ไม่ต้องตัดอะไร ไม่ต้องละกิเลส ไม่ต้องทำจิตให้เป็นอะไร ก็มันไม่เที่ยงอยู่แล้ว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 7 มิถุนายน 2011.

  1. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +218
    แล้วการที่คนที่มีความคิดว่ากิเลศไม่ดีต้องตัด แล้วเค้าพยายามตัด เป็นธรรมชาติหรือเปล่าครับ จากเหตุที่เค้ามีความคิดอย่างนี้ แล้วทำให้เค้าทำอย่างนี้ เป็นเหตุและผลตามมา

    เหมือนกับการที่คุณคิดว่า กิเลศเป็นธรรมชาติไม่ต้องตัด คุณก็ไม่ตัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2011
  2. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    อิอิ.... คำตอบที่คุณต้องการ อยู่ในลายเซ็นของคุณแล้วค่ะ^^
    ไม่ต้องไปถามใครหรือตำราเล่มไหน
    จิตพุทธะมีอยู่ในเราทุกคนอยู่แล้วค่ะ ดูจิตตนเองลึกๆ
    สิ่งใดที่เป็นสัมมา สิ่งใดที่เป็นมิจฉา
    น้อมเอาศีล๕ประคอง จิตมันบอกเอง
    คนต่างมีกรรมของตัวเอง ไม่เหมือนกัน
    หน้าที่ บทเรียน หนทางต่างกัน
    ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคของใครของมัน
    เรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจเป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะค๊าาา สาธุๆๆ
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เหมือนบัว สี่เหล่า ไม่มีใครคนอื่นบอกเราได้ว่าเราเป็นบัวเหล่าใด ถึงบอกมันอาจจะไม่จริงก็ได้ แม้แต่ตัวเราเองบอกตัวเองก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ทิฎฐฺิอาจจะขวางอยู่ เปิดโอกาสให้ตัวเองไว้เถอะแล้วเดินไปด้วยสติ
     
  4. ใจทุกข์

    ใจทุกข์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +0
    ตามที่ผมอ่านและเข้าใจ ท่านได้พยายามเข้าไปใน ส่วนสุดของอีกด้านนะครับ
     
  5. ultimatetruth

    ultimatetruth สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    มีสิ่งใดที่ไม่อยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์หรือท่านทั้งหลาย?

    ก็ทุกสิ่งนั้นล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ ไม่เที่ยง

    หรือ แปลเป็นไทยได้ว่า
    ทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และไม่เป็นตัวตนอยู่แล้ว
    ...โดยความเป็นจริงของไตรลักษณ์

    นั่นก็แปลว่าทุกอย่างเป็นธรรมโดยธรรมอยู่แล้ว แม้กระทั่งกายเรา จิตเรา

    ที่ยังคงเป็นสังสารวัฏกันอยู่นััั้น
    ก็เป็นเพียงแค่ความหลงเข้าไปทำกรรมเท่านั้น
    หลงว่าทุกอย่างที่รู้ ที่เห็น "เป็นตัวตน มีตัวตน"
    ก็เลยเกิดกรรม เกิดเป็นสังสารวัฏ

    อวิชชานั้นไม่ได้แปลว่า "ความไม่รู้"
    แต่อวิชชานั้นแปลว่า
    "ไม่รู้ว่าหลง ไม่รู้ถึงสัจจะความเป็นจริงที่ทุกอย่างนั้นเป็นธรรมอยู่แล้ว"

    มันก็แค่เข้าใจให้ตรง
    เดี๋ยวจะเลิกหลงไปเอง
    ก็จะตรงต่อนิพพานไปเอง
    ไม่ใช่ไปเอาจิตเข้านิพพานเสียที่ไหนเล่า

    "ธรรม" นั้น เข้าไปทำเอาไม่ได้
    เพราะมันเป็นธรรมอยู่แล้วตลอด
    ตามกฏไตรลักษณ์
    (ใครอยู่นอกเหนือกฏไตรลักษณ์บ้าง...ยกมือ)

    ที่ไปมัวแต่ "ทำ" กันนั้นก็เป็นเพียงการสาละวนไปทำกรรมซ้อนลงไปบน "ธรรม" นั่นเอง

    แล้วอย่างนี้จะจบได้ยังไง? ในเมื่อมันจบโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

    ก็จิตเดิมที่มันสว่างประภัสสรอยู่แล้วนั่นแหละ
    มัวแต่ไปทำกรรมซ้อนลงไป
    มันจึงปิดบังความสว่างแห่งเนื้อหาเดิมแท้นั้นเอง
    ก็เลิก "ทำ" ทั้งกาย ทั้งใจ เนื้อหาเดิมแท้ก็จะแจ้งออกมาเอง
    โดยไม่ต้องไปทำอะไรให้มันบรรลุอะไรอีกเลย
    ก็เพราะมันบรรลุอยู่แล้วนั่นเอง
     
  6. ultimatetruth

    ultimatetruth สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    กิเลส ตัณหา อุปาทานทั้งหลาย ล้วนมีโมหะอวิชชาหรือความหลงเป็นรากแก้ว
    ซึ่งเป็นต้นทางอย่างที่แสดงเอาไว้ในปฏิจจสมุปบาท
    และความหลงนั้นตัดไม่ได้
    เพราะ การเข้าไปตัดก็คือการหลงเอาตัวเองเข้าไปตัดความหลง
    แล้วมันจะตัดได้ยังไง ก็โดนมันหลอก

    หลงแล้วเป็นไง? หลงแล้วไปไหน?
    หลงแล้วก็ปรุงแต่งว่ากายนี้ ใจนี้เป็นตัวเรา เป็นของเรา
    ก็ละมัน ช่างมันกับทุกๆอย่าง
    ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องเอาใจไปใส่กับทุกๆอย่าง
    ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดเองเป็นเอง ตามเหตุ ปัจจัย
    ไม่ใช่ไปสร้างเหตุและปัจจัย
    เพียงแค่นี้ "ตัวเรา"ที่จะซ้อนลงไปบนกาย บนจิตที่เป็นธรรมอยู่แล้ว ก็จะหมดไปทันที

    นั่นแหละสุญญตา คือ
    ว่างจากตัวตน ว่างจากอุปาทานความยึดถือทั้งหลาย
    ไม่ใช่ว่างแบบไม่มีอะไร
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    มรรคมีองค์ 8 คือทางพ้นทุกข์ ถ้าไม่ศึกษา ก็จะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง พ้นทุกข์เพราะอะไร มีเหตุและผลรองรับ วิปัสนาญานคืออะไร การรู้แจ้งคือการตัดหรือไม่?ต้องศึกษาดู
     
  8. Seventh Heaven

    Seventh Heaven สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0
    ปีศาจแห่งความเปลี่ยนแปลง
    บินไปในท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
    ทำไมเจ้าต้องเหนื่อย
    กับการพยายามที่จะจับมัน

    ครูบารินไซ.
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ต้องถามตัวเองว่าเรายังมีทุกข์สัจจ อยู่หรือเปล่า คนอื่นบอกเราไม่ได้ แล้วจะยอมรับ หรือแก้ยังไงมันก็มีมรรควิธีของแต่ละคนตามวิบาก ของแต่ละคน
     
  10. ultimatetruth

    ultimatetruth สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    ทุกข์ของสรรพสัตว์นั้นเหมือนกันหมด
    ไม่มีความแตกต่างใดๆในความเป็นทุกข์
    ไม่ว่าทุกข์ ไม่ว่าสุข ล้วนเป็นทุกข์ทั้งนั้น

    พูดง่ายๆว่า สังสารวัฏนั้นแหละคือทุกข์
    ซึ่งเกิดจากสมุทัยตัวเดียวกันทั้งหมด
    นั่นก็คือ ความหลง หรือโมหะอวิชชา
    ถ้าคิดว่ามีทุกข์หรือไม่มีทุกข์นั้นก็ยังคงหลงอยู่
    สมุทัยยังไม่ดับลง

    และโดยเนื้อหาแห่งสัจธรรมนั้น
    ทุกข์ก็มีอยู่แต่หมดความหมายในความเป็นทุกข์
    สุขก็มีอยู่แต่หมดความหมายในความเป็นสุข

    เพราะอะไร?

    ก็เพราะ "รู้" ที่หมดการปรุงแต่งว่าทุกๆสิ่งมีความแตกต่างกันนั่นเอง
    ทุกอย่างจึงไม่มีความหมายอะไร
    เมื่อไม่มีความหมายอะไร
    ตัณหาในการพุ่งไปหาสิ่งที่หลงคิดว่า "ดีกว่า" ก็ดับลง
    จิตที่หมดหลงว่ามีความแตกต่างในสภาวะธรรมก็จะดับลงเอง
    แล้วก็ทำงานของมันตามธรรมชาติไปโดยไม่มีมโนกรรมซ้อนเข้าไป
    นี่แหละคือ การพ้น(จากความหมายในความเป็น)ทุกข์ ที่แท้จริง
    ไม่ใช่เอาจิตไปเข้านิพพาน

    สัจธรรมนั้นมีหนึ่งเดียว
    คือ มันไม่มีอะไรที่ "ใช่ตัวใช่ตน" สักอย่างเดียว
    ดังนั้นมันจะไม่มีความแตกต่าในอะไร
    ที่แบ่งแยกแตกต่างได้นั้นไม่ใช่มรรควิถีแห่งสัจธรรม
    ที่ยังเห็นว่ามีหรือไม่มีนั้นก็ยังไม่ตรงเนื้อหาสัจธรรม
    แต่เป็นเพียงทิฏฐิที่คิดเอาเองทั้งนั้น
    นั่นคือวิถีแห่งปุถุชน

    นิพพานนั้นทำเอาไม่ได้
    เพราะมันไม่ใช่อะไร
    และไม่มีความหมายในความเป็นอะไร

    ถ้าไปทำเอาเมื่อไหร่ก็เป็นอัตตาขึ้นมาทันที
     

แชร์หน้านี้

Loading...