เมื่อข้าพเจ้าไปขออโหสิกรรมกับ ''พระนางเรือล่ม''

เราก็ติดตามอ่านประวัติท่าน และมีหนังสือเกี่ยวกับท่าน

เมื่อคืนก็พึ่งอ่าน ไป รอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ละค่ะ กะลังอยากได้รุปสีท่านพอดี ขอบคุณท่านที่ลงไว้ค่ะ

ข้อความต่อไปนี้เราจำไม่ได้ละว่าเคยอ่านเจอที่ไหน ก็นำมาเสริมจากท่านอื่นๆๆนะค่ะ

คราเสด็จตามพระสวามีนั้นสมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อัครมเหสี กำลังทรงพระครรภ์ (ไม่แน่ใจว่า 2เดือนกว่า หรือ 6เดือน แต่คิดว่าน่าจะ6เดือน พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้แพทย์หลวงตรวงลักษณะครรภ์ว่าจะเป็น พระโอรสหรือพระราชธิดา เมื่อตรวจแล้วได้ทูลถวายว่าโดยลักษณะครรภ์และพระฉวีของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา น่าจะเป็นพระโอรสมิผิดเพี้ยน)

อันนี้เราไม่อยากให้เอาไปเป็นข้อมูล เพียงแค่รู้สึกว่าจำได้คลับคล้ายคลับคลา ก็เลยเอามาลงให้อ่านและคิดตามกัน เผื่อจะมีใครสักคนเคยเจอข้อความนี้เหมือนเรา แต่ลืมไปละว่าเจอที่ไหน

ข้อความต่อไปนี้เราก็จำไม่ได้ละว่าเจอที่ไหน (เว็บมาสเตอร์อ่านแล้ว เห็นสมควรลบทิ้งก็พิจาณาทำไปเถิด)

อันว่าความริษยา ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนย่อมมีด้วยกันทั้งนั้น

การแก่งแย่ง ช่วงชิงตำแหน่งอันเป็นที่รักเป็นที่โปรดปราณ ก็มีคู่กันมาเนิ่นนานในหมู่เหล่านางสนม นางห้ามทั้งหลาย

ยิ่งการมีพระราชโอรสยิ่งสำคัญต่อราชวงศ์ นางสนมใดที่ได้เกิดราชโอรส องค์แรกย่อมหมายถึง ตำแหน่งเจ้าจอมมารดามารออยู่เบื้องหน้า หากเอกอัครมเหสีไม่สามารถจะให้กำเนิดราชโอรสได้

แต่เมื่อเอกอัครมเหสีสามารถให้กำเนิดโอรสได้ ไม่ว่าโอรสจะเป็นลำดับใดก็ตามย่อมมีสิทธิ์ถือตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นอันดับ1 นับเนื่องตามตำแหน่งแห่งพระมารดา แต่เมื่อสิ้นบุญไปแล้วตำแหน่งองค์รัชทายาทก็จะตกไปเป็นโอรสที่องค์โตที่อาจจะเกิดจากพระสนมหรือนางห้ามคนใดคนหนึ่ง

มีอะไรน่าคิด...ทำไมเรือล่ม....ทำไมนายอินถึงได้คึกคะนองเร่งเรือกลไฟพระที่นั่งของพระนางเจ้าสุนันทาด้วยความเร็ว...ด้วยความประมาทและคึกคะนอง

เพียงเพื่อช่วยพระธิดาน่าจะทำได้และนำพระองค์เองกลับสู่ฝั่งได้สำเร็จพร้อมพระธิดา
แต่เหตุไฉน ถึงได้สิ้นพระชนม์กลางน้ำพร้อมพระราชธิดา

พระพี่เลี้ยงแก้วใยไม่ปล่อยมือจากพระธิดา...ที่สิ้นพระชนม์พร้อมพระนางเจ้ามีเพียงพระพี่เลี้ยงแก้ว

กฏมณเฑียรบาลห้ามผู้ชายแตะต้ององค์สมเด็จ แต่มิได้ห้ามผู้หญิงนางกำนัลไม่ให้แตะต้อง
ใยจึงหาคนช่วยมิได้
หญิงสมัยนั้นแม้ไร้การศึกษาแต่ล้วนว่ายน้ำแข็งขัน พายเรือเก่งทุกนาง

ในยุคสมัยของพระจุลเจ้าเกล้า เป็นยุคแห่งการรวมอำนาจการปกครองเบ็ดเส็ดจากหัวเมืองเหนือให้ขึ้นตรงกับรัตนโกสินทร์

พระธิดาแห่งหัวเมืองทั้งหลายจะถูกนำเข้าวังเพื่อเป็นพระสนม 1ในนั้นมีเพียงพระองค์เดียวที่เป็นธิดาแห่งแคว้นที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตและเป็นหลักสำคัญในการรวมประเทศ จึงได้รับการยกย่องสูงสุด ให้เป็นถึงที่พระวรชายา

บันทึกเมื่คราอยู่วังของเจ้าเมืองเหนือจำได้ว่าเคยอ่านเจอ แต่ตอนนี้เรานึกไม่ออกว่าเจอที่ไหน แลหนังสือเล่มนั้นหายไปได้อย่างไร ในบันทึกจะบันทึกเรื่องราวการแก่งแย่งกันในพระราชวังของเหล่านางสนมแลนางห้ามทั้งหลาย บังทึกถึงการถูกกลั่นแกล้งเนื่องด้วย ถูกมองว่าเป็นเพียงธิดาของประเทศราช แลมีบทหนึ่งที่กล่าวถึงแลเชื่อมโยงถึงวันที่สมเด็จพระเจ้าสุนันทา เสด็จประพาส และเกิดเหตุเรือพระที่นั่งล่ม

***ถ้าแม้ว่าดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา ต้องการให้ลูกรำลึกได้ว่าเคยอ่านเจอที่แห่งไหน ลูกก็คงจะได้เจอหนังสือเล่มนั้นอีก มันนานมาแล้ว นานมาก***

 

พระครรภ์ ๕ เดือนเต็มเจ้าค่ะ

อุปัทวเหตุ ที่เกิดขึ้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมิได้ทรงติดพระทัยว่าเหตุเกิดจากความอิจฉาริษยากันในหมู่ของพระอัครราชเทวีทั้งปวงและหากแม้นมิมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระภรรยาเจ้าที่พระอิสริยยศชั้นลูกหลวงหรือหลานหลวงก็ไม่มีธรรมเนียมที่จะยกย่องให้สมเด็จที่ประสูติจากสนมขึ้นเป็นที่หน่อพุทธางกูร

สมเด็จพระนางเจ้าที่ทรงพระครรภ์ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีพระประสูติการเป็นเจ้าฟ้าชายหรือเจ้าฟ้าหญิงอีกทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ก็เป็นเจ้าฟ้าหญิงก็ยังดูไม่ออกว่าจะต้องแกล้งให้เรือล่มทำไม....


นางสนมที่เป็นเจ้าจอม ไม่ว่าจะให้ประสูติสมเด็จพระองค์ชายหรือสมเด็จพระองค์หญิง ก็จะได้ตำแหน่งเจ้าจอมมารดาทุกคนทุกท่านเสมอกัน


สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงว่ายน้ำเป็นและว่ายน้ำแข็ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทรงจมน้ำ ขณะสิ้นพระชนม์ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงก็มิได้อยู่กับพระพี่เลี้ยงแก้ว หากแต่ทรงตกอยู่ใต้ท้องน้ำของเจ้าพระยา ไม่ได้ติดอยู่ในเรือพระที่นั่ง นั่นคือ สมเด็จพระนางเจ้าทรงเป็นห่วงสมเด็จเจ้าฟ้าและพยายามค้นหาเพื่อออกจากเรือพระที่นั่งด้วยกันจนกระทั่งจมน้ำสิ้นพระชนม์

การจะช่วยเหลือพระองค์ตั้งแต่เมื่อแรกเกิดเหตุนั้นข้าหลวงและราษฎรจะเข้าช่วยเหลือแต่ติดที่พระยามหามนตรีห้ามไม่ให้เข้าช่วยเพราะยึดกฎมณเฑียรบาล แต่ไม่ได้พิจารณานัยแห่งกฎมณเฑียรบาลถึงเจตนาที่ตราขึ้นมาบังคับใช้


ในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า พระองค์ไม่ต้องการรวมอำนาจไว้เบ็ดเส็ดให้อยู่ส่วนกลาง แต่พระองค์เริ่มปลูกฝังและเริ่มวางรากฐานของคำว่าประชาธิปไตยโดยยกเลิกจตุสดมภ์ มาใช้มณฑลเทศาภิบาล กระจายอำนาจสู่หัวเมือง โดยส่งข้าหลวงและเจ้านายเป็นผู้ว่าการมณฑลเทศาภิบาลแทนต่างพระเนตรพระกรรณ ซึ่งเจ้าเมืองและข้าหลวง ยกกระบัตรเมืองก่อนๆ ซึ่งสืบตำแหน่งพ่อเมืองมาเป็นทอดๆ ตามสายเลือดยังไม่เข้าใจเพราะเป็นการตัดอำนาจจึงเกิดการจลาจลและต่อต้าน นับเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการปกครอง


ในการส่งบุตรหลานที่เป็นหญิงเพื่อถวายตัวเป็นข้าหลวงฝ่ายในนั้น ไม่ใช่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ แต่ก็ต้องทรงรับไว้ทั้งหมดแต่มิได้ยกให้เป็นที่พระสนม เจ้าจอม ทั้งหมดทุกคน บางคนจะได้รับราชการเป็นนางกำนัลหรือคุณข้าหลวงรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ซึ่งพระองค์จะปฏิเสธไม่รับไว้ก็ไม่ได้เพราะผู้ที่เป็นบิดาของผู้ที่ถวายตัวล้วนแต่เป็นข้าราชการ เสนาบดีผู้ใหญ่ ซึ่งหากธิดาของเหล่าข้าราชการข้าหลวงนี้ ได้เป็นที่เจ้าจอมและหากให้ประสูติสมเด็จพระองค์เจ้า ก็เท่ากับว่าได้เป็นบิดาของเจ้าจอมมารดา นั่นเท่ากับได้เป็นคุณตาของลูกของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นการยกฐานะทางสังคมไปในตัวและอาจจะนำไปสู่ได้รับใช้พระองค์ได้อย่างใกล้ชิดจนสามารถเลื่อนขึ้นสู่ยศตำแหน่งที่สูงขึ้นได้


"พระวรชายา"ตำแหน่งนี้ไม่มีในรัชสมัยของพระองค์และหากกล่าวถึงพระราชธิดาแห่งอาณาจักรเหนือ พระองค์ทรงมีพระคุณสมบัติแห่งขัติยนารีที่เพียบพร้อมทรงประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสีเพียงพระองค์เดียวซึ่งเป็นพระราชธิดาซึ่งทรงประสูติหลังจากเกิดอุปทวเหตุได้ประมาณ ๙ ปี และไม่มีสิทธิ์แห่งราชบังลังค์อยู่แล้ว หากได้เคยอ่านจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันก็จะเห็นถึงความรักที่พระองค์ทรงมีให้แก่กันเป็นจดหมายรักที่คลาสิกก็ว่าได้....และหากได้อ่านช่วงเวลาที่ เจ้านายพระองค์นี้ได้ถวายตัวนั้น พระองค์เป็นที่เจ้าจอม ยังไม่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศ ซึ่งก็เคยได้อ่านได้เห็นถึงการอิจฉาริษยากันในหมู่เจ้าจอมด้วยกันเพราะสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสนิทเสน่หาและเอาพระทัยใสพระองค์มาก เมื่อสมเด็จพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสีสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงเสียพระทัยและตัดพ้อว่า ควรจะเลื่อนให้เป็นเจ้าฟ้ามิใช่พระองค์เจ้า เพราะแม่ก็เป็นถึงพระราชธิดาแห่งอาณาจักรเหนือ....



เจ้าพี่เจ้าน้องของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีที่ทรงตำแหน่งพระบรมราชินีนาถ ๑ พระบรมราชเทวี ๒ ก็ทรงเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องกันแท้ๆที่ประสูติจากสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา ซึ่งทั้ง ๔พระองค์ทรงสนิทสนมและรักใคร่กันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งอีกพระราชเทวีพระอัครราชเทวี พระอรรคชายาอีก ๒ พระองค์ก็ทรงเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องกันอีกเนื่องด้วยมีพระราชบิดาองค์เดียวกันและมีพระบิดาที่สืบสายมาจากต้นวงค์ราชสกุลเดียวกัน ก็ยังมองไม่เห็นทางที่จะต้องแกล้งให้เกิดเหตุการณ์และหากอ่านในหนังสือพระราชประวัติของแต่ละพระองค์จะทราบถึงพระจิรยาวัตรที่งดงามของแต่ละพระองค์ว่าทรงมิเคยที่จะชื่นชมในพระอิสริยยศที่จะเพิ่มขึ้นหากมีประสูติกาลแห่งรัชทายาท


พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาญาณที่ทรงเล็งเห็นแล้วว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทูลกระหม่อมพระองค์ใดที่ทรงมีขัติยมานะทรงพระปัญญาที่จะนำพาสยามให้รอดพ้นอันตรายได้ซึ่งถ้าเคยได้อ่านจากพระราชวิจารย์ที่มีต่อลูกๆ ของพระองค์จะมองออก



เสียงลือเสียงเล่าอ้างเป็นสิ่งที่คลางแคลงสงสัยนับแต่เกิดเหตุมา เป็นแค่การคาดเดาต่างๆ นาๆในทางที่อาจจะเป็นไป หากยังสงสัยอยู่ต่อไปจะเป็นผลดีอะไรหรืออยางไร พระเกียรติยศของแต่ละพระองค์ท่านจะเสื่อมเสียซึ่งไม่มีพระองค์ใดต้องการให้เกิดเหตุขึ้นเป็นเพียงคำเล่าลือของฝ่ายในที่ล่ำลือกัน ....

ลืมบอกอีกอย่าง พระพี่เลี้ยงแก้วว่ายน้ำไม่เป็น...

 

จริงเท็จ เปนอย่างไร มิมีผู้ใดรู้ได้...
หากแต่ลายลักษณ์อักษร ที่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์.. บางหน้า เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเยี่ยงนั้น...ส่วนมูลความจริงอาจ...ถูกตอกตะปู ปิดตายไปนานแล้วก็เปนได้

เมื่อเปนเช่นนั้น ก็จงอย่าขุดคุ้ย ในบางสิ่งขึ้นมาเลย...
ที่ควรทำในฐานะพสกนิกรชนสยาม กุศลผลบุญอุทิศให้ทุก ๆ พระองค์ ที่ล่วงลับ ดับขันธ์ไปแล้ว จะเปนการดีที่สุด...

 

เห็นด้วย....

 

รฤก...

 

31 พ.ค. วันคล้ายวันทิวงคต สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.319492/[/MUSIC]


ขอดวงพระวิญญาณจงเกษมสำราญ

สถิตย์สูงในวิมานแดนสรวง

แผ่บารมีไพร่ฟ้าทั้งปวง

ก้มศิระ กราน มเหสิยา


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

วันนี้ปีนี้มิได้ไปปี53คงมีโอกาส

 

ก้มกราบแทบพระบาทพระองค์ผู้มีพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้
ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญอยู่บนสรวงสวรรค์วิมาน
ข้าพระองค์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
จำติดตรึงแน่น ในใจมิเสื่อมคลาย ด้วยความรักและเคารพยิ่ง
ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ ขอพระองค์ทรงพระญาณบารมียิ่งๆ ขึ้นไป
บุญบารมีใดที่ข้าพระองค์ได้กระทำไป ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ภูมิจวบจนภพภูมิปัจจุบัน
ขอยกถวายแด่พระแม่ผู้เป็นดวงใจของเหล่าพสกนิกรและข้าพระองค์
ด้วยความรักและเคารพยิ่ง

 

..................................

 

ขอเดชะฝ่าละอองเบื้องพระบาท
ใจแทบขาดรฤกถึงตรึงมิหาย
ทรงสถิตย์แห่งหนบนฟ้าใด
ขอทรงให้เกษมสันต์นิรันดร
บารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
ลูกขอน้อมจิตนี้มิถ่ายถอน
ขอไออุ่นทรงเมตตาแลอาทร
ด้วยความรักและอาวรณ์ต่อพระองค์
ความจงรักภักดีมิสิ้นสุด
มิอาจหยุดแม้กายกลายเป็นผง
ขอให้ลูกเป็นดั่งลูกของพระองค์
ถวายลงเป็นข้าบาททุกชาติไป.....

​

 

กลอนไพเราะมากๆ จ๊ะคุณสร้อย อ่านไปน้ำตาก็พาลจะไหล....

 

..................................

 

ไพเราะ มากจ๊ะ กลอนจากแม่สร้อย

อ่านแล้วน้ำตา ก็ไหล ตาม

อนุโมทนา นะ

 

..................................

 

คุ้น ๆๆ นะ

 

อ่านเรือ่งพระนางเรือล่มทีไร จิตเสร้าสร้อยน้ำไหลทุกที จิตลึกๆนะไม่รู้เป็นไงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้