เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 15 ธันวาคม 2012.

  1. รักรังสิต

    รักรังสิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,418
    ค่าพลัง:
    +17,140
    ไม่ค่อยเข้ามาคุย ขออภัยครับ กำลังเร่งงานให้เสร็จก่อนสิ้นปี
    ยังมีหลายท่านยังไม่ให้ที่อยู่พระประจำตระกูลยังค้างอยู่ที่บ้านผม ที่ยังไม่โอนรีบโอนมาหน่อยก็ดีครับ
    ผมเจอบทความของหลวงปู่ดู่เรื่องสร้างพระ เอามาให้อ่าน เพราะผมไปวัดสะแกบอกกล่าว
    หลวงปู่ทวดท่านให้มาเป็นประธานหล่อพระด้วย

    "หลวงปู่ดู่เล่าถึงการสร้างพระ"

    หลวงปู่เคยเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า การสร้างพระพุทธรูปนั้น จะมีอานิสงส์มาก แม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าคา ก็จะมีอานิสงส์ถึง 5 กัป หลวงปู่ยกตัวอย่างเช่น คนที่สร้างหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อไร่ขิง ตอนนี้เขาเหล่านั้นยังเป็นเทพบุตรเทพธิดา และพรหมในชั้นต่าง ๆ เสวยความสุขอย่างไม่มีจบสิ้น เพราะผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้หลวงพ่อที่หนึ่ง สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำตก แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร ลูกศิษย์หลวงปู่เป็นส่วนมากจึงชอบสร้างพระเพราะหลวงปู่ไม่ได้กำหนดให้ผู้ใด ผู้หนึ่ง ผูกขาดในการสร้างของท่าน คณะใดกลุ่มใดมีศรัทธาจะสร้างเพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและส่วนรวม หลวงปู่ก็จะอนุญาตอยู่เสมอและหลวงปู่จะอนุโมทนาต่อเขาเหล่านั้นเป็นอย่างดี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์นั่งรวมกันอยู่ 10 กว่าคน มีคนหนึ่งพูดว่า พระขาวท่านนั่งตากแดดตากฝนมานานแล้ว พวกเขาควรสร้างศาลาครอบพระขาวไว้เพื่อเป็นมหากุศล บ้างก็ว่าจะทอดพระป่าสร้างสิ่ง ต่าง ๆ มาทำบุญ แต่ในคนเหล่านั้นมีคุณช้าง ราชดำเนิน ได้กราบหลวงปู่ และได้บอกหลวงปู่ดู่ว่า กระผมจะสร้างพระชุดหนึ่ง เพื่อนำเงินมาสร้างศาลาครอบพระขาว หลวงปู่จึงอนุโมทนาบุญด้วย และบอกว่ามีแผ่นชนวนอยู่ตรงนี้ที่ต้นเสาข้าง ๆ หลวงปู่ จำนวน 4,800 แผ่นซึ่งหลวงปู่ปลุกเสกไว้นานหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นของป้าสอิ้ง ที่จะนำไปสร้างพระแตกแต่ยังไม่นำไปสร้างซะที หลวงปู่บอกว่า ตาช้างเอาไปก่อน แล้วค่อยหาแผ่นใหม่มาใช้ให้ยายสอิ้ง ซึ่งยายสอิ้งอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ยายสอิ้งจึงอนุโมทนากํบคุณช้างด้วยเลย

    การสร้างพระกริ่งนี้ เป็นพระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ ๆ เมตตาเป็นพิเศษ ให้ฤกษ์เทพระกริ่งด้วยตนเองโดยให้ฤกษ์ว่า เริ่มเทได้ด้วยวันเพ็ญเดือน 12 เวลาย่ำรุ่งตอนพระออกบิณฑบาตร การสร้างพระกริ่งในครั้งนั้น คุณช้าง ราชดำเนิน ได้ให้ช่างที่มีฝีมือดี แกะพระกริ่งเป็นหน้าเชียงแสน ลำตัวอ้วนและแข็งแรงดูแล้วเข้มขลังเป็นอย่างมากสร้างพระชัยอีก 1 องค์ หล่อแบบโบราณโดยการเทในวัดรวกสุทธาราม เมื่อหล่อเสร็จสิ้นแล้ว จึงนำไปให้หลวงปู่อุดใต้ฐานพระด้วยผงกัมมฐานมหาจักรพรรดิ์ และเกศาของหลวงปู่ ปิดกั้นด้วยแผ่นทองแดง หลงงปู่จารย์ที่แผ่นทองแดงใต้พระกริ่ง แล้วหลวงปู่เมตตาตั้งชื่อกริ่งนั้นว่า พระกริ่งไตรสรณคมณ์ พระชัยไตรสรณคมน์ พระไพรีพินาศไตรสรณคมณ์ ส่วนมากลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดและปฏิบัติได้ดีแล้ว ผู้ที่เข้าถึงไตรสรณคมณ์ จะชอบพระกริ่งชุดนี้เป็นอย่างมากเพราะเมื่อนำไปใช้แล้ว สามารถปฏิบัติได้เป็นอย่างดี บ้างก็ว่าพระกริ่งและพระชัยที่หลวงปู่สร้างนี้ อธิษฐานใช้ทำให้เปิดได้ไปทั้ง 3 โลก จะใช้อะไรก็อธิษฐานได้ตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในทำนองคลองธรรม มีคนไปถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ พระของหลวงปู่นั้นมีเสื่อมไหม?" หลวงปู่ตอบให้ฟังว่า "หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง ท่านอธิษฐานพระของท่านให้เสื่อมเมื่อสิ้นพุทธศาสนา แต่พระข้า ขออธิษฐานว่า ถ้าละลายกลายเป็นน้ำเมื่อใด เมื่อนั้นหละแก ก็จะหมดพุทธานุภาพ" แม้หลวงปู่จะไม่สรรเสริญให้ลูกศิษย์ติดวัตถุมงคลให้ยึดการปฏิบัตให้ออกจากการพ้นทุกข์แต่หลวงปู่ก็บอกว่า พวกแกติดวัตถุมงคลดีกว่าไปติดวัตถุอัปมงคล

    ข้อมูลจาก หนังสือนะโภคทรัพย์


    งานซาสักนิดจะมาแจ้งงานบุญครั้งต่อไปนะครับ ผมเชื่อมั่นในศรัทธาของญาติธรรม ที่จะช่วยเหลือสังคม และพระพุทธศาสนา ให้สืบทอดต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ขออนุโมทนาบุญกับญาติธรรมอีกครั้งนะครับ
     
  2. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


    การกดทำพระพุทธห้าเหลี่ยมหรือพระขุนแผนนั้น โดยตามหลักความเป็นจริงนั้นจะสร้างกันหลายครั้งหลายหนเพื่อให้ได้เนื้อหาเป็นที่ถูกต้องตามแบบอัตลักษณ์ความเข้าใจ การสร้างในยุคแบบแรกๆนั้นจักหาความสวยงามหรือความเรียบร้อยชัดเจนไม่เพราะเป็นการกดทำแบบชาวบ้าน จะต้องมีการลองพิมพ์ลองสูตรเนื้อหากันไป สมัยก่อนตามแบบโบราณนั้นมีความเชื่อถือกันว่าเมื่อสร้างเป็นรูปแบบพระพุทธเจ้าแล้วถึงแม้มันจะมีรูปแบบใดก็ตามทีจะไม่มีการทำลายทั้งสิ้น ยิ่งด้วยเมื่อได้รับการปลุกเสกจากครูบาอาจารย์ด้วยแล้วยิ่งหาความเลยไม่ ไม่เหมือนกับในยุคสมัยนี้ที่รูปแบบพระจะต้องมีการคัดเลือกเพื่อนำออกไปให้บูชาจำหน่าย นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรของวัดละหารไร่ท่านเล่าว่า การกดสร้างพระเครื่องในตอนแรกๆนั้นโดยเฉพาะพระพุทธห้าเหลี่ยมตามที่ชาวบ้านเขาเรียกกันในยุคนั้น ครั้งแรกนั้นชาวบ้านมาช่วยกันทำโดยที่ อ.ดุษฎี ศิริโวหารท่านได้ไปทำแม่พิมพ์มาจากกรุงเทพ โดยจะทำพิมพ์ใหญ่ขึ้นมาก่อนแต่จะมีเพียงตัวหน้าเพียงด้านเดียวที่ทำมา ตอนที่กดทำครั้งแรกนายสายท่านได้ใช้แบบไม้มาทำเป็นตัวประกบหลังแบบ พระที่กดทำกันครั้งแรกนั้นส่วนใหญ่องค์พระจะหนา บางองค์จะเอียงข้าง กดสร้างกันไปได้ในจำนวนพอควร หลังจากนั้นก็ได้นำไปให้หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสก ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่ติงอะไรเพราะถือว่าเป็นการสร้างในรูปแบบพระพุทธแล้ว แต่ไม่ค่อยจะได้ลักษณะแบบตามความต้องการของชาวบ้าน จึงต้องมีการติเตียนกันไปเป็นธรรมดา เพราะมันไม่มีความเรียบร้อยและความสวยงามเอาซะเลย! ครั้นจะให้ใครก็ไม่มีใครอยากได้ ครั้นจะออกให้บูชาทำบุญก็คงไม่มีใครเอา ครั้นจะโยนทิ้งคลองก็ไม่กล้าเพราะหลวงปู่ท่านเสกแล้วถ้าท่านรู้จะดุเอา จึงจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ แล้วค่อยมาทำกันใหม่ ตามแบบฉบับการเรียนรู้ต่อไป...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3136.JPG
      IMG_3136.JPG
      ขนาดไฟล์:
      95.4 KB
      เปิดดู:
      632
    • IMG_3137.JPG
      IMG_3137.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97 KB
      เปิดดู:
      219
    • IMG_3143.JPG
      IMG_3143.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.1 KB
      เปิดดู:
      473
    • IMG_3144.JPG
      IMG_3144.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.1 KB
      เปิดดู:
      194
    • IMG_3141.JPG
      IMG_3141.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.6 KB
      เปิดดู:
      244
    • IMG_3142.JPG
      IMG_3142.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      214
  3. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     
  4. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามบ่ายอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     
  5. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    การกดพิมพ์ในยุคแรกๆนั้น เราลองมองย้อนภาพในการกดสร้างในครั้งนั้นจะเห็นว่า ชาวบ้านที่เขามากดกันนั้นมีใครที่มีฝีมือการกดให้มีความสวยที่งดงามกันบ้าง ก็มีแต่การมาช่วยกันทั้งนั้น นายสาย แก้วสว่างไวยาวัจกรและหลวงตารอดขรัวรองของวัดละหารไร่ในยุคนั้นถือว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการกดพระเครื่องของวัดในพิิมพ์มพ์ต่างๆ หลวงตารอดนั้นท่านเป็นพระที่ฝีมือในการถอดพิมพ์พระ โดยเฉพาะการถอดพิมพ์ทำพระเศียรโตซึ่งเป็นอีกชุดหนึ่งที่หลวงตารอดท่านถอดพิมพ์เอามากดทำอีกที ซึ่งองค์พระนั้นจะเล็กกว่าองค์ที่กดจากแม่พิมพ์หินมีดโกนเล็กน้อยซึ่งเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อที่ออกในวรรณะขาวแต่จะขาวแบบไหนก็แล้วแต่การผสมเนื้อหาในแต่ละครั้งซึ่งองค์พระมีทั้งทาทองและไม่ทาทองสมัยก่อนชุดนี้ชาวบ้านได้รับกันไปมาก พระพิมพ์เศียรโตนั้นกดกันหลายครั้งหลายหนและยังมีชุดที่หมอหลาบท่านนำไปกดกันที่บ้านอีกซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะสับสนไม่ต่างอะไรกับการทำพระขุนแผนเลย และยังมีพิมพ์ที่หลวงตารอดท่านถอดทำพระปิดตาและรูปเหมือนรุ่นน้ำท่วมขึ้นมาอีกซึ่งชุดนี้มีทั้งเนื้อตะกั่วและเนื้อผง

    พระพุทธพิมพ์ห้าเหลี่ยมนั้น เมื่อกล่าวถึงข้อเท็จจริงแล้วในทุกๆวันนี้ยากยิ่งที่ใครจะสาธยายเหตุผลหลักสำคัญที่แท้จริงได้เพราะไม่มีใครอยู่ในเหตุกาณ์จริงทุกขั้นตอน มีแต่การเล่าเฉพาะฉากตอนที่เห็นกันไป นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าการกดทำพระขุนแผนนั้นมีการกดกันไปตามแต่ละครั้งแต่ละหนในจำนวนพอเหมาะหรือในจำนวนเนื้อหาที่ผสมหมดไม่ได้กดครั้งเดียวจำนวนมากเหมือนกับรุ่นที่นายครอกกด พระขุนแผนนี้คนในยุคหลังคิดว่าท่านเป็นคนแต่งหรือเซาะแม่พิมพ์ขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วท่านไม่ใช่คนแต่งพิมพ์ท่านจะแต่งพิมพ์เฉพาะแม่พิมพ์หินมีดโกนเท่านั้นโดยใช้เหล็กแหลมๆเซาะพิมพ์เพื่อให้มีความคมชัดขึ้น ส่วนพระขุนแผนด้วยความที่แม่พิมพ์เป็นทองเหลืองซึ่งมีความแข็งมากครั้นจะใช้ปลายเหล็กแหลมมาเซาะพิมพ์คงไม่ได้แน่ ซึ่งคนที่รับอาสาเอาแม่พิมพ์พระขุนแผนทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ไปตกแต่งให้มีความคมชัดขึ้นนั้นก็คือ ปลัดเจริญ เพชรนคร ซึ่งท่่านเป็นคนชากกอไผ่ และเป็นหลานหลวงพ่อทาบแห่งวัดกระบกขึ้นผึ้ง ท่านมีฝีมือในการเขียนยันต์และงานปฎิมากรรมต่างๆ โดยท่านใช้เครื่องมือในการตกแต่งพิมพ์พระให้มีความคมชัดและเรียบร้อยขึ้น

    จะเห็นว่าทำไมพระขุนแผนจึงมีองค์พระที่แตกต่างๆกันไปแต่ก็สังเกตุให้ดีก็ยังคงยึดในรูปทรงแบบเดิมจะต่างกันไปเพียงลักษณะที่ชัดออกไป แต่จะตกแต่งกันกี่ครั้งนั้นไม่ทราบได้ เพราะทำกันในแต่ละครั้งเนื้อหาก็จะแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่เท่าที่พบเห็นเนื้อหาของพระจะออกฟ่ามบางครั้งเนื้อหาก็ออกหลวมหรือออกเรียบเป็นก้อนๆหรืออกราน บางครั้งก็เรียบเนียนหรืออกฟูบ้าง ซึ่งจะหาเอาเนื้อหาที่แน่นอนตายตัวไม่ได้เลย เพราะกดกันหลายคนเนื้อหาที่ผสมทำจึงต่างกันไป

    ผมจะขอนำเอาพิมพ์พระขุนแผนเล็ก ที่ยังถือว่ากดทำกันในยุคแรกๆมาให้ชม ซึ่งในยุคแต่แรกนี้ถึงแม้หลวงปู่ทิมท่านจะเสกให้แล้วก็ตามทีแต่จะยังไม่ได้ออกให้บูชาทำบุญเพราะยังไม่มีความสวยพอที่จะออกไปได้ จึงจำเป็นที่ใครอยากได้ต้องแจกกันไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่จะต้องตกแต่งพิมพ์ให้มีความเรียบร้อยสวยงามพร้อมที่จะให้บูชากันต่อไป


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2013
  6. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     
  7. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    วาแต่ องค์นี้ยังแจกอยู่ไหมครับแหะๆ....
     
  8. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    "การดูกิเลสและแสวงธรรม ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจ
    ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมทั้งหลาย
    กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี ไม่ได้อยู่กับกาลถานที่ใด ๆทั้งสิ้น
    แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้นที่ใจ
    และดับลงที่ใจดวงรู้ ๆนี้เท่านั้น"


    [​IMG]
     
  9. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


    เรื่องผงพลายกุมารเป็นเรื่องที่ต้องมีความเข้าใจกันให้อย่างสูงเพราะเป็นเรื่องของแม่บทสำคัญที่ต้องรับรู้กับความเชื่อว่ามันมีจริงอย่างที่เข้าใจกันรึไม่ บางคนอาจคิดว่าหลวงปู่ท่านเล่นหาจริง แต่ก็หาคนที่พิสูจน์ตามข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ เพียงแต่เป็นการร่ำลือกันไปต่างๆนาๆ ในยุคสมัยแต่ก่อนนั้นมันเป็นเรื่องของการศึกษาวิชาอาคมและการเล่าเรียนรู้เพื่อให้มีความแตกฉานในแต่ละวิชานั้นๆ วิชาของการทำผงพลายกุมารนั้นมีจริงแต่จะเป็นไปในรูปแบบลักษณะใดอย่างเช่นการนำเอากระโหลกเด็กมาตำเป็นผงเพื่อนำไปใช้ในพิธีกรรมต่างๆซึ่งก็แล้วแต่การนำผงพลายนั้นไปใช้ในทางไสยศาสตร์ที่ถูกที่ควรหรือไม่หรือเราอาจจะกล่าวกันง่ายๆว่าทางไสยขาวหรือไสยดำ แต่ในอีกลักษณะรูปแบบหนึ่งก็คือการอัญเชิญเอาวิญญาณหรือดวงจิตมาสถิตย์ในรูปแบบที่ต้องการจะทำหรือแบบรูปลักษณ์ที่เราต้องการจะประจุไว้เพื่อนำมาใช้ให้เกิดผลตามที่ต้องการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อถือกันมาเท่านั้น แต่ลักษณะการนำเอากระโหลกเด็ก หนังหน้าผากศพหรือการใช้ไฟลนศพเอามาทำน้ำมันพรายต่างๆนั้น โดยเฉพาะในสิ่งที่เกิดจากการกระทำเอาหรือการไหว้วานใช้ให้ไปกระทำนั้น จะเป็นการกระทำในพิสัยของฆราวาสทั้งสิ้น แต่ถ้าสิ่งของดังกล่าวนั้นเป็นมรดกตกทอดมาอีกที ก็สามารถเอามาทำได้ถ้าเกจิอาจารย์นั้นมีอาคมที่แก้กล้าวิชาและมีจิตที่สัมพันธ์กับของสิ่งนี้มาตั้งแต่ต้นหรือแต่เดิมเมื่อครั้งสมัยเป็นฆราวาสก็สามารถกระทำได้เพราะถือว่าไม่ได้ไปนำเอามาหรือไปใช้มาแต่เป็นของตกทอดมาก็สามารถเสกกระทำได้

    ในสมัยก่อนในแถบหมู่บ้านวัดละหารไร่นั้นมีการเล่นของสิ่งนี้กันมาก ส่วนใหญ่ถ้าอาคมไม่ถึงหรือถือกันอย่างไม่ระวังก็จะเข้าตัวกันได้ และของสิ่งนี้แรงมากเมื่อกระทำในสิ่งที่ไม่ดีสามารถทำให้เป็นบ้าได้โดยถ้าแก้ไม่ได้ก็ตายสถานเดียว

    ในวัดละหารไร่หรือในแถบหมู่บ้านนั้นมีใครบ้างที่ไม่รู้จักตาพูน เพราะท่านเป็นสัปเหร่อเก่า ท่านเป็นคนทางหมู่บ้านแม่น้ำคู้ ท่านเป็นสัปเหร่อให้ทั้งในวัดแม่น้ำคู้บ้างวัดละหารใหญ่บ้าง วัดหนองกรับบ้างตามแต่จะเรียกใช้ ท่านมีชื่อเสียงที่ร่ำลือกันมากในเรื่องการเล่นผงผี หรือน้ำมันพราย ซึ่งก็คงไม่ต่างกับลุงร่อน แต่ลุงร่อนท่านจะเป็นรุ่นก่อนกว่า ตาพูนท่านเล่นพวกนี้มาจนช่ำชอง จนภายหลังท่านได้มาบวชอยู่กับหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่จนท่านมรภาพไปหลายปีแล้ว ชื่อเสียงของตาพูนเป็นที่ร่ำลือกันพอควร สำหรับคนในยุคเก่าเขาจะทราบกันดีว่าท่านเล่นของแบบไหน เอาไว้มีโอกาสจะเล่าในคราวต่อไปนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2013
  10. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือใจ
    ควรบำรุงรักษาด้วยดี
    ได้ใจแล้วคือได้ธรรม
    เห็นใจตนแล้ว คือเห็นธรรม
    ถึงใจคนแล้ว คือถึงพระนิพพาน


    [​IMG]
     
  11. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     
  12. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [​IMG]

    พระปิดตาไม้แกะนี้เป็นการแกะสร้างในครั้งแรกๆ ซึ่งเป็นการแกะสร้างน่าจะในจำนวนไม่มาก คนที่แกะนั้นจะมีก็เพียงสองฝีมือเท่านั้นที่เป็นผู้แกะขึ้นมาก็คือ นายพิณ สัมฤทธิ์ และนายสาย แก้วสว่าง โดยเท่าที่ทราบจะนำไม้จากเสาโบสถ์เก่า(โบสถ์ไม้)ของวัดมาแกะทำ เพราะถือว่าเป็นของสูงโดยที่หลวงปู่ทิมและพระภิกษุสงฆ์ในวัดละหารไร่ในยุคแต่ก่อนนั้นใช้สวดทำสังฆกรรมอยู่สม่ำเสมอมานานย่อมที่จะมีอานุภาพและบุญฤทธิ์ที่มากหลายกัน

    การแกะในยุคแรกๆนั้นจะใช้แต่เพียงอุปกรณ์ที่เป็นมีดเท่านั้น การแกะสรรสร้างที่เป็นเอกลักษณ์นั้นก็ทำได้ในระดับฝีมือชาวบ้านเท่านั้น พระปิดตาภควัมปตินั้นมีชื่อเสียงที่ร่ำลือกันมานานในอิทธิคุณที่ล้นเหลือ จึงได้ดำหริแกะกันขึ้นมาได้โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำไปคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆนาๆ กัน

    พระปิดตายุคแรกนี้จะต่างรุ่นกับพระปิดตารุ่นอธิบดีสร้างซึ่งนายสาย ท่านเป็นคนแกะเหมือนกัน ในช่วงท้ายประมาณปี17 ชุดนี้จะนำไม้รากรักแดงมาแกะ จะมีรอยจารหลังทุกองค์ ส่วนยุคแรกนั้นจะไม่มีรอยจารใดๆทั้งสิ้น พระเครื่องที่ได้รับการปลุกเสกจากหลวงปู่ทิมแล้วไม่ว่ายุคไหนๆต่างเชื่อกันว่ามีอิทธิคุณที่ล้นเหลือ และเชื่อถือกันได้ ซึ่งต้องมีใจที่ศรัทธาเป็นที่ตั้งกันก็จะเกิดผลที่ดีตามมา
     
  13. EYEOFVENUS

    EYEOFVENUS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2012
    โพสต์:
    944
    ค่าพลัง:
    +1,873
    เหรียญ 25 ศตรวรรษ วัดป่าประดู่

    ตอกโค็ด หลวงพ่อปลุกเสกแน่นอนหรือป่าวครับ
     
  14. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    รุ่นนี้ไม่แน่ใจแฮะ....ส่วนตัวผมว่าเป็นไปได้ยากครับ
     
  15. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     
  16. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    การกดสร้างพระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆเราต้องลองสังเกตให้ดีว่ารูปลักษณ์ที่ออกมาจะเป็นดั่งเช่นใด ฝีมือการกดในระดับช่างที่มีประสบการณ์กับฝีมือชาวบ้านที่ทำกันจะมีลักษณะเนื้อหาเป็นอย่างเช่นใด เนื้อหาที่เป็นธรรมชาตินั้นเป็นตัวบ่งบอกถึงอายุการทำได้ โดยเฉพาะเนื้อหาในยุคก่อนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นดินสอพองที่หาได้ง่ายที่สุด เพราะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการรักษาโรคต่างๆได้ ดินสอพองในยุคเก่านั้นเนื้อหาจะต่างกับดินสอพองในยุคปัจจุบันสมัยนี้ ซึ่งอาจทำให้แยกประเด็นในส่วนที่ง่ายต่อการวิเคราะห์การทำเลียนแบบในยุคหลังได้มาก

    เมื่อย้อนกลับไปในช่วงยุคแรกๆช่วงก่อนประมาณปี2514 ช่วงที่มีการกดสร้างพระของวัดละหารไร่ในยุคพิมพ์ต่างๆพระเครื่องของวัดละหารไร่นั้นเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2508 หลังจากงานฉลองสมณะศักดิ์ –ต้นปีพ.ศ.2509 นั้น นายสาย แก้วสว่างไวยาวัจกรของวัดละหารไร่ที่มีส่วนสำคัญยิ่งในการสร้างพระเครื่องต่างๆของวัดในยุคต่างๆ โดยก่อนที่ลูกศิษย์ลูกหาในยุคหลังๆยังไม่เข้ามากัน การสร้างวัตถุมงคลต่างๆนั้นทางวัดจะสร้างกันเองส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านและพระที่อยู่ในวัดหรือไม่ก็จะมีเด็กวัดในยุคนั้นมาช่วยกันทำ ซึ่งเด็กวัดในยุคนั้นที่มาช่วยทำกันเท่าที่จำได้จะมีนายหล่ำ นายทุ่น ( อยู่ทางอำเภอปลวงแดง ) นายสิทธิ์ นายดำ( อยู่ทางบ้านหนองมะปริง ) ซึ่งปัจจุบันก็ได้เสียชีวิตกันไปเกือบหมดแล้วจะเหลือกันก็เพียงนายทุ่นเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ สมัยก่อนนั้นเด็กวัดจะต้องพักอยู่ในวัด ส่วนใหญ่จะต้องนอนอยู่ในห้องพระคอยที่จะเรียกรับใช้ได้เสมอเมื่อเวลามีงานใดๆ ตามแต่พระนั้นจะใช้กัน ชาวบ้านในหมู่บ้านละหารไร่นั้นเมื่อหลังจากที่เกี่ยวข้าวกันเสร็จ ก็ไม่มีงานอะไรทำกัน เพราะคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะประกอบอาชีพทำนาทำไร่กัน สมัยนั้นเครื่องอำนวยความสะดวกหรือไฟฟ้าไม่มีใช้ ยามนั้นจึงต้องอยู่กันไปตามประสาคนในชนบทที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ใครที่เข้าออกคลุกคลีอยู่กับวัดเสมอก็จะมาช่วยทำภาระกิจต่างๆภายในวัด บางคนที่พอจะเป็นงานบ้างก็จะมาช่วยกดทำพระกันไปตามแต่ที่ใครมีใจที่จะชอบทำกันไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงใครคนใดคนหนึ่ง

    ส่วนใหญ่คนที่มาช่วยนั้นจะเป็นชาวบ้านที่เข้าออกอยู่กับวัด หรือลูกศิษย์ลูกหาในยุคเก่าๆ ซึ่งชาวบ้านในยุคนั้นย่อมทราบกันดีกับพระเครื่องที่กดสร้างกันในยุคนั้นๆ ลุงทองสุข ซึ่งเป็นชาวบ้านละหารไร่ (ปัจจุบันอายุ76 ปียังมีชีวิตอยู่) ท่านเข้าออกอยู่กับวัดเสมอประกอบกับท่านต้องมาดูแลบิดาของท่านก็คือ หลวงตาเยื่อ ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดละหารไร่ เมื่อกล่าวถึงหลวงตาเยื่ออาจจะมีหลายท่านที่ไม่รู้จักเพราะในหนังสือไม่มีการกล่าวถึงแต่จะมีการกล่าวขานในหมู่ชาวบ้าน หลวงตาเยื่อท่านจะบวชในยุคคราวเดียวกับหลวงตาเอ ซึ่งเป็นในคนพื้นที่เหมือนกัน ชาวบ้านในยุคเก่านั้นเขาย่อมรู้จักกันดี ลุงทองสุขท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการกดสร้างทำพระของวัดตั้งแต่เมื่อครั้งแรกเริ่ม ท่านกล่าวว่าสมัยนั้นเนื้อหาส่วนผสมของพระนั้นจะใช้น้ำข้าวมาหมักกับผงที่เตรียมไว้เพื่อมากดทำพระโดยส่วนใหญ่ในขณะนั้นจะผสมรวมกันในกะละมังของวัดแล้วแต่ระยะการหมักเพื่อให้เนื้อหานั้นใช้ได้ บางรุ่นหลวงปู่ท่านก็ มีดำหริให้ใช้ดินเหนียวที่อยู่ในแถบวังสามพญามากดทำก็มี ซึ่งลุงทองสุกท่านก็เป็นคนหนึ่งที่มาช่วยกดทำกันตลอดครั้งเวลายามว่างจากภาระกิจต่างๆ

    ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวที่เนิ่นนานมา 40 กว่าปีแล้วก็ตามที คนที่เคยทำคนที่เคยเห็นเขาย่อมจำลักษณะที่เคยกระทำได้ซึ่งเรื่องราวนั้นมันยังตรึงความทรงจำได้เสมอ นายสาย แก้วสว่าง ท่านเล่าว่าช่วงตอนที่ชาวบ้านมาช่วยกดทำพระกันนั้นส่วนใหญ่จะมีแต่คนหนุ่มๆหรือผู้ใหญ่ขึ้นไปช่วยกันกด ส่วนเด็กวัดและเณรหรือคนที่มาถือศีลที่วัดไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือคนแก่บางทีก็จะมาช่วยปั้นลูกอมกันบ้างหรือไม่ก็ใครที่มีแรงก็มาช่วยกันยกพระที่กดกันเสร็จแล้วนำเอาเข้าไปในห้องของหลวงปู่เพื่อให้ท่านเสกต่อไป

    สามเณรที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในยุคนั้นน่าจะช่วงปีพ.ศ.2513-2514 เท่าที่คนรุ่นนั้นจำกันได้จะมี"สามเณรลาว" ( นามที่เรียกกันมา )แต่ชาวบ้านหรือพระในวัดจะเรียกกันว่าเณรเสี่ยว ซึ่งเณรลาวนี้แต่ก่อนเดิมนั้นเป็นคนมาจากทางภาคอีสานมาคลุกคลีพักพิงอยู่กับหลวงตาจันทร์ซึ่งญาติกันและเป็นพระสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัดละหารไร่ ( หลวงตาจันทร์องค์นี้ภายหลังหลวงปู่ทิมท่านได้ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองมะปริง ) และจากนั้นหลวงปู่ทิมท่านเห็นว่าเด็กคนนี้ดื้อเอาการพอควรแต่พอที่จะเรียกใช้งานได้หลวงปู่ท่านเห็นดีเห็นชอบด้วยในการดัดนิสัยของเด็กคนนี้ จึงได้จับบวชเป็นสามเณรตั้งแต่บัดนั้น และหลวงปู่ท่านก็จะเรียกใช้เณรลาวให้บีบนวดหรือเรียกใช้งานตามแต่ภาระกิจต่างๆในวัด

    และมีสามเณรอีกองค์ที่มาคลุกคลีอยู่กับหลวงปู่ทิมอยู่เสมอก็คือ"สามเณรเสือ" ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับสามเณรลาว เณรเสือนี้แต่เดิมมาจากวัดตะพงในได้เดินทางไปมาหาสู่กับเณรลาวจนหลวงปู่ทิมเห็นว่าเณรเสือนี้เป็นคนมีจิตใจกล้าหาญ นิสัยดื้อรั้นค่อนข้างเอาการประกอบกับเป็นคนที่มีรูปร่างล่ำสันแข็งแรงหลวงปู่ท่านจึงให้อยู่รับใช้ในวัด โดยให้นอนอยู่หน้าห้องของหลวงปู่เป็นประจำทุกครั้งเวลามา หลวงปู่ท่านก็จะเรียกใช้เณรเสือให้ทำโน่นทำนี่หรือให้บีบนวดอยู่เป็นประจำโดยให้พลัดกับเณรลาวบ้างตามแต่ใครจะว่างกัน เณรเสือเจ้าของลูกอมดินเหนียวโดยตอนที่เดินทางมาที่วัดเมื่อครั้งแรกหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ใช้ให้เณรเสือไปเอาดินเหนียวบริเวณแถววัดมา จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้ปั้นเป็นเม็ดกลมๆเหมือนลูกกระสุนโดยท่านปั้นเองกับมือ จากนั้นท่านก็ได้อธิษฐานเสกแล้วมอบให้เณรเสือไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นคนเดียวที่หลวงปู่ทิมท่านปั้นเป็นลูกอมดินเหนียวขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องรางไว้สำหรับติดตัว สมัยนั้นเณรลาวและเณรเสือนั้นมีส่วนสำคัญยิ่งในการปรนิบัติรับใช้หลวงปู่ทิมอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆที่มีการกดสร้างพระในยุคเก่าๆของวัดละหารไร่ที่ทำกันมาตั้งแต่คราวแรกและคราวต่อมาที่การกดสร้างพระในวัด ซึ่งภายหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านมรณภาพไปแล้ว เณรลาวก็ได้สึกออกไปเป็นฆราวาสอยู่ช่วงเวลาหนึ่งและก็ได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่วัดอื่นในกาลเวลาต่อมาจนภายหลังก็ได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสาน ส่วนเณรเสือนั้นก็ได้ลาสึกออกไปในช่วงประมาณหลังจากน้ำท่วมวัดในปีพ.ศ.2517 ก่อนหลวงปู่ทิมท่านมรณภาพ โดยเณรเสือท่านไปสึกที่วัดตะพงในโดยมีพระครูพิทักษ์บุรเขต(หลวงพ่อเพลาะ)เจ้าอาวาสเป็นคนสึกให้ ซึ่งทั้งสองคนนั้นปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งก็สามารถทราบเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆในสมัยเมื่อครั้งที่ได้บวชเป็นสามเณรอยู่รับใช้หลวงปู่ทิมกันได้อย่างมากมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0475.JPG
      IMG_0475.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.8 KB
      เปิดดู:
      218
    • Untitled.png
      Untitled.png
      ขนาดไฟล์:
      178.5 KB
      เปิดดู:
      146
  17. NEWESTTSEWEN

    NEWESTTSEWEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,661
    เรื่องราวน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ

    เสมือนเป็นการเปิดตำนานของหลวงปู่ทิม ในภาคที่ไม่ค่อยมีใครทราบในวงกว้าง นอกจากติดตามหาข้อมูลจากต้นแหล่งจริงๆ ส่วนใหญ่คนที่รู้จักหลวงปู่ทิม ก็ได้ข้อมูลจากกลุ่มศิษย์รุ่นหลังๆ ที่เข้าไปช่วยสร้างวัตถุมงคลให้วัดละหารไร่

    ข้อมูลแบบนี้ ชอบมากเลยครับท่านอาจารย์แก้วสว่าง เข้ามาอ่านทุกวันเลยครับ

    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  18. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    ส่วนใหญ่ เราจะได้รับรู้แต่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคล
    แต่เท่าที่ผมได้มีโอกาสคุยกับชาวบ้านหลายๆ ท่าน โดยมาก
    แล้วเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ จะเป็นที่ทราบกันในวงกว้าง
    และไปในทิศทางเดียวกัน (ครั้งนึง เคยฟังเรื่องเดียวกัน จาก
    การได้คุยกับชาวบ้าน 3 คนภายในวันเดียว)

    ส่วนเรื่องที่พบเห็นเฉพาะคน ก็มีบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคล
    ที่ใกล้ชิดหลวงปู่ ซึ่งพบข้อสังเกตได้อย่างนึง คือ หลวงปู่ทิม
    ท่านจะไม่ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ใครเห็น แต่จะเป็นลูกศิษย์
    หรือผู้ที่บังเอิญไปเห็นเอง ถ้าคนนอกเข้าไปกราบท่าน ก็จะ
    เห็นท่านเสมือนพระสงฆ์ธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
     
  19. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
    วันนี้วันพ่อขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  20. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

    สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...