เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

และแล้ว อีหนู ก็โยนเผือกเผาร้อนๆให้หมอ
งานเข้าเลย ทันที

หมอได้ให้คุณ กรรมนิยาม ตรวจเช็คคุณ ได้คำตอบมาดังนี้

จะเห็นได้ว่า ความเจ็บป่วยของบุคคลผู้นี้ เกิดจากกรรม และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ แตะ
ดังนั้น ยันต์กระดาษ ของหลวงพ่อโอภาษี จึงไม่อาจช่วยเหลือใดๆได้เลย แม้แต่การบันเทา

แต่ในฐานะหมอสุวิ เป็นหมอที่มีครุฑคุ้มหัวอยู่ หากคนไข้เข้ามาขอความช่วยเหลือแล้ว จะปล่อยให้กลับไปทนทุกข์เหมือนเดิมได้อย่าไร
ดังน้้น ก็ต้องเปิดโต๊ะเจราจาต้าอ่วยกัน

ก็พอที่จะได้ความเคร่าๆดังนี้ ข้อตกลงนี้ยังไม่ทุบโต๊ะ ว่าตกลงนะ เป็นเพียงข้อเสนอ และข้อสนองกันเท่านั้น เพราะบางอย่างคนไข้อาจหมดปัญญาทำ

๑. สร้างบุญ ที่มีปริมาณมากพอ ทำหลายๆอย่างให้มีปริมาณ ประมาณ ๕ ล้านหน่วยอาชวิน(เท่านี้นเอง)
๒. คนไข้ต้องปฏิบัติธรรม (ทาน ศีล ภาวนา)เป็นปกติวิสัย เป็นนิจ(คือต้องทำทุกวัน)
๓. ให้เลิกอาชีพ ขายสิ่งศักสิทธิ์เพื่อเลี้ยงชีพ แต่ให้ใช้ปัญญาทำเพื่อการประกาศศาสนา ให้เผยแพร่ รุ่งเรือง(ตรงนี้ได้บุญนะ)

และท่านเจ้าหน้าที่ ก็แถมว่า หากไม่รีบลดละเลิก ต่อไป อาชีพหลักที่เลี้ยงชีพจริงๆ ก็จะเริ่มขัดสน แม้เงินที่เคยได้ ก็จะหดหาย ไปต่อหน้า

โอ้โฮเฮะ ... ดุปานฉะนี้
หมอสุวิ มีเพื่อนอยู่หลายๆท่าน แม้แต่ในเวปนี้ กระทู้นี้ ก็กระทำการดังงกล่าว เป็นแบบสองแง่สองง่าม (ก็ทำเป็นงานอดิเรกนะดีกว่าอยู่เปล่าๆ)
อาศัยที่มีพลังจิต ก็แยกแยะเครื่องรางของขลังได้ ทำให้ได้ราคาดี
แบบนี้สงสัย คงไม่ใช่แค่เจ็บเคล็ดขัดยอกแล้ว หากโดนเช็คบิล คงถึงกับพิการแน่นอน

เอ...แล้วเราจะช่วยเพื่อนของเราได้อย่างไรหว่า มึนวุ้ย

 

ตอนแรกที่กะทิเธอเปิดเข้ากระทู้มาอ่าน นึกว่าเข้าผิดห้องกระทู้แฮะ เราก็ว่าเข้ามาในห้องกระทู้เรื่องเล่าตื่นอนตอนสายๆ นี่หว่า? ประเด็นเราออกจะนำเสนอแต่นิท้าน นิทาน 5555

แต่ทามมายตอนนี้มันเหมือนกับเข้าไปในห้องปรึกษาปัญหาสารพัดโรคไปได้ไงวุ้ย 555555 อีกที


เห็นไหมเจ้าคะ ถ้ากะทิไม่ให้ผู้อ่านที่ต้องการรับยันต์กระดาษของหลวงพ่อโอภาสีไปใช้ โดยไม่ผ่านหมอสุวิช่วยสแกน จะเกิดอะไรขึ้น

เสียชื่อเสียงหลวงพ่อโอภาสีและพระอาจารย์ของท่าน ที่ยันต์ของท่านใช้ไม่ได้ผลกับผุ้ที่ต้องการรับเอาไป เพราะผู้ที่รับไปเกิดทำกรรมหนักเอาไว้เกินกำลังยันต์กระดาษหลวงพ่อฯ และอาจยังมาเป็นกรรมกับกะทิเธออีก

----------


ตุ่ง..ตุง..ตุ้ง.....ท่านผู้มีอุปการะคุณโปรดทราบ ขณะนี้ ห้องกระทู้ของพวกเราทั้งหลาย ชักจามั่วห้องกระทู้กันซะแล้ว

ดังนี้ หากใครจอดรถผิดที่ ก็ขอให้ถอยรถบุบๆ ป่วยๆ ของท่านกลับยังห้องกระทู้ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ซะแต่โดยดี ก่อนที่ สนช. จะส่งเจ้าหน้าที่ มาล็อคล้อของท่านนะคะ


ดังนั้นโปรดเข้าใจตรงกันด้วยค่ะว่า หากท่านส่งข้อความหลังไมค์หรือโทรไปถามถึงหมอสุวิ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อขอยันต์กระดาษของหลวงพ่อโอภาสี แล้วไซร้ ก็ขอให้ไปรอคำตอบของท่าน ณ ห้องกระทู้ปรึกษาปัญหาสารพัดโรคฯ ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับบ้านกระทู้ เรื่องเล่าตื่นอนตอนสายๆ นิท้าน นิทาน ที่นำเสนอเฉพาะตัวอักษรน่ารัก น่าชัง นะคะ


โปรดอย่ารอคำตอบห้องผิดค่ะ และหมอสุวิ ก็กรุณาเข้าออกประตูให้ถูกห้องด้วยนะเจ้าคะ

 

555 ขำๆ กะทิเธอกล่าวได้น่ารักดี...อิอิ
ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าขอรับยันต์จะผ่านการสแกน อะป่าว
ถ้างั้นให้คนเดือดร้อนกว่าก่อนละกันเนาะ

ตอนนี้พอเอาตัวรอดได้...ไปวัน..วัน เท่านั้น...เจงๆ
ไม่รู้จะรอดได้สักกี่น้ำ...รุกหนักซะ
ปล. ช่วยค่าถ่ายเอกสารกะทิดีกว่าเนาะ...อิอิ

 

แหม.........55

ก็ ห้อง ปรึกษาโรค กับ ห้องเรื่องเล่าตื่นนอนฯ............... มันก็ ทีมงาน เดียวกัน
กลุ่ม คน ที่ เข้าไป พูดคุย ก็ ชุดเดิม อีกแหละ
ก็ คงกังเอง ท้างน้าน.....55

โอกาส พลั้งเผลอ ที่ เข้าห้อง นั้น แต่ ดันไป ตอบ ห้องนี้ ก็ มี เหมือนกัน.. ละครับ...55

 

ปกติ หมอสุวิจะแยกการเขียนเรื่องในกระทู้ทั้งสอง แตกต่างกัน

ในกระทู้ปรึกษาปัญหาสารพัดโรคฯ เป็นการเขียนในลักษณะ การตอบคำถามให้คำปรึกษาในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ/การรักษา และการใช้ยารวมถึง แนะนำยา
เนื้อเรืองที่เขียน จะไม่หวือหวา จะเป็นเรื่องเรียบๆ ไม่เวอร์เกินปกติมนุษย์มากนักกระทรวงสาธารณะสุข มาพบเห็นก็ยังพอรับได้

ส่วนในกระทู้เรื่องเล่าตื่นนอนตอนสายๆ หมอสุวิ ก็เขียนเบื้องหลังการถ่ายทำ เบื้องหลังของความเจ็บป่วย และต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย
เช่น โดยยักษ์กระทืบอก โดนหอกเสียบกลางหลัง มีหนอนชอนไชกระดูก โดน ฯลฯ มากมาย
ต้นเหตุก็อาจมาจาก ปากเสียเที่ยวติเที่ยวว่าเขาไปทั่ว การทำแท้ง ชอบสบถสาบาน ฯลฯ
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ เอาไปอ้างในการรักษาโรคไม่ได้ กระทรวงสาธารณะสุขไม่ยอมรับ ไม่มีข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้อ้างอิง
หากหมอสุวิใช้เป็นบันทึกอ้างอิงในการรักษาโรค รับรอง โดนฟ้อง ถอดถอนแน่ๆ

ดังนั้นเรื่องที่เขียนจึงออกมาในแนวนิทานดังที่อีหนูกระทิว่า
บ้างก็ออกมาในแนวว่าหมอฝันไป

ดังนั้นในเรื่องที่หมอสุวิเขียนข้างบน ความเจ็บป่วยอันเกิดจากความผิดบาปจากการซื้อขายพระ
ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยอันเกิดจากถูกเหล็กแหลมแทง จึงควรอยู่ในกระทู้นี้(เรื่องเล่าตื่นนอนฯ)
เพราะเรื่องมันเว่อร์ ไม่ควรแก่เหตุผลทางวิทยาศาสตร์

และยังจะมี่ผู้ที่จะต้องโทษจากการซื้อขายพระอีก ซึ่งเขาจะเอาถึงพิการ(อัมพฤกษ์) อันเกิดจากอุบัติเหตุ
ก็เขาอยากขอลองหน่อยว่า แคล้วคลาด คงกระพัน ชาตรีจริงหรือไม่
หมอก็อยากจะพูดอยากจะบอก พูดเตือน เพราะความผิดบาปนั้นถึงลิมิตแล้ว รอเพียงเวลาเท่านั้น
แต่ก็เหมือนกับน้ำท่วมปาก ไม่กล้าพูด ด้วยเขาเป็นยอดยุทธในพลังจิต

 

หมอสุวิ เคยเปรยๆไว้ว่า จะเปิดบัญชีธนาคาร แยกไว้สักเล่มหนึ่ง เอาไว้ให้ผู้เจ็บป่วยทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ทั้งเล็กใหญ่
โดยหมอสุวิจะเป็นธุระเอาไปทำบุญไถ่ชีวิตให้ พร้อมการอธิษฐานบุญขอรักษาโรค หรือขอต่อชีวิต หรือขอไถ่โทษ ผ่อนหนักให้เป็นเบา

เปรยๆไว้เกือบปีแล้วก็ไม่ได้ทำสักที อ้างโน่นอ้างนี่ผลัดไปเรื่อยๆ สงสัยคงไม่ถึงเวลานิ

มาหลายๆเดือนที่ผ่านไปนี้ มีคนไข้ต้องอาศัยบุญนี้ ประกอบในการรักษามากมายหลายราย ก็บอกให้เขาไปทำบุญดังกล่าวกันเอง
แล้วโทรบอกหมอ เพื่อทำพิธีให้ บางทีมันก็ช้าไปนิด ทำให้การช่วยเหลือไม่ทันการ

วันนี้เลยตัดสินใจเด็จขาด เปิดบัญชีธนาคารที่มีจุดประสงค์ในการไถ่ชีวิตสัตว์ทั้งเล็กใหญ่ โดยเฉพาะ

บัญชีเพื่อ กองทุนไถ่ชีวิตสัตว์

ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโฮมเวร์ค ราชพฤกษ์

บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 405-567090-1

ชื่อบัญชี นาง พัชรินทร์ วงค์เอนกอนันต์
.

 

นำเงินทำบุญเข้าบัญชีกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ จำนวน 500 บาทแล้วครับ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

แหม ความไวสูงนะคะ รีบมาเจิมบัญชีไถ่ชีวิตเลยนะนี่ พ่อณภัทร

นางอุมา จันทราทิพย์ โอนปัจจัยเข้าบัญชีไถ่ชีวิต 200 บาท อุทิศให้คุณแม่ ประไพ จันทราทิพย์ มารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว

ตัววรรณนันท์เองตามมาเป็นอันดับสามค่ะ ปัจจัย 3,000 บาท ไถ่ชีวิต

3,000 บาท เข้ากองทุนยาหมอสุวิค่ะ

 

วรรณนันท์กะว่า จะค่อยๆเติมบัญชีไถ่ชีวิตไปเรื่อยๆ ขีดข้างฝาไว้ เห็นทีไรก็ดีใจทุกที ว่างๆก็นั่งนับตังค์ไป เหมือนตอนเด็กเปิดบัญชีออมสินเลย ครั้นถึงเวลาจำเป็นคงได้เป็นก้อนเป็นกำ ไม่ต้องวิ่งหาฉุกละหุก

 

นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน อดีต(ชาติ)ของมนุษย์ ผลในปัจจุบันค่ะ



อย่างที่บอกไปนะคะว่า การดูไม่ว่าจะเป็นออร่าของมนุษย์ หรืออดีตของคน มักเริ่มมาจากเจ้าตัวเป็นผู้ขอให้กะทิดูค่ะ


ในครั้งแรกที่ดูอดีตชาติของคนอื่นนั้น เป็นวันที่กะทิอยู่ที่บ้านหมอสุวิ และไปๆ มาๆ ในวันนั้นก็มีคนมาหาหมอสุวิที่บ้านมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นเพราะวันนั้นเป็นวันที่คุณคนหนึ่ง ซึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อว่าบัวขาว(นามแฝง) มาที่บ้านของหมอด้วย


คุณคนนี้มีผู้ที่ติดตามเธอมาเป็นขบวนค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด เป็นเพราะว่าผู้ที่ตามเธอ ล้วนเป็นลูกศิษย์ของเธอรึไม่ หรือเพราะเหตุเฉพาะกิจที่เธอจำต้องทำที่จ.กาญจนบุรี ไม่แน่ใจจริงๆ (เธอผู้นี้มีหน้าที่ที่ต้องทำในชาตินี้ต่อการบรรพบุรุษของเธออยู่หนะค่ะ เป็นงานหินแบบผู้ชายอกสามศอกจริงๆ แต่เธอดันเกิดมาเป็นผู้หญิงซะนะคะ)


แต่ว่ามีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งที่ติดตามคุณบัวขาวอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงผมยาว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแผล คล้ายๆ ผื่นแดง อันเกิดจากสิวอักเสบ ทั่วทั้งใบหน้า กะทิเธอเห็นแล้วยังคิดในใจว่า เธอรู้จักเพื่อนสนิทที่ขายยาช่วยบรรเทาอาการรักษาผื่นสิวได้ เดี๋ยวตอนเธอจะกลับบ้าน เราจะแนะนำเธอดีไหมหว่า?


แต่สุดท้ายกะทิก็ไม่ได้แนะนำเธอค่ะ เพราะเรื่องราวมันกลับตาลปัตร เมื่ออยู่ดีๆ จำไม่ได้แล้วว่าพวกเราคุยเรื่องอะไรกัน อยู่ดีๆ น้องคนนี้ก็หันมาบอกกับกะทิว่าให้ดูอดีตชาติของเธอ ดูได้ค่ะ เธออนุญาต


ขอบอกเลยนะคะว่าตอนนั้นไม่เคยดูอดีตชาติของใครมาก่อน อยู่ดีๆน้องคนนี้ก็บอกให้กะทิเธอดูอดีตชาติของเธอซะงั้น โดยที่กะทิไม่ได้ขอสักหน่อย กะทิก็เลยลองดูค่ะ


ตอนเริ่มต้นก็ลังเลนะคะ เพราะไม่เคยทำ ในใจของกะทิเธอคิดว่า เธอคงจะไม่ได้เรื่องอะไรแหงม (ก็คนมันไม่เคยไงอะนะคะ) แต่ผลดันตรงกันข้าม เพราะกะทิเธอแทบไม่ต้องใช้ความพยายามนานไรเลย (ยังแปลกใจตัวเองซะงั้น)

อาจเพราะจิตของเธอผู้ที่อนุญาตให้กะทิดูนั้น เธอเปิดใจของเธอออก และส่งมาให้กะทิอยู่แล้ว กะทิก็เลยสามารถเห็นได้โดยง่ายนะคะ (กะทิขออนุญาตเจ้าของเรื่องในการเล่าเรื่องนี้นะคะ)


ภาพที่กะทิเธอเห็นในตอนแรกเป็นภาพควัน และบ้านเรือนไทยค่ะ บ้านเรือนไทยนี้ จะปลูกแบบเป็นกลุ่มบ้านที่ปลูกต่อๆ กันได้เป็นกลุ่มบ้านหนะค่ะ กะทิดูไปก็พูดไปเรื่อยๆ ให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้ยินนะคะ ซึ่งตรงนั้นก็มีคุณเจ้าของเรื่อง และคุณบัวขาว + ผู้ติดตามคุณบัวขาวหลายท่าน + หมอสุวิ ฯลฯ อยู่ด้วยหนะค่ะ เรียกว่าอยู่กันเยอะเต็มห้องรับแขกบ้านหมอล่ะ


กะทิเห็นภาพบ้านและสภาพบ้านเรือนไทยได้สักพัก ก็เป็นบ้านเรือนไทยปรกตินะคะ และก็มองไปที่ควันที่ลอยออกมาเป็นกลุ่มควัน กะทิก็พูดว่า ไฟไหม้บ้านรึคะ? พูดไปก็ถามไปนะคะ และก็ไม่ได้หวังว่าใครจะตอบนะคะ เพราะว่าตามดูเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ ภาพต่อจากนั้นก็มีคนวิ่งออกมาจากบริเวณบ้าน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายค่ะ แต่ว่าออกจากบริเวณบ้านไม่ได้นะคะ เพราะโดยบริเวณรอบบ้านนั้นมีผู้ชายถือไม้ขอนไว้ในมือ ตีทุกคนที่พยายามหนีออกจากบ้านมาค่ะ พวกเขาตีให้ผู้ที่หนีออกมากลับเข้าไป ไม่ให้หนีออกมาได้ พยายามให้ทุกคนในบ้านต้องตาย ไม่ว่าจะไฟคลอกตาย หรือว่าสูดพิษควันไฟตายนะคะ


ในระหว่างที่กะทิตามดูภาพมีผู้หญิงผมยาวอยู่คนหนึ่งค่ะ ถูกตีให้เข้าไปในกลุ่มบ้าน แต่เธอไม่อยากเข้าไป เธอร้องตะโกนด้วยความขัดเคือง เรียกว่ามาร้องเต็มเสียงเต็มปากของเธอต่อหน้ากะทิเลยค่ะ กะทิก็พูดอธิบายระหว่างเห็นภาพไปด้วย และจบลงที่ภาพผู้หญิงคนนี้นะคะ


กะทิขออธิบายเพิ่มเติมนะคะว่า ผู้หญิงคนนั้นคงจะเคืองโกรธผู้ที่ตีเธอ ไม่ให้เธอออกจากบ้าน จนสุดท้ายเธอถูกไฟไหม้จนตาย ด้วยความรู้สึกอันนี้ จึงมีผลต่อผู้ที่ตีเธอเอาไว้ค่ะ หรือก็คือกรรมได้มาตกในชาติปัจจุบันกับผู้หญิงที่อนุญาตให้กะทิเธอดูอดีตชาติอยู่นี่นั่นเอง ซึ่งไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร เพราะทุกคนในที่นั่นเข้าใจกันหมด แม้แต่เจ้าตัวก็รับคำ


ดูเหมือนว่าเธอทราบก่อนอยู่แล้ว และทำใจได้ก่อนอยู่แล้วที่จะให้กะทิดูอะนะคะ เป็นการรีเช็ค/ดับเบิ้ลเช็ค สำหรับเธอนั่นเอง ดังนั้นต่อให้เธอใช้ครีมรักษาสิว หรือไปหาหมอรักษาใบหน้าให้หมดเปลืองไปเป็นหมื่น ก็ใช่ว่าจะหายได้ค่ะ


กะทิเขียนมานี้เพื่อจะบอกว่า ผู้ที่มีใบหน้าหรือผิวหนังเป็นผื่นไม่หาย บางทีก็ใช่ว่าจะเป็นเพราะอะไรนะคะ บางทีมันมีบางอย่างที่เราอาจไม่ทราบอยู่ด้วยเหมือนกัน



กรรมที่ก่อให้เกิดโรคนี้ยังมีอีกหลายตัวอย่างนะคะ แต่ไม่ใช่ว่าโรคทุกโรคจะเกิดจากกรรมไปซะหมด บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่ใช่ เพียงไปหาหมอก็หายได้ค่ะ ไม่อยากให้ผู้อ่านเหมาว่าโรคทุกโรคเป็นผลมาจากกรรมนะคะ



ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ในพระพุทธศาสนา และแด่พระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ

 

กะทิเธอเคยเล่าเรื่องไว้หนึ่งเรื่องที่กล่าวถึงคุณวิษณุว่า ได้เดินเข้าไปในร้านหนังสือ แล้วเดินออกมาตัวเปล่า เพราะว่าหนังสือแทบทั้งหมดที่เธอเดินสัมผัสดู ล้วนเป็นการลอกๆ กันต่อๆ มา แล้วนำมาขยายความ ในมุมมอง ด้านที่ผู้เขียนมองเห็นทั้งสิ้น

อธิบายก็เหมือนคนตาบอดคลำช้าง ถ้าเขายืนอยู่ตรงหน้าช้าง ก็จะรู้สึกว่าช้างหน้าตาอย่างหนึ่ง ถ้าอีกคนยืนด้านท้ายของช้าง ก็จะเข้าใจว่าช้างหน้าตาอีกอย่างหนึ่ง

เช่นเดียวกัน กะทิกำลังจะสื่อว่า ในเว็บไซต์นี้มีคนอยู่มากมายดาดดื่น และมีอยู่พวกหนึ่งที่ชอบเรื่องลี้ลับ แต่เพียงชื่นชอบไม่พอ ยังจะชอบคัดๆ ของผู้อื่นไปเล่าต่อ หรือประเด็นก็คือ นำไปเขียนต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรือง

เช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมีผลกรรมอยู่บ้างรึไม่?

-----------------------------------------


เรามาพูดถึงเรื่องดีๆ กันบ้าง นะคะ

กะทิเธอต้องขอขอบคุณ คุณ Lazaza ทีมีน้ำใจงามดังนางสาวไทย อันนี้ไม่ได้พูดเกินจริง ไม่ใช่ว่าเธอรักเด็กหรือไม่ แต่เธอเป็นคนรักษาคำสัตย์ การพูดนี่มันง่าย แต่การรักษาคำพูดได้ดังที่ลั่นวาจานี้มันยาก

หลายๆ ครั้งกะทิเธอเอง ก็เพลอรับปากโน่นนี่นั่นไปกับใครหลายคน แต่บางทีเนื่องจาก กาละ เวลา ที่เปลี่ยนไป ความไม่สะดวก ความไม่เหมาะเจอะ พอดี รวมถึงลืมไปแล้วก็มี ทำให้บางทีเราก็ไม่ได้รักษาคำพูดนั้นไว้

ดังนี้กะทิจึงเขียนมาเพื่อประกาศว่า หากใครต้องการยันต์กระดาษหลวงพ่อโอภาสีฟรีๆ กะทิมีน้ำใจงามๆ จากคุณ Lazaza มาฝากค่ะ รบกวนอนุโมทนา

"สาธุ"

แก่เธอผู้นี้ด้วยนะคะ

โดยท่านทั้งหลายไม่ต้องเสียสตางค์แม้แต่น้อย เพียงแต่ว่า มันจะเป็นยันต์พริ้นท์สีขาวดำ ที่ใช้ได้เฉพาะการป้องกันนะคะ ไม่ใช่เพื่อการรักษาค่ะ จึงเหมาะแก่ผู้ที่ทุนทรัพย์น้อย แต่จำเป็น เช่น มีผู้ป่วย ผู้ชราอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ยังใช้พกติดตัวไว้ในการไปในที่ต่างถิ่น(หนึ่ง) การพักต่างที่(หนึ่ง) จึงเหมาะแก่คนที่เดินทางไม่เป็นที่เป็นทาง คนไปเที่ยว ต้องนอนนอกสถานที่


วิธีใช้เฉพาะยันต์ป้องกันนี้คือ ให้ใช้แปะบนฝูกที่นอนส่วนศีรษะ และปูผ้าปูที่นอนทับ หรือไม่ก็ได้(ปูเหนือผ้าปูก็ได้) แต่ถ้าคุณมีกิจกรรมบนที่นอน หนุงหนิงๆ บอกรักกันเป็นนิจ ตามธรรมชาติเรียกร้อง อันนี้ก็ควรสำรวมไว้ด้วยค่ะ


งานนี้กะทิก็จะอัดพลังยันต์คาถาให้ฟรีๆ ด้วยเหมือนกัน เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจดีงาม ด้วยใจจริงๆ นี้ของคุณ Lazaza นะคะ เพียงแต่ถ้าคุณรับไปแล้ว กลัวว่าจะมาติดบุญกะทิเธอไว้ในชาติต่อๆ ไปอะจิ เพราะมาใช้บุญของกะทิเธอ 555 (และยังคุณ Lazaza อีกด้วย)


ทั้งนี้มีจำนวนจำกัดนะคะ ประกาศก่อนว่า คุณจะต้องเป็นผู้ที่ทำบุญให้แก่หลวงพระโอภาสี ในพระพุททธศานาและพระอาจารย์ของท่านด้วย เพื่อแสดงความ "กตัญญูกตเวทีตา แด่ท่าน" ทุกครั้งที่ใช้ยันต์นี้

โดยวิธีที่ท่านหลวงพ่อขอไว้ในสมาธิที่กะทิเธอเข้าไปกราบท่าน ท่านกล่าวว่า "ให้ทำบุญน้อมถวายพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนาก่อน แล้วจึงนำบุญก้อนนั้น มาน้อมถวายบูชาแก่ท่านหลวงพ่อโอภาสี ในพระพุทธศาสนา และพระอาจารย์ของท่านในพระพุทธศาสนาค่ะ"


วิธีการคือให้สวดมนต์ก่อนนอนตามปรกติก่อน แล้วค่อยสวดมนต์กำกับยันต์ทุกครั้งก่อนล้มตัวลงนอน หรือหลังนอนบนเตียงก็ได้นะคะ หรือหากต้องการทำสมาธิ ก็ขอให้ท่องยันต์คาถาก่อน ก็จะช่วยให้สมาธิได้ดีขึ้น เพราะยันต์นี้มีเป้าประสงค์ในการป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ มาร อสูร ฯลฯ ค่ะ


จากนั้นเมื่อล้มตัวลงนอนแล้ว หรือออกจากสมาธิแล้ว ให้น้อมกล่าวในใจ ถวายบุญที่วันนี้ได้ทำบุญถวายพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา เช่น สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา นี้ น้อมถวายบุญแด่หลวงพ่อฯ และพระอาจารย์ของท่าน(ท่านเป็นพระนะคะ) ในพระพุทธศาสนา


อย่าลืมนะคะ ว่ายันต์ของหลวงพ่อมีสองสี คือ สีส้ม และสีขาวเทา ที่พริ้นท์ทำแจกเป็นกระดาษขาวดำนี้ มี "จำนวนจำกัด" เพราะความกรุณาของคุณ Lazaza และเพราะท่านหลวงพ่อ และพระอาจารย์ของท่าน "อนุญาต" แต่ก็เพียงแค่ยันต์ สีเดียว เท่านั้นค่ะ (ท่านมีเหตุและผลนะคะ ไม่ใช่ว่าอะไรค่ะ มีเหตุและผลกำกับอยู่นะคะ)


ผลของการใช้ยันต์พริ้นท์ขาวดำ กะทิยังไม่ทราบว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน? เพราะเหตุว่า ยันต์นี้มีผลทางป้องกันเฉยๆ หากผู้ที่รับไปใช้ ดันมีตัวประหลาด ลั้นลา มาเกาะติดหนึบแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้าง อันนี้กะทิเธอก็ไม่แน่ใจ(เอามากๆ) ว่ายันต์พริ้นท์กระดาษสีขาวดำ จะใช้ได้ผลนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้ว ว่ากระดาษพริ้นท์ขาวดำ ใช้ป้องกัน ไม่ได้ใช้รักษา ไล่ให้ไปๆ เพราะถ้าจะ "ไล่" เช่นนี้ต้องใช้ยันต์อีกสีหนึ่งหนะค่ะ


ดังนั้นหากท่านผู้ใดต้องการแบบเต็มรูปแบบ ที่มีแบบ "รักษา" ด้วย อันนี้ก็ขอให้ทำตามกติกาคือ ส่งคำขอไปที่หมอสุวิเพื่อสแกน ก่อนส่งเรื่องมาถึงกะทิหากได้รับอนุญาตนะคะ เอิงเอย ^ ^

 

How To : ยันต์กระดาษ หลวงพ่อโอภาสีฯ รีเช็ค/ดับเบิ้ลเช็ค จากหมอสุวิค่ะ


จากการที่กะทิเธอสมาธิเข้าไปกราบหลวงพ่อโอภาสีฯ และพระอาจารย์ของท่านในพระพุทธศานา ถึงอานุภาพ และวิธีการใช้ แต่ยังไม่ได้รีเช็ค/ดับเบิ้ลเช็ค อย่างเป็นทางการ

ในที่สุดหมอสุวิก็ตอบมาแล้วนะคะดังนี้เอย...


ยันต์กระดาษสีส้มใช้ในการป้องกันตัวประหลาดต่างๆ อสูร มาร อสูรกาย เปรต คุณไสย์ ลมเพลมพัด ที่อยากจะมาเกาะเรา

พลังอำนาจจากยันต์นี้จะปกป้อง และไล่สิ่งที่ไม่ดีต่างๆไม่ให้เข้าใกล้ และไล่ให้ไปพ้นๆซะ (ถ้าเขามีพลังสูงกว่า ก็อาจแทรกเข้ามาได้เช่นกัน)



ส่วนสีขาวเทา ใช้รักษาภูติ ผี ปีศาจ มาร อสูร ตัวประหลาด ฯลฯ ที่ชอบมาเกาะเราอยู่ และแทรกเข้ามาในตัวเรา และทำให้เราป่วย เมื่อแทรกเข้ามาแล้ว จะยากที่จะเอาออก
ยันต์สีขาวเทา จะไล่พวกที่แทรกเข้ามา จะปรับเลือดลลมและลมปราณในตัวคนป่วยให้โคจรได้คล่องตัว (ปรับจักระทั้งเจ็ดให้เชื่อมกัน) และเพิ่มพลังให้กายมนุษย์ ทำให้ตัวประหลาดต่างๆไม่อาจเกาะอยู่ได้ ต้องรีบจรลีหนีออกไป


ในกรณีผู้เฒ่าผู้แก่ และผู้ป่วย ก็เอาแผ่นสี ขาวเทา ติดไว้ที่หัวเตียงดีที่สุด

ส่วนคนปกติ ก็ควรเอา สีส้มติดตัวไว้ไปไหนไปกัน (ป้องกัน ไม่ให้เข้ามารบกวนทำร้าย)

ส่วนสีขาวเทา ให้วางไว้หัวเตียงนอน(ไล่ไอ่พวกที่แทรกเข้ามาในตัวให้ออกๆไปซะ)


สรุป ควรใช้ทั้งคู่ แต่ในความรู้สึก พลังในยันต์ทั้งสอง มีอะไรบางอย่างขัดกันอยู่ ทำให้ไม่สามมารถพกยันต์ทั้งคู่ ไว้ร่วมกันได้


คล้ายกับว่า ถ้ามีตัวประหลาดแทรกอยู่ในตัวแล้ว และเราพกยันต์สีส้ม ไอ้ตัวประหลาด จะไม่สามารถ หนีออกมาได้ ต้องซ่อนลึกเข้าไปในตัว (กำ..เป็นซะงั้น (= ="))
แม้ ยันต์สีขาวเทาจะไล่ออก ก็ไม่สามารออกมาได้

"สาธุ" ค่ะ หมอสุวิ


ปล. กะทิขอเสริมล่ะค่ะ ว่านี่แหละเป็นเหตุ ที่กะทิเธอเข้าไปกราบหลวงพ่อฯ ในสมาธิ และถามเรื่องการพริ้นท์ยันต์ให้เป็นขาวดำทั้งหมดจะได้รึไม่? คำตอบที่ท่านตอบกลับมาคือ "ไม่ได้"

ท่านกล่าวดังนี้นะคะ ขอยกมาจากสมาธิที่กะทิจำได้จากการสนทนากับท่านค่ะ

"หากเธอจะทำเป็นสีขาวดำ เราก็ทำได้ แต่ทำไมเราไม่ทำ กลับทำเป็นสี (ซึ่งในสมัยของท่านกระดาษสี พิมพ์4สีเป็นอะไรที่แพงมากๆ อะนะคะ ไม่เหมือนในยุคปัจจุบัน) เรามีเหตุผลของเรา"


"ดังนี้หากเธอจะทำเป็นสีขาวดำ เราทราบเจตนาของเธอ ก็ทำได้ ทั้งนี้เพราะเห็นเป้าประสงค์ของเธอ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ได้จำนวนมาก ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของเราเช่นกัน ดังนี้เราจึงอนุญาต แต่จะต้องเป็นยันต์สีใดเพียงสีเดียว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แต่เธอจะต้องไม่ลืมว่าเหตุของการพิมพ์สีให้แตกต่างกันนั้น มันมีที่มาอย่างไร หากเธอจำได้ขึ้นใจ เราก็ยินดีอนุญาต" ประมาณนี้นะคะ ท่านพูดยาาาาว พยายามจับใจความจำๆ มาเล่าหนะค่ะ


หมอสุวิเขียนเพิ่มเติมเข้ามาสดๆ ผ่านกะทิเธอ ณ บัดเดี๋ยวนี้(เวลานี้สดๆ ร้อนๆ) โดยได้ยินท่านหลวงพ่อกล่าวกับหมอว่า "ปัญหานี้ หลวงพ่อโอภาสีแก้มานานแล้ว ท่านหาทางยักย้ายพลังแบบต่างๆ ก็ไม่สามารถแก้ได้ ได้ยินท่านว่า หญ้าปากคอกแท้ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะกันสนุกสนาน"(หลวงพ่อกับพระอาจารย์ของท่านค่ะ อิอิ)


เป็นอันว่า จากการรีเช็ค/ดับเบิ้ลเช็ค จากหมอสุวิ กะทิเธอจึงขอแก้ข่าวนะคะ ที่เธอทราบวิธีการใช้ยันต์ ดันรับทราบมาในสมาธิ สลับสีกันในเรื่องของการแปะไว้บนเตียง และการพกพาค่ะ ขออภัยท่านผู่อ่านมา ณ ที่นี้นะคะ



นอกจากสาระ ด้านบนที่เป็นประโยชน์กับทุกคนแล้ว หมอสุวิยังเขียนวิธีการใช้งานให้กะทิเธอไว้ด้วย (แต่ดันยังไม่ได้เขียนถึงการใช้งานสำหรับบุคคลทั่วไป) หากว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้มีพลังภายในท่านอื่นๆ กะทิก็ขอนำมาแปะแชร์ไว้ให้ท่านสามารถนำไปใช้ได้ค่ะ(พี่ดาวฯ & พี่หนึ่ง -> วอ1 วอ2 ค่ะ)

(ปล.คำว่าอีหนูในที่นี้ หมายถึงกะทิเธอนะคะ)


ความเจ็บป่วยของอีหนูนี่ เพียงหนู กำหนด ๑๑ จุด (จักระทั้งเจ็ด +จักร กลางฝ่ามือทั้งสอง และกลางฝ่าเท้าทั้งสอง)ความรู้สึกจะคลุมรอบตัว

แล้วอธิษฐาน ขอให้ดวงแก้วทั้งหมด(รวมยันต์ที่ฝ่ามือด้วย) คุ้มครองและรักษาโรคในตัวทั้งหมด(นึกถึงพระคุณและอำนาจของ พระอาจารย์ หลวงพ่อ หลวงปู บาบา ซูปเปอร์บาบา องค์ปฐม ฯลฯ) ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว

คำถามคือ ลูกแก้วตอนนี้ที่มีอยู่กับกะทิเธอมันหลายลูกมากๆ เลยอะ จะกลายเป็นดราก้อนบอล แซท (Dargonball Z) อยู่แล้ว

ที่หมอบอกกล่าวมาเนี่ย คือจะให้ข้าเจ้ากำหนดใช้ทุกลูกพร้อมกันเลยรึเจ้าคะ???? (= =@)

 

วิธีการใช้ยันต์สีขาว อย่างที่กะทิเธอเคยเขียนบอกผู้อ่านหลังไมค์ที่เขียนเข้ามาถามไปบางบางท่านนะคะ

คือเวลาใช้ยันต์สีขาว นอกจากการท่องคาถาแล้ว ให้จินตนาการว่ายันต์สีขาวได้เข้าไปแทรกอยู่ภายในจุดหรือบริเวณที่เจ็บปวด เจ็บป่วย หรือหากว่ามีอาการเมื่อยตัวอย่างมาก ไม่ทราบสาเหตุ หรือตื่นมาไม่มีแรง อย่างนี้เป็นต้น ก็ให้นึกถึงยันต์หลวงพ่อ ขยายใหญ่จากไหล่ถึงเท้า เหมือนกางผ้าม่านภายในตัวเราในแนวนอนของยันต์ ขณะท่องคาถาอะนะคะ


หมอสุวิเพิ่งเขียนเพิ่มเติมมาสดๆ ร้อนๆ อีกว่า...


วิธีใช้ยันต์สีขาวเทา(แทรกข้าไปในร่างผู้ป่วย)ตามที่หนู(กะทิ)เห็น ไม่มีอะไรเพิ่มเติม

แต่ก่อนทำ ให้บอกกับผู้รับยันต์ด้วย ว่าแผ่นยันต์นี้จะเข้าไปอยู่ในตัว เพื่อใจเขาจะได้ยอมรับ ไม่ต่อต้านเหมือน การรับยันต์เกราะเพชร์


จะว่าเหมือนการสักยันต์ก็ใช่ แต่ยันต์นี้จะเป็นไปเพื่อการป้องกัน การเบียดเบียนจากตัวประหลาดทั้งหลาย ป้องกันอาคมคุณไสย์ ลมเพลมพัด และรักษาโรคที่เกิดจากการเบียดเบียนต่างๆ


ปกติการสักยันต์ที่เข้าไปในตัวมนุษย์นี้ จะคงอยู่ตลอด

แต่ยันต์หลวงพ่อโอภาสีนี้ดีนะ ขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้รับยันต์นี้ จะปรารถนาให้คงอยู่คุ้มครองตลอดชีพ ก็ได้ ให้คงอยู่ใช้เฉพาะกิจ เมื่อโรคหายแล้ว ยันต์นี้ก็จะสลายหายไปจากร่างก็ได้
ขึ้นอยู่กัยเจตนาตอนรับยันต์เข้าร่าง

 

สองสามวันมานี้ ก่อนนอนก็ให้นึกถึงเพื่อนเรา ที่จะต้องอาญาถึงเจ็บตัวและอาจพิการ
เอ..จะช่วยอย่างไรดีวุ้ย จะพูดก็พูดไม่ได้
เป็นเช่นนี้อยู่หลายคืน จึงฝันไปว่า

มีนางผู้หนึ่งมาหา ยืนต่อหน้า แล้วก็ฉอดๆๆๆๆว่า

แล้วนางก็บอกถึงวิธีแก้ไข อีกมามาย เป็นแบบใช้อำนาจมาสยบอำนาจ ซึ่งไม่น่าทำ และทำยาก
เล่นเอาหมอสุวิมึนไปพักใหญ่ มองหน้านาง เอ หน้าคล้ายๆอีหนูกะทิวุ้ย แต่มีความแตกต่างอยู่ แล้วนางก็หายว๊าปไปต่อหน้า ยังกะหนังอินตระเดีย

เอ..รู้เหตุแล้ว แต่ยังมองไม่เห็นทางช่วย ทำอย่างไรดีหนอ
ยืนรำพึงอยู่เพียงเดียวดาย ว่าจะถอนหายใจอีกสักเฮือก ก็มี จ.ม ฉบับหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้า มีให้เซ็นเอกสารรับด้วยวุ้ย ยังกะไปรษณีไทย
เมื่ออ่านดู จึงรู้เหตุทั้งหมด

และไม่นาน สัก สองวันกระมังที่นาย กรรมมะ นิยาม จึงยอมตัดด้ายแดง ให้แก่คนผู้นี้
เฮ้อ จบเรื่องจนได้นิ
เรื่องคอขาดบาดตายจบแล้ว แต่เรื่องราวต่างๆก็ยังคงเกิดอยู่ดี เจ็บตัวนิดหน่อยน่า มันทนได้หรอก

 

โอนเงินเข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์แล้ว100บาทครับ

ขอยกบุญขึ้นถวายคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ประถมต้นถึงองค์ปัจจุบันทั่วอนัตจักรวาล
ขอยกบุญขึ้นถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ประถมถึงองค์ปัจจุบันทุกๆพระองค์ทั่วอนัตจักรวาล
ขอยกบุญขึ้นถวายพระธรรม พระอริยะสงฆ์ทุกชั้นทุกภูมิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันทั่วอนันต์จักรวาล ขอยกขึ้นถวายพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์มีหลวงปู่ทวดเป็นที่สุด

ขอบุญนี้จงเป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความสุขความเจริญมีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บ แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทพัยพิบัติทั้งปวง ปราศจากการเบียดเบียนจากมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหมด โรคภัยไข้เจ็บอย่าได้กล้ำกล้าย ที่เป้นอยู่ขอให้หาย ผ่อนหนักเป็นเบาโดยฉับพลันทันที

 

ไม่มีอะไรจะอ่านเลยอะค่ะ... มาเล่ากันหน่อยเร็วเร้วววว (^^)

 

โอนเงินร่วมทำบุญเข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ ห้าร้อยบาทค่ะ สาธุ

 

พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน อดีต(ชาติ)ของมนุษย์ ผลในปัจจุบันค่ะ (ตอนต่อ)


กะทิเคยติดค้างไว้ว่าจะเล่าเรื่องกรรมจากการกระทำจากงูนะคะ (แปะโป้งไว้นานว่าจะมาเล่าให้ฟัง ผู้อ่านคงจะลืมไปแล้ว 555) จริงๆ ก็ไม่ใช่งูซะทีเดียว แต่เป็นปลาไหลค่ะ มีชายอยู่ผู้หนึ่ง มีอายุแล้วนะคะ มีหลานชายหญิงพามาหาหมอสุวิค่ะ ชายคนนี้ถือไม่เท้ามาด้วย ตอนที่มาหลานก็ช่วยจูงมานะคะ หมอก็ตรวจรักษาไปค่ะ


กะทิเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชายผู้นี้ปรึกษาหมอจนเสร็จพอดี หมอก็หันมาถามกะทิว่า "ชายคนนี้เป็นอะไร?"


เอาแล้ว งานเข้าแล้วกะทิ


กะทิก็ลองกำหนดจิตไปมองค่ะ เห็นอะไรดำๆ อยู่แถวๆ ตรงกลางด้านขวา (ในตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิด) แต่คนไข้หนะถ้าจับอารมณ์ได้ รู้สึกว่าจะกระดากอายอยู่นะคะ ก็หมอเล่นให้กะทิที่เป็นผู้หญิงมาดูผู้ชายซึ่งบังเอิญว่าเป็นเขาด้วยอะจิ


กะทิก็ตอบไปค่ะ ว่าเห็นบางอย่างทะมึนดำแถวๆ อย่างว่า แต่กะทิเธอไม่ทันจะพูดจบดี หมอก็บอกว่า “เขาเป็นไส้เลื่อน ด้าน(ข้าง)ที่บอกหนะถูกแล้ว แล้วเพราะอะไรเขาถึงเป็น บอกมาสิว่าในอดีตเขาไปทำอะไรมา?”


แงงงงงง....ถูกมัดมือชกให้ดูอดีตของคนไข้ทั้งๆ ที่กะทิเธอไม่ได้ขออีกแย้วววว กะทิก็เลยจำต้องขออนุญาตชายสูงวัยคนนั้นก่อนนะคะ


ภาพที่เห็นมีสองสามภาพค่ะ เป็นภาพงูค่ะ ภาพคนตกงูจากน้ำ และภาพสุดท้ายเป็นภาพพระคล้ายๆ พระลัทธิเต๋าหรือไงเนี่ยค่ะ เหมือนพระที่ที่ใส่เสื้อผ้าในละครจีนอะนะคะ (คล้ายๆ แบบที่อิกคิวซังใส่ยามปรกติไปบิณฑบาต) ในมือถือไม้ค้ำเดินสีเนื้อไม้ธรรมดา ไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไรหนะค่ะ ความรู้สึกในภาพที่เห็นนั้น ไม้ค้ำนี้มีไว้ไม่ได้ช่วยให้เดินดีขึ้น แต่มีไว้เสริมประดับบารมีให้ดูภูมิฐานเฉยๆ อะนะคะ


กะทิก็พูดไปว่า ไปตกปลาไหลเหรอคะ? เป็นพระเหรอคะ?


หมอสุวิ เรียงลำดับไม่ถูกนะคะ ให้เรียงใหม่ว่า เป็นพระแล้วไปตกปลาไหล (ถ้ากะทิจำไม่ผิด ก็ประมาณนี้นะคะ จำไม่ได้ว่าไปตกปลาไหลก่อน หรือเป็นพระก่อน แต่ประมาณนี้หนะค่ะ เพราะเรื่องนี้มันหลายปีแล้ว)

หมอบอกว่าเวลาเห็นภาพก็ให้ถามไปด้วย ว่าภาพไหนเกิดก่อน ภาพไหนเกิดหลังนะ


ส่วนชายเจ้าของเรื่องนั้นได้แต่พยักหน้ารับทราบ เหมือนกับว่าเขาคงทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ไม่แน่ใจว่าจากหมอสุวิบอกรึเปล่า? แต่เอาเป็นว่าเขาพยักหน้ารับสิ่งที่กะทิพูด หมอรักษาให้เขาเดินได้แล้วหลังจากเดินแทบไม่ได้ด้วยความเจ็บปวด


ในช่วงที่เขาเดินไปห้องน้ำ กะทิก็บอกกับหมอว่า "ไม้เท้าที่เขาถือไม่ได้ช่วยให้เดินสะดวกขึ้นหรอกค่ะ แต่ในภาพที่กะทิเห็นเป็นเหมือนของประดับติดตัวเฉยๆ" และกะทิเองก็ยังย้ำคำเดิมในตอนที่ชายคนนี้เดินออกไปจากบ้านหมอ แม้หลานๆ จะช่วยพยุงจูงก็ตาม “เห็นไหมล่ะคะ กะทิว่าชายคนนี้ไม่ได้มีไม้ไว้ช่วยเดินหรอก ไม้เท้าที่เขาถือ เขาถือไว้เฉยๆ ไม้แทบจะไม่เคยติดกับพื้นเลยด้วยซ้ำ” (ความเคยชินในอดีต อาจมีส่วนที่ติดมาถึงในปัจจุบันด้วย)



/ยังมีต่อ





ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ในพระพุทธศาสนา และแด่พระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ

 

บัญชีเพื่อ กองทุนไถ่ชีวิตสัตว์

ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโฮมเวร์ค ราชพฤกษ์

บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 405-567090-1

ชื่อบัญชี นาง พัชรินทร์ วงค์เอนกอนันต์




ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ 1,500 บาท โอนเข้าบัญชี วันที่ 3-11-57 เวลา 9.44 น. แล้วครับผม

 

วันนี้ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ 149.99 บาท อนุโมทนา สาธุ