เพื่อการกุศล *★.• ใกล้หมดแล้ว !!! พญาลิ้นทอง ยอดแห่งมนต์เสน่ห์เขมรโบราณ สายวิชา "กรูเปรี๊ยะออง" ♡* อ.โอม •.★*

ไหน ๆ ก็จะประมือ ประลองยุทธ เอ๊ย.... ขอโทษ ๆ ประมูลกันสิน้อ
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะครับ
ผมได้รวบรวมข้อมูลของนางจันทร์ ที่พี่ ๆ และเหล่าลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้เคยโพสเอาไว้ในกระทู้นี้
โดยนำมาจัดลำดับเรียงก่อนหลังให้เกิดความต่อเนื่องและสละสลวย โดยไม่ได้เติมแต่งอะไรเลย
ยกเว้นการเชื่อมคำในบางจุดให้อ่านแล้วได้ใจความต่อเนื่อง
ผมรวบรวมไว้นานมากแล้ว วันนี้นำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานนะครับ

ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ถูกต้อง ขอรบกวนพี่ ๆ ที่รู้ ช่วยปรับแก้ให้ด้วยนะครับ

 

อาจารย์โอม เมืองสุรินทร์: ผู้สำเร็จวิชามหานิยม มหาเสน่ห์ขั้นสูง และสำเร็จวิชาลึกลับพิสดารอีกหลายแขนง ฆราวาสผู้แก่กล้าในพลังสมาธิและคาถาอาคมแห่งจังหวัดสุรินทร์ ลูกศิษย์ใกล้ชิดและผู้ที่เคยบูชาไปใช้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นของจริง แรงจริง ใช้ได้ผลจริง ขอให้มีความเชื่อมั่น รับรองสำเร็จทุกเรื่อง ท่านเป็นผู้ยึดมั่นในธรรม ปฏิบัติกรรมฐานอยู่ตลอดเวลา และชอบศึกษาวิชาอาคมมาตั้งแต่เด็ก จนสามารถหยั่งรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ที่ผู้อื่นไม่รู้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ และท่านยังเป็นผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชากำเนิดพราย
วิชากำเนิดพราย เป็นวิชาโบราณที่จัดอยู่ในตำหรับวิชาไสยศาสตร์ฝ่ายสูงหรือไสยขาว ซึ่งต่างจากวิชาเรียกผีบังคับผีที่ถือว่าเป็นไสยดำ และในวิชากำเนิดพรายได้แบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ คือ ภูตชาย (วิชาการทำหุ่นพยนต์) พรายหญิง (วิชาเสน่ห์พรายนางจันทร์) และกุมารเด็ก โดยเป็นการทำให้กำเนิดขึ้นมา ด้วยพลังสมาธิอันแก่กล้าบวกกับพลังคาถา อาคมที่เข้มขลัง จนเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจนสามารถแสดงฤทธิ์ได้เป็นร้อยแปดพันประการ นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในวิชาลึกลับพิสดาร ที่ท่านเรียนสำเร็จ ท่านยังสำเร็จวิชาแขนงต่าง ๆ อีกหลายอย่าง!!!
วิชาพรายนางจันทร์ จริง ๆ แล้วเรียกได้ว่า ได้หายสาบสูญไปนานพอสมควรครับ แต่ไม่รู้ว่านานขนาดไหนแล้ว เอาเท่าที่ อ.โอม ทราบมา แต่เดิมวิชานี้เป็นวิชาโบราณของท่านฤๅษีชีไพรผู้ทรงฤทธิ์ทั้งหลายที่บำเพ็ญพรตอยู่ตามป่าตามเขา วิชานี้จัดอยู่ในวิชากำเนิด หรือที่เรียกว่าวิชาชุบชีวิต อย่างที่พวกเราเคยได้รู้ ได้เห็นกันบ่อย ๆ ในหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ หรือในวรรณคดีต่าง ๆ ที่มีฤๅษีชุบชีวิตนางเอกบ้าง พระเอกบ้าง หรือสัตว์ต่าง ๆ บ้างประมาณนั้น นั่นแหละครับ

 

แต่ด้วยวิชาแขนงนี้ ผู้ที่จะทำได้ต้องมีตบะแก่กล้า มีฌานสมาธิสูง ถึงขั้นเรียกว่าเป็นอภิญญาฤทธิ์เลยก็ว่าได้ และตามตำนานท่านว่า ผู้ที่จะมีตบะ มีฌานแก่กล้าขนาดนั้น ก็ต้องฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างหนักกว่าจะได้ถึงขั้นนั้น และผู้ที่บำเพ็ญเพียรในสายนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฤๅษี มุนี ดาบสทั้งหลายนั่นเองครับ แต่ก็ใช่ว่า ฤๅษีทุกตนที่บำเพ็ญเพียรแล้วจะสำเร็จ จะทำวิชานี้ได้ทุกตน ยิ่งเวลาผ่านล่วงเลยไป ฤๅษีนักพรตทั้งหลายที่บำเพ็ญตบะจนสำเร็จฌานขั้นสูงที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ต่าง ๆ นานา ก็ค่อยลดน้อยถอยลง จนหลงเหลือไว้เป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกัน และอีกสาเหตุ ก็น่าจะเป็นเพราะความหวงวิชา ด้วยความกลัวว่าถ้าสอนให้จนหมดภูมิรู้ของตนแล้วศิษย์จะคิดล้างครูก็เลยทำให้หลาย ๆ วิชา ค่อย ๆ เสื่อม ค่อย ๆ สูญหายไปครับ..
ทั้งแต่เดิมการสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ ในสมัยโบราณนั้น ท่านสอนกันโดยวิธีปากต่อปาก ไม่มีการจดบันทึกไว้ เมื่อไม่มีผู้ที่สามารถสืบทอดวิชาแขนงนี้ต่อไปได้ ก็เป็นเหตุให้วิชานี้ค่อย ๆ เลือนหายไป และสาบสูญไปในที่สุด ในปัจจุบันนี้ที่พอจะมีให้รู้ ได้เห็น ได้กล่าวถึง ก็คงจะมีอยู่แค่ในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ หรือในวรรณคดีเท่านั้นครับ..

 

เมื่อไม่สามารถที่จะเสก จะชุบชีวิตได้เหมือนรุ่นเก่า ๆ ฤๅษีชีไพรยุคหลังมาก็เลยผูกวิชาขึ้นมาใหม่ เอาแบบที่ไม่ต้องใช้ฤทธิ์ใช้เดชมากเท่ากับท่านรุ่นเก่า ๆ แต่ก็สามารถรับใช้ได้จริง วิชานางจันทร์ก็เลย (น่าจะ) กำเนิดขึ้นมาในช่วงยุคที่ว่านี้ครับ... ชื่อก็เลย (น่าจะ) เปลี่ยนจากวิชาชุบชีวิต มาเป็นวิชากำเนิด...ครับ
วิชาพรายนางจันทร์ นี้ ท่าน อ.โอม ท่านได้วิชานี้มาทางนิมิต ในขณะที่ท่านกำลังปฏิบัติกรรมฐานอยู่ครับ ท่านเล่าว่าอาจารย์ผู้ที่มาสอนท่านนั้น เป็นฤๅษี ตอนนั้นยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าท่านชื่อว่าอะไร จู่ ๆ ท่านก็เดินเข้ามาหา แล้วก็บอกว่าจะสอนวิชาให้ ให้จดจำเอาไว้สร้างบุญสร้างกุศล จากนั้นฤๅษีตนนั้นก็สอนวิชานี้ให้กับท่าน อ.โอม ขณะที่ฤๅษีตนนั้นบอกและสอนวิชาอยู่นั้น ตอนนั้น อ.โอมท่านนั่งฟังอย่างเดียวเลย พอท่านสอนเสร็จ ท่านก็บอกว่า จำเอาไว้ ทำให้ได้นะ เอาไว้สร้างบุญสร้างกุศล เอาไว้ช่วยคน พอพูดจบฤๅษีตนนั้นท่านก็หายไปจากนิมิตของท่าน อ.โอม
หลังจากนั้น ท่าน อ.โอมก็ถอนออกจากสมาธิ แล้วก็มานั่งพิจารณาทบทวนในสิ่งที่ท่านได้ยิน ได้เห็นในนิมิตที่เกิดขึ้นนั้น ท่านเล่าว่า ตอนแรกใจหนึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นอุปาทาน หรือว่าเป็นนิมิตหลอกหรือเปล่า แต่อีกใจก็คิดว่า ในระหว่างที่เกิดนิมิตขึ้นนั้น จิตก็สงบดี สติรู้ตัวอยู่ตลอด จึงดูแล้วก็ไม่น่าเป็นอาการของอุปาทาน และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่ฤๅษีตนนั้นมาบอกมาสอนนั้น ท่านจำได้หมดไม่มีตกหล่นเลย ท่านจึงคิดว่าทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นนิมิตจริงที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตามาสั่งสอนให้ครับ...
เคยมีหลาย ๆ ครั้ง ที่พระมหาฤๅษีเจ้า ผู้ประสิทธิวิชานางจันทร์ให้กับท่านอาจารย์โอม.. ได้มาผ่านท่านอาจารย์โอม ทีแรกก็ถามหาหมากจากผมว่า มีหมากหรือเปล่า...ผมก็เลยถามกลับไปว่า.. เป็นอะไรไป ถึงอยากเคี้ยวหมาก ดูอาการก็แปลก... เหมือนไม่ใช่ตัวท่านอาจารย์โอม.. ก็เลยถามไปเลย.. กระผมอยากจะถามหน่อยครับ.. ว่าหลวงปู่ที่มานี่ชื่อกระไรขอรับ ..
ท่านก็ไม่ว่ากระไร..ได้แต่กวักมือให้เข้ามาหา.." พร้อมนั้นผมก็เลยถวายหมากให้ท่านไปเคี้ยวด้วย (ปกติผมจะมีหมากในตู้เย็น เพื่อเอาไว้ถวายครูบาอาจารย์อยู่เป็นประจำ)..ท่านก็รับไปเคี้ยว.. ผมก็ถามนั้น ถามนี้ไปเรื่อย.. จนสักพักท่านก็เงียบไป.. แล้วท่านก็กลับมาพูดอีกครั้ง.. ครั้งนี้รู้เลยว่า ก็ยังไม่ใช่อาจารย์โอมอีก..แต่เป็นพระฤๅษีอีกองค์ ซึ่งเป็นสหธรรมิก กับองค์แรก...
มาถึงท่านก็ขอหมากกินอีกเช่นเคย... ผมก็เลยถามว่า.. "จะฉันหมาก จะเคี้ยวหมากอีกเหรอขอรับ".. ท่านก็พยักหน้า...พระฤๅษีองค์ที่สอง ท่านดูจะอารมณ์ดีมาก ๆ ชวนคุยนั่นคุยนี่ตลอด..
ผมเลยถามท่านว่า "หลวงปู่ที่มานี่ ชื่อกระไรขอรับ.. เผื่อวันหลังเกล้าจะได้ขออัญเชิญเพื่อมาประสิทธิประสาทสรรพวิชาทั้งหลาย..และถวายเครื่องสักการะ"
ท่านก็เลยบอกว่า "ปู่นะชื่อพระฤๅษีพรหมศวร ส่วนองค์แรกที่มานะ ท่านชื่อพระฤๅษีพรหมเมศ" ท่านพูดต่อไปว่า "ปู่พรหมเมศนะ ท่านเก่งมากเลยนะ... เคร่งครัด และค่อนข้างจะดุ... บางที่ปู่ยังไม่ค่อยกล้าไปขัดท่านเลย..แต่ท่านก็เมตตา...และรักศิษย์นะ..

 

ผมก็ชวนท่านคุย..ถามนั่น ..ถามนี่ไปเรื่อย.(ส่วนมากท่านจะบอกว่าครูบาอาจารย์ทุกวันนี้ หาเก่ง ๆ ยาก ไม่ค่อยจะมีใครทำจริง เอาจริง.. มือยังไม่ถึง) เลยถามถึงท่านอาจารย์แทนกับหลวงปู่พรหมศวร..ว่า .."หลวงปู่ครับ...อาจารย์แทน..อาจารย์ผมเก่ง และมือถึงพอมั๊ยครับ" (ในใจผมมั่นใจอยู่แล้วว่า..อาจารย์แทนไม่ได้เป็นสองรองใคร)..
หลวงปู่ท่านบอกว่า.. "โอ้ว...เก่ง ๆ... เก่งมาก... ตบะญาณ..ท่านแก่กล้า... สายเดียวกัน..." ตอนนั้นผมยังชอบสายเมตตามหาเสน่ห์มาก... ก็เลยขอคาถาดี ๆ ไว้จีบสาวหน่อย “หลวงปู่ ขอคาถาเมตตา มหาเสน่ห์หน่อยครับ...จะเอาไปจีบสาว.." ท่านก็หัวเราะพร้อมกับพูดว่า "สะ สะ สะ" แล้วก็หัวเราะ..... คุยได้สักพักท่านก็เงียบไป.....
จนสักครู่ใหญ่ก็เลยสะกิดท่านอาจารย์โอม.. ท่านก็บอกว่า "เฮ้อ..นั่งหลับซะแล้ว..ฝันแปลก..ไปเจอปู่ฤๅษีสององค์องค์หนึ่งดุมาก อีกองค์หนึ่งใจดี.. ท่านให้เอาหมากถวาย.. " และก็ตื่นมานี่ล่ะ... พวกผมก็ได้แต่อมยิ้ม.. ไม่ได้พูดอะไร..
คาถานี้ผมขอให้กรรมสิทธิ์กับทุกท่านที่จะนำไปใช้ได้ครับ.. ให้กล่าวอธิษฐานถึงปู่ฤๅษีท่านก่อน.. ว่าจะขอเรียนและใช้พระคาถานี้..จากนั้นจึงกล่าวกับตัวเองว่า "ขอกรรมสิทธิ์จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด" แล้วกลืนน้ำลายลง..เป็นอันสำเร็จครับ...
สรุปเรื่องราวของ เสน่ห์พรายนางจันทร์ ที่ผมได้อ่านมานะครับ เป็นวิชาที่หายสาบสูญของทางเขาอ้อ (ไม่มีข่อยวิชาให้ดู แต่ครูบาอาจารย์ชั้นเจ้าสำนัก จะเล่าให้ลูกศิษย์ได้ฟัง).. ว่านางจันทร์ เป็นลูกท้าวเวสสุวัณ...มีฤทธิ์ มีเดชมาก..มาก เป็นพรายเทพ (กึ่งเทพกึ่งพราย) เป็นวิชาที่ให้คุณดุจแก้วมณี.... ได้จากพระฤๅษีพรหมเมศและพระฤๅษีพรหมศวรที่มาสอนในนิมิตของ อ.โอม
และอีกกระแสหนึ่ง..ตามที่ท่านอาจารย์เคน ผู้ที่ได้มาขอเรียนวิชานางจันทร์จากท่านอาจารย์โอม.. ได้นั่งคุยกับนางจันทร์ (จะคุยอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของท่าน) และได้มาถ่ายทอดให้ฟังว่า นางจันทร์เดิมเป็นคนลาว ชอบทำบุญสุนทานเมื่อเสียชีวิตก็ไปเกิดเป็นนางฟ้า แต่อธิษฐานไว้ว่า จะลงมาช่วยผู้คน... ชอบทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ..
ดวงจิตของนางจันทร์แต่ละคน อยู่ในระดับที่เป็นกึ่ง ๆ ระหว่างมนุษย์กับเทวดา ชอบบุญกุศลครับ ยิ่งเราชวนเค้าทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วแผ่ส่วนบุญให้เค้าบ่อย ๆ ยิ่งทำให้เค้ามีพลังมากขึ้น ภพภูมิก็สูงขึ้นด้วยครับ...
พอได้วิชามา ท่านก็ทดลองทำเลยครับ ทำครั้งแรกแค่ขวดเดียวขนาดนิ้วหัวแม่มือ ทำเสร็จแล้วก็เสกอยู่นานครับกว่าจะสำเร็จ เห็นท่านว่าเกือบ ๆ สามเดือนได้มั๊งครับ... พอทำได้สำเร็จแล้ว อ.โอม ก็ใช้พกติดตัวตลอด แล้วก็มายกให้ผมนี่แหละครับ...

 

ในส่วนของวิชานางจันทร์...อ.โอม ได้สร้างของออกมา 3 อย่าง ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิชานางจันทร์ทั้งหมดครับ คือ
- น้ำมัน(พราย)นางจันทร์ สร้างมาแล้ว 4 รุ่น ไม่นับขวดแรกที่ท่านลองวิชานะครับ..
- สีผึ้งเสน่ห์ (พราย) นางจันทร์ สร้างมาแล้ว 3 รุ่น กับรุ่นพิเศษอีก 1 รุ่น เรียนกันเล่น ๆ ว่ารุ่น 1.1 ครับ (ขอข้ามไปก่อน)
- ปิดตานางพราย หรือปิดตานางจันทร์ สร้างมาแล้ว 2 รุ่น...

ซึ่งทุกรุ่นที่พูดมานี้ล้วนแต่สร้างชื่อให้กับท่าน เพราะมีประสบการณ์เยอะครับ ดังไปถึงต่างประเทศเลยทีเดียว เอาเท่าที่ผมจำได้นะครับ ก็มี อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา เยอรมัน ออสเตรีย ออสเตรเลีย เชคและก็อีกซักสองสามประเทศ ที่จำไม่ได้แล้วครับ...
หลังจากที่ อาจารย์โอม มอบขวดทดลองวิชาให้ผมมาแล้ว ก็ทิ้งระยะไปประมาณเกือบ ๆ ปีครับ จนประมาณปี2541 อาจารย์โอม ก็ได้จัดหามวลสารต่าง ๆ แล้วก็หุงน้ำมัน (พราย) นางจันทร์ขึ้นเป็นรุ่นแรกครับ จนได้น้ำมันพรายนางจันทร์บรรจุลงขวดเล็ก ๆ พร้อมหุ่นกาฝากรักซ้อนตายพราย กิ่งชี้ทิศตะวันออก หน้าบ้านแม่ม่าย และมีบรรจุตะกรุดด้วย รุ่นแรกนี้ ท่านเสกอยู่นานเลย เกือบ ๆ 3 ปี เสกทุกวัน วันละหลายเวลาเลย เรียกว่า ว่างเมื่อไหร่ก็นั่งเสก
น้ำมันนางจันทร์รุ่นแรกนี้ อ.โอม ท่านเสกจนฝาพลาสติกที่ปิดหุ้มจุกขวดน้ำมันนางจันทร์ฉีกขาดทุกขวดเลยครับ แถมมีขวดน้ำมันนางจันทร์ถึงขนาดร้าวไปหลายขวดเลยครับ อ.โอมถึงได้หยุดเสก และอนุญาตนำออกมาให้ร่วมบุญกันครับ...
ในขั้นตอนการปลุกเสกของ อ.โอม ที่ท่านปลุกเสกน้ำมันนางจันทร์ในแต่ละรุ่นนั้น หลังจากที่ท่านหุงน้ำมันสำเร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการปลุกเสก ต้องปลุกเสกฤทธิ์ให้กับนางจันทร์ อันนี้ต้องปลุกเสกทั้งด้วยคาถา และการอธิษฐานฤทธิ์ (การเดินฌาน) เสกจนกว่านางจันทร์จะสามารถแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ครับ เรียกว่า "สำเร็จฤทธิ์"
เมื่อเสกจนนางจันทร์สำเร็จฤทธิ์แล้ว ขั้นต่อไปก็คือการเพิ่มบุญฤทธิ์ให้กับนางจันทร์ ขั้นนี้ผมเคยเห็น อ.โอม ปลุกเสกด้วยการสวดบทพุทธมนต์ต่าง ๆ ครับ เห็นสวดแทบทุกบท ไม่เว้นแม้แต่บทธรรมจักร หรือแม้แต่มนต์บทใหญ่ ๆ บทอื่น ๆ ครับ ท่านบอกว่าการสวดเช่นนี้เพื่อเป็นการเพิ่มบุญฤทธิ์ให้กับนางจันทร์ เพราะระหว่างที่เราสวดปลุกเสกนี้ นางจันทร์ก็จะได้ทั้งอำนาจของพระพุทธคุณในการสวดปลุกเสก ทั้งนางจันทร์ก็ได้ร่วมฟังพระพุทธมนต์เพิ่มอานิสงส์ผลบุญ ทั้งนางจันทร์ยังได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับเรา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเพิ่มบุญ เพิ่มกุศลให้แก่นางจันทร์ จนกลายเป็นบุญฤทธิ์ให้แก่นางจันทร์ครับ เรื่องนี้จึงเป็นการการันตีได้อีกอย่างหนึ่งว่า นางจันทร์ ไม่ใช่ผี ใช้แล้วไม่มีโทษได้เป็นอย่างดีครับ...
สายนี้ไม่มีส่วนผสมของผี มวลสารในการสร้าง ก็ไม่มีส่วนผสมของผงพรายหรือน้ำมันพรายเลย ซึ่งเรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดกันเยอะ จนถึงขนาดเอาไปอธิบายตามความคิดของตัวเอง เลยยิ่งทำให้ผู้อื่นที่ติดตามพากันเข้าใจผิดตามไปด้วย เลยทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปเยอะ ไม่เข้าตัว มีแต่คุณ ไม่มีโทษ และขอแนะนำครับว่า ไม่ควรนำไปผสมน้ำมันพรายของสายอื่น เพราะน้ำมันพรายนางจันทร์ เป็นของบริสุทธิ์ เป็นวิชาชั้นสูง รับรองไม่ผิดหวัง มวลสารหลักที่ใช้ในการหุงน้ำมันนางจันทร์นี้ อ.โอมใช้ว่านเป็นหลักครับ..เพราะตามตำรากำหนดไว้เลยว่าต้องใช้ว่านอะไรบ้าง ในที่นี้จะขอนำมาลงให้ทราบเท่าที่สามารถเปิดเผยได้และไม่ขัดต่อครูบาอาจารย์นะครับ (บางอย่างท่านห้ามไม่ให้บอก)

 

ในส่วนของว่านก็มี ว่านดอกทองทั้ง 16 ชนิดเป็นหลัก ว่านตระกูลพญาเทครัวอีก เช่นว่านช้างผสมโขลง จูงนางห้าร้อยนาง ดินสอฤๅษี ตระกูลสาวหลงทุกชนิด ตระกูลเสน่ห์จันทร์ทุกชนิด เป็นต้น..
ในส่วนที่เป็นน้ำมัน ก็มี น้ำมันจัน น้ำมันแก้ว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันช้างย้อย น้ำมันเสือ เป็นต้น.. นอกนั้นท่านไม่เปิดเผยครับ เป็นเคล็ดของวิชาจะบอกได้แต่เฉพาะผู้ที่เรียนสืบทอดเท่านั้นครับ...
ในการหุงน้ำมันนางจันทร์นี้ อ.โอม ท่านจะใช้หัวว่านสดมาตำ แล้วจึงนำไปเคี่ยวในน้ำมัน ผสมกับวัตถุอาถรรพ์ตามตำรา แต่ไม่มีส่วนผสมของผีหรือว่าผงพรายครับ... ตอนหุงจะใช้เพียงเทียน 3 เล่ม อันนี้ก็เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างครับ เพราะเทียนแค่ 3 เล่ม แต่ว่าเปลวไฟนั้นลุกแรงมาก แถมยังลุกอยู่นานอีกต่างหาก ร่วม ๆ ชั่วโมงได้มั๊งครับ
เป็นเอกลักษณ์ของวิชานางจันทร์เลยครับ... โดยเฉพาะน้ำมัน. .ถ้าเอามาตั้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ หรือพกติดตัว จะผ่านไปกี่ปี (ที่นานที่สุดที่ผมเห็นก็ 5 ปี) น้ำมันก็จะเป็นสีเหลืองเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยน แต่ถ้าได้เอาเรียกมาใช้ หรือพกติดตัว แป๊บเดียว (เร็วสุดเท่าที่เคยเห็นมาก็ไม่ถึงวัน) น้ำมันก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีต่าง ๆ แตกต่างกันไป แล้วแต่ของแต่ละคน ที่เคยเห็นมา ของผมเอาที่พกติดตัว เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต บางคนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลบ้าง สีแดงบ้าง เขียวเข้มบ้าง สีดำบ้าง อย่างของแฟนผมเอามาดูล่าสุด เห็นออกเป็นสีน้ำเงินเรื่อ ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกเฉพาะของวิชานี้ครับ ที่น้ำมันจากหม้อเดียวกันแท้ ๆ แต่เวลาเปลี่ยนสี กลับเปลี่ยนสีไม่เหมือนกัน...
ส่วนหุ่นนางจันทร์นั้น รุ่นแรกนี้ อ.โอม ท่านนำกิ่งกาฝากรัก มาแกะเป็นตัวหุ่นครับ... ท่านแกะเองทุกตัว ระหว่างแกะท่านก็จะภาวนาคาถาไปด้วย เคยถามท่าน ท่านว่าภาวนาอาการ 32 ครับ ภาวนาจนกว่าจะแกะเสร็จเลย แกะเสร็จตัวหนึ่ง ก็จะนำมาตั้งขันธ์ 5 บรรจุด้วยธาตุ 4 แล้วจึงจะลงยันต์ที่ตัวหุ่น สำคัญมากครับตรงนี้ เพราะหุ่นแต่ละตัวมีขนาดเล็กมาก แต่ อ.โอม ท่านสามารถลงยันต์ได้ครบถ้วนถูกต้องตามตำราเลยครับ ผมเห็นกับตามาแล้วครับ เพียบละเอียดยิบเลยเชียว... ทำตามขั้นตอนอย่างนี้ทีละตัวเลยครับ ทำจนได้จำนวนพอสมควร ก็จะเอามาเสกอีกที ก่อนที่จะนำมาบรรจุขวดกับน้ำมันที่หุงไว้...
ตำหรับวิชาพรายนางจันทร์เป็นวิชาที่แปลก และมีคุณวิเศษมาก..ครูบาอาจารย์ท่านสร้างมาเพื่อสงเคราะห์และคุ้มครองผู้ที่บูชาจริง ๆ ทั้งช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ตามประสงค์.. ผู้บูชาจะทราบคุณวิเศษอันนี้เอง...ผู้ที่ได้ไปจึงมักหวงแหนผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์... มักจะไม่สามารถอธิษฐานใช้นางจันทร์ได้... ถ้าจะมอบต่อ.. ต้องให้เจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นผู้มอบให้ หรืออาจารย์ผู้เสก เป็นผู้มอบให้ ประสิทธิให้.. จึงจะได้กรรมสิทธิ์แล...
น้ำมันหรือสีผึ้งนั้น... หากเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว จะแบ่งให้ใครคงไม่ได้ครับ (ถ้ามอบเป็นขวด ๆ นั้นไปเลย นะได้)...หรือสีผึ้งก็เช่นกัน.. เว้นเสียแต่ว่า ผู้ที่ได้กรรมสิทธิ์นั้น เป็นผู้แบ่งเพื่อพกติดตัวไปบูชาเอง..กรณีคิดว่าตลับใหญ่เกินไป. (แต่ก็ไม่แนะนำ)

 

รุ่นแรกนี้มีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้นระหว่างเสกหลายครั้งหลายคราเลยครับ... อย่างเช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นยังเป็นช่วงแรก ๆ ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ พอดี อ.โอม เข้ากรุงเทพมาเล่นกับพวกผม ก็เลยได้ค้างอยู่ที่ห้องของผม คืนวันนั้นประมาณเที่ยงคืน อ.โอม ก็เอาน้ำมันนางจันทร์รุ่นนี้มานั่งเสก พวกผมก็มีผม มีพี่ปุ้ม (suttip2) และจารย์เบียร์ นั่งร่วมอยู่ด้วย ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกผมกำลังนั่งฟังรายการเล่าเรื่องผี ทางวิทยุอยู่
แต่พอ อ.โอมนั่งหลับตาเสกปั๊บ พวกเราก็เลยพลอยต้องนั่งสมาธิตามไปด้วยครับ แต่ก็ยังเปิดวิทยุไว้อยู่ เสกไปได้พักใหญ่ ๆ เกือบชั่วโมงได้ อ.โอม ก็ลืมตาถอนออกจากสมาธิ พวกเราก็ลืมตาตามด้วย เสร็จก็พากันนั่งพักผ่อน เหยียดแข้งเหยียดขากันไป
แล้วทุกคนก็ต้องสะดุ้งครับ เพราะจู่ ๆ วิทยุก็เสียงดังขึ้นมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่กครับ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ปิดวิทยุ นั่งกันเพลินจนลืม ไม่รู้ว่าวิทยุดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอยู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาคืน พอถาม อ.โอม ท่านก็ว่า สงสัยจะอัดพลังแรงจัด...
พอพักผ่อนได้ที่ อ.โอม ก็จะนั่งเสกต่ออีก ที่นี้พี่ปุ้มก็เลยพูดแซวเล่น ๆ ว่า เสกทีนี้ก็เอาให้วิทยุดับอีกเด้อ..อาจารย์..แล้วหัวเราะสนุกสนานกันไป อ.โอม นั่งเสกไปได้สักพักใหญ่ วิทยุก็ดับจริง ๆ ครับ ดับยาวเลยจน อ.โอมถอนจากสมาธิอีกรอบโน่นแหละครับ วิทยุถึงได้ติดเหมือนเดิมครับ...
น้ำมันนางจันทร์รุ่นแรก สร้างทั้งหมดประมาณร้อยกว่าขวด มีทั้งขวดธรรมดา(เท่ากับขวดน้ำมันสาลิกาล่องลม) และขวดพิเศษ ขวดพิเศษมีขวดเดียว เป็นของผมเองครับ ท่านทำให้โดยเฉพาะ เป็นขวดขนาดใหญ่ ประมาณนิ้วหัวแม่มือ สูงประมาณสองนิ้วหน่อย ๆ ตัวหุ่นแกะจากกิ่งรักตายพราย บรรจุตะกรุดเพียบ สมัยนั้นเป็นของรัก ของประจำตัวผมเลยก็ว่าได้ครับ ประสบการณ์โชกโชน เคยมีคนเสนอให้หลายหมื่นเลยครับตอนนั้น..ผมเมิน... แต่ตอนนี้ผมให้ ผบ. ผมไปฟรี ๆ ครับ...
จุดสังเกตของนางจันทร์รุ่นแรกนี้ ให้ดูที่ตัวหุ่นนางจันทร์เป็นหลักครับ เพราะแกะจากไม้กาฝากอย่างเดียว ไม่มีไม้ชนิดอื่น และทุกตัวต้องมีอักขระยันต์ทุกตัวครับ ถึงตัวหุ่นจะมีขนาดเล็ก แต่ อ.โอม ก็ลงอักขระยันต์ครบสูตรตามตำราทุกตัวครับ...
สมัยนั้น ตอนที่ท่านนำน้ำมันนางจันทร์มาออกให้บูชานั้น ปรากฏว่าโด่งดังมาก เพราะมีประสบการณ์เล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปาก จนเกิดเป็นกระแสนางจันทร์ขึ้นในสมัยนั้นเลยครับ ไม่ว่าวัดไหน สำนักไหน จะสร้างเครื่องราง หรือวัตถุมงคลทางเมตตามหาเสน่ห์ออกมา ก็มักจะมีคำว่านางจันทร์อยู่ในชื่อหรือในมวลสารที่ใช้สร้างวัตถุมงคลนั้นด้วยครับ และรุ่นนี้ก็ดังไปไกลถึงต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศทีเดียวครับ กระแสตอนนั้นไม่ได้ดังเพราะโฆษณา แต่เป็นการเล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปาก ดังไปถึงยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และรอบ ๆ บ้านเราเลยเชียวครับ แม้แต่ทุกวันนี้ ผู้ที่เคยได้บูชาไปในสมัยนั้น ก็ยังแสวงหากันอยู่ครับ เพราะเมื่อปีที่แล้วท่านออกรุ่น 4 มา หลังจากห่างหายไปเกือบสิบปี แป๊บเดียวเกลี้ยง ทุกวันนี้ยังถามหากันอยู่เลยครับ และท่านก็ทำการทำสีผึ้งพรายนางจันทร์ (จากมวลสารของน้ำมันพรายนางจันทร์) และนำสีผึ้งมากดเป็นปิดตาพรายนางจันทร์รุ่นแรก...

 

ปิดตานางพราย เป็นวิชาแขนงหนึ่งในหมวดของวิชาพรายนางจันทร์ครับ รูปแบบที่เห็นนี้เป็นแบบที่กำหนดไว้ตามตำราที่ท่าน อ.โอม ท่านเรียนมาครับ ซึ่งเป็นรูปแบบที่โบราณจารย์ท่านกำหนดเอาไว้อยู่แล้วครับ ท่านว่า ปิดตานางพรายเป็นวิชาสายอิทธิฤทธิ์ ใครรู้จักใช้ ก็เหมือนได้แก้วสารพัดนึกครับ ส่วนใครจะใช้ยังไง ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ เพราะครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้บอกไว้ทั้งหมด ท่านว่าที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเรา ให้เราหาวิธีใช้เอาเองครับ...
ปิดตานางพราย หรือ มีอีกชื่อหนึ่งในตำรา เรียกว่า ปิดตานางพญาเป็นวิชาสายอาถรรพ์ แต่ไม่อาศัยผงพราย แต่ปลุกเสกจนเกิดเป็นรูป เป็นนาม มีดวงจิตครอง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่บูชา ครับ... ฉะนั้นสายนี้ ไม่มีผงพราย ไม่มีเข้าตัว ใช้แล้วมีแต่คุณ ไม่เป็นโทษ... ตามตำราท่านว่า (อ.โอมเล่าให้ฟัง) ถ้าปลุกจนสำเร็จ นางพรายนี้จะมีฤทธิ์ช่วยเหลือเราได้แทบทุกอย่าง (ที่ไม่เกินกรรม) ทีเดียวเชียวครับ...
ทั้งสองอย่าง ผมได้มาเล็กน้อย.. ก็เก็บเรื่อยมา..จนวันหนึ่งได้ขวดขนาดที่จะใส่ปิดตานางพรายได้.. จึงได้เอาน้องนางใส่ขวด พร้อมกับนำน้ำมันพรายนางจันทร์รุ่นแรกแช่ลงไป... บูชาหนึ่ง ได้ถึงสองครับ... ปิดตานางพราย (รุ่นแรก) แช่ในน้ำมันพรายนางจันทร์ (รุ่นแรก) ที่สำคัญเมื่อคืนหยิบมาดู......ทั้งสองขวดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย..

 

ปิดตานางพราย แช่ในน้ำมันพรายนางจันทร์รุ่นแรก น้ำมันว่านดอกทอง (ล้วน) หุงสีแยก.. จะว่าเป็น Limited Edition ก็ว่าได้ครับ... (ขวดด้านขวา องค์ปิดตาผสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกับน้ำมันแล้ว พร้อมหุ่นไม้แกะจากกาฝากรัก..) เก่าเก็บ และหายากสุดๆ... ไม่ต้องไปหาที่ไหน เพราะใครที่บูชาไป ถ้าไม่หายก็คือเก็บไม่ให้บูชาต่อ.. ปกติแค่ปิดตานางพรายก็สุดยอดแล้ว.. แถมเอามาผนวกกับน้ำมันพรายนางจันทร์ จะเด็ดและสุดยอดแค่ไหนกันครับ..
น้ำมัน(พราย)นางจันทร์ รุ่น 2 อ.โอมทำเมื่อปลายปี 2543 หลังจากที่น้ำมันรุ่นแรกหมดไปครับ ท่านทำและเสกจนพอใจ แล้วจึงนำออกมาให้บูชาเมื่อปี 2544 หลังวันวิสาขบูชา รุ่นนี้ทำออกมา ประมาณร้อยกว่าขวด เป็นขวดขนาดใหญ่ ความกว้างของปากขวดประมาณ 1.5 เซ็น ความสูงประมาณ 5 เซ็นครับ ตัวหุ่นแกะจากไม้รักยืนต้นตายพรายคู่กันสองต้น ตัวหุ่นนางจันทร์สูงประมาณเกือบ ๆ 4 เซ็น ในขวดบรรจุตะกรุด 2 ดอก ในรุ่นนี้ก็มีขวดพิเศษอยู่สามสี่ขวด ที่มีความพิเศษเฉพาะแตกต่างกัน รุ่นนี้ออกมาแป๊บเดียวก็เกลี้ยง
น้ำมัน(พราย)นางจันทร์ รุ่น 2 นี้ พอออกมาให้บูชาได้ไม่นานก็มีประสบการณ์เกิดขึ้นมากเลยเชียวครับ..และก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องก็คือ น้ำมันรุ่นนี้ มีอาจารย์ทั้งที่เป็นพระและฆราวาสมาบูชากันมากมายหลายท่านเลย บางท่านก็บอกว่า จะเอาไปเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคลบ้าง บางท่านก็บอกตรง ๆ ว่าจะเอาไปให้ลูกศิษย์ใช้บ้าง เอาไปใช้เองบ้างและก็มีอยู่ท่านหนึ่งครับ ท่านนี้ปฏิบัติมาทางสายธรรมฤๅษี เรียกว่าวิชาธรรมจักร รู้จักกับรุ่นน้องของผมนี่แหละครับ อยู่ ๆ ฤๅษีท่านนี้ก็บอกกับรุ่นน้องว่า อยากจะมาหาผม เพราะรู้ว่าผมมีของดีอยู่...
พอมาถึงก็ทักทายกันตามปกติ แล้วฤๅษีท่านนี้ก็เข้าประเด็นเลยครับ อยู่ ๆ ก็ถามมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยครับว่า อ.โอม ปฏิบัติมาทางสายสุขวิปัสสโก ใช่มั๊ย ตอนนั้นผมก็งงครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่า ท่านฝึกมาสายไหน แล้วสายสุขวิปัสสโกนี่เป็นไง ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน (ตอนหลังถาม อ.โอม ท่านก็บอกว่าจริง)
แล้วยังบอกอีกว่า แปลกเนาะ ฝึกมาทางสายสุขวิปัสสโก แต่กลับสนใจเรื่องฤทธิ์เดช แถมพลังจิตดีอีกต่างหาก อันนี้ ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะพูดเหมือนรู้จักกันเลย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน ว่าแล้วฤๅษีท่านนั้น ยังพูดฝากผมให้ชวน อ.โอม ไปปฏิบัติในสายวิชาธรรมจักรของท่าน เพราะว่าน่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเล่นฤทธิ์.....
หลังจากนั่งพูดคุยกันไปได้ซักพัก ผมก็เลยขอให้ฤๅษีท่านนั้นลองจับพลังของน้ำมันนางจันทร์รุ่น 2 นี้ให้หน่อย ใจจริงก็คิดอยากทดลองท่านอยู่หน่อย ๆ เหมือนกัน พอยื่นขวดน้ำมันส่งให้ฤๅษีท่านนี้ไป พอท่านรับไป ท่านก็บอกว่า ที่มานี่ก็เพราะน้ำมันนี่แหละ เคยได้สัมผัสกับน้ำมันนี่ครั้งหนึ่งแล้ว แปลกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำวิชาแบบนี้ได้ แล้วท่านก็ถามผมว่า อ.โอมทำของแรง ๆ แบบนี้ออกมา ไม่กลัวคนเค้าเอาไปใช้ในทางไม่ดีเหรอ ผมก็ตอบท่านไปตามที่รู้มานั่นแหละครับว่า อ.โอม ท่านกำกับ กำชับ นางจันทร์ทุกคนมาแล้วว่า ให้มาช่วยคน แต่ต้องไม่เป็นไปในทางที่จะสร้างเวรสร้างกรรม เรื่องที่ผิดศีลผิดธรรมให้ละให้เลี่ยงไป แล้วก็ค่อย ๆ น้อมจิตใจของคน ๆ นั้นให้เข้าไปสู่ทางบุญทางทานครับ
ฤๅษีท่านฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ ในมือของฤๅษี ท่านก็กำขวดนางจันทร์ไว้ตลอด ผมก็เลยแกล้งลองถามว่ารุ่นนี้เป็นยังไงบ้าง ท่านก็ตอบมาว่า... เย็นดี สัมผัสแล้วสบาย ตัวมันเบา ใจมันเบาสบายดี แปลกมาก ๆ เลย แรงแต่ไม่หนัก ขอจับไว้อย่างนี้ก่อนได้มั๊ย ไม่ค่อยได้เจอพลังแบบนี้ซักเท่าไหร่...
หลังจากนั้นก็พูดคุยกันต่อไปได้สักพักใหญ่ ๆ เวลาก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ฤๅษีท่านนั้นก็เลยขอตัวกลับ ตอนนี้แหละครับ ท่านถึงเพิ่งคืนน้ำมันนางจันทร์ให้ผม...

 

ปิดตานางพราย รุ่น 2 เนื่องจากปิดตานางพรายรุ่นแรกของท่านหมดไปนานแล้ว (เกือบ10ปี) และมีประสบการณ์มากมาย จึงมีเสียงเรียกร้องจากผู้ที่พลาดโอกาส อยากให้ท่านสร้างรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อใช้แทนรุ่นแรก ท่านจึงสร้างรุ่นนี้ขึ้น โดยท่านเป็นผู้แกะหุ่น ทำบล็อก และกดพิมพ์เองทุกตัว ในระหว่างกดพิมพ์แต่ละตัวท่านก็ภาวนาคาถาอาการ 32 ธาตุ 4 และขันธ์ 5 ทุกตัว ปิดตานางพรายนี้ท่านทำจากเนื้อดิน 7 ทุ่ง 7 ท่าน้ำ 7 ป่า 7 จอมปลวก ใต้ฐานบรรจุเหล็กไหลเพลิงและอุดด้วยผงว่านที่มีฤทธิ์ทางมหาเสน่ห์ มหานิยม หลายสิบชนิดมีว่านดอกทองทั้ง 16 ชนิดเป็นหลัก ผสมกับผงอาถรรพ์ตามตำรา ด้านหลังปิดตาท่านภาวนาคาถาใช้เหล็กจารลงอักขระยันต์ทุกตัว แล้วจึงนำไปแช่ในน้ำมันมหาเสน่ห์ปลุกเสกตลอดไตรมาส ปิดตารุ่นนี้มีผู้ทดลองใช้แล้วดีมาก แรงไม่แพ้รุ่นแรกเลย ใช้ได้ทั้งทางมหาเสน่ห์มหานิยม ด้านโชคลาภ การเสี่ยงดวง คุ้มครองป้องกันภัย ทั้งจากคุณผี คุณคน กันกระทำ กันของ พกติดตัวไปด้วยปลอดภัยดุจมีพรายกระซิบ หรือแล้วแต่จะอธิษฐานใช้ก็ได้ ดีมาก ๆ สร้างเพียง 108 ตน
ก่อนอธิษฐาน ขอให้ท่องคาถาเรียกเขาก่อนทุกครั้ง แล้วจึงจะอธิษฐานขอ ปิดตานางพรายนี้มีฤทธิ์หลายอย่าง ทั้งทางมหาเสน่ห์ มหานิยม โชคลาภ เสี่ยงโชค พกติดตัว คุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ดุจดังมีพรายกระซิบ หรือแล้วแต่จะอธิษฐาน ขอเอาในสิ่งที่สมควร ที่พอเป็นไปได้ จงเชื่อมั่นเถิดจะประสิทธิผลแล
คาถาบูชาปิดตานางพราย คาถาเรียก ตั้งนะโม 3 จบ
โอม อิมะ อิมา อิมาวะ เอหิจิตตัง นางพรายจัน เอหิมะมะ สุสิสุสัง อะระหัง สุคะโต อะระหัง พุทธะสังมิ
(ว่าอย่างน้อย 3 จบ)
ตามตำรา ดิน 7 ทุ่ง 7 ท่าน้ำ 7 ป่า 7 จอมปลวก ท่านเรียกว่าดินอาถรรพ์ครับ (แต่ไม่มีผี)
ดิน 7 ทุ่ง คือ ดินที่ได้จากทุ่งนาที่มีความอุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตเยอะกว่าคนอื่นเค้า 7 แห่ง อันนี้ดีทางทำมาหากินครับ
ดิน 7 ท่า คือ ดินที่อยู่ตรงท่าน้ำที่มีผู้คนขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา 7 ท่า อันนี้ดีทาง เมตตามหานิยม (เสน่ห์) ครับ
ดิน 7 ป่า คือ ดินที่ได้จากป่าที่มีอาถรรพ์แรง 7 ป่า อันนี้ดีทางกันสารพัดกันครับ ทั้งคุณผี คุณคน การกระทำย่ำยีต่าง ๆ
เรียกว่าสยบอาถรรพ์ครับ
ดิน 7 จอมปลวก คือ ดินที่ได้มาจากยอดจอมปลวกที่มีภูมิเทวดารักษาอยู่ อันนี้ดีทางคุ้มครองและฤทธิ์เดชครับ
เลข 7 คือ เลขกำลังที่ให้คุณทางเมตตามหาเสน่ห์ ครับ

 

น้ำมันเสน่ห์พรายนางจันทร์ รุ่น 4 ทำพิธีหุงในป่าช้าในคืนวันจันทร์เพ็ญ โดยนำหัวว่านสดที่มีฤทธิ์ทางมหาเสน่ห์ มหานิยมหลายสิบชนิด เช่น ว่านดอกไม้ทองทั้ง 16 ชนิด ว่านสาวหลง ว่านจูงนาง ว่านช้างผสมโขลง เป็นต้น นำมาตำแล้วนำไปเคี่ยวในน้ำมันจันทน์ผสมกับวัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ ตามตำรา (ไม่มีส่วนผสมของผี) หุงด้วยเทียน 3 เล่ม ซึ่งแปลกมากที่เทียนเพียง 3 เล่ม แต่เปลวไฟลุกแรงมาก และใช้ระยะเวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะมอด ในระหว่างหุงท่านก็จะบริกรรมคาถาตลอดเวลา เคี่ยวจนไฟมอดน้ำมันเดือดดีเป็นอันเสร็จพิธี ส่วนหุ่นนางพรายท่านจะแกะจากไม้แหย่แย้ ในระหว่างแกะหุ่นแต่ละตัวท่านจะภาวนาคาถาอาการ 32 จนแกะเสร็จแล้วจึงตั้งขันธ์ 5 และบรรจุธาตุ 4 ลงในหุ่นเสร็จหนึ่งตัว ท่านก็จะนำไปใส่ในขวดน้ำมัน
แล้วจึงเรียกจิตนางพรายจนกำเนิดเป็นตัวตนดีแล้ว ท่านจึงจะไปแกะ ไปทำขวดใหม่ ท่านทำอย่างนี้ทุกตัวทุกขวดจนครบตามจำนวน จึงจะนำมาปลุกเสกฤทธิ์ให้กับนางพราย เพื่อให้นางทุกขวดมีฤทธิ์มีเดช สามารถแสดงฤทธิ์ได้ร้อยแปดพันประการตามแต่จะอธิษฐานใช้ และท่านก็ปลุกเสกมานานร่วม 5 ปีแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยถึงความแรงความขลังเลย น้ำมันนี้ดีทางเสน่ห์ชั้นยอด มหานิยมชั้นเลิศ ทั้งคุ้มครองให้โชคให้ลาภ มีฤทธิ์มากจริง ๆ ไม่มีผลเสียต่อผู้ใช้ สามารถใช้ได้ทุกทางแล้วแต่เราจะอธิษฐานใช้ มีประสบการณ์มากมายแล้ว ขอให้มีความเชื่อมั่น ตั้งใจอธิษฐานใช้เอาเถิดดีนักแล สร้างจำนวนน้อย
ผมเคยเห็นตอน อ.โอม ท่านเสกหุ่นนางจันทร์รุ่น 4 ก่อนที่จะนำไปบรรจุลงขวดครับ ราว ๆ เที่ยงคืนได้มั๊งครับ ท่านเอาหุ่นทั้งหมดซึ่งตอนนั้นท่านแกะไว้ประมาณเกือบสามสิบตัวใส่ในมือเสก เวลาผ่านไปสิบกว่านาทีได้มั๊งครับ อยู่ ๆ หุ่นนางจันทร์ที่อยู่ในฝ่ามือท่าน ก็กระโดดออกจากมือมาสองสามตัว ต่อหน้าต่อตาผมเลยครับ แล้วท่านก็ลืมตาเลิกเสก แล้วก็เอาหุ่นชุดนั้นบรรจุขวดเลย...
น้ำมันเสน่ห์พรายนางจันทร์ ทำได้ยากลำบากมาก ท่านอาจารย์โอมต้องปลุกเสกจนน้ำมันเปลี่ยนสี จึงจะใช้ได้ น้ำมันเสน่ห์พรายนางจันทร์ รุ่น 4 นี้ ท่านอาจารย์โอมได้บรรจุตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อ ที่ท่านปลุกเสกจนลอยน้ำได้ นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ท่านใดบูชาน้ำมันเสน่ห์พรายนางจันทร์ หมั่นบูชาแล้วใช้คาถาเรียกพรายนางจันทร์บ่อย ๆ จะมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีคูณ (สีของน้ำมันจะยิ่งเข้มขึ้นเรื่อย ๆ)
สีผึ้งเสน่ห์พรายนางจันทร์ ท่านทำพิธีหุงสีผึ้งในป่าช้าในคืนวันอังคารข้างขึ้น โดยท่านจะใช้ขี้ผึ้งยอดเทียนชัย 9 พิธี มาหุงผสมกับว่านเสน่ห์ต่าง ๆ หลายสิบชนิด และวัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ ที่บังคับไว้ในตำรา เวลาหุงต้องหุงด้วยไฟเทียน 3 เล่ม ก่อนหุงท่านจะทำพิธีบอกกล่าวฝากกับนายป่าช้า ให้ช่วยนำของดี ของกายสิทธิ์มาใส่ในสีผึ้งให้ด้วย โดยท่านบอกว่า พวกนี้เขามีของดีเยอะ ในระหว่างหุงอยู่ท่านก็จะภาวนาคาถาอยู่ตลอดเวลา เมื่อคนเคี่ยวสีผึ้งจนไฟมอดและส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากันดีแล้วท่านก็จะบอกกล่าวฝากฝังกับนายป่าช้าอีกครั้ง ให้ช่วยเฝ้าหม้อสีผึ้งไว้จนกว่าจะรุ่งสางก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ท่านจึงจะกลับมาเอา
ส่วนหุ่นของนางพรายนั้นแกะด้วยไม้ตะเคียนตายพราย ท่านจะเรียกอาการ 32 ตั้งขันธ์ 5 หนุนด้วยธาตุ 4 ทีละตัว แล้วจึงนำมาบรรจุในตลับสีผึ้งเพื่อเรียกจิตทีละตัวอีกครั้งหนึ่ง จนสำเร็จเป็นตัวเป็นตนจึงจะใช้ได้ ท่านจะทำอย่างนี้ทีละตัวจนครบตามจำนวน จึงจะนำมาปลุกเสกเพิ่มฤทธิ์ เพิ่มเดช พร้อมกันอีกครั้ง
สีผึ้งนี้มีฤทธิ์มาก แรงจริง ๆ ทั้งทางมหาเสน่ห์ มหานิยม เมตตาโชคลาภ ทั้งคุ้มครองป้องกันภัย แล้วแต่จะอธิษฐานใช้ มีประสบการณ์มากแล้ว สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง ไม่มีผลเสียต่อผู้ใช้ มีคาถาและวิธีใช้ให้ด้วย สร้างจำนวนน้อย (ท่านห้ามสีปากเด็ดขาด) เพื่อความแรง ทางด้านเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ ท่านได้บรรจุตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อ 2 ดอก เป็นตะกรุดที่ท่านปลุกเสกจนลอยน้ำได้ บรรจุทุกตลับ



ยังไม่จบนะครับ
ขออนุญาตออกไปทำธุระก่อน


และขออนุโมทนา ร่วมประมูลไว้ก่อน 6,000 บาทครับ

 

นางนี้ก็อยู่กับผม

 

นางนี้ก็อยู่กับผมด้วย

 

รุ่นนี้เป็นรุ่นก้นย่าม
ก็อยู่กับผม 1 นาง

 

กระทู้นี้เหมือนกระดานชนวน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ พี่ๆ เพื่อนๆ สามารถเขียนเนื้อหาสาระ หรือแนะนำงานบุญจากที่อื่นๆ ได้ตามสะดวกครับ

กระดานชนวนนี้จะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีผู้เขียน หลากหลาย
กระดานชนวนนี้จะมีค่าเมื่อมีผู้อ่าน ไม่แบ่งชั้น วรรณะ
กระดานชนวนนี้จะสัมฤิทธิ์ผลเมื่อมีผู้นำไปปฏิบัติให้ได้ผลจริง
กระดานชนวนแห่งปัญญา กระดานชนวนแห่งศรัทธา กระดานชนวนบุญ

 

เปิดประมูล พรายนางจัน อ.โอม เมืองสุรินทร์​

คุณ suttip2 มอบให้ร่วมบุญ​

คุณ orrachoun ประมูลสูงสุดในขณะนี้ 6,000 บาท​

ปิดประมูลวันที่ 31/05/56 เวลา 22.22 น.​

​

รายได้ทั้งหมดเพื่อสมทบทุนสร้างพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
จัดส่งฟรี​

โดยโอนเข้าบัญชีกลาง...

ธนาคารกรุงไทย สาขาแม็คโคร จรัญสนิทวงศ์ บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นายพลกฤษณ์ แข่งขัน
เลขที่บัญชี 864-0-09569-8​

ทุกท่านที่ร่วมบุญสร้างพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์ หากต้องการใบอนุโมทนาบัตร เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี หรือเพื่อเป็นที่ระลึก ก็แจ้งมาได้นะครับ...​

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ​

 

ร่วมประมูลครับ 6500 บาท

 

ขอบคุณพี่ orrachoun ที่รวบรวมข้อมูลโฉมงาม พรายนางจัน ชนิดที่ว่าครบถ้วนกระบวนความ และเข้าใจได้ง่ายในการศึกษาข้อมูล ขอบคุณครับที่นำข้อมูลดีๆ มาเผยแผ่เพื่อเป็นวิทยาทานในครั้งนี้

เดี๋ยวให้ศิษย์พี่ วิปัสสนู มาตรวจสอบรายละเอียดอีกทีครับ จะได้ทำเก็บไว้เป็นบันทึกสำหรับลูกศิษย์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างแท้จริง

 

อนุโมทนาด้วยครับ _/\_