เเจกความรู้เรื่องยาสมุนไพร ทุกขนานครับ

คดสัง
หญ้ายอดคำ (ภาคเหนือ) , ชุด , จุด (ภาคใต้), ย่านตุด, คดสัง (สุราษฎร์ธานี), เปือย(นครพนม) เบน (ขอนแก่น)
วนที่ใช้ : ทั้งต้น ผล ราก ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคบิด และเป็นยาขับพยาธิ ผล นำมาผสมกับเมล็ดข้าวโพด แล้วทำให้สุก นำมาปั้นเป็นลูกกลอนเอามาเคี้ยวเป็นยาบำรุง และรักษาเหงือก ราก ใช้ปรุงเป็นยาชง รักษาอกการตกขาว และยังใช้ชำระล้างอวัยยะสืบพันธุ์

 

คนทา
คนทา, สีพัน, สีฟันคนทา,กะลันทา (ไทย) , หนามกะแท่ง (เลย), มีชี (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน),จี้,หนามจี้, สีเตาะ (พายัพ)
ส่วนที่ใช้ : ราก

สรรพคุณ : ราก จะมีรสเฝื่อนขมใช้ต้มกิน รักษาอาการไข้เพื่อเส้นและเป็นยารักษาอาการท้องร่วง โรคลำไส้ ไข้เหนือ และไข้พิษ

 

คนทีเขมา
กูนิง (มาเลเซี – นราธิวาส), กุโนกามอ (มาเลเซีย – ปัตตานี), หวงจิง (จีนกลาง),อึ่งแกง (แต้จิ๋ว) Negundo Chest Nut
วนที่ใช้ : เปลือก ใบ ผล ช่อดอก และราก ใช้ทำเป็นยา

สรรพคุณ : เปลือก ใบผล ช่อดอก และรากใช้ทำเป็นยา

ใบ ใช้ผสมในน้ำอาบ เพื่อให้มีกลิ่นหอม หรือจะใช้ทาหน้าผาก รักษาอาการปวดศีรษะ รักษาไข้หวัด เจ็บคอ ไอ โรคปวดตามข้อ หูอื้อ รักษาบิดไม่มีตัวลำไส้อักเสบ รักษาไข้มาลาเรีย ดีซ่าน บวมฟกช้ำ กลาก เกลื้อน ฝี เชื้อรา ที่ เท้า บาดแผลจากของมีคม สุนัข หรือตะขาบกัด ไล่แมลง

ผล ใช้เป็นยาขับเสมหะ รักษาไข้หวัด หอบหืด ได เหน็บชา รักษาไข้มาลาเรีย ไข้รากสาดน้อย (typhoid fever) ปวดท้องโรคกระเพาะ กระเพาะอาหารเป็นแผล กระเพาาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ฝีคัณฑสูตร

ช่อดอก ใช้เป็นยาลดไข้ ฝาดสมาน รักษาอาการท้องเสีย

ราก ใช้เป็นยารักษาไข้หวัด ขับเสมหะ ไอ หอบหืด ขับปัสสาวะ รักษาโรคไข้มาเลเรีย โรคปวดตาม ข้อ โรคกระเพาะอาหาร ขับพยาธิเส้นด้าย (พยาธิเข็มหมุด)

อื่น ๆ : เป็นพรรไม้พื้นเมืองของอเมริกาและได้แพร่พันธุ์ มายังเอเซียตอนใด้ ถึงญี่ปุ่นและต่อมายังเอเซีย

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา

ตำรับยา

1. โรคใข้มาลาเรีย ให้ใช้ใบสดประมาณ 180 กรัม ใส่น้ำให้ท่วมแล้วนำไปต้ม ใช้ไฟอ่อน ๆ เคี่ยวให้ ข้น จนเหลือราว ๆ ถ้วยครึ่ง แล้วแบ่งรับประทานครึ่งหนึ่งก่อนมีอาการหลังจากกินแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ให้กินส่วนที่เหลือหรือจะใช้รากสดประมาณ 30 กรับ ต้มกับน้ำกินก่อนมีอาการราว ๆ 3 ชั่วโมง

2. โรคไข้รากสาดน้อยและไอ ให้นำผลประมาณ 3-10 กรับ นำมาคั่วอย่าให้ไหม้เพราะจะทำให้ยาไม่มีฤทธิ์ แล้วต้มน้ำกิน

3. ไข้หวัด ลำไส้อักเสบ บิดไม่มีตัว ให้ใช้ใบสดประมาณ 30-40 ใบ หรือประมาณ 10 กรัม นำไปต้มกับน้ำกินวันละ 3 เวลา

4. ปวดท้องโรคกระเพาะ ให้ใช้ผลที่แห้งแล้วประมาณ 3-10 กรัม นำมาบดให้เป็นผง แล้วปั้นเป็นเม็ดใช้กิน

5. กระเพาะอาหารเป็นแผล กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังให้ใช้ผลที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัม นำมาต้มน้ำหรือบดเป็นผงกิน หรือจะใช้รากสดประมาณ 30 กรัม ให้น้ำตาลแดง ปริมาณพอควรต้มน้ำกิน

6. ฝีคัณฑสูตร ให้ใช้ผลที่แห้งแล้วประมาณ 15 กรัม แล้วนำมาคั่วบดเป็นผง หรืออาจจะใช้เหล้าเล็กน้อยนำมาผสมกิน ตอนท้องว่าง

7. หอบหืด ให้ใช้ผลแห้งประมาณ 501 ลุกหรือจะใช้ประมาณ 6-15 กรัม นำมาบดเป็นผง แล้วใส่น้ำตาลทรายจำนวนพอควร แล้วชงน้ำกินวันละ 2 เวลา

8. แผลผุพองจากไฟไหม้ ให้กำกิ่งที่แห้งแล้ว มาคั่วอย่าให้ไหม้ แล้วบดเป็นผงนำมาผสมกับน้ำมัน ใช้ทาบริเวรที่เป็นแผล

9. เชื้อราที่เท้า ให้ใช้ใบสดตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นเชื้อรา

10. โรคปวดตามข้อ ให้ใช้กิ่งสดประมาณ 15 กรัม นำมาต้มน้ำ แล้วแบ่งกิน 2 เวลา เช้า – เย็น

11. ไล่แมลง ให้ใช้ใบแห้งปูรองเมล็ดพืชกันแมลงรบกวน

12. ขับพยาธิเส้นด้าย ให้ใช้รากสดประมาณ 30 กรัม นำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำมาคั่วกับเหล้าให้หวานจนเป็นสีเหลือง แล้วใส่น้ำประมาณ 2 ถ้วย ต้มให้เหลือเพียง 1 ถ้วย ใช้กินก่อนอาการค่ำ

13. บาดแผลจากของมีคม สุนัขหรือตะขาบกัด ให้ใช้ใบสด ตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น

ข้อมูลทางคลีนิค

1. ใช้รักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้แล้วยังมีฤทธิ์สามารถขับเสมหะ รักษาอาการไอ และ หอบอีกด้วย

2. ใช้รักษาโรคบิดไม่มีตัว

3. ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้แล้วยังใช้ชงดื่มแทนชาเพื่อป้องกันลำไส้อักเสบได้

 

คนทีสอ
คนทีสอขาว (ตามตำราไทย) , คนทีสอขาว (ภาคเหนือ) ผีเสื้อน้อย,ดอกสมุทร (เชียงใหม่) , คุนตีสอ ( สตูล ) , ดินสอ (กลาง) , ผีเสี้อ (เลย) , มูดเพิ่ง (ตาก) ,สีสอ (ประจวบคีรีขันธ์)
สรรพคุณ : ใบ ในใบสดจะมีน้ำมันหอมระเหยประมาณ 0.11-0.28% จะประกอบด้วย I-d-pinene, camphene,

Terpinyl acetate, diterpene alcohol และพวกชันนอกจากนี้ยังใช้ตั้งตรีสมุฎฐานให้เป็นปกติ ใช้รักษา และใช้ฆ่าพยาธิ รักษาอาการสาบคายในกาย รักษาโรคหืดไอ

ดอก ใช้รักษาอาการใช้อการไข้ซึ่งบังเกิดแต่ในทรวงและรักษาพยาธิ

ผล ใช้รักษาพยาธิและรักษาอาการไข้ในครรภ์รักษา กระพี้ รักษาอาการคลื่นเหียนอาเจียน ไส้ รักษา ระดูสตรีและรู้ตั้งโลหิต

ราก ใช้รักษาอาการไข้ซึ่งมีอาการอันกระทำให้ร้อน

เปลือก ใช้รักษาอาการไข้ซึ่งมีอาการกระทำให้เย็น รักษาอาการคลื่นเหียน รักษาหญิงระดูพิการและตั้ง โลหิต

เมล็ด ใช้ระงับอาการปวดทำให้สงบได้ นอกจากนี้ในเมล็ดยังมีสารจำพวก acetic acid , malic acia , acid resin และน้ำมันระเหย จะประกอบด้วย 55% camphene 20% , limonene และ pinene

 

ครั่ง
ครั้งดุ้น , ครั่งดิบ, ครั่ง (ไทย) ,จุ้ยเก้ง (จีน)
รรพคุณ : ครั่ง ที่เกิดจากต้นก้ามกรามใช้กินรักษาอาการไอ ข้อหักชัน ครั่งดิบ ใช้ปรุงเป็นยากินรักษาอาการท้องร่วง ท้องเสีย รักษาบิด และใช้ตบแต่งเสียาให้เป็นสีชมพู ดูแล้วสวยงามดีในแพทย์ตำบบได้กล่าวว่า ครั่งนั้นจะมีรสฝาด ใช้บำรุงเลือด ห้ามเสมหะ คุมอาจม ใน เภสัชตำรับได้กล่าวว่า ครั่งเป็นแมลงนัวเมียชนิดแห้ง Dactylopi uscoecus Costa ที่มีไข่และ Larvae มีไม่มากกว่า 2% ของวัตถุอื่น ๆ ใช้สำหรับเป็นเครื่องแต่งสีแดง Carmine สำหรับยาปรุงต่าง ๆ ให้ใช้ ปรุง Tincturacocci

ถิ่นที่อยู่ : ครั่งนี้มีมากทางแถบภาคเหนือของประเทศไทย และมีมากในประเทศอินเดีย

 

ครอบจักรวาฬ
ครอบ, ครอบจักรวาฬ, ตอบแตบ,บอบแปบ,มะก่องเข้า (พายัพ),ก่อนเข้า (เชียงใหม่) โผงผาง ( โคราช ) , ครอบตลับ ครอบฟันสี, หญ้าขัดหลวง, หญ้าขัดใบป้อม, ขัดมอนหลวง
สมุนไพรตัวนี้ชื่อก็บอกอยู่เเล้วนะครับ ว่าไว้ทำอะไรได้บ้าง ครอบจักวาลเลยละครับ
เข้ายาได้ทุกชนิดทุกอย่างทุกโรค โรคทีหายยากหรือไม่หาย
เรียกว่า ยารักษาทุกโรคเลยครับผม ยกเว้นโรคทรัพย์จางนะครับ เอิกๆๆๆ
ยาตัวนี้ผมเคยนำไป เเนะนำคนป่วยโรคเอสด์ มะเร็ง ครับ

 

ครอบตลับ
ขัดมอญ, ครอบ, ครอบจักรวาฬ, ฟันสี,ตอบแตบ (ไทย ) ,มะก่องเข้า,ปอบแปบ (พายัพ), โผงผาง ( โคราช )
ส่วนที่ใช้ : ต้น ใบ ดอก ราก ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ต้น ใช้บำรุงเลือดและขับลม

ดอก ใช้ฟอกล้างลำไส้ให้สะอาด

ใบ ใช้บ่มหนองให้เกิดและแตกเร็ว

ราก ใช้รักษาอาการลมและดี ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ รักษามุดกิต , รักาษอาการไอ รักษาโรคไข้ผอม

เหลือง เป็นยาบำรุงกำลัง
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
ทั้งต้นแห้ง 30- 60 กรัม ต้มน้ำดื่มหรือตุ๋นกับเนื้อไก่รับประทาน ใช้ภายนอก ตำพอก
รากแห้ง 10- 15 กรัม ต้มน้ำดื่ม ใช้ภายนอก ตำพอก หรือต้มน้ำชะล้าง
เมล็ดแห้ง 3.2 กรัม บดเป็นผงรับประทาน วันละ 3 ครั้ง
ตำรับยา :
แก้ผื่นคัน เนื่องจาการแพ้
ใช้ทั้งต้นแห้ง 30 กรัม ผสมกับเนื้อหมู (ไม่เอามัน) พอประมาณ ตุ๋นน้ำรับประทาน
แก้ริดสีดวงทวาร

ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆ ดื่มประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ก้นพออุ่นๆ ทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆ ชะล้างแผล
แก้หกล้ม เป็นบาดแผลหรือร่างกายอ่อนแอ ไม่มีกำลัง
ใช้รากแห้ง 60 กรัม ต้มกับขาหมู 2 ขา ผสมกับเหล้าเหลือง 60 กรัม ต้มน้ำรับประทาน
แก้ข้อมือข้อเท้าอักเสบ หรือแผลอักเสบที่ทำให้กล้ามเนื้อลีบ
ใช้รากแห้ง 30 กรัม ผสมน้ำ และเหล้าอย่างละเท่าๆ กัน ตุ๋นรับประทาน
แก้คอตีบ
ใช้รากสด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม หรืออาจะเพิ่มรากหญ้าพันงู ( Achyranthes aspera L. A. Bidentata BL., A.longiforia Mak. ) สด กับรากว่านหางช้าง ( Belamcanda. Chinensis DC. ) สด พอสมควร ตำคั้นเอาน้ำมามาผสมกับปัสสาวะให้เด็กรับประทาน
แก้หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง
ใช้รากแห้ง 15- 30 กรัม ข้าวเหนียว 1 ถ้วย หรือเนื้อหมูไม่ติดมัน หรือเต้าหู้แทนก็ได้ ในปริมาณสมควร ต้มน้ำรับประทาน
ใช้แก้รากฟันเน่าเป็นหนอง
ใช้รากแห้ง 15 กรัม ผสมน้ำตาลแดงพอสมควร ต้มน้ำดื่มหรือใช้รากแห้ง แช่น้ำส้มสายชู 1 ชั่วโมง แล้วเอาผ้าห่ออมไว้ในปากบ่อยๆ
แก้บิดมูกเลือด
ใช้เมล็ดคั่วให้เกรียม บดเป็นผง รับประทานพร้อมกับน้ำผึ้ง ครั้งละ 3.2 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
แก้ฝีฝักบัว
ใช้เมล็ด 1 ช่อ บดเป็นผงชงน้ำสุกอุ่นๆ รับประทานแล้วเอาใบสดตำผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลแดง พอกที่แผล

 

ครอบฟันสีหรือก็คือครอบจักวาลอีกชนิดหนึ่ง (บางทีก็บอกว่า แบบเดียวกัน บางทีก็บอกว่า ต้นจะเล็กต่ำกว่าครอบจักวาล ครอบจักวาลจะต้นใหญ่สูง เเต่ครอบฟัน จะต่ำขึ้นอยู่ตามดินสูงไม่เกินหัวเข่าหรือบางทีจะเรียกหญ่าชนิดหนึ่ง)
สรรพคุณ ต้าบำรุงเลือด
ใบบ่มหนองให้เกิดเเตกตัวไว
ดอกใช้ฟอกลำไส้
รากเเก้อาการลม บำรุงธาตุ รักษาเเก้ไข้ผอมเหลือง บำรุงกำลัง
เเต่บางพิ้นทีก็บอกว่า ครอบตลับ ครอบจักวาล ครอบฟันสี คือตัวเดียวกัน

 

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้พาพ่อไปวัดป่ากุดฉนวนฯ มาแล้วนะคะ ท่านรับรักษาผู้ป่วยในวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ รับรักษามะเร็งทุกชนิด ยกเว้นมะเร็งตับ น่าเสียดายที่พ่อดิฉันเป็นมะเร็งตับ อย่างไรก็ตามดิฉันก็นำข้อมูลของวัดมาบอกเพื่อท่านที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดค่ะ

 

สาธุ น่าเสียดายเนอะ มะเร็งตับหายยากมากครับ ขนาดผมรักษาหลายท่านยังไม่รอด

ขนาดผมรักษาหลายท่านยังไม่รอด มันหายยากครับ เเต่ถ้าพออยู่ได้พอไปนานๆๆ ก้ยังต่ออายุไปนานอีกนาน เเต่ก้ไม่รอดจบทุกรายครับ
หลังจากทีเคยรับรักษามานานเกิบ30ปี ยอมรับว่า
มะเร็งหายยากเเต่ทำให้ชีวิตยืดไปได้อีกนาน ครับผม ส่วนตำรายามะเร็งผมจะรวบรวมไว้ให้ดูหมดเลยนะครับ เยอะมากหลายอาจารย์ด้วยกัน
ตั้งเเต่มะเร็งหัวยันขาเลยเดียวจะลงไว้
ถ้ามะเร็งระดับเเรกก้หายอยู่ครับ เเต่ระดับท้ายๆๆหรือเป็นหนักๆๆจบครับ เเต่ก็มีหลายวิทีทีทำให้หายด้วยกัน ก็มีหลายท่านอาจารย์ด้วยกัน
เเต่ทีมาหาผมทีบ้านนะ เป็นเเต่มะเร็งเเตก วิ่งไปทั่วกายหมดเเล้วครับ หรือระยะสุดท้ายทีหนักๆๆ เเต่หลายท่านก็พอเบาเทาไปได้นานหน่อย
เเละผมก็เคยไปหาอาจารย์เก่งๆๆทีรักษามะเร็งหายหลายท่านเเล้ว ท่านก็ยังว่า
ถอยหลังไป10ปีกว่าๆๆก็ยังทำให้หายได้อยู่หลอก เเต่ปัจจุบันนี้ ยากมากเพราะเคมีชีวะ มันเเรงจนขึ้นทุกที คนในสมัยนี้เป็นโรคแปลกๆๆกันเยอะ ผมว่าถูกไหมครับ เอิกๆๆๆๆๆๆๆๆ (ผมก็ยังไม่เก่งยังต้องเรียนรู้ไปอีกนานควบคู่พระธรรมไปด้วย)

 

ขอบคุณมากครับ
เดี๋ยวจะไปเอาอัญชัญมาลองดูก่อน เพราะว่าหาง่ายดี

ขอบคุณจริงๆครับ

สาธุสาธุ

 

คราม
ครามย้อย,คราม (ภาคกลางและภาคเหนือ), คราม (ไทย ) คาม (พายัพ-อีสาน)
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้ฟอกขับปัสสาวะให้บริสุทธิ์ รักษากษัย น้ำปัสสาวะขุ่นข้น รักษานิ่วได้ดี

อื่น ๆ : พรรณไม้นี้ไม่แน่ว่าจะเป็นไม้ของประเทศใด แต่เข้าใจว่าเป็นของประเทศอินเดีย เพราะพรรณไม้ที่ ปลูกทำครามกันมาก

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มีอยู่ตามป่าโปร่งทางภาคอีสานและภาคเหนือนิยมปลูกก้นไว้ เพื่อทำครามสำหรับย้อม ผ้าเป็นส่วนใหญ่

 

คล้า
คลุ้ม (ไทยตะวันออก ) , คล้า ( ไทยภาคกลาง ) , บูแมจีจ้ะ ไอ (มลายู) แหย่ง (พายัพ)
ส่วนที่ใช้ : หัว ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : หัว จะมีรสเย็นและเบื่อ ใช้หัว กินเป็นยารักษาอาการพิษไข้ ไข้เหนือปอดบวมไข้กาฬกระทุ้งพิษ

ไข้หัว ดับพิษไข้ทั้งปวง รักษาอาการร้อนในกระหายน้ำ ลดความร้อนในร่างกาย รักษาอาการใข้ราก สาด เหือดหัด สุกใส ฝีดาษ

อื่น ๆ : พรรณไม้นี้มักปลูกกันไว้ใช้ เอาต้นตากแห้ง ทำการจักสาน เช่น สานเสื่อเป็นต้น

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มีถิ่นกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติในที่เป็นน้ำเป็นโคลนตามริมคลองริมสระ หรือตามลำธาร มักจะพบมากทางภาค กลางและภาคตะวันออก และจังหวัดจันทบุรี เเละก็มีหลายสายพันธ์ทีเดียวครับผม

 

คล่ำตายหงายเป็น
กะเร (ภาคใต้) ต้นตายใบเป็น นิรมิต เบญจฉัตร (ภาคกลาง) แข็งเบาะ โบะเบะ (นครราชสีมา) ยาเท้า (อีสาน)ส้มเช้า (ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ตรัง
สรรพคุณ
ใบ นำไปเผาไฟหรือตำ รักษาบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาตาปลา วางบนศีรษะ แก้ปวดหัว วางบนหน้าอกแก้ไอ และเจ็บหน้าอก น้ำคั้น จากใบแก้อาการท้องร่วง หัด อหิวาตกโรค นิ่ว ขับปัสสาวะอักเสบ ละรักษาโรคผิวหนัง

 

คอนสวรรค์
สนก้างปลา, พันสวรรค์,เข็มแดง,แข้งสิงห์,( กรุงเทพฯ ), คอนสวรรค์ (เชียงใหม่)
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น และเมล็ด ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ทั้งต้น เป็นยาเย็น ใช้รักษาพิษงูกัด และเป็นยานัตถุ์ ยารุ

ใบ นำมาตำทำเป็นยาพอกริดสีดวงทวารที่มีเลือดออก รักษาสิวหัวช้าง หรือฝีฝักบัว

เมล็ด ใช้เป็ยยาระบายและเป็นยาบรรเทาอาการปวดท้อง

 

คอเบ็ด
คอเบ็ด, คอเป็ด ( ไทย ) , คอเป็ด ( หนองคาย )
ส่วนที่ใช้ : เถาใช้ปรุงเป็นยา

สรรพคุณ : เถา ใช้ปรุงเป็นยาต้นกินเป็นยาดับพิษไข้ เป็นยาบำรุงเลือดรักษาโรคกษัยและรักษาปัสสาวะพิการ

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มักจะขึ้นตามป่าโปร่งตามจังหวัดชัยภูมิและตามป่าแม่น้ำปิง ในจังหวัดเชียงใหม่

 

ค้อนหมาแดง, ค้อนตีหมา
หางกวาง ( นครพนม ), ค้อนหมาแดง ( นครราชสีมา ) , คันทรง, ทองคันทรง ( ชลบุรี ) , ยูลง ( นราธิวาส ) , หูกลวง ( ปราจีนบุรี ) ,ค้อนตีหมา ( ยะลา ) , กะม้า ขุนนา ( เขมร )
วนที่ใช้ : ใบอ่อน ราก ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ใบอ่อน ใช้เป็นผักจิ้มกินได้
นอกจากนี้ยังนำมาต้มเอาน้ำมาอาบเพื่อเป็นยาใช้รักษาการบวมตามตัว และเม็ดผื่นคันตาออกตามผิวหนัง ราก นำมาต้มเป็นยารักษาโรคบิด และโรคไข้จับสั่น

อื่น ๆ : เป็นพรรณไม้ที่พบขึ้นตามป่าดงดิบทั่ว ๆ ไป

 

คัดเค้า
จี้เก๊า , โยทะกา, เค็ดเค้า, คัดเค้า
ส่วนที่ใช้ : ใบ ดอก ผล และราก ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ใบ ใช้รักษาโรคโลหิตซ่าน

ดอก ใช้รักษาโลหิตในกองกำเดา

ผล รักษาโลหิตอันเน่าให้ตก และรักษาโลหิตร้อนให้บริบูรณ์

ราก ใช้รักษารัตตปิดตะโรค ขับเลือด และรักษาไข้เพื่อโลหิต เลือดออกตามไรฟัน

อื่น ๆ : ในแพทย์ตำบลได้กล่าวว่า รากพรรณไม้นี้จะมีรสเย็นและฝาดเล็กน้อย ใช้ขับลมรักษาไข้เพื่อโลหิต แพทย์ ตามชนบทได้ใช้ผลของพรรณไม้นี้ปรุงเป็นยาต้มกินเป็นยาขับฟอกโลหิต

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มักจะขึ้นตามสวนหรือที่รกร้างทั่วไป มักจะปลูกกันไว้ทำเป็นยากันบ้าง ตามบ้านหรือ ตามวัดก็มี

 

คัดทรง
ลิ้นควาย , ค้อนหมาแดง ,คันทรง , ลิ้นกวาง
ส่วนที่ใช้ : เปลือกและใบ ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : เปลือกและใบ นำมาต้มเอาน้ำอาบรักษาอาการบวม เนื่องจากโรคไตหรือโรคหัวใจพิการ และน้ำเหลือง เสีย เหน็บชา

อื่น ๆ : พรรณไม้นี้เป็นพรรณไม้ที่ใช้กันทางภาคตะวันออก พรรณไม้ทั้งสองชนิดนี้ต่างภาคต่างก็อ้างว่าตนเคยใช้ มาตั้งแต่สมัยเก่าแต่ก่อนด้วยกันทั้งสิ้น

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มักจะขึ้นตามป่าที่ราบชายทะเลทางภาคตะวันออกตั้งแต่ชลบุรีจนถึงจันทบุรี ทางภาคนี้ตลอด จะใช้คันทรงชนิดนี้

 

คัดลิ้น
ข่าลิ้น ( อีสาน ) , คัดลิ้น, กัดลิ้น (ตามตำรายา)
ส่วนที่ใช้ : ราก ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ราก จะมีรสร้อนจัด ใช้รักษาเส้นเอ็นพิการและ บำรุงเส้น

ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้กับบุคคลที่เป็นโรคดีเดือด และโรคเส้นประสาทพิการ

ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้ชนิดนี้มักจะขึ้นอยู่ตามป่าราบทั่ว ๆ ไป