เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

อุ๊บ !
เค้าขอเป็นคนอ่านก่อนดีกว่าค๊า ยังไม่เคยปฏิบัติเลย ( นิสัยม่ายดีขี้เกียจๆๆ )

เห็นพี่ชัยวัฒน์บ่นหนาวแล้ว สนใจจัดทริปครอบครัวมาเที่ยวเมืองไทยมั้ยค๊าา...
มาหลบหนาวที่นี่ดีกว่าค้า
เเดดเปรี้ยง!!! หัวแตก ทุกวันเรยย
:z1

คิๆ ๆๆ ...

 

ได้เจอท่านผู้เฒ่า อีก 2 คน วันเสาร์ที่ผ่านมา อาอัครพล (มั๊ง ขอโทษด้วย ถ้าหนูจำชื่อผิด แต่หนูจำหน้าได้อยู่นะ) อาดาว ได้พบปะผู้ใหญ่แห่งวงการ ก็ดีใจค่ะ

อาดาว ทดลองส่งพลังให้ได้รับรู้ ว่า อ๋อ มันเป็นเช่นนี้เอง หน่วง ๆ กับอีกแบบ มันแตกต่าง

หนูกลับบ้าน ไข้ขึ้น กินพารา แล้วนอน ตื่นมา หายปวดหัว แต่ปวดท้องแทน เอ๊ะ เพราะอะไรหว่า กินอะไรเข้าไป มีที่สงสัยก็ 2 อย่าง ข้าวหมาก (ผิดศีล ข้อ 5 มั๊ยเนี่ย) กะน้ำพริกปลาร้าเผ็ดจัด เลยอ้วก ตอนนั่งสมาธิ วันอาทิตย์ก็ยังปวดอยู่ เพิ่งจะหาย วันนี้เองค่ะ

 

วันนั้นที่เอาไอ้นั้นออกให้ผลข้างเคียงจะเพลียเหมือนเป็นไข้นะครับ

 

อ้อ เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะ

 

พี่เต่าโบราณ สรุปว่า ไอ้ที่พี่ปวดคอปวดหลัง
หลุดไปแล้วใช่ปะคะ ... ต้องให้ถึงมืออาจารย์เนอะ

 

น่าเสียดายอย่างแรง ที่ไม่ได้ไป

และก้อยินดีกับน้อง kikky01 ด้วยนะจ๊ะ

 

วันนี้ได้ คอนเฟอร์ม เรื่องบูท ในงานวิทยาศาตรทางจิต กับสำนักงานโลกทิพย์เรียบร้อยแล้ว(พื้นที่เท่าเดิม)

ทุกท่านที่จะไปช่วยงานให้เตรียมตัวได้
ลับฝีมือ ใส่เกราะให้ดีนา โดยเฉพาะท่าน อ.วิษณุ (ห้ามลากิจ ห้ามลาป่่วยเด็จขาด)

 

อยากไปดูด้วยครับ จัดวันไหน ที่ไหนเอ่ย

 

ที่ อ.บาส รักษาให้นี่ มะเร็ง จ้า ไทรอยด์ ด้วยเปล่าไม่รู้

ส่วนของเก่า ปวดคอ ปวดหลังนั่น อ.สุวิว่า ทำยังไงก้อไม่ไป ท่านอยู่สูงกว่าพระ หลวงพ่อ (ของพี่) มาดัดสันดาน เอ๊ย นิสัยพี่ ถ้าทำบุญ ออกจากวัดมา...ตัวเบาเลยล่ะ ตอนนี้สบายขึ้น แค่รู้สึก ว่าตึงๆ เล็กน้อย ไม่ปวดเหมือนช่วงนั้น

ได้จังหวะ เลยถาม อ.สุวิ ว่าที่เคยฝันว่าพระมาปลุกให้ลุกสวดมนต์ตอน 6 โมงเช้า อันนี้เป็นจริงตามฝันหรือเพ้อเจ้อไป

ฝันเช้าวันพระ ฝันวันนั้น วันเดียวว่า พระมาปลุกให้ลุกขึ้นสวดมนต์ 6 โมงเช้า มีพระผู้ใหญ่มาฟังด้วย แล้วพี่ส่ายหัวอย่างเดียว พระท่านก็อุตส่าห์ว่า วันนี้ พระผู้ใหญ่มาฟังด้วย พี่ก็ ฮึ ไม่เอาท่าเดียว ในหัวคำนวณว่า ถ้าไหวัพระ 6 โมง ก็ต้องตื่นอย่างน้อยตี 5 อาบน้ำ จัดดอกไม้ พี่เลยส่ายหัวท่าเดียว ขอนอนต่อ อันนี้เป็นจริงตามฝันหรือเพ้อเจ้อไป

อ.สุวิ เลยบอกสมน้ำหน้ามัน แค่นี้ยังน้อยไป 555

รู้สึกผิดเหมือนกัน พระมาโปรด แล้วยังขี้เกียจ เอาแต่นอน:'(

 

......อย่างไรถึงจะมีตาทิพย์......

ทราบข่าวจากกระทู้ว่า ที่ บู๊ต เสาร์-อาทิตย์ มีคนมามากมาย
ทั้งคนเก่าและคนใหม่ ก็รู้สึกดีใจ นึกถึงตอนที่ เพื่อน ๆ
และน้อง ๆ ที่สนใจเรื่องพลังในรุ่นเดียวกัน เช่น
ราครอส เอวิวัฒน์ ลูกลิง ตรีพักตร์ อ.อาชวินพาเดินวัดพลัง
สิ่งต่าง ๆ และผลัดเปลี่ยนกันดู ออร่าของกันและกัน
ด้วยตาเปล่า ...บางท่านก็มีคำถาม ๆ ผมว่า
คุณสมบัติอย่างไร ถึงจะเข้าเป็นสมาชิกชมรมคนตาทิพย์
ต้องมีตาทิพย์แล้วใช่ไหมถึงจะเข้าได้
อ่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ แค่สนใจเรื่องพลัง การวัดพลัง
การดูพลัง การดูออร่า การดูกายทิพย์ การเห็นวิญญาณ
การรู้อนาคตรู้อดีต ถ้าสนใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือทำได้อย่างใดอย่างหนึ่ง สมัยก่อน ท่าน อ. ก็รับเข้าชมรมแล้ว
ถ้ารับเฉพราะคนที่มีตาทิพย์แล้วอย่างเดียวนี่ ก็คงมีสมาชิกไม่กี่คนแน่ 555




ก็มีำคำถามมาเรื่อย ๆ ว่า แล้วคุณชยา่ ล่ะ มีตาทิพย์ไหม
จะตอบว่าไงดีล่ะครับ ว่ามีหรือไม่มี ผมก็ขอตอบว่า
มีบ้าง ไม่มีบ้าง ดีกว่าครับ เพราะการเห็นผีของผมนี่
ไม่ใช่ว่า จะเห็นได้ตลอดเวลา ผมเป็นการเห็นเป็นดังนี้ครับ



1. เ็ห็นโดยการตั้งใจจะเห็น
ก็คือการทรงสมาธิระดับอุปจาระสมาธิ เอาไว้
แล้วก็เห็นได้ครับ แต่มันสำคัญที่ว่า ใครจะรู้ว่า อุปจาระสมาธิ
อยู่ตรงไหน ทำอย่างไรจะเข้าได้ นี่ก็ต้องย้อนไปถึงเรื่อง
การฝึกครับ
2. เห็นเองโดยอัตตโนมัต
อันนี้ผมเป็นบ่อย เป็นเรื่องของคนที่ได้และมีของเก่ามาก่อน
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์ และจิตแจ่มใสห่างไกลจากอารมณ์
ขุ่นมัว จิตเป็นทิพย์เองเลย ซึ่งการเห็นแต่ล่ะครั้งของผม
ก็จะอาศัย 2 อย่างนี้เป็นหลักซึ่งทั้งหมดนี่
เป็นฌา๊ณโลกีย์ ครับ ถ้าศีลบกพร่อง ฌาณจะหายทันที
และเช่นเดียวกัน หากดูแลศีลดี มีพรหมวิหารธรรม
สมาธิก็กลับมาเอง จิตก็เป็นทิพย์อีก ก็เห็นได้อีก ตัวผมเอง
ก็ กลับไป กลับมา อยู่ หลาย ๆ รอบ ถ้าศีลไม่ดี
อยากจะเห็นแทบตาย ก็ไม่มีทางเห็น หรือ ถ้าศีลดี จิตดี
ผีมาหาเราให้เราเห็นเองเลยครับ เพราะผี
จะเห็นกายทิพย์คนครับ จะเห็นว่า คนไหนกายมืด
คนไหนกาย สว่าง ก็พยายามเข้ามาติดต่อเพื่อขอความ
ช่วยเหลือครับ เรื่องนี่มีตัวอย่าง .




..ผมเคยพา นักแต่งเพลงท่าน
หนึ่งซึ่งก็ทำงานร่วมกับผมเป็นประจำ
ชื่ออาจารย์ เมธา ท่านแต่งเพลง แมนรับบ่ได้ อะจึก ๆ
อันโด่งดังนั่นล่ะครับ เคยพาท่านมาหา อ. อาชวิน ซึ่ง
อ. ก็ได้บอกว่า คนนี่ก็มีตาทิพย์ได้ ผมก็แปลกใจอยู่ว่า
อาจารย์เมธาท่านนี้ ไม่ได้มีความสามารถท่านด้าน
จิตมากก่อนเลย จะทำได้รึ มาตอนนี้ คำทำนายก็ได้มีเค้าว่า
จะเริ่มเป็นจริง ก็เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อ.เมธาก็ได้มาที่บ้านผม
ซึ่งก็มาเป็นประจำครับ เพราะต้องมาทำงานที่ห้องบันทึกเสียง
ซึ่งจุ่ ๆ แกก็ทักผมขึ้นมาว่า อ. ไก่อู (ชื่อเล่นของผม )
ผมเห็น ออร่าของ อ. แกก็พุดแบบละล่ำละลัก
แบบไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันครับ ผมก็ถามว่า ..
.. อ. เห็นเป็นสีอะไร แกก็ตอบว่า เห็นเป็นสีม่วง ขอบทอง
ขนาด ราว ๆ 3 นิ้ว ออกจากร่างกาย ผมก็งงว่า
เห็นได้อย่างไรแถม ถูกต้องด้วย แล้วแกก็ดูให้ทุกคน
ในห้องอัดหมดทุกคนเลยครับ ......หลังจากนั้นผมก็สอบ
ถามแกครับว่า จู่ ๆ เห็นออร่าได้อย่างไร ท่านก็ตอบว่า
ผมแค่เลิกกินเหล้าครับ เมือวานนี้ก็ยังไม่เห็นน่ะ
พอมาบ้าน อ. ไก่อู ผมก็เริ่มเห็นเลย .




....ถ้าผมสรุป ผมก็ขอสรุปว่า การที่แกเริ่มเห็นออร่า
ก็อาจพัฒนาไปเห็นผีได้ นี่ก็เพราะ เลิกเหล้ามาระยะหนึ่ง
พลังในร่างกาย ฟื้นฟูขึ้น ศีลบริสุทธิ์ และ มาสู่สถานที่
ที่ส่งเสริมพลัง ทำประจวบกันทำให้เห็นออร่าได้
ผมก็แนะุนำให้นั่งสมาธิเพิ่มครับ จะได้พัฒนา กาย-จิต
เข้าสู่การเป็นอริยะบุคคลในอนาคต จะเห็นได้ว่า
การมีตาืทิพย์นี้ จะว่ายาก ก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
ขึ้นอยู่กับว่า เคยทำมาในอดีตมากน้อยเคยไหน
แต่การเข้าชมรมคนตาืทิพย์นี่ แค่ สนใจ
ก็เข้าเป็นสมาชิกได้แล้วครับ แม้จะไม่ได้เป็นสมาชิก
ก็สามารถไปนั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ได้ที่บู๊ตเป็นประจำทุกเสาร์-อาทิตย์ได้ครับ
ที่นั่น จะมีผุ้มีประสพการณ์แนะนำข้อคิดเห็นต่าง ๆ ได้



แต่ส่วนตัวผมตอนนี้ อาจไม่ได้ไปบ่อยนักครับ
ต้องมีภาระทางโลกอยู่
ถ้าบุญนำพาอาจได้เจอกันที่บุ๊ตน่ะครับทุกท่าน สวัสดีครับ​

 

ท่าน ชยา พูด ซะ ยัง กับ อยุ่ไกล ถึง แดนสุดขอบฟ้า......

การจะมา ... แค่ กั้นหาย ใจ สัก สาม เฮือก ก็ มาถึงแล้ว....

ขับรถ 20 นาที ( กั้นหายใจ ยาว หน่อย นะ ).......55

 

เมื่อวันเสาร์มีคนถูกใจคนมาบูธเยอะ เลยโอนเงินเข้าบัญชีตั้ง 1,000 บาทแน่ะ แอบบอกให้ก็ได้ ครุณพรี่ดาวทะเลทรายเองจ้า ยินดีในบุญด้วยนะจ๊า

 

ยินดีในบุญกับคุณดาวและทุกท่านด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

แม่นางนุ่นปรากฎตัว

ถ้าท่านผุ้อ่านได้อ่านเรื่องเล่าของผมมาตลอด
ก็คงจะจำรูปสลักเป็นรูปนางกวัก จากไม้งิ้วดำได้
ผมได้มาจาก อ. วิรุฬ อ. ตั้งชื่อว่า แม่นางนุ่นครับ
...ต่อจากเรื่องที่แล้ว ครับ ถึงตอนที่ กลับไปงานคืนสู่เหย้า
ในงานคือสู่เหย้า ผมก็ได้พบกับหนิง (นามสมมุติ)
ผมก็ยังจำเธอได้น้อยมาก พยายามประติดประต่อ ว่า
เคยรู้จักยังไง เคยรู้จักไหม ก็ได้รับคำตอบจากสมอง
ว่า ไม่เคยรุ้จัก ไม่เคยพูดคุย และอีกหลาย ๆ เรื่อง
มีแค่คำตอบว่า ไ่ม่ เท่านั้นครับ....



....เอาเป็นว่าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำมัน ....และเช้าวันต่อมา
ผมก็ต้องเดินทางไปจังหวัดชลบุรี เพื่อไปเล่นดนตรีกับ
ต้อยหมวกแดง ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ไปถึงตอนบ่าย ๆ
ก็ได้เวลาเล่นเลย เล่นไปซัก ชั่วโมง ก็จบ
ก็ขับรถกลับกรุงเทพเลย




............ก่อนหน้านี้ ซัก 3 เดือน ผมมีอาการปวดท้อง
บริเวณชายโครงขวา สลับกับอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
ผมก็เข้าใจว่าอาจเป็นโรคกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะนี้
ผมกับมันแทบแยกกันไม่ออกเพราะเป็นบ่อยมาก
แต่เป็น ๆ หาย ๆ ไม่หายขาด เวลาโรคกำเริบ ผมก็จะ
ไปซื้อยากินเอง ชื่อยาก็คือ อูลแกสตริน ซึ่งสามารถรักษา
ได้ทั้งแบบเรื้อรัง และเฉียบพลัน กินทีไร ก็หายทุกที
แต่เนื่องด้วยผมเอง เป็นคนกินข้าวไม่เป็นเวลา
ก็ด้วยที่ว่าทำงานไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา
กินจึงไม่เป็นเวลาด้วย โรคกระเพาะจึงถามหาบ่อย
และระยะหลัง ๆ ก็มีอาการปวดมาก ก็อาศัยยา
อูลแกสตริน และยาลดกรด กินไปเรื่อย ๆ
โดยที่ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะมั่นใจว่า
คงเป็นโรคกระเพาะเหมือนเดิม และ อูลแกสตรินก็คงเอาอยู่..
ตอนเล่นอยู่บนเวที ก็รู้สึกปวดมาก ตอนขับรถกลับ
ก็ปวดแต่ก็ทนจนกลับมาถึงกรุงเทพ
และนอนพักที่บ้านหนึ่งคืน กะว่า ตอนสาย ๆ
จะไปหาหมอเพราะทนไม่ไหว



...........จนกระทั้ง เช้าวันรุ่งขึ้นผมจะขับรถไปโรงพยาบาล
เอกชนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เข้าเป็นประจำ
ได้เล่าอาการอย่างละเอียดให้หมอฟัง หมอก็บอกว่า
ไม่น่าจะใช่โรคกระเพาะแล้วล่ะ จึงได้ เอ๊กซ์เรย์ดู
ก็ไม่พบอะไร จึงได้ ทำอัลตาซาวด์ ดูจึงได้พบว่า
ถูงน้ำดี ของผม มีขนาดใหญ่ผิดปกติ และพบว่า
มีนิ่วในถุงน้ำดีอยู่หลายเม็ด และหนึ่งในนั้น
ได้ไปอุดตันท่อน้ำดีที่จะส่งน้ำดีไปสู่กระเพาะ
ทำให้ไม่มีน้ำย่อย ท้องจึงอืด และสาเหตุที่ทำให้เจ็บ
ชายโครงก็คืออาการอับเสบอย่างรุนแรงของถุงน้ำดี
หมอจึงสังให้เข้าห้องผ่าตัดทันที



......แต่ในเย็นวันนี้ผมจะต้องเป็นซาวด์เอ็นจิเนียในห้องอัด
ผมจึงขอต่อรองกับหมอว่า ขอผ่าเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม
คืนนี้ต้องกลับไปเคลียงานก่อน หมอก็คิดอยู่ชั่วครู่
ก็ตัดสินใจให้ผมกลับไปเคลียงานได้
โดยที่ฟีดยาแก้ปวดเข้าไปกับน้ำเกลีอ 1 กระปุก
แล้วให้ผมกลับบ้าน ได้ยาแก้ปวดก็ดีขึ้นมาก
แต่ก็ไม่ได้หายปวดไปเลยน่ะครับ ก็ยังคงปวดเล็กน้อย
พอมาถึงห้องอัด ผมก็เคลียงาน ส่งต่องานให้กับ
ซาวด์เอ็นจิเนียอีกคน แล้วก็เข้านอนพักผ่อนเพื่อเตรียม
ตัวเข้าห้องผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ก่อนนอนก็กราบพระขอพร
แล้วก็เข้าสมาธิแล้วก็จับลมหายใจ หนีความเจ็บปวดเข้า
สมาธิไป หลับไปได้ราว ๆ 4-5 ชั่วโมง ก็ค่อย ๆ
ตื่นขึ้นมาเพราะว่าชายโครงขวา ปวดมาก ๆ
ปวดจนแทบทนไม่ได้ คล้าย ๆ ถูงน้ำดี
จะแตกยังไงยังงั้นครับ ขณะที่ผม ค่อยคลายจาก
สมาธิออกมา ผม ก็เห็น แม่นางนุ่น นั่งพับเพียบทับอยู่บน
ตัวผม และมือทั้งสองของเธอ ก็กำลังนวดที่บริเวณ
ชายโครงขวาของผม ท่านมาช่วยให้ผมผ่อนคลาย
ความปวดได้บ้างครับ

ผมก็บอกท่านว่า จะไปโรงพยาบาลครับ
ร่างแม่นางนุ่นก็ค่อย ๆ หายไป นี่เป็นครั้งแรก
ที่ได้เห็นแม่นางนุ่นอย่างเต็มตาครับ
ผิวแม่นางดำสนิทเหมือนกับไม้งิ้วดำที่แกะสลักท่าน
เลยครับ เครื่องทรงก็สีดำล้วน แต่ก็เห็นรอยยิ้มที่มีความเมตตา
ที่ได้ช่วยนวดให้ผมบรรเทาความเจ็บปวด ผมจึง
ตะโกนปลุกเพื่อนให้มาขับรถให้ เพราะขับเองไม่ไหวแล้วครับ

พอถึงโรงพยาบาล ก็รู้ว่า เป็นเวลาตี 2
หมอก็ฟีดยาแก้ปวดให้อีก และจะให้เข้าห้องผ่าตัดเป็นคิวแรก
ได้ยาแก้ปวดไปแล้วผมก็ยังไม่ดีขึ้น
เพราะถุงน้ำดีบวมมากแล้วครับ เอาละครับจะเป็นอย่างไร
จะรอดไม่รอด โปรดติดตามตอนต่อไปครับ​

 

รอลุ้นครับพี่ชยา.....

 

คุณชยาต้องรอดซิิครับ ถ้าไม่รอดแล้วใครมานั่งเล่าอยู่นี่? สงสัย?? อิอิ จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยเท่านั้น ฮิฮิ สู้ๆๆ กำลังมันส์

 

โถกำลังสนุกเชียวค่ะ คุณชยา อย่าหายไปนานนักนะคะกลัวต่อเรื่องไม่ติดค่ะ
ปล.แอบอ่านมานานแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ทันได้รู้จักอ.สามตาหรอกนะคะ.. มาช้าไปหน่อยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกท่านนะคะ

 

คุณชยา ตื่นได้ แล้ว

เพื่อนๆ มานั่ง รอ

กัน เยอะ แล้ว เน้อ...........
รีบ เล่า ต่อ ....... เร้ว...........................55

 

...............เออ..ใช่ ..ครับบบบบบ........55555

 

รอฟังอยู่ครับท่าน CHAYA