอยังไม่ชี้ชัดในเวลานี้ แต่คนที่ช่างสังเกตุก็คงรู้ได้เองแน่นอนแล้ว ใครเข้าใจหลักการของงานศิลป์ งานแกะพิมพ์ งานลอกลาย ดูแล้วจะเข้าใจได้ชัดเจน การนำมาหาวิธีพิสูจน์แบบเทียบเคียงจากหลักการจะดีกว่าใครบอกทั้งสิ้น ถ้ามีใครบอกว่า พระปรกโพธิ์เก้าใบของหลวงพ่อกวยมีแม่พิมพ์ด้านหน้าเพียง 1 ตัวเท่านั้น ลองอธิบายความแตกต่างจากแนวเส้นและวงกลมบนภาพของพระปรกโพธิ์ในหนังสือมาตรฐานคู่นี้ให้กระจ่าง ก็จะเป็นพระคุณแก่คนที่สนใจอย่างยิ่ง เมื่อมีคนในสายวิชาการลองตรวจสอบทำภาพเชิงซ้อนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมทริก ซึ่งเป็นนิติวิทยาศาสตร์อีกรูปแบบหนึ่ง ก็จะพบว่าเฉพาะด้านหน้าของพิมพ์ปรกโพธิ์เก้าใบนั้น มีมากกว่า 5รูปแบบ ทั้งๆที่เชื่อและบอกต่อๆกันมาว่า แม่พิมพ์ด้านหน้ามีเพียงตัวเดียว ด้านหลังมีหลายตัว

หมายเหตุ..ภาพพระที่ลงไว้เป็นเอกสารภาพในตำราและสื่อสาธารณะ ไม่ได้ชี้บอกว่าพระในครอบครองของผู้ใดเป็นของไม่แท้

 

ต้องขอโทษเพื่อนสมาชิกหลายๆท่าน ที่สอบถามด้วยอยากรู้ว่ายังมีปรกโพธิ์แบบไหนอีกที่ผิดแปลกไปจากองค์มาตรฐาน เพราะหากดูด้วยตาจากภาพถ่ายทีละองค์ๆ สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับวงการพระคงยากจะแยกได้ง่ายๆ อยากรอให้คนอื่นเขามาให้ข้อมูลกันบ้างครับ เพราะมีหลายคนรู้เช่นกันแต่อาจพูดไม่ออก ตอนนี้บอกได้เพียงว่า พระปรกโพธิ์แบบที่มีรายละเอียดไม่ชัด ยังมีอีกหลายรูปแบบที่ไม่ใช่จากแม่พิมพ์พระองค์ของครูประจักษ์ที่ยอมรับกันตลอดมา ถ้าเป็นพระผงที่กดออกมาจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกัน จะใช้มาสภาพโทรมยังไง จะกดไม่แรง ติดไม่ชัดยังไง ก็ยังจะได้รายละเอียดเหมือนกันทุกองค์ ไม่ใช้ได้เป็นพระปรกโพธิ์ที่เส้นใบโย้ไปอีกทาง ก้านใบโค้งผิดจากเดิม ใบหดจนลีบ ดังเช่นพระสององค์นี้ที่กดออกมาจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกัน แม้จะไม่สวยเท่ากัน แต่รายละเอียดยังเหมือนกัน ช่องไฟระหว่างใบ ระหว่างขอบซุ้มกับใบก็ยังเท่ากัน


ขอส่งข้อความผ่านไปให้เซียนรุ่นเก่าๆ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปวันๆ โควิดก็มาใกล้ตัวแล้ว ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังบ้างเถอะพ่อคุณ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่...แบบนี้ใช่ไหม
" อ่านก็รู้ ดูก็เห็น แต่เพราะเป็นอาชีพกู
ทำได้ เพียงเฉยดู เพราะตัวกูก็เต็มกลืน
พูดไป ก็ไม่ช่วย ให้กูรวยเหมือนคนอื่น
เงียบไว้ ใช่ไม่ตื่น รอวันคืนสู่ความจริง "

 

พระสมเด็จหลังรูปหลวงพ่อกวย พิมพ์ใหญ่ เนื้อน้ำตาลที่หายาก สวยน่าใช้และดีมาก เนื้อนี้พบเจอน้อย พูดได้เต็มปากเลยว่า..เป็นพระรุ่นประสบการณ์ของท่าน

j999 จองบูชาแล้ว

 

ขอจองครับ