เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มิติภูต

    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJ3998%7E1.SUT%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapedefaults v:ext="edit" spidmax="1026"/> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapelayout v:ext="edit"> <o:idmap v:ext="edit" data="1"/> </o:shapelayout></xml><![endif]--> อ้องยิ้มรับพร้อมกับจับมือคุณดา ความรู้สึกถึงมือที่นุ่มลื่น อบอุ่น<o:p></o:p>
    ใบหน้าที่ติดตรึงใจ เรามองกันด้วยใจรักแห่งพี่น้องเพื่อนสนิทปราศจากราคะจิตจนกายละเอียดหมดกำลังและจิตเหมือนวูบเข้ามาด้วยแรงดึงของสายใยแห่งตัณหาผูกติดแห่งกายหยาบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อ้องกลับเข้ามาในมิติโลกอีกครั้งรับรู้ถึงความอ่อนนุ่ม แรงดึงดูด ความหนัก แข็ง เบาและความหยาบแห่งกาย การกดทับ พร้อมกับจิตเริ่มมีโมหะ สังขารปรุงแต่งกายหยาบกำลังทำหน้าที่ของมัน จิตจากละเอียดมาสภาพเป็นจิตหยาบ มีสภาพที่แตกต่างตรงกายหยาบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขันธ์ของโลก มีสภาพของมหาภูตรูป๔ผูกติด มีรูปลักษณะของธาตุที่เปลี่ยนแปลง<o:p></o:p>
    อ้องพิจารณาในธรรมที่ปรากฏ เพราะะช่วงเวลาที่ตื่นในแต่ละวัน จิตที่ทิ้งกายเข้าไปในภวังค์ ขันธ์๕ของโลกมันหายไปหมด ความหยาบไม่ปรากฏ แต่ไปปรุงแต่งขันธ์๕ที่ละเอียดในภวังค์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การอบรมสติ ในบางครั้งจึงเห็นว่าความฝันก็คือการปรุงแต่งจิต
    ที่ไม่มีสภาพกายหยาบ<o:p></o:p>
    ส่วนเวลาที่ตื่นการปรุงแต่งมีกายหยาบมีมหาภูตรูปมีโลกครอบงำ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สิ่งที่แตกต่างกันคือความหยาบและละเอียดเหมือนกันคือไม่เที่ยง เปลี่ยแปลงเสมอและบังคับไม่ได้เมื่อหมดเหตุ เป็นรูปลัษณะกลุ่มๆก้อนๆจับมารวมๆกันก็แค่นั้น


    ถ้าถามอ้องว่าสิ่งไหนคือความจริง...<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อ้องคงบอกได้ว่า ไม่มีเลยที่เรียกว่าความจริงทั้งกายหยาบและกายละเอียดต่างตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระไตรลักษณ์ทั้งสิ้นและเป็นไปตามธรรมชาติที่แค่ไหลไปหาเหตุแค่นั้น ความจริงของอ้องคือวิปราสสัญญาต่างหาก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เช้าแล้ว อ้องลุกมาทบทวนตัวเองอยู่พักหนึ่งในสิ่งที่เข้าไปเจอคุณดา และเข้าไปในมิติภูต เรื่องบางเรื่องเวลาเล่าออกมามันเข้าขั้นจินตนาการดั่งนักประพันธ์ที่ปรุงแต่งความคิดที่บรรเจิด ความอบอุ่นที่มือ สายตาที่มองกัน

    เหมือนกับย้ำอ้องในสิ่งที่ผ่านมา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ตื่นในฝัน…<o:p></o:p>
    อ้องวางอารมณ์ดังกล่าวลง หันหน้ามาดูความจริงของกายและจิต ที่เป็นไปตามธรรมชาติคือไหลไปหาเหตุอยู่เสมอ ไม่ว่าจิตหยาบ จิตละเอียดมีสภาพเหมือนกันคือตกอยู่ภายใต้พระไตรลักษณ์ทั้งสิ้น มีแต่สลายหายไป มีแต่การกระเพื่อมสั่นไหว และมีปฎิกริยาของธรรมชาติอันเป็นแค่เรื่องธรรมดา


    อ้องกำลังเรียนรู้ทุกอย่างให้จิตรู้ แต่อ้องกำลังไม่เข้าไปรู้ทุกอย่างที่จิตยึด เพราะการอบรมสติ ตรงที่ตื่นขึ้นมากับความจริงและละวางมันด้วยการไม่เข้าไปปรุงแต่งจิต


    ถ้าถามอ้องว่า ธรรมะของพุทธองค์ยากหรือง่าย...
    อ้องว่ายากช่วงแรกเพราะฝืนใจ...
    แต่เมื่อเข้าถึง เข้าใจ อ้องรู้สึกว่า พระธรรมไม่ใช่สิ่งที่ยากแสนยาก
    อยู่แค่คำว่า การต่อเนื่อง ทำให้ต่อเนื่อง คำว่าอินทรีย์สมบูรณ์แก่รอบนั้น


    เกิดขึ้นเพราะการเห็นบ่อยๆ รู้ถูกต้องบ่อยเข้า จนคลายออกในอุปทานของขันธ์
    อ้องกำลังทำลายปฏิกริยาแห่งธรรมชาติโดยเปิดใจยอมรับความจริง


    ปลดปล่อยตัวตนให้อิสร เบาๆ สบายๆ ไม่ตั้งความหวัง ไม่สร้างความกดดันให้กับตนเอง เพียรชอบในมรรค อบรมสติเป็นฐาน อนาคตวางลง อยู่กับปัจจุบัน...
    <o:p></o:p>
     
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบน้องname

    เล่าย้อนหลังค่ะ
    เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552
    ได้มีโอกาสไปวัดบางนาใน และได้สรงน้ำ
    พระบรมสารีริกธาตุ

    ซึ่งขณะที่กำลังเทสรงน้ำ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ค่ะ
    และขณะที่มือกำลังสรงน้ำอยู่นั้น
    ได้เกิดแสงสี หลายสี ขึ้นมาทางด้านซ้าย
    ของวงหน้าของเราค่ะ

    ลักษณะ เป็นระยิบ ระยับ วิบ ๆ วับ ๆ
    แสงหลายสี เป็น ยิบ ๆ วิบ ๆ วับ ๆ ซึ่งเห็น
    อยู่ตรงหน้า สักพักค่ะ ตาก็ลืมอยู่นะคะ

    มีอีกครั้ง (ครั้งแรก) เดิน ๆ อยู่ (เวลาเดินหรือทำอะไร
    ส่วนมากก็จะตามดูอิริยาบถ หรือไม่ก็ภาวนาพุท-โธ
    น่ะค่ะ)

    และขณะกำลังเดิน ๆ อยู่นั้น
    ตรงวงหน้าเรา ได้เห็น แสง สี ระยิบ ระยับ
    วิบ ๆ วับ ๆ เป็นแสงสีเหลือง ทอง ระยิบ ระยับ
    อยู่บริเวณหน้า ซึ่งก็ลืมตาอยู่นะคะ
    เห็นอยู่นานมาก

    เห็นนานจนแปลกใจ ว่า เอ๊ะ เราหน้ามืด เหรอ
    ถึงเห็นแสง เหมือนเห็นดาว ตอนกลางวัน
    พอคิดแบบนี้ แสงนี้ก็หายไปค่ะ
    ..................


    ขอตอบนิดนะจ๊ะ...

    จิตที่ไปสัมปยุตต์ด้วยอารมณ์แห่งคุณธรรมประกอบไปด้วย ศรัทธาศีลเป็นต้น
    ย่อมมีรูปลักษณะ สว่าง สะอาดสดใส เป็นประกายระยิบระยับ นี่ก็เพราะจิตเราขณะนั้น บูชาคุณแห่งพระรัตนตรัยและพระสารีริกธาตุ จิตก็มีรูปลักษณะเช่นดั่งนี้

    แต่การที่เราเห็นนั้นก็เพราะเรามีสมาธิ จะเหมือนอยู่ว่าแวบเป็นความสว่างประกายระยิบ และมีความรู้สึกภายในร่มเย็น ตัวเบา ลอยละล่อง ถ้าคนเป็นลมแดด จะมีสภาพหัวหมุนติ๊ว มีแสงสีระยิบระยับ นั่นคือใกล้หมดสติ

    แต่น้องname...
    ขณะนันจะมีความรู้สึกถึงจิตภายในสะอาด สดใส มีกำลัง เราจะเห็นรูปลักษณะคุณธรรมของความศรัทธา ศีล สมาธิที่ปรากฏเกิดขึ้น นี่เป็นความจริงของรูปลักษณะของจิตที่สัมปยุตต์คุกณธรรม มีอาการทางกายเป็นรูปลักษณะ
    อบอุ่น ซึ้งใจ เคารพลึกซึ้ง กินใจ

    ส่วนที่น้องมีวิหารโดยการดูอิริยาบท ในอิริยาบทย่อมมีสมาธิ
    ในบริกรรมย่อมมีกำลังของสมาธิเป็นเครื่องอยู่ เมื่อสมาธิรวมเข้าจากขณิกสมาธิ
    มาเป็นอุปจารสมาธิ และเกิดความจดจำได้หมายรู้ในรูปลักษณะของรูปนามที่เคยผ่านความรู้สึกมาก่อน

    สติจะปรากฏระลึกได้ในรูปลักษณะรูปนามนั้นๆขึ้นมาโดยไม่ได้ไปจงใจ บังคับ เพ่งจ้องให้เกิด ศีลอริยมรรคปรากฏชั่วแวบรู้นั้น
    สติ จิต อารมณ์ปรากฏเกิดพร้อมกัน โดยไม่ต้องควบคุมบังคับ

    น้องname ...
    จะเห็นอย่างพี่เห็นไม๊เอ่ย
    คือมันแวบรู้สึกตัวว่า รูปลักษณะนี้ มันเกิดขึ้นเพราะเราชินกับมัน และอีกแวบนึง
    จะเห็นรูปดาวประกายพลึกเป็นดวงๆ เหมือนเรากำลังอยู่ในที่ส่วนตัวของเรา
    รอบข้างหายหมด โลกไม่ปรากฏแก่เราชั่วคราว ถ้าถามพี่ว่า มันเกิดเร็วไม๊

    สุดยอด..ไม่กี่ขณะ เหมือนเอ๊ะ อาไรหว่าที่รู้สึกเมื่อกี้ ยิ่งกว่ากระพิบตาสองสามกระพิบเอง แต่จิตมันเข้าไปสัมปยุุตต์กับปัญญาชนิดหนึ่ง ว่าไอ้ก้อนๆรูปลักษณะที่ผ่านมาเมื่อกี้นี้ มันไม่ใช่สัตว์ คน เค้าเรา เป็นธรรมชาติที่ไหลเข้าไปรู้แล้วก็วับดับไป แต่ตรงนี้หล่ะ... ที่จะทำลายอุปทานในขันธ์ให้เราในอนาคต(ส่วนที่เราเห็นนานเพราะมีกำลังสมาธิมากเอาเรื่อง แสงสีทองเป็นปัญญาจ๊ะ)

    น้องname...
    ปัญหาทางโลกมีเอาไว้แก้ไข ไม่ได้เอามากอดให้ทุกข์
    ทำหน้าที่ลูกที่ดี อย่าเอาอนาคตมากดดันตนเอง ทำดีแล้วทำต่อไป
    พวกเราตกอยู่ภายใต้ความจริงของธรรมชาติ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ
    ส่วนสุขนั้นเป็นวิปราสเพราะการหนีทุกข์ของจิตต่างหาก

    ขอให้น้องพี่อดทน วางอดีตลง ไม่ต้องไปคาดหวังอนาคต อยู่กับปัจจุบันที่ทำอยู่ดีแล้ว มีวิหารเป็นเครื่องอยู่ดีแล้ว อบรมสติแห่งตน รู้ความจริงตรงหน้า
    ที่อยู่กลางอก แข็งๆ ดันๆมันเอาไว้ นั่นคือความเศร้าหมองที่เรากดข่มมัน

    สูดลมหายใจลึกๆ ฮึดๆขึ้นมา ปล่อยตัวตนเหมือนดังสายลมหลอมกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติ ปล่อยใจให้อิสร รักษาความผ่องใสเอาไว้ เผชิญหน้ากับมันอย่างท้าทาย ยิ้มสู้นะน้องรัก อย่ายิ้มแบบแห้งแล้งไม่เอา

    คนที่จะมาอย่างเราหาตัวจับได้ยากนะ...
    นอกนั้นปลอมๆกันเยอะ สมถยานิกมีเครื่องอยู่ในณาน จิตที่ตั้งมั่นย่อมเห็นจิต
    จิตย่อมมีรูปลักษณะและจิตก็ตกอยู่ภายใต้พระไตรลักษณ์
    เมื่อพบจิตให้ทำลายมัน...ทำลายธรรมชาติที่ไปจับยึด ทำลายปฏิกริยา
    ดีชั่วเป็ยรูปลักษณะของจิตชนิดหนึ่ง หยาบละเอียดก็มีรูปลักษณะ

    มันเป็นแค่ธรรมชาติที่ไหลไปไหลมา มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาที่ห้ามไม่ได้ย่อมไหลไปหาเหตุ คืนให้มันไปนะของธรรมชาติ ไม่ว่า กายและจิต วันหนึ่งจะเข้าใจว่า สันติสุขแท้คืออะไร หมดปฏิกริยาเป็นเช่นไร มหากริยาจิตเป็นเช่นไร
    สักแต่รู้แล้ววางเป็นเช่นไร ไม่หวั่นไหว ไม่คล้อยตามเป็นเช่นไร จิตหนึง ธรรมหนึ่งเป็นเช่นไร และสิ่งใดที่ไม่มีเกิดและดับอีกคืออะไร

    พี่เชื่อว่าปัญญาของน้องจะเข้าถึงสัจจะธรรมในไม่ช้า

    อนุโมทนา ขอมาตอบน้องในที่นี้เพื่อประโยชน์ต่อเพื่อนๆเช่นเดิมนะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2009
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มิติภูต เค้ารอยให้ตามจับ

    น้ำที่ไหลบนพื้นไม้เมื่อใกล้จะแห้งถ้ามีน้ำตกลงไป ในริ้วลอยเดิม น้ำมักจะไหลไปในเส้นทางเดิมเหมือนมีที่ๆให้หยั่งลงเป็นการเปิดทางเอาไว้

    แต่น้ำที่กลิ้งไหลบนใบบัวที่ไม่ทิ้งล่องลอยให้สืบค้น เหมือนดั่งใจที่ใสกระจ่าง
    ไม่ว่ามีสิ่งใดตกกระทบก็ไม่ทำให้ใจนั้นมัวหมองแต่อย่างใด

    เมื่อคืนอ้องก็ยังทำหน้าที่ของคนนอนทำสมาธิ และลุกมานั่งสมาธิอยู่ตลอดเวลา
    จิตที่วูบเข้า ดิ่งเข้าหาของสมาธิมีภวังค์จิตแต่ละฐานเป็นตัวบ่งบอก
    สิ่งนี้เป็นริ้วลอยให้สืบค้น เค้ารอยให้ตามจับ ความเคยชินที่ได้กระทำมา ย่อมพบทางแห่งตน

    รูปลักษณะที่จิตเข้าไปรู้ มีริ้วลอย มีเค้าลักษณะ มีช่องว่าง มีทางเข้าถึง
    ขอเพียงมีกำลังหยั่งลง ตามมันเข้าไปในเส้นทางเดิม

    ย่อมทำให้อ้องตื่นในฝันอีกได้...

    เมื่อคืนเมื่อพบริ้วลอยและตามเข้าไป
    เมื่อจิตมีกำลังด้วยสมาธิ ย่อมพบรูปลักษณะที่จะทำให้รูปลักษณะชนิดนี้สว่างขึ้นมาเสียได้เพื่อตื่นเต็มตัว

    ความสว่างกระจ่างโพลงขึ้นและสติพร้อมกับจิตผู้รู้ก็ไปตื่นในฝัน
    อารมณ์ที่ปรากฏคือ ความยินดีเพลิดเพลินที่ได้เข้ามาในฝันของตนอีก...

    เข้ามาอีกแล้ว...
    ความสว่างของสถานที่ไม่ทำให้แสบตาแต่สว่างแบบนุ่มนวล
    สิ่งที่ปรากฏเหมือนเดิมคือปีติ สุขภายใน ความเบา ลอยละล่อง ไม่ปรากฏความหยาบ

    รูปที่ละเอียดที่ปรากฏในฝันเป็นรูปสมมุติทางใจที่ไปสร้างขึ้นมาด้วยฤทธิ์
    ไม่มีความหนัก ตึง หย่อน แข็ง มีแต่เบาสบาย

    อ้องทบทวนตนเองว่าฝันหรือความจริงอีกเช่นเคย...

    มันคือความจริงในอีกมิติหนึ่ง เพราะอ้องพูดกับตนเองว่า
    "ตื่นอีกแล้ว นี่มันฝันหรือปรุงแต่งของจิตอีกละเนี่ย"

    อ้องหันไปมองรอบๆ เช่นเดิม ในโลกแห่งความฝันจะมีใครที่มองไปรอบกายตนเองได้
    มีแต่มองไปข้างหน้าและสลัวๆทึมๆ แต่นี่มันคือโลกอีกที่หนึ่ง
    ที่กายละเอียดไปปรากฏขึ้น ถ้าตื่นแบบเต็มตัว จะมองไปได้ทั่วทิศแบบอิสรเหมือนมิติโลก...

    เมื่อวานก่อนนอน
    อ้องตั้งกระทู้ที่ลานธรรมเรื่อง รักเธอจนหมดหัวใจและจะพาเธอไปให้ถึงฝากฝั่ง
    อ้องตั้งกระทู้ เพราะใจรักและกตัญญูในมารดาพร้อมอธิษฐานภายในใจตนเอง

    แต่ใครจะคาดคิดได้ว่า การตั้งจิตด้วยคุณธรรมแห่งความดีนั้น
    ในอีกมิติหนึ่งมีสภาพที่ตอบรับในกุศลเจตนาสิ่งที่อธิษฐานอันยิ่งนี้ด้วย

    อ้องถูกเรียกมาและไม่มีอำนาจควบคุมกายละเอียดตนเอง
    เพราะอ้องเห็นสิ่งที่สวยงามข้างหน้าแต่ไกลๆ เหมือนอ้องกำลังยืนอยู่บนสันเนินสูงและมองลงไปข้างล่างที่ไกลตา

    มีกลุ่มเมฆและกลุ่มของบ้านช่องที่อ้องต้องการเข้าไปชม ที่แปลกคือ
    เมฆบนโลกลอยบนฟ้า แต่เมฆที่นี่ ลอยอยู่บนพื้น

    ปกติ อ้องจะทำให้กายเคลื่อนด้วยการดึงเข้าไปหาสิ่งที่เห็นและกายก็จะเหมือนมีแรงผลักให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่วันนี้ไม่...

    มีแรงต้านและแรงดึง ทำให้ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการจะไป...

    อ้องปล่อยกายละเอียดให้ลอยละล่องไปตามแรงดึงพร้อมกับจ้องมองสถานที่ที่อยากไปอย่างแสนเสียดาย
    มิติแห่งนี้ สว่างเป็นแสงสีทองปรากฏไปทั่ว สว่างยิ่งกว่ากลางวัน สว่างจนอ้องก็แปลกใจว่า
    ทำไมสว่างไม่แสบตา และรู้สึกไปถึงความอบอุ่น ความน่าเคารพ ความร่มเย็น

    หลายวันแล้ว ที่คิดว่าจะเข้าไปมิติภูต แต่สมาธิก็ขึ้นๆลงๆสงสัยจะเข้าไปได้ยาก
    เพราะช่วงที่พระคุณเจ้าที่ได้สวดยถา สัพพีนั้น อ้องได้จับอารมณ์แห่งกระแสความร่มเย็น
    อำนาจแห่งความสันติ อ่อนโยน และถ่ายเทไปยังมิติคุณดาโดยเป็นแกนกลางเชื่อมเข้าไป

    เสียงสวดมนต์ของพระคุณเจ้าทำให้สมาธิของอ้องจับยึดในคำบริกรรม จนจิตรวมในอารมณ์หนึ่งและเมื่อจิตมีคุณภาพ เสียงของพระธรรมทูตทั้ง92รูปนั้น
    อ้องก็ทำตนเองเหมือนเป็นสะพานเชื่อมไปยังมิติคุณดา
    โดยตรึกนึก โน้มให้เห็นด้วยสมาธิ ในอดีตอารมณ์แห่งสถานที่ๆไปเยือน และให้กำลังของพระคุณเจ้าไป
    ปรากฏ ณ สถานที่แห่งนั้น

    เสียงสวดมนต์ที่ก้องกังวาล มีอำนาจทางใจที่พูดได้ยาก
    ถ้าหากไม่ได้นั่งอยู่ท่ามกลางเสียงสวดและผู้สวดก็มีคุณแห่งศีล ศรัทธา สมาธิ
    กำลังที่ท่านตั้งใจสวดมนต์ มีอำนาจที่เราจับยึดอารมณ์ได้ง่าย

    การที่จะปลุกคนให้ตื่นบางครั้งก็ต้องใช้กระแสเสียงที่มีอำนาจที่มีกำลัง อ่อนโยน ร่มเย็น
    เหมือนประพรมน้ำใสสะอาด ความสว่าง เสียงที่ฟังแล้วเกิดปีติสุข

    ได้เข้าไปชะระล้างใจที่สับสน มึนงง ให้ตื่นขึ้นมาด้วยกระแสแห่งคำสวดมนต์ที่ระลึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัย
    อย่าว่าแต่จิตวิญญาณที่เดือดร้อน แม้แต่เทพ เทวา
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังพึงปรารถนาในคำสวดมนต์ของผู้ทรงศีล

    กระแสเสียงแห่งพระคุณเจ้ากระจายปกคลุมไปทั่ว ความสว่างไสวของสมาธิมีปรากฏการของรัศมีสีสรร ระยิบระยับ ส่องกระจายออกไป แสงสีทองแห่งปัญญาของพระคุณเจ้า ผสมกับจิตที่สัมปยุตต์กับเมตตากรุณาที่ให้พรแก่สรรพสัตว์

    ความชื่นใจปรากฏเกิดขึ้นในหมู่เพื่อนๆที่กำลังสับสน สลบไสล ก็พลันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์
    อ้องก็ไม่ทราบว่ามีมากไม๊ แต่มุทิตาจิตที่ตอบรับเป็นพลังงานชนิดหนึ่งของพวกเค้า
    ส่งกลับมาเหมือนก้อนพลังงานมหาศาลเข้ามากระทบจน

    ขนลุกซู่ตั้งชัน...จนวางอุเบกขาสติแทบไม่ทันในอารมณ์

    อ้องแผ่เมตตาโดยนำกำำลังของพระคุณเจ้าช่วยเหลืออีกแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ลองทำตามที่คุณดาบอกเอาไว้ พร้อมกับอุทิศกุศลแห่งตนเองสำทับกลับไป...

    พระพุทธองค์ตรัสให้สร้างอนุสัยแห่งกุศลเพื่อเป็นเครื่องระลึกที่ดี เป็นสันดานที่จะฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
    ท่านตรัสสอนทำให้กุศลให้เจริญถึงที่สุด
    เพื่อประโยชน์แห่งการบำเพ็ญตนในภายภาคหน้า
    เพื่อไม่เดือดร้อนตน เพื่อความเกื้อกูล ความสุขของเพื่อนร่วมทุกข์

    สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ

    อ้องจำในสิ่งที่ผ่านมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วดี และก็จะเข้ามิติภูตมาหลายวันแล้ว
    แต่สมาธิอ้องมันขึ้นๆลงๆ และมีความอยากที่ละเอียดแฝงเอาไว้อยู่ มีสัญญาที่ละเอียดที่จับยึดภพ จึงทำให้เข้าถึงคุณดาไม่ได้อีก(กิเลส)

    เมื่อคืนนี้ก็เช่น...
    อ้องตื่นในฝันอีก และก็เข้ามิติภูตไม่ได้ แถมไม่เป็นตัวของตัวเอง มีอำนาจชนิดหนึ่งที่ต้องไปตามที่ท่านให้ไป อ้องต้องปล่อยกายให้ลอยละล่องไปอีกเหมือนเคย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2009
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความฝันของพี่นีน่า

    [​IMG]<!--endemo--> ความฝันของพี่นีน่า...

    ครั้งหนึ่งยังจำได้ ตอนนั้น นีน่าจะยังไม่ถึง 5 ขวบ

    เป็นไข้นอนงอแงอยู่ที่บ้าน อยากกินโน่นนี่ก็ไม่ได้กิน ก็ของแสลงน่ะ

    จนหลับไปพักนึงก็มีคนเอารวมมิตรน้ำแข็งใสสีสวยมากและกลิ่น

    หอมหวานชวนน้ำลายหยดเลย พอตักขนมจะเข้าปากเท่านั้นละ

    ก็มีคนมาเรียก พลัน... ขนมก็หายวับไปกับอากาศเลยอ่ะ

    นี่หรือ ที่เรียกว่าฝันหวานๆ ???

    พี่นีน่าครับ...

    ในโลกแห่งความฝันที่ตื่นเต็มตัว อ้องก็แปลกๆใจตนเองอยู่เสมอ...
    มันเป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่แม้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เข้าใจ
    เอาแค่ความฝันก็ยังไม่รู้เลยว่าคืออะไรทำไมมนุษย์จึงฝัน
    อย่าว่าแต่การตื่นขึ้นมาในอีกมิติหนึ่งแบบเต็มตัว ยิ่งอธิบายยากที่สุด

    เรื่องที่อ้องเ่ล่า หาอ่านได้ยาก และหาคนที่จะทำความเข้าใจยิ่งยากไปใหญ่
    แต่คนที่ตื่นในฝันมีมากมายคือรู้ว่ากำลังฝันและรู้ว่ากำลังคิดปรุงแต่งในฝัน

    แต่ของอ้องมันไม่ใช่เช่นนั้น มันกลายเป็นเอากายละเอียดไปท่องเที่ยวในภพต่างๆ อ้องเองพูดได้เต็มปากว่า

    วิญญาณนะ มีจริง เพราะกายละเอียดที่ปรากฏของอ้อง มันก็ผีดีๆนี่เอง
    แต่เป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาด้วยอำนาจฤทธิ์

    ในความเป็นจริงของโลกเราใบนี้ ความสนใจในสิ่งลี้ลับมีเยอะมาก ถ้าอ้องได้สอดแทรกธรรมะบรรเทิงเข้าไปในการแสดง เชื่อว่าในอนาคตคนที่เข้าใจอาจจะ
    มาทางธรรมกันได้ไม่มากก็น้อยและไม่หลงทางแบบเสียเวลา

    อ้องจะพยายามต่อไปและขอบคุณพี่นีน่าและเพื่อนๆน้องๆที่เป็นแรงใจลึกๆอยู่เสมอ...

    ด้วยความเคารพในธรรม

    อ้องครับ
     
  5. nina kk

    nina kk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณค่ะ ที่เอาฝันวัยเยาว์(ตะกละเนอะ) ของพี่มาฉายอีกรอบ

    หลังๆมาก็ฝันบ้าง(ไม่มีสาระ สะเปะสะปะ เรื่อยเปิ่อย)...
    ... ไม่ฝันบ้าง ส่วนใหญ่ตื่นแล้วก็ไม่นึกถึงอีกเลย

    จำได้ว่าตอนหลังกลับจากปฏิบัติธรรม เป็นเวลายาวนานทีเดียวที่ไม่ฝัน

    แต่...สัปดาห์ที่แล้ว คืนวันที่23 เมย. ต่อกับเช้าวันที่24 ฝันแปลกๆ

    แรกๆก็ ไม่คิดจะเล่าให้ใครฟัง คิดว่าแค่ฝันน่ะ จะมีอะไร

    2-3วันต่อมา ไปอ่านเจอว่า คืนวันนั้นเป็นวันที่...คล้ายๆกับว่าปลดปล่อย
    วิญญาณอะไรทำนองนั้น เลยอดฉงนไม่ได้ค่ะ (ไม่ได้รู้อะไรทำนองนี้มาก่อน)

    เล่าให้ฟังแล้วกัน ก็อาจไร้สาระก็ได้ค่ะ (ไม่เคยเชื่อหรือกลัวเรื่องผีๆ
    มาตั้งแต่เด็ก จนขึ้นชื่อในหมู่พี่น้องค่ะ)



    ในฝัน บรรยากาศโดยรอบสีออกโทนเหลืองเก่าๆ คล้ายภาพซีเปีย(ถูกไหม)
    ดิฉันไม่ทราบว่าตนเองเดินอยู่หรือเคลื่อนไหวไปข้างหน้าโดยวิธีใด และ
    กับใคร บนทางที่ไม่ขรุขระ แต่รอบๆมีแต่กองทรากคล้ายๆตึกที่ถูกทุบแต่
    ไม่เก็บให้เรียบร้อย เห็นกองเป็นเนินเตี้ยๆตลอด แต่มีสิ่งที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จ
    ทรงคล้ายๆเจดีย์หรือพระปรางค์ สีแบบหินทราย ไม่สวยงามอะไร
    มีแนวกั้นระหว่างสิ่งและทรากเหล่านั้น กับทางเดิน
    ดิฉันก็ไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงๆ แล้วก็เปรยๆว่าทำไงดี เราจะกลับบ้านทางไหน

    จนมาสุดทาง ทางขวามือมีทางแยกออกไป และเพื่อนที่มาด้วยบอกว่า
    เดินออกไปทางนี้(ต้องผ่านรั้วสังกะสี) มีรถเมล์ให้ขึ้นกลับบ้านได้

    ดิฉันก็ว่า เออก็ดี เดี๋ยวเดินไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
    (คิดว่า ต้องมาทำงานค่ะ ทำเลตอนท้ายนี่ คล้ายๆที่ทำงานเก่าที่ถนนตก
    ตรงที่มันอยู่สุดถนนเหมือนกัน) แต่แล้วก็ตัดสินใจไม่กลับบ้าน กลัวมาทำงาน
    ไม่ทัน เพื่อนก็ว่านั่นสิ คืนนี้ค้างที่นี่แล้วกัน แล้วก็จะเดินขึ้นตึกไป
    (ไม่รู้ตึกโผล่มาเมื่อไหร่ ) ตรงหน้าใต้ถุนตึก(หลายชั้น)มีสระน้ำสี่เหลี่ยมอยู่
    เดินผ่านก็มองเห็นบนผิวน้ำที่มีคล้ายๆแผ่นกระจกปิดทับอยู่ มีหน้าของคน
    หลายคนหงายหน้าขึ้นมา ลืมตาโพลงเหมือนกำลังตกใจกลัว เป็นหน้าของ
    คนที่ดิฉันรู้สึกว่า ตายแล้ว และอัดกันแน่นในสระน้ำนั้น

    ดิฉันไม่ได้รู้สึกกลัว แต่แปลกใจและสงสารว่า ทำไมมาอยู่ตรงนี้ จะมีใคร
    รู้หรือยัง(ในฝันนะ) แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เลยบอกเพื่อนว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ
    แล้วเราก็(จู่ๆ) มาถึงห้องพัก ตอนนี้อยู่กันหลายคนประมาณ5-6คน สาวๆ
    (รวมทั้งตัวเอง ก็สาวไปด้วย) แต่งชุดนอนอยู่ แล้วดิฉันก็พูดว่า
    " เราอย่าทิ้งกันนะ " ก็มีเสียงตอบรับแข็งขัน แล้วจากนั้น... อะไรอีกก็ไม่ทราบ
    ดิฉันก็ตื่นนอนพอดีค่ะ


    ไม่คิดว่าจะมีฝันแปลกๆแบบนี้ ปกติฝันปุ๊บตื่นมาก็ลืมปั๊บ นี่ผ่านมา7วัน
    พอดี ยังจำได้หมด
     
  6. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    ผมอยากได้ หนังสือ "เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร" จังเลยครับ

    เพราะดูแล้ว น่าจะก๊อปมาจากหนังสือ แต่ผมลงเซิร์ทหาในเนทไม่มีเลยครับ จะหาซื้อหนังสือได้ที่ไหนเหรอครับ
     
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    หนังสือหมดอยู่ครับ

    ยังไม่ได้จัดพิมพ์เพิ่มเลยครับ เพื่อนๆหลายคนก็รอกันอยู่เหมือนกัน
    เพราะถ้าจัดทำแล้วหนังสือจะหนาเอาเรื่องเพราะเขียนเอาไว้เยอะและเพิ่มขึ้น
    กำลังคิดว่าถ้าทำจะทำเป็นสองเล่มครับ

    จัดเรียบเรียงเล่มเดิมใหม่และทำอีกเล่มเป็นเรื่องที่เอ่ยถึงต่อมาครับ
    เรื่องเงินนั้นโดยมากแล้วไม่ค่อยจะสำคัญครับคือ
    มีคนช่วยเหลือพอสมควร เพืื่อนบางคนก็ช่วยมาอยู่

    ส่วนที่เหลือก็สำหรับเพื่อนๆที่อัฐิน้อย ขอกันมาอ้องก็ยินดีครับ

    ชุดเดิมทำมาประมาณ 1,000เล่ม หมดไปอย่างรวดเร็ว
    คงต้องขอเวลาอีกหน่อยครับ

    ถ้าจัดพิมพ์เพิ่มก็จะแจ้งให้ทราบอีกที

    อนุโมทนาครับ

    อ้องเขาค้อ (ชัชวาล เพ่งวรรธนะ)
     
  8. แบงก์จ้า

    แบงก์จ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +1,520
    รับทราบครับ งั้นขอรอหนังสือด้วยอีกคนครับ
     
  9. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    อนุโมทนา สาธุ

    **************

    ขอคำชี้แนะจากคุณอ้องด้วย เกี่ยวกับการทำสมาธิหรือการตั้งจิต ในการที่ได้พบพ่อ แม่ สรรพสัตว์ทั้งหลายในอีกมิติ

    พี่เคยตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าขอให้ได้พบแม่และได้พูดคุยกับแม่.. วันหนึ่งตอนใกล้สว่าง.. พี่ฝันว่าได้ไปที่แห่งหนึ่งเหมือนมีงานอะไรอย่างหนึ่งมีผู้คนมากมาย สถานที่จัดเหมือนเป็นนิทรรศการหรืออะไรไม่ทราบได้ แต่ดูสวยงามนึกว่าเดี๋ยวจะออกมาเก็บภาพ พี่อยู่กับแม่ที่นั้น (อบอุ่นบอกไม่ถูก) ดูคนดูอะไรด้วยกันสักพัก แล้วพี่ก็บอกแม่ว่าขอไปถ่ายรูปข้าง ๆ เห็นสวยงามดีขอไปเก็บภาพก่อน(ปกติชอบถ่ายรูปเก็บภาพมาก ซิมไม่หมดหรือแบตไม่หมดไม่หยุด) แม่บอกว่าแม่จะรอตรงนี้นะพูดย้ำอีก นึกทำไมแม่พูดย้ำจังเดินไปประมาณสองสามก้าว จึงนึกได้ว่าก็เราต้องการพบแม่นี่นาเพื่อจะถามทุกข์สุขของแม่ พอหันตัวกลับมองหาแม่เรียกแม่รู้สึกใจหายบอกไม่ถูกเลย มองเห็นแม่แต่ไม่ได้พูดกัน สว่างพอดีต้องตื่นไปทำงาน

    ขันติธรรม.
     
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบคุณขันติธรรม

    ในเรื่องของนิมิตหรือกายฝันนั้น
    ถ้าจะจริงหรือไม่จริงต้องย้อนทวนสติของตน
    เพราะว่าสภาพที่ปรากฏมันจะปรุงแต่งสัญญาต่างๆ คือไม่สว่าง
    ไม่แจ่มชัด บังคับบัญชาไม่ได้ เหมือนเป็นไปโดยไม่สามารถทำตามใจ
    เหมือนเป็นสถานที่เก่าที่คุ้นเคย

    การพบเจอใคร หรือฝันเห็นใครในกายฝัน...
    โอกาสที่จะเป็นจริง สมจริงสมจังมีแต่ผู้ที่ฝันจึงจะรู้ได้
    โดยการรู้สึกตัวว่าฝัน ว่ากำลังคิดนึกหรือเจอกับความจริง

    เพราะสภาพแห่งภวังค์จิตนั้น ถูกถีนมิทธิเจตสิกครอบงำ เป็นองค์รักษาภพภายใน
    ที่ปรุงแต่งสัญญาเก่าคืออธิษฐานหรือเจตจำนงค์ที่ต้องการพบเจอมันฝังรากเอาไว้เป็นเชื้อภายใน

    พอมีรูปวัตถุใด เป็นอดีตกรรม ระลึกได้ในอารมณ์ เจตสิกภายในย่อมปรุงแต่ง
    แต่ขาดกำำลังของสมาธิและสติ จึงทำให้ผู้ฝันโดยมากแล้ว

    จะเข้าถึงความจริงได้น้อย...

    ทั้งๆที่บางครั้งก็เป็นการสื่อถึงกันของความรักระหว่างภพ
    เพียงแต่พูดคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ และสภาพภายในกายฝัก็ดูสับสน ปนเปไม่แจ่มใส

    อ้องคงไม่สามารถบอกได้ว่า จริงหรือไม่จริงแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี มีเครื่องหมายว่า ผู้ไปแล้วอยู่ในสภาพที่ไม่เดือดร้อนมากนัก นั่นก็ต้องสืบเสาะเอาจาก
    วิถีชีวิตเดิมที่เคยเป็นมนุษย์ ย่อมมีศีล มีทาน ร่มเย็น อบอุ่นมามากครับเป็นเสบียงที่ดูแลเค้าอยู่

    ขออนุโมทนาครับ
     
  11. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้คุณอ้อง เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ขอบคุณคุณอ้อง ที่ให้คำแนะนำ
     
  12. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พอดีไปตอบคนที่ถามเรื่องนรกมีที่เดียวหรือ...

    ในขณะใกล้จุติจิต จิตวิ่งเข้าหาองค์รักษาภพคือภวงัค์จิตมีคตินิมิตปรากฏมั่นหมายเป็นอารมณ์ที่ จิตจะเข้าไปยึดเหนี่ยว จิตอยู่ในสภาวะอ่อนกำลังลง อารมณ์ใดที่ปรากฏมีอำนาจมากเพราะสะสมเชื้อมามาก

    จิตก็จะถูกอารมณ์ นั้นนำพาไปปฏิสนธิในภพนั้นๆ สันตติจะทำหน้าที่สืบต่อโดยไม่มีสิ่งใดมากีดกั้น จิตที่ยึดในขันธ์จะไปสร้างรูปปรากฏ (เทพ พรหม เปรต อสูรกาย อบาย) หรือมีรูปปรากฏในครรภ์มารดา จุติจิตดับก็ถูกสันตติส่งต่อปฎิสนธิทันที ไม่มีคำว่าล่องลอยไป

    ภพทั้งหลายเราสะสมเอาไว้เป็นเชื้อที่จิต จิตยึดอารมณ์ในภพใดจึงไปภพนั้นตามกิเลส กรรม วิบาก หนีไม่พ้นทั้งดีและชั่ว

    สวรรค์ นรก เป็นสถานที่ เป็นภพภูมิ เป็นมิติ มีช่องว่างระหว่างภพอันเป็นธรรมชาติของภพ

    คน6พันล้านคน ไม่มีสวรรค์ คนคุมกฎ คนเดียว ไม่มียมบาล ยมฑูตคนเดียว
    ไม่มีบัญชีหนังหมาคน6พันล้านคน อีนี่แขกงง และฝรั่งมึน

    สิ่งที่ใจไปสร้างขึ้นมาไม่ว่า สถานที่ ผู้คุม วิธีลงฑัณบนเป็นไปตามอำนาจของใจ
    ที่ไปสมมุติขึ้น มีอำนาจของจิตหมู่ ดึงดดกันและกัน สมใจกันและกัน(นรก)
    ความเชื่อที่ถูกสอนเอาไว้ จินตนาการที่ฝังใจ จะไปหา จิตที่เสมอกัน
    ในภพเดียวกัน อำนาจดึงดูดกันและกัน จนกว่า กรรมในอารมณ์ที่สะสมจะบรรเทาเบาบางลง

    นรกไม่จำกัดชาติ สรรค์ก็ไม่จำกันชาติ พึงพอใจในสมมุติเหมือนกันก็จะไปที่เดียวกัน มีมากมายให้เลือกไม่ต้องกลัวว่าไม่มีที่ชอปปิ้ง

    แขกไม่ชอบจีนเพราะกลิ่นกายและอาหารการกิน น้ำหอมแตกต่างกัน
    ลองเอาเทวดาแขก เทวดาจีนมาอยู่ในที่เดียวกันคงจะทะเลาะกันตาย

    เค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกไปภูมของเค้า สถานที่ๆคุยกันรู้เรื่อง อากาศ ความหอม
    อาหาร รูปร่าง หน้าตา มันฝังใจ

    เทวดาไทยคงไม่ชอบนางฟ้านิโกร
    นางฟ้าไทยก็ไม่ชอบเทวดานิโกร
    ดังนั้นแม้สวรรค์ก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกในจิตที่เสมอกัน เหตุผลเดียวกัน เสียสละเหมือนกัน คุณธรรมเท่าเทียมกัน

    ส่วนนรกนั้น เลือกไม่ได้ จิตเสมอกันในขุมใดก็ไปผุดขึ้นที่นั่น
    มีกระจายไปทั่วทุกชาติศาสนา ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีไต่สวน ตรวจบัญชีหนังหมาแต่อย่างใด

    พวกนี้กรรมหนักผุดขึ้นมาเลยแบบไม่เข้าใจตนเอง ฝันร้ายดั่งน้ำไหลเชี่ยว
    ตื่นไม่เป็น สติไม่มี เพราะถ้ามีสติเพียงตรึกนึกในพระรัตนตรัยก็จะหลุดพ้นทันที

    ถ้าคุณเคยฝันร้าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณถามใจตนเองว่า สติมีไม๊ ทำไมมันน่ากลัว
    ทำไมหนีไม่พ้น ทำไมหนีไม่ได้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนกว่าจะรู้สึกตัว

    คำว่ารู้สึกตัวคือการที่อารมณ์ที่ไปยึดหมดกำลังลง ภพที่ไปยึดอารมณ์ก็หมดเหตุ
    จริงๆเรื่องนรก สวรรค์ อ้องว่า สนุก มีเรื่องเล่าอีกมากมายกว่าที่คิดเอาไว้

    แต่ถ้าถามอ้องว่านรกมีที่เดียวสงสัยยมบาลคงลาออกเป็นแถวคนตายปีนึงกี่สิบล้านคน มานั่งหาบัญชีหนังหมาก็ตาค้างแล้วหรือใครคิดว่า
    นรกจะก้าวหน้ามีคอมพิวเตอร์555

    ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ <!--MsgFile=13-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2009
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ผีใจเย็นๆ...

    บ้านของอ้องนี่จัดว่าสื่อเยอะ น้องสาว หลานสาว แม้แต่เหลน...
    ลองมาอ่านพวกนี้กันดู รับลองสนุกและน่ากลัวแบบขนหัวลุกฮิๆ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  14. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    พี่เคยได้รับการรักษาโรคจากพระภูมิเจ้าที่ที่บ้านน้องสาวที่กรุงเทพฯ

    เมื่อต้นปี 2551 พี่ไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ร่างกายไม่สบายมาก เป็นเรื่องสำคัญของงานที่ทำก็ต้องไป (เป็นคนไม่ชอบหาหมอหรือกินยาทั้งสิ้น เป็นได้ต้องหายได้) เลยไปพักกับน้อง นึกเหมือนกันว่าถ้าตายก็ให้ตายกับน้อง ๆ ก็ว่าให้พักผ่อนบ้าง เพราะเห็นนำงานมาทำที่บ้านอีก พอคืนที่สามใกล้สว่างก็ฝันว่าตัวเองนอนหันหน้าไปทางศาลพระภูมิ(ห้องที่นอนชั้น 2 ตรงศาลพระภูมิ) ณ ที่ศาลพระภูมินั้นมีสมเด็จพระสังฆราช(องค์ปัจจุบัน) ประทับเป็นประธานและมีพระอีกหลายรูปนั่งสวดมนต์อยู่ ก็เอะใจว่าตัวเองอยู่ที่นั่นคนเดียวและได้รับน้ำให้อาบเทราดจากหัวลงมารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว นึกว่าไม่สบายอยู่ด้วยแต่ไม่เป็นไรได้เห็นพระก็รู้สึกดีแล้ว(นึกว่าตัวเองคงตายแล้ว) พอลืมตาก็ลุกขึ้นมองไปที่ศาลพระภูมิแล้วยกมือไหว้ขอบคุณพระภูมิเจ้าที่ท่านคงมาดูแล สังเกตดูอาการก็รู้สึกสดชื่นเบาสบายตัว ได้เล่าให้น้องรับรู้ด้วยเค้าก็หายห่วงได้

    พี่จึงเชื่อในความดีทั้งหลายที่ต้องทำให้มาก ๆ และปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันหยุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  15. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    สวัสดีครับคุณอ้อง และทุก ๆ คนวันนี้มีเรื่องจะมาถามคุณอ้องครับ ก่อนหน้าโน้นผมเคยปรึกษาคุณอ้องเรื่องกึ่งตื่นกึ่งฝัน ว่าของที่ห้องนอนหาย

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมก็ได้กลับบ้านไปหาลูกสาวครับ วัย 2 เดือนที่เพชรบูรณ์ ตกกลางคืนก็เหมือนเดิมครับ มันเหมือนกึ่งตื่นกึ่งฝัน ว่าลูกสาวหายครับคราวนี้ของไม่หาย

    คนหายเลยผมก็ตกใจขึ้นมาดู ลูกยังอยู่เหมือนเดิม ผมว่ามันคงต้องมีอะไรแน่ ๆ ครับ

    ทำไมชอบฝันแบบนี้บ่อยมาก ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกประจำเลยครับ
     
  16. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบคุณกองกอย

    ถ้าให้ทำนายฝัน...
    คือมีเรื่องที่ทำให้กังวล มีสิ่งที่ไม่สบายใจที่ต้องแก้ไขในไม่ช้า เป็นเรื่องคนใกล้ชิด
    ที่ทำให้มีเรื่องยุ่งยากใจในการตัดสินแต่ก็จะผ่านไปได้ไม่ยากมากนัก...

    ความฝัน...
    บางครั้งก็เกิดจากการกังวลเพราะในสภาพชีวิตจริงอาจจะมีเรื่องบางเรื่องที่เราอดห่วงไม่ได้ทำให้เกิดกังวลในรูปลักษณะ สิ่งของ คนใกล้ชิด
    มันจะฝัง ค่อยๆฝังเข้าไปในแง่ของจิตวิทยา สะสมไปทีละน้อยบวกกลับ
    พอตื่นก็จะหวาดผวาและคิดนึกในสิ่งที่ฝันมา ทำให้ไม่สบายใจ

    จิตที่คิดนึกก็คือการประทับรูปลักษณะสัญญาเอาไว้ทำให้เมื่อนอนหลับ
    พอจิตมีรูปลักษณะสัญญาตัวนี้ปรากฏแวบเดียว มันก็จะปรุงแต่งสภาพในฝัน
    ต่อไปของหาย ลูกหาย แฟนหาย รถหาย ฮิๆ

    ตัดความกังวลในใจทิ้งนะครับ ตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องไปหยิบจับเอามายกวิถีจิตสะสมอีก อย่าไปปรุงแต่งกิเลส ไม่อยากคิด ไม่อยากฝัน มันห้ามไม่ได้ มันไหลไปหาเหตุก็ดับไปธรรมดา

    ทำใจสบายๆ ทำใจให้ผ่องใส วางอารมณ์มันลง ชีวิตคือการต่อสู้
    ทุกข์เกิดมาจากการที่เราไม่รู้จักทุกข์
    ถ้ารู้มันอย่างถ่องแท้เสียแล้ว
    มันจะทำอะไรเราไม่ได้เลย...
     
  17. name_

    name_ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +11
    วันนี้ได้ไปนั่งสมาธิ มาค่ะ

    พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
    ประเสริฐมาก ๆ ใครก็ตามที่ได้ฟัง จะเหมือนกับว่า
    หูได้ฟัง แต่เหมือนกับตาได้เห็นความเป็นจริง

    พระองค์ทรงพระเมตตามาก ๆ นะคะ ที่ประทานคำสอน
    ไว้ให้พวกเรา ได้ปฏิบัติตามพระองค์ไป....

    ด้วยบารมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
    บุญกุศลต่าง ๆ ที่บังเกิด จากการที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติในวันนี้
    ข้าพเจ้าขอให้พี่อ้อง ได้รับ และขอให้พี่อ้อง ได้สำเร็จสมดังปณิธาน
    ที่ตั้งไว้ด้วยเทอญ...สาธุ

    และขอให้ทุกท่านที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหลาย
    ทุกรูป ทุกนาม ได้รับบุญกุศลนี้ ด้วยเทอญ...สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  18. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    [​IMG]

    ไม่รู้สวยไม๊ครับทำเอง แหะๆ
     
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ผลพลอยได้จากโลกแห่งความฝัน

    ก็คือจินตนาการ...
    ถ้าเราสามารถที่จะเห็นสิ่งที่ปรากฏในความฝันอย่างชัดเจนและประทับใจ
    ฝังลึกเอาไว้ บางสิ่งก็แทบทำไม่ได้เลย แต่มีบางสิ่งอ้องลองทำดูแล้วทำได้
    คือจินตนาการแห่งการสร้างหอยประยุกต์...

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในโลกแห่งจินตนาการสวยมากกว่านี้หลายเท่า
    อ้องเลยก๊อปเอามาจากฝันมาทำซะเลย
    ทำไว้เพียบเลยตอนนี้
    ถ้าพิพิธพันธ์หอยต่างๆมาเห็นสงสัยมาขอลิขสิทธิ์อ้องจมกระเบื้องฮิๆ
     
  20. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    สวยงามดี ดูเหมือนมีชีวิตเลยนะ

    ;ปรบมือ ;k07
     

แชร์หน้านี้

Loading...