ไขปริศนา เงื่อนงำ ที่ตั้ง "ชมพูทวีป" และ "ลังกาทวีป" ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 8 พฤษภาคม 2016.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ผมว่า วันนี้ ผมพบจุดที่ต้องขอคำชี้แนะ และช่วยตรวจสอบ 2 สำนวนแปล ที่มีข้อต่าง และ สิ่งที่ถูกต้อง หากคุณ jirong9 มีฉบับภาษาจีนอยู่ในมือ..นั่นคือ

    2 สำนวนแปล ที่ มีข้อต่าง 2 จุด เรื่องระยะทาง และทิศทาง ไปกุสินารา
    ดังภาพครับ

    จุดหนึ่ง คือ ระยะ 3 โยชน์ กับ 4 โยชน์ ที่ต่างกัน และ
    จุดหนึ่ง บอกไปทางทิศตะวันออก ต่อ กับ อ้อมไปแล้ววกลงทางตะวันออก

    แต่ก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่า จะมีจุดอื่นอีกมั๊ย ...แต่ผมสนใจช่วง เส้นทางจาก ประเทศโปะนา จนถึง ราชคฤห์ ครับ ที่จะขอรับปรึกษา และสอบทาน ในการนัดพบกันวันนี้ (12 พ.ค.) ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2016
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ทิ้งประเด็นไว้ มาพิจารณากันวันหลังครับ..

    ผมกลับมาดูอีกทีครับ คุณ Jirong9 ว่า ในตารางสรุป เส้นทางที่ทำไว้ ตกเมือง ปี่-ถู ที่ข้ามมาจากแม่น้ำสินธุ..

    ในสำนวน เจมส์ เล็กส์ ว่า

    After they had crossed the river, there was a country named Pe-t’oo,1

    และที่เชิงอรรถ ว่า

    1 Bhida. Eitel says, “The present Punjab;” i.e. it was a portion of that.

    คือ ว่า ปี่-ถู คือ ปัญจาบ ในปัจจุบัน

    ผมเลยลอง ใช้กูเกิลแมพ หาระยะทางเดิน จาก ปัญจาบ ไป รามคาม (เทวทหะ) ดู จะได้ระยะทางเดิน 1,147 กิโลเมตร

    แล้ว ผมคำนวณระยะทางที่หลวงจีนฟาเหียน เดินทาง จาก ปี่-ถู ถึง รามคาม นะครับ ขออนุญาตเอาตาม มาตราเทียบตามความเชื่อผมก่อน ที่ว่า 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กิโลเมตร...

    ตามตารางที่ผมสรุปมา จาก ปี่-ถู ถึงรามคาม หลวงจีนใช้ระยะทางรวม 141 โยชน์ กับ 50 ลี้ คิดเป็น 2,281 กิโลเมตร

    นั่นหมายถึงว่า ระยะทาง 2,281 กิโลเมตร ปลายทาง จะเลยเมืองเทวทหะในเนปาล ไปอีก 1,134 กิโลเมตร

    ผมเลยลองลากปลายทางไปเรื่อยๆ พบว่าระยะทาง 2,281 กิโลเมตร นี่ ไปได้ถึงรัฐอัสสัม เลยนะครับ

    แปลกดีครับ...หมดแรงแร่ะ ขออาบน้ำนอนก่อนนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2016
  3. พนัสปราการ

    พนัสปราการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +191
    เขาคิชกูฏ สถานที่ตรัสรู้ ปัจจุบันอยู่ในอินเดีย หลักฐานชัดเจนทั้งจากพระไตรปิฏก ข้อมูลโบราณคดีที่ชาวฝรั่งได้ขุดพบ วัฒนธรรมปัจจุบัน สถานที่มีจริงไม่ใช่มโนแบบความเชื่อของบางคนที่พยายามบอกว่าอยู่ในไทย. นอกจากนี้ใครที่ไปสถานที่ดังกล่าวในอินเดีย ถ้าท่านมีจิตใจดี มีศรัทธา ท่านก็อาจได้รับคำยืนยันจากจิตท่านเอง เชิญไปพิสูจน์ด้วยตาตนเองดีกว่า ใครที่บอกว่าพระพุทธเจ้ามีต้นกำเนิดในไทยหรือแถวนี้ เป็นความเชื่อของท่านเอง ขอท่านเปิดใจลองศึกษาข้อมูลใหม่จากหนังสือประวัติพุทธศาสนาที่มีพระเมืองไทยศึกษาค้นคว้ามาเป็นสิบๆปีในอินเดีย ใครจะว่าอย่างไรก็ตามผมยืนยันว่าสังเวชนียสถานทั้งสี่ และ เมืองสำคัญในพุทธกาลอยู่ที่อินเดียแน่นอน บางครั้งการแก้ความเห็นผิดให้กับบางคนที่เหมือนบัวในโคลนตม ก็ต้องปล่อยเค้าไปตามกรรม
     
  4. 12qv

    12qv Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26
    รอหลักฐานโผล่มาเองอยู่ นอกนั้นเอาที่สบายใจเลย 5555
     
  5. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เพิ่มเติมไว้ เป็นข้อพิจารณา อีกนิดครับ..ตามที่เรียนไว้ คงไม่ใช่เพื่อโต้แย้ง เพราะ เราไม่สามารถหาข้อยุติ เรื่อง การเทียบหน่วยระยะทาง โยชน์-ลี้ ว่า เท่าใด โดยเฉพาะ ถ้า นักวิชาการตะวันตกบอกว่า 1 โยชน์ เท่ากับ 1.3 - 13 กม. หรือมากกว่านั้นก็ได้ มันก็จะมีผลให้ระยะทางระหว่างเมือง ยืด-หดไปได้ จากแนวความคิดผม ที่ 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กม. 1 ลี้ เท่ากับ 500 ม.

    แต่ ก็เพียงแค่ทำตาราง เก็บไว้ดู..

    คือระยะทางจากเมือง ปี่-ถู ถึงเมืองราชคฤห์เก่า หรือ จากปัญจาบถึงราชคฤห์เก่า ซึ่งจากตาราง โดยใช้การเทียบระยะทาง ตามที่ถือกันอยู่ในปัจจุบัน หลวงจีนฟาเหียนเดินทางจาก เมืองปี่-ถู ถึงราชคฤห์เก่า รวมเป็นระยะทาง 3,195 กิโลเมตร

    แต่ถ้าให้กูเกิลแมพ คำนวน ระยะทางจาก ปัญจาบ ถึง ราชคฤห์เก่าที่อินเดีย จะได้ระยะทางเดินเท้า ประมาณ 1,552 กิโลเมตร น้อยกว่า ระยะทางที่หลวงจีนบันทึกไว้ 3,195 กิโลเมตร ถึง 1,643 กิโลเมตร

    ซึ่งระยะทาง 3,195 กิโลเมตร นี้ ผมได้ลองให้กูเกิลแมพ ลองลากไปเรื่อยๆ พบว่า ไปได้ไกลถึง พม่าตอนกลาง ถึงเขตเมือง Magway ได้เลย

    ซึ่ง เป็นเรื่องที่แปลก ที่อยากเล่าให้ฟัง ก็คือ สถานที่สำคัญที่ ผมบอกวันที่พบกันคือ "เขาตีนไก่" สถานที่ เก็บพระศพของพระมหากัสสปะ ที่หลวงจีนฟาเหียนบันทึกไว้

    มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่เส้นทางที่ลากมานี้ ผ่าน Alaungdaw Kathapa National Park, เมือง Monywa ซึ่งชาวพม่า เขาเชื่อว่า เป็นที่เก็บรักษาพระศพพระมหากัสสปะ ด้วย...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2016
  6. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เรื่อง พระสรีระศพพระมหากัสสปะ ที่พม่า เข้าไปอ่านตาม ลิงค์นี้ นะครับ เพราะสงวนลิขสิทธิ์ ห้ามคัดลอกมาโพสต์ ก่อนขออนุญาต

    .......เรื่องความลี้ลับของ "ถ้ำพระมหากัสสป" นี้ ใครๆ ก็อยากจะรู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ โดยเฉพาะภายในกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อฯ ด้วยเหตุนี้นับตั้งแต่ปี 2538 พวกเราก็ได้มีโอกาสไปสืบเสาะหลายครั้ง นับตั้งแต่การไปสืบหาทางประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นเขตแดนที่ติดต่อกับประเทศพม่า โดยการเดินทางผ่าน "คุนหมิง" แล้วลัดเลาะไปทาง "ต้าลี่" ขึ้นไปทาง "ภูเขาจี้จูซาน" แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด

    ........จนกระทั่งถึงปี 2542 ก็ได้เดินทางออกไปทาง "เชียงตุง" พุ่งขึ้นไปถึง "เชียงรุ้ง" (สิบสองปันนา) ก็ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังก็ได้ข้อมูลว่ามีอยู่ในประเทศพม่า แต่ต้องเดินทางเข้าไปลึกมาก จึงกำหนดการเดินทางในปี 2545 โดยหลวงพี่ชัยวัฒน์ได้เล่าไว้ในหนังสือ "ตามรอยพระพุทธบาท" เล่ม 4

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=626

    ส่วนข้อสมมติฐานของผม เขาตีนไก่ หรือ กุกุฏสัมปาตบรรพต ที่เก็บรักษาพระสรีระศพ ของพระมหากัสสปะ อยู่ที่เขาสูงสามยอด อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ซึ่ง บังเอิญตรงกับที่ ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ ได้เคยไปที่นั่น และยืนยัน (ซึ่งผมก็ไม่ทราบได้ว่า ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ รู้ได้อย่างไร?)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2016
  7. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ทำไมหลวงจีนฟาเหียน จึงไม่เดินทาง จาก ซีอาน ลงมาทางใต้ตรงๆ ถ้า พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย และ "สังเวชนียสถาน" อยู่ในแผ่นดิน พม่าและไทย ทำไมต้องเดินอ้อมโลก แล้ววกเข้ามาเมืองไทย?

    ข้อสันนิษฐาน...ประกอบจาก ข้อมูล จากหนังสือ "หลักไทย" ของผมมีดังนี้

    คือสมัยแผ่นดินพระเจ้าฮั่นวูตี่ ประเทศจีน ราว พ.ศ. 433 ได้ทราบข่าวว่า "ศาสนาใหม่เกิดทางใต้" จึงได้ส่งคณะสืบศาสนาเดินทางลงทางใต้ ผ่านอาณาจักรไทยอ้ายลาว....แต่ไม่สามารถเดินทางผ่านลงสู่ประเทศทางใต้ได้ จึงเดินทางกลับ ซีอาน..และเปิดเส้นทางสายไหม ไปทางตะวันตก (เพื่อจะหาทางวกลงมา ชมพูทวีป-แผ่นดินอินเดียสีชมพู หรือเปล่า?)

    โดยต้องเดินทางไปประเทศตะวันตก แล้วข้ามภูเขาหิมาลัย ก่อนจะเดินย้อนกลับมาทางตะวันออก เรื่อยมา จนเข้ามาสู่ทางตอนเหนือของพม่า และเข้าสู่ไทย...ตามแผนที่จินตนาการ ที่ผมทำขึ้นมาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2016
  8. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เอามาดูกันเพลินๆ นะครับ...ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์..ประกอบกับ ที่ผมนำมาจาก หนังสือ "หลักไทย" เพราะ เมื่อสมัยก่อน เรื่องอาณาจักรทางใต้ ที่ชื่อ "น่านเจ้า" ยังเป็นปริศนาว่า มีจริงหรือ?

    จากสารคดี ที่ผม search เจอโดยบังเอิญ ครับ

    นาที ที่ 39.27 พูดถึง พระเจ้าฮั่นวู่ตี่ ส่งกำลังมาทำลาย อาณาจักรหนานเย่ว

    https://www.youtube.com/watch?v=m7744P-AkYQ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2016
  9. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    อ้อ ดูสารคดี อีกครั้ง พบว่า นาทีที่ 29.01 มีภาพที่ สะดุดตาเลย เพราะคุ้นมาก กับภาพ เรือของชาวหนานเย่ว..เพราะมันคล้ายๆ ลวดลายบน กลองมโหระทึก

    ซึ่งในการพบกันกับคุณ Jirong9 เมื่อวันก่อน ผมได้พูดถึง ปัญหาการแปล ศัพท์ เฉพาะ เช่น อูฐ ที่แปลจาก คำบาลีว่า โอษฺฐา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าแปลถูกหรือเปล่า?

    ที่พูดเช่นนี้ ผมได้เล่าให้ คุณ Jirong9 ฟังว่า ผมเคยเขียนถามอาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ ว่า อินเดีย มีฆ้องมั๊ย เพราะในพระไตรปิฎก มีพูดถึงเรื่อง "ฆ้อง" ซึ่ง อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนบทความลง มติชนว่า ..เป็นการแปลของไทยเอง เพราะที่อินเดีย ไม่มี "ฆ้อง" แต่ ฆ้องเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของอุษาคเนย์ ว่างั้น

    เช่นเดียวกันครับ กับคำว่า "มโหระทึก" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเฉพาะ มีมานับ 3,000 ปี ของชาวอุษาคเนย์ ไม่มีในในอินเดีย แต่ มีในไทย -เวียตนาม...และก็คงจะมีใน หนานเย่ว แน่นอน

    ผมเลยขอเพิ่มเติม ข้อมูล ไว้ตรงนี้ ถึงสิ่งที่มีใน "พระไตรปิฎก" แต่ไม่มีในอินเดีย...ส่วนท่านใด จะค้านว่า เป็นเรืองการแปลผิด..ก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่า รับรู้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งนะครับ

    หลักฐานทางเอกสารและโบราณคดี
    หลักฐานทางเอกสาร
    สำหรับในประเทศไทยมีหลักฐานปรากฏว่ามีการผลิตและใช้กลองมโหระทึกมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (ยุคโลหะ) เป็นต้นมา หลักฐานทางเอกสารที่พบว่ามีการใช้กลองมโหระทึก คือ

    - สมัยสุโขทัย หนังสือไตรภูมิพระร่วง โดยเรียกว่า มหรทึก ความว่า "...บ้างขับสรรพสำเนียงเสียงหมู่นักคุนจุนกันไปเดียรดาษ พื้นกลองแตรสังข์ระฆังกังสดาล มหรทึกกึกก้องทำนุกดี..."

    - สมัยอยุธยา ประมาณแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีการกล่าวถึงชื่อกลองมโหระทึกในกฎมณเฑียรบาล โดยเรียกว่า หรทึก และใช้ในงานพระราชพิธี ความว่า"...งานสมโภชนสมุหะประธานทูลเผยใบศรี ญานประกาศถวายศโลก อิศรรักษา ถวายพระศรีเกตฆ้องไชย ขุนดนตรีตี หรทึก ..." และ "...ในเดือนเก้าพระราชพิธีตุลาภาร ขุนศรีสังครเป่าสังข์ พระอินทรเภรี พระนนทิเกษาตีฆ้องไชย ขุนศรีตีหรทึก..."
    - สมัยรัตนโกสินทร์ พบว่าได้กลับมาเรียกชื่อกลองดังกล่าวว่า มโหระทึก และเรียกต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน โดยยังมีการใช้กลองมโหระทึกในงานพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นต้น
    หลักฐานทางโบราณคดี


    กลองมะโหระทึกที่พบในประเทศไทย เช่น ภาคเหนือ บ้านบ่อหลวง จังหวัดน่าน, ตำบลท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์, บ้านนาโบสถ์ เป็นต้น จังหวัดตาก ภาคกลาง เช่น บ้านสามง่าม จังหวัดตราด, เขาสะพายแร้ง จังหวัดกาญจนบุรี, แหล่งโบราณคดีคูบัว จังหวัดราชบุรี เป็นต้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น วัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง) จังหวัดมุกดาหาร, บ้านดงยาง จังหวัดมุกดาหาร, บ้านสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น ภาคใต้ เช่น แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร, อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ตำบลท่าเรือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ,ตำบลจะโหนง จังหวัดสงขลา เป็นต้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ย้อนกลับมา ที่ จุดเรื่มต้นในการ ตั้งกระทู้นี้....

    ผมได้ลองใช้กูเกิลแมพ สร้างเส้นทางเดิน จากกบิลพัสดุ์ ถึง ราชคฤห์ ดูอีกที..พบว่า จริงๆ แล้ว ระยะทางเดินเท้า จากกบิลพัสดุ์ถึงราชคฤห์ที่อินเดียนั้น มีระยะทางประมาณ 455 กิโลเมตร หรือประมาณ 28 โยชน์ ไม่ใช่ 200 กิโลเมตร ดังในสารคดีบรรยายไว้
    ผมจึงได้ลองสรา้งเส้นทางเพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อสอบเช็คกับ อรรถกถา จะได้
    1. ระยะทางจาก กบิลพัสดุ์ถึงกุสินาราแคว้นมัลละ ประมาณ 159 กิโลเมตร หรือ 10 โยชน์ และ
    2. ระยะทางจาก กุสินาราถึงราชคฤห์ ที่อินเดีย ประมาณ 355 กิโลเมตร หรือประมาณ 22 โยชน์

    ซึ่งในอรรถกถาที่ ถอดมา จะได้ว่า
    1. เส้นทางจาก กบิลพัสดุ์ ถึง ราชคฤห์ เท่ากับ 60 โยชน์ หรือ960 กิโลเมตร
    2. เส้นทางจาก กบิลพัสดุ์ ถึง อนุปิยอัมมพวัน (อยู่ชายขอบแคว้นมัลละ ถึงก่อนกุสินารา) เท่ากับ 30 โยชน์ หรือ 480 กิโลเมตร
    3. เส้นทางจากกุสินาราถึง ราชคฤห์ 25 โยชน์ หรือ 400 กิโลเมตร

    ซึ่งจะเห็นว่า ..เส้นทาง จากกบิลพัสดุ์ ไปถึงราชคฤห์ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากอรรถกถา อย่างร้ายแรง คือผิดพลาดมาก มิหนำซ้ำยังผิดพลาดจากบันทึกการเดินทางของหลวงจีนฟาเหียน อย่างมากเช่นเดียวกัน เพราะ หลวงจีนฟาเหียนเดินทางจากกบิลพัสดุ์ ถึงราชคฤห์เก่า ใช้ระยะทาง 63 โยชน์ กับ 54 ลี้ หรือ 1,035 กิโลเมตร

    ระยะทางระหว่าง กบิลพัสดุ์ กับ มัลละ (วัดถึงกุสินารา) ก็ได้ระยะเพียง 10 โยชน์ ทั้งที่อรรถกถา ระบุไกลกว่า 30 โยชน์..

    ส่วนระยะทางจากกุสินารา ไปถึง ราชคฤห์ แม้จะวัดระยะทางออกมาได้ 355 กิโลเมตร หรือ 22 โยชน์ น้อยกว่า 25 โยชน์ หรือ 400 กิโลเมตร แม้จะใกล้เคียง แต่ ปัญหาก็เกิดจาก ข้อขัดแย้ง ในระยะทางระหว่างกบิลพัสดุ์ ไปถึงราชคฤห์ และ ระหว่างกบิลพัสดุ์ ไปถึงกุสินารา ดังได้ชี้ให้เห็นข้างต้น

    ดังนั้น...เมื่อบรรพชนของเรา ได้บันทึกเอาไว้ และยังถ่ายทอดสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันว่า "พระพุทธเจ้าได้มาปรินิพพาน ที่พระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี" เราก็ควร น้อมมาพิจารณา ไม่ใช่ หัวเราะเยาะ ดูถูกบรรพบุรุษของเราครับ

    นี่เองจึงเป็นที่ในการค้นหาที่ตั้ง ราชคฤห์โบราณ ในประเทศไทย ในรัศมี 25 โยชน์ หรือ 400 กิโลเมตร ในประเทศไทยครับ
    ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2016
  11. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ในขณะที่ นักโบราณคดีรุ่นใหม่ กำลังบอกว่า แผ่นดินไทยของเรา มีอารยะธรรมมายาวนาน ถึง 4,000 ปี เก่ากว่า อาณาจักรมายัน ถึง 2,000 ปี


    https://www.youtube.com/watch?v=NZJG1Slep9Y

    แต่เรายังเอาความรู้เก่า ว่า "สุโขทัยคืออาณาจักรแรกของไทยมาครอบความคิดเอาไว้"...ซึ่ง ก็ยังตั้งความหวังครับ ว่า วันหนึ่ง เราจะได้เจอหลักฐานจริงๆ ครับ คุณ 12qv และแน่นอน ตราบใดที่เรายังไม่มี กำลังที่ขุดค้นหา ก็คงต้องรอ ให้พบโดยบังเอิญ อย่างที่ เราได้พบแหล่งโบราณคดี หลายๆ แหล่ง ที่พบโดยไม่ได้ตั้งใจครับ
     
  12. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    อ้อ มีอีกเรื่องที่คุณ Jirong9 ถามผมขึ้นมาเรื่อง ที่ถกกันเรื่อง อูฐ สิงโต
    ซึ่งผมก็บอกว่า สิ่งที่เราไม่เห็นว่ามีอยู่ในปัจจุบัน ใช่ว่า ในอดีตจะไม่เคยมี

    ผมเลยยกตัวอย่าง..ว่า เชื่อมั๊ย ว่า ประเทศไทย เคยมีหมีแพนด้า....

    ผมเองก็คงไม่เชื่อเพราะ เคยได้ยินแต่ว่า เราได้รับมอบหมีแพนด้า มาจากเมืองจีน..

    แต่เป็นเพราะ เคยได้ยินเรื่องการค้นพบ "ฟอสซิลหมีแพนด้า" ในประเทศไทย มาก่อน ก็เลย โชว์ search สด ในกูเกิล ให้เห็นกันเลยครับ..เพราะที่ชัยภูมิ มีการค้นพบ "ฟอสซิลหมีแพนด้า" ครับ

    https://www.google.co.th/?gws_rd=ssl#q=หมีแพนด้า+ฟอสซิล+ชัยภูมิ

    ....

    อย่าลืม นะครับ คุณบุรณัง กับ สิ่งที่ผมขอร้องให้ช่วยค้นหา ครับ
     
  13. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เบาๆ คืนวันเสาร์ นะครับ ไหนๆ ก็ไปเรื่อง "ฟอสซิลหมีแพนด้า" ที่ชัยภูมิแล้ว..

    ทำให้นึกถึงเรื่องนี้..

    กาลิงคโพธิชาดก
    ว่าด้วยการพยากรณ์ที่อันเป็นชัยภูมิ
    [๑๗๙๐] พระเจ้าจักรพรรดิทรงพระนามว่ากาลิงคะ ได้ทรงสั่งสอนมนุษย์ทั่วแผ่นดิน
    โดยธรรม ได้เสด็จไปสู่ที่ใกล้ต้นโพธิ์ด้วยช้าง ทรงมีอานุภาพมาก.
    [๑๗๙๑] ภารทวาชปุโรหิตชาวกาลิงครัฐ พิจารณา ดูภูมิภาคแล้ว จึงประคอง
    อัญชลีกราบทูลพระเจ้าจักรพรรดิผู้เป็นบุตรแห่งดาบส ชื่อกาลิงคะว่า.
    [๑๗๙๒] ข้าแต่พระมหาราชา ขอเชิญพระองค์เสด็จลงเถิด ภูมิภาคนี้อันพระพุทธเจ้า
    ผู้เป็นสมณะทรงสรรเสริญแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ตรัสรู้โดยยิ่ง
    มีพระคุณหาประมาณมิได้ ย่อมไพโรจน์ ณ ภูมิภาคนี้.
    [๑๗๙๓] หญ้าและเครือเถาทั้งหลายในภูมิภาคส่วนนี้ ม้วนเวียนโดยทักษิณาวัตร
    ภูมิภาคส่วนนี้ เป็นที่ไม่หวั่นไหวแห่งแผ่นดิน (เมื่อกัลป์จะตั้งขึ้นก็ตั้ง
    ขึ้นก่อน เมื่อกัลป์พินาศก็พินาศภายหลัง) ข้าแต่พระมหาราชา ข้าพระองค์
    ได้สดับมาอย่างนี้.

    ...

    พระพุทธองค์ตรัสชาดก นี้ บ่งบอกว่า "ภูมิภาคที่จะเป็นที่ตั้งของโพธิมณฑลสถาน" นี้ ย่อม เป็น แผ่นดินที่ เมื่อกัลป์จะตั้งขึ้นก็ตั้งขึ้นก่อน เมื่อกัลป์พินาศก็พินาศภายหลัง....นั่นหมายความว่า เมื่อแผ่นดินตั้งขึ้น สิ่งมีชีวิตก็เกิดตามมา และก็จะมีชีวิตยาวนาน ยิ่งกว่าที่ใดในโลก...ซึ่งก็เป็นเรื่องที่บังเอิญครับ ว่า แถบแถว ชัยภูมิ-ขอนแก่น ก็ได้มีการค้นพบฟอสซิล ที่มีอายุเก่าแก่มาก บางชนิดเก่าแก่ที่สุดในโลก ว่างั้น ตามนี้..

    อัศจรรย์อีสาน ถิ่นไดโนเสาร์อันน่าทึ่ง
    http://www.manager.co.th/travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000070760

    ซึ่งก็เป็นเรื่อง บังเอิญครับว่า สถานที่ตั้งโพธิมณฑลสถาน ในประเทศไทย ตามข้อสมมติฐานของผมตอนนี้ ก็อยู่ที่ อำเภอโคกโพธิ์ชัย จังหวัดขอนแก่น ติดเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    แต่ก็นะ...คิดไปคิดมา..ก็ไม่รู้ว่า เรากำลังจะค้นหาในสิ่งที่ไม่มี หรือเปล่า? เพราะหากเป็นดังเขาว่า ว่า "อรรถกถาที่แต่งขึ้นภายหลัง" ก็ไม่รู้ว่า จะเป็นความจริงทั้งหมดหรือเปล่า????

    ครั้งนั้น พระราชาทรงถือตรากุญแจ ที่ติดอยู่ที่เชือกผูก
    ทอดพระเนตรเห็นแท่งแก้วมณีและเห็นอักษรจารึกว่า ในอนาคตกาล เจ้า
    แผ่นดินที่ยากจนถือเอาแก้วมณีแท่งนี้แล้ว จงทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลาย
    ทรงกริ้วว่า ไม่ควรพูดหมิ่นพระราชาเช่นเราว่า เจ้าแผ่นดินยากจน ดังนี้แล้ว
    ทรงเคาะซ้ำ ๆ กันให้เปิดประตู เสด็จเข้าไปภายในเรือนประทีปที่ตามไว้ เมื่อ
    ๒๑๘ ปี ก็โพลงอยู่อย่างนั้นนั่นเอง ดอกบัวขาบก็เหมือนนำมาวางไว้ขณะนั้น
    เอง เครื่องลาดดอกไม้ก็เหมือนลาดไว้ขณะนั้นเอง เครื่องหอมก็เหมือนเขาบด
    วางไว้เมื่อครู่นี้เอง. พระราชาทรงถือแผ่นทอง ทรงอ่านว่า ต่อไปในอนาคต
    กาล ครั้งกุมารพระนามว่า อโศก จักเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระธรรมราชา
    พระนามว่า อโศก ท้าวเธอจักทรงกระทำพระบรมธาตุเหล่านี้ให้แพร่หลาย
    ดังนี้ แล้วตรัสว่า ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้า มหากัสสปเถระเห็นตัวเราแล้ว
    ทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบกับพระหัตถ์ขวา. ท้าวเธอเว้นเพียงพระบรมธาตุที่ปก
    ปิดไว้ในที่นั้น ทรงนำพระบรมธาตุที่เหลือทั้งหมดมาแล้ว ปิดเรือนพระบรม-
    ธาตุไว้เหมือนอย่างเดิม ทรงทำที่ทุกแห่งเป็นปกติอย่างเก่าแล้ว โปรดให้
    ประดิษฐานปาสาณเจดีย์ไว้ข้างบนบรรจุพระบรมธาตุไว้ในวิหาร ๘๔,๐๐๐ วิหาร
    ทรงไหว้พระมหาเถระแล้ว ตรัสถามว่า ท่านเจ้าข้า โยมเป็นทายาทในพระพุทธ
    ศาสนาได้ไหม พระมหาเถระทูลว่า ถวายพระพร มหาบพิตรยังเป็นคน
    ภายนอกของพระศาสนา จะเป็นทายาทของอะไรเล่า. ตรัสถามว่า ก็โยมบริจาค
    ทรัพย์ถึง ๙๖ โกฏิ ให้สร้างวิหารไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ วิหาร ยังไม่เป็นทายาท
    คนอื่นใครเล่าจะเป็นทายาท. พูดว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร ได้ชื่อว่าเป็น
    ปัจจยทายก ก็ผู้ใดบวชบุตรหรือธิดาของตน ผู้นี้จึงจะชื่อว่า เป็นทายาทของ
    พระศาสนา. ท้าวเธอจึงให้บวชพระโอรสและพระธิดา. ครั้งนั้น พระเถระ
    ทั้งหลายทูลพระองค์ว่า ขอถวายพระพร บัดนี้ มหาบพิตรเป็นทายาทในพระศาสนาแล้ว.
    บทว่า เอวเมตํ ภูตปุพุพํ ความว่า แม้การเก็บพระบรมธาตุในอดีต
    กาลนี้ เคยมีมาแล้วในภาคพื้นชมพูทวีป ด้วยประการฉะนี้. แม้การกสงฆ์ผู้ทำ
    สังคายนาครั้งที่ ๓ ก็วางบทนี้ไว้. ก็คาถาเป็นต้นว่า อฏฺโทณํ จกฺขุมโต
    สรีรํ เป็นต้นนี้ พระเถระชาวสีหลทวีป กล่าวไว้แล้วแล.

    ...

    เอาเป็นว่า..สุดแล้วแต่ความเชื่อนะครับ...ถือว่าผม นำข้อมูลมาให้ เพื่อพิจารณา ใคร่ครวญ...เพราะอย่างไร เชื่อมั่นว่า "พวกเราชาวพุทธ ก็ยังทีความเชือมั่นและศรัทธาใน พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ดังเดิม ไม่ว่า พระพุทธศาสนา จะมีจุดกำเนิดที่ประเทศอินเดีย หรือที่ไหนๆ ก็ตาม"

    เอาเป็นว่า ปิดกระทู้ไว้ก่อนครับ เพราะผมเอง ก็คงหมดข้อมูลที่จะนำเสนอแล้ว ส่วนเรื่องที่ติดค้างไว้ ก็คงต้องติดค้างไว้อีกต่อไปครับ โดยเฉพาะ เรื่อง หิมะ อูฐ ลา และสิงโต ครับ
     
  15. Alexander the Great

    Alexander the Great สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +8
    ท่านพระเจ้าอโศกมหาราชเอกอิสโรครับ ผมหรือพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชเชื่อเต็มที่เลยครับกับท่านพระเจ้าอโศกมหาราชเอกอิสโร

    คนที่ต่อต้านท่านพระเจ้าอโศกมหาราชเอกอิสโรจะต้องเงิบก็วันนี้แหละครับกับหลักฐานชิ้นนี้ที่ผมได้มา นั่นคือเสาอโศกครับ ผมค้นพบได้มาถึงสองเสาในประเทศไทย มีจารึกด้านบนระหว่างเสาด้วยว่านี่คือเสาอโศก

    [​IMG]
     
  16. Alexander the Great

    Alexander the Great สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +8
    ราชคฤห์ก็มีครับ ผมหรือพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชขอฟันธงว่ามันคือบริเวณที่ตอนนี้เราเรียกว่า ซอยราชครู โบราณคือราชคฤห์ เราเรียกเพี้ยนมาเรื่อยๆจนกลายเป็น ราชครู
     
  17. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๑.๓๘

    อืม...มีใครต้องการความบังเอิญหรือครับ
    เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องบังเอิญอ่ะ
    เอ้า...ใครจะจัด เชิญเลย
    ปล่อยผีตามสบาย
    ...หึหึหึ...


    บังเอิญครั้งที่ล้าน / กระต่ายป่า แห่งประเทศไทย

    .
     
  18. 12qv

    12qv Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26

    เฮ้ย!!!!นี่เอกคนเดิมป่าว ทุกทีไม่เคยแทงกั๊กอย่างนี้นี่ มีแต่ลุยสุดลิ่มทิ่มประตู พุทธเกิดในไทยแน่ๆ อันนี้ไปได้อะไรใหม่ๆมาป่าว ดูมันเหี่ยวๆท้อๆ 555
     
  19. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    อ้าวแล้วอันนี้ .. จุดที่เคยจอดรถของพระเจ้าอโศก ด้วยหรือป่าวครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอบคุณนะครับ ทุกความคิดเห็น...คงไม่มีใครอยากให้เกิดโดยบังเอิญครับ...แต่ด้วยข้อจำกัด..ผม ก็คงต้องรอความบังเอิญจริงๆ ครับ..โดยเฉพาะความบังเอิญ ที่อาจจะเกิดขึ้นในบริเวณ เมืองโบราณที่อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ...เผื่อว่า จะมีความบังเอิญ ดังที่เกิดขึ้นกับการค้นพบจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน หลักใหม่ล่าสุด ที่วัดธรรมประสิทธิ์สุทธาราม บ้านเขว้า ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อปีที่แล้ว

    พบจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน หลักใหม่ล่าสุด ที่วัดธรรมประสิทธิ์สุทธาราม จ.บุรีรัมย์

    เพราะ ในประเทศไทย การค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ด้วยความตั้งใจ มีน้อยกรณีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...