<<<<<<<______คนส่องพระ ______>>>>>>>

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย อั๋นวัดสาม, 22 ตุลาคม 2012.

  1. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    “ดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง”


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  2. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    “ดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง”
    ตอนบ่ายวันหนึ่ง ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.2525 ซึ่งยังคงอยู่ในฤดูหนาวเพราะพวกเราบางคนยังใส่เสื้อหนาวอยู่เลย ตอนเรานั่งรวมกันอยู่สิบกว่าคน บางคนก็อยู่ในห้องของหลวงปู่ กำลังนั่งสมาธิ มีชายสูงอายุท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง มาหาหลวงปู่ พอจะเดินผ่านเราไปชายผู้นั้นก้มหลังเล็กน้อยด้วยความสุภาพ พอถึงหลวงปู่เขาก็กราบหลวงปู่สามครั้ง หลวงปู่มองดูเขาด้วยความเมตตาและท่านก้พูดขึ้นว่า แกมาจากไหนล่ะ กระผมมาจากบางกอกครับ หลวงปู่ยิ้มรับ และส่งถ้วยน้ำชาให้กับชายผู้นั้นเขาท่าทางเกรงใจหลวงปู่ทำท่าเหมือนจะไม่กล้ารับ หลวงปู่จึงพูดขึ้นว่า มีน้ำมนต์ พอได้ยินว่าน้ำมนต์ เขารับน้ำมนต์จากหลวงปู่ และกินจนหมดถ้วย กินเสร็จเขาก็ไหว้ท่านเป็นการขอบคุณ หลวงปู่ครับกระผมเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่าหลวงปู่ดู่ วัดสะแก เก่งเป็นหนึ่งไม่เป็นสองลองใครในแผ่นดิน วันนี้โอกาสดี กระผมว่างจึงมากราบขอพรจากหลวงปู่ครับ หลวงปู่ท่านยิ้มด้วยแววตาอันเมตตาท่านบอกว่า แกอย่าไปเชื่อเขามากนัก เขาก็พูดกับหลวงปู่ว่า ท่านต้องมีดีคนทั่วไปถึงได้กล่าวขานไปกันทั่ว พวกเราเห็นหลวงปู่มีแขกมาจากบางกอกเราทั้งหมดจึงออกมาคุยกันข้างนอกซึ่งไม่ไกลจาหลวงปู่มากนัก ชายผู้นั้นถามข้อธรรมะจากหลวงปู่หลายข้อ นานเป็นชั่วโมง ถ้าธรรมะข้อไหนเขาไม่เข้าใจ ท่านจะอธิบายจนเขาเข้าใจ ชายคนนั้นคุยกับหลวงปู่อยู่เป็นชั่วโมงสักพักเขาก็เดินมาที่เรานั่งกันอยู่ และกล่าวทักทายพวกเราด้วยวาจาอันสุภาพ เราคุยกับชายผู้นั้นอยู่นานพอสมควร มีศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งพูดขึ้นว่า ขอโทษครับพี่อยู่บางกอกทำงานอะไรครับ ชายผู้นั้นยิ้มและตอบว่า กระผมเป็นโหรอยู่ในวังครับ เราจึงปรึกษากันว่านาน ๆ จะมีโหรมากราบหลวงปู่ที โหรผู้นั้นอยู่ในวังความสามารถต้องไม่ธรรมดาแน่ เราลองนำดวงของหลวงปู่ให้เขาตรวจดูเห็นจะดี และเราก็นำดวงของหลวงปู่ให้ชายผู้นั้นตรวจดูแต่เขามองดูดวงของหลวงปู่อยู่นานแล้วพูดว่า กระผมเรียนจากครูบาอาจารย์มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นดวงแบบนี้เลย กระผมมิกล้าทำนายหรอกครับ หลังจากท่านโหรลาหลวงปู่ แล้วเขาก็มาลาพวกเราว่า กระผมขอลาก่อนนะครับ ศิษย์ทั้งหมดจึงปรึกษากันว่า แม้แต่โหรยังไม่กล้าทำนายดวงของหลวงปู่เลย พวกเราสมควรสร้างพระยันต์ดวงของหลวงปู่เห็นจะดีเป็นแน่ ปรึกษากันอยู่สักพักก็ตกลงกันวาควรจะสร้างเหรียญด้านหน้าเป็นรูปองค์หลวงปู่ ด้านหลังเป็นดวงของท่าน ดังนั้นพวกเราทั้งหมด จึงไปกราบขออนุญาตหลวงปู่ โดยบอกท่าน พวกผมอยากจะสร้างพระเหรียญดวงหลวงปู่ เอาไว้ให้คนที่นับถือศรัทธาองค์หลวงปู่ไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคล ท่านยิ้มด้วยแววตาอันเมตตาแล้วบอกว่า ข้าขออนุโมทนาบุญกับพวกแกด้วย ที่มีจิตเป็นกุศลเป็นบุญ และท่านได้มอบแผ่นจารยันต์ที่ท่านได้จารไว้ด้วยตัวของท่านเองและชนวนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ อีกมากมายเพื่อให้พวกเรานำไปสร้างเหรียญดวงในเรื่องของเงินทุนสร้างเหรียญเราได้ช่วยกันร่วมสร้างบางคนก็บริจาค 500 บาท บางคนก็ 1,000 – 2,000 บาท แล้วแต่กำลังของแต่ละคน มีศิษย์คนหนึ่งบอกว่าที่เหลือทั้งหมดผมจะเป็นคนออกเอง ถ้าจำไม่ผิดศิษย์ผู้นั้นจะเป็นเจ้าของโรงงานอะไรสักอย่าง ที่อยู่ทางเลยบางนาไปไม่ไกลนัก


    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  3. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    ตั้งแต่วันนั้นผ่านไปได้ประมาณสองเดือนเห็นจะได้ ศิษย์คณะนั้นก็ได้นำเหรียญดวงที่สร้างเสร็จมาให้ท่านเมตตาปลุกเสก วันนั้นท่านอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พอเห็นเหรียญท่านก็บอกว่าสวย เหรียญนี้ท่านชอบมาก และท่านก็ปลุกเสก แต่วันนั้นท่านปลุกเสกนานเป็นพิเศษ พอปลุกเสกเสร็จ ท่านก็คืนเหรียญทั้งหมดให้กับศิษย์คณะนั้น แต่ลูกศิษย์กราบเรียนท่านว่า พวกกระผมขอเหรียญที่เป็นเนื้อพิเศษคืนอย่างเดียวครับ ส่วนเหรียญเนื้อทองแดงทั้งหมด ขอถวายหลวงปู่ ท่านจึงอนุโมทนากับลูกศิษย์คณะนั้น วันนั้นหลวงปู่แจกเหรียญดวงให้กับศิษย์ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นพอลูกศิษย์ลาท่านกลับกันไปหมด ท่านก็เรียกลุงแกละและป้าอิ้งให้เข้ามาใกล้ ๆ ท่าน แล้วพูดว่า ข้าจะมีงานบุญให้แกสองคน ท่านเข้าไปในห้องของท่านสักพักใหญ่พอท่านออกมา หลวงปู่ก้มอบผงให้กับคนทั้งสอง และบอกว่าให้นำเหรียญดวงไปกดพิมพ์และทำเป็นพระผงดวงมาให้ท่าน โดยท่านได้กำหนดวันเวลา ที่จะนำพระผงดวงมาให้ท่าน

    อีกหลายวันต่อมา ป้าอิ้งพร้อมทั้งลุงแกละก็นำพระผงดวงมาให้หลวงปู่ ท่านหยิบพระผงดวงดูอย่างพอใจและบอกว่าดีมากหลวงปู่บอกว่า แกทั้งสองคนคอยอนุโมทนากับข้าด้วยนะ ท่านก็เริ่มทำการปลุกเสก ป้าอิ้งบอกว่า เคยเห็นหลวงปู่ท่านปลุกเสกพระมาก็มากจนนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยเห็นหลวงปู่ปลุกเสกนานขนาดนี้เลย แกก็จัดว่าเป็นผู้ที่นั่งสมาธิได้นานคนหนึ่งแต่ยังต้องขยับตัวหลายครั้ง พอหลวงปู่ท่านลืมตาขึ้นท่านก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ลุงแกละเห็นท่านอารมณ์ดีจึงถามท่านว่า ทำไมวันนี้หลวงปู่เสกนานจริงครับ หลวงปู่ท่านตอบว่า วันนี้เป็นวันดี วันเสาร์ห้า ขึ้นห้าค่ำ เดือนห้า ข้าเสกเต็มที่ ข้าอัญเชิญบุญบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวมเป็น พลังเหนือพลัง และอันเชิญดวงขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ทั้งแสนโกฏจักรวาลมารวมเป็นดวงเดียวกัน เป็นดวงเหนือดวง พระผงดวงนี้ รวมทั้งเหรียญดวงนี้จะมีพุทธานุภาพมากผู้ใดนำไปบูชา ถึงเขาผู้นั้นจะดวงตก แต่พุทธานุภาพ โดยไม่มีประมาณของดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง ก็จะคุ้มครองให้รอดปลอดภัย จากสิ่งอัปมงคล ผี ปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้หนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย เหรีญและพระผงนี้เป็นเหรียญทำน้ำมนต์ของข้า แม้ผู้ใดถูกผี ปีศาจเข้าสิง ให้นำพระมาทำน้ำมนต์ ดื่มกัน ก็จะหายจากคุณไสย ภูติผี ปีศาจ และสิ่งอัปมงคลทั้งปวง แม้แต่คนที่ดวงดีนำไปบูชา ก็จะเกิดโชคดี เป็นมงคล มีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ต่อคนทั้งหลาย รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหมดทั้งมวล หลวงปู่ท่านบอกต่ออีก ผงที่ข้าให้แกกับยายอิ้งไปทำเป็นพระผงดวงนั้นคือผงมหาจักรพรรดิ วิธีทำผงมหาจักรพรรดินั้นต้องเขียนยันต์มหาจักรพรรดิเขียนไปเสกไป พอเสร็จเป็นผงก็นำมาเสกอีกครั้ง ทำเป็นพระแล้วก็เสกอีกครั้ง ผงมหาจักรพรรดินั้นเวลาเสกต้องรวมพลังบุญบารมีทั้งหมดตั้งแต่อดีต จนถึงอนาคต อธิษฐานจิตด้วยญาณบารมีขั้นสูง พระที่สร้างด้วยผงมหาจักรพรรดิของข้าจะมีพุทธานุภาพโดยไม่มีประมาณ ท่านพูดจบก็หยิบพระผงดวงให้ลุงแกละและป้าอิ้งคนละหนึ่งองค์แล้วท่านพูดว่า ตาแกละและยายอิ้งก็ไม่มีลูกเมื่อแกสองคนแก่ หลังจากข้าตายไปแล้ว จะมีผู้ที่มีบุญมาคอยเลี้ยงดูแกสองคนไปจนตาย ป้าอิ้งเล่าให้ฟังว่าเมื่อแกได้ยินดังนั้นแกและลุงแกละก็ก้มลงกราบหลวงปู่ เพราะว่าวาจาของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์ ป้าอิ้งบอกอีกว่าแกบอกกับหลวงปู่ว่าเมื่อตอนที่หลวงปู่ส่งพระดวงให้นี้ เกิดแสงสว่างไปทั่ว แกเลยตั้งจิตตามไปดูและอยากรู้ว่าแสงสว่างนั้นไปถึงไหน แต่ก็ไม่สมารถตามไปดูได้เพราะแสงสว่างนั้นไปไกล โดยประมาณไม่ได้ว่าไปสุดที่ใด หลวงปู่ยิ้มแล้วตอบว่า นั้นแหละคือ พลังเหนือพลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  4. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    ในบรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ใคร ๆ ก็รู้ว่ายายอิ้งเป็นหนึ่งในจำนวนศิษย์ที่มีสมาธิละเอียดและแก่กล้าคนหนึ่งเหมือนกัน ลูกศิษย์ที่ปฏิบัติถึงขึ้นแล้วล้วนรู้ดีว่าป้าอิ้งจิตของแกดีสามาหรถกำหนดไปดูได้ทั้งนรกและสวรรคื เคยมีคนไม่น้อยที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป บ้างก็เป็นพ่อแม่พึ่น้องตลอดไปถึงลูกหลาน ญาติที่ยังมีชีวิตบางคนก็เป็นห่วงญาติของตนที่ตายป จะไปดีหรือไปร้ายเพียงใด คนที่รู้จักหลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จะรู้ว่าท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน คนที่เป็นห่วงญาติที่ว่ตายไปแล้วมักเดินทางไปขอความเมตตาจากหลวงปู่อยู่เสมอ ถ้ามีใครเรียนถามท่านว่าญาติของตนที่ตายไปแล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลวงปู่ท่านก็จะหันไปทางป้าอิ้ง และบอกว่า ว่ายังไงยายอิ้ง ป้าอิ้งก็จะกำหนดจิตดูให้ เป็นที่รู้กันดีว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่เก่งแบบป้าอิ้งบางคนยังเรียกว่าเก่งกว่าป้าอิ้งยังมีอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ผู้เขียนต้องขอโทษได้เล่าข้ามไปตอนหนึ่ง ป้าอิ้งบอกว่าหลวงปู่ท่านได้อธิบายถึงคำว่ามหาจักรพรรดิให้ฟังว่า เจ้าแผ่นดินทุกแผ่นดินถึงจะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง แต่ก็จะเป็นได้เพียงจักรพรรดิ แต่มหาจักรพรรดิ จะเป็นใหญ่อยู่เหนือจักรพรรดิทั้งหมด ผงมหาจักรพรรดิถือว่าได้เป็นผงที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มิฉะนั้นท่านจึงใช้ผงมหาจักรพรรดิมาสร้างเป็นพระเพราะรักและเป็นห่วงลูกศิษย์และคนทั่วไปที่ศรัทธาในองค์ท่าน หลวงปู่บอกว่าข้ากลัวสู้เขาไม่ได้พระผงที่ข้าสร้างจึงต้องใช้ผงมหาจักรพรรดิข้าเสกและอธิษฐานจิตให้พระที่ข้าสร้างนั้นไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน

    [​IMG]

    ป้าอิ้งยังบอกต่ออีกว่าหลวงปู่บอกว่าเหรียญและพระผงดวงนี้ อีกหน่อยจะมีค่ามาก คนที่มีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  5. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ต่อไปต้องเรียกใหม่ว่า..."พี่กูลรังพระใหญ่" ซ่ะละ อิอิ(^^)
     
  6. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508

    หลวงปู่ท่านบอกให้ป้าอิ้งจำไว้ว่า

    วิธีใช้เหรียญดวงและพระผงดวง เหรียญดวง ให้ตั้ง นะโมสามจบ แล้วภาวนาว่า

    “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” พระผงดวง ตั้งนะโมสามจบ ภาวนาบทมหาจักรพรรดิ “นโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีธานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ”

    ถ้าจะให้ได้ผลเต็มที่ต้องภาวไตรสรณคมณ์ และบทมหาจักรพรรดิตามกำลังวันทุกวัน เหรีญและพระผงดวงนี้จึงจะเกิดพุทธานุภาพโดยไม่มีประมาณ ที่เรียกว่า ดวงเหนือดวง พลังเหนือพลัง

    เหรียญและพระผงดวงนี้ เป็นพระที่หลวงปู่ท่านรักมาก ท่านเก็บไว้ในห้องของท่านและปลุกเสกเป็นเวลานาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ถึงปี 2533 รวมทั้งหมด 8 พรรษา

    หลังจากที่หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว วาจาศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็เป็นจริงดังที่ท่านได้กล่าเอาไว้ว่า จะมีผู้มีบุญซึ่งเคยร่วมบุญกับหลวงปู่มา ได้รับเลี้ยงดูแลลุงแกละและป้าอิ้งจนแกทั้งสองตายไป ระยะเวลาเลี้ยงดูคนทั้งสอง คือ ป้าอิ้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2540 ส่วนลุงแกละตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 จนถึงพ.ศ. 2547


    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  7. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอบคุณสำหรับความรู้และข้อมูลดีๆเกี่ยวกับเหรียญหลวงปู่ดู่นี้มากๆครับพี่กูล....
    ทำให้พวกเราได้อ่านกันโดยไม่ต้องไปค้นหาจากที่ไหนเลย...อนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งครับศิษย์พี่..(^^)
     
  8. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    สวัสดีครับพี่ช้าง..... พระสวยเหมือนเดิมเลยครับ ^^
     
  9. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    เหรียญในฝันเลยครับ ขอกราบหลวงปู่ดู่ วัดสะแกครับ
     
  10. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอบคุณครับพี่บอย....แขวนองค์นี้แล้วสังเกตไดัดชัดคือจิตนิ่งขึ้นเยอะครับ...บอกไม่ถูก,แต่รู้เท่าทันจิตได้ดีขึ้นครับ.
     
  11. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    เช่นกันครับคุณศักดิ์...เป็นเหรียญปีเกิดผมที่ยากเกินเอื้อมที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ^^
     
  12. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    พระสวยและดูขลังมากๆคร้าบบบบ catt7
     
  13. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    สวยงามมากเลยคร้าบบบบcatt7
     
  14. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  15. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    ขอกราบหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  16. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่หรือหลวงพ่อดู่ ท่านมีวิธีการสอนลูกศิษย์ของท่าน โดยการใช้คำแนะนำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งในตัว โดยเล่าจากเหตุการณ์ที่ท่านพบเห็นมากับตัวของท่านเองหรือได้มาจากการปฏิบัติ ธรรมอันยาวนานตลอดชีวิตท่านและบางครั้งก็กล่าวถึงพุทธประวัติ ธรรมบทหรือชาดกต่าง ๆ ตามแต่ท่านจะเห็นควร ในเวลาหรือโอกาสต่าง ๆ ที่จะนำมาสอนศิษย์เพราะลูกศิษย์แต่ละคนนั้นมีภูมิธรรมไม่เท่ากัน คนที่เข้าวัดใหม่ ๆ ท่านก็จะสอนแบบเข้าใจง่าย ๆ แต่ลึกซึ้งและกินใจจนคนที่เข้ามากราบท่านหรือมาฟังธรรมจากท่าน ส่วนใหญ่มักพูดว่าไปหาหลวงพ่อหลวงปู่ที่อื่นก็มาก แต่พอมาพบหลวงปู่ดู่ ท่านสอนได้ถึงจิตที่อยู่ลึก ๆ จนขนลุกขึ้นถึงหัว คำสอนของท่านกินใจและลึกซึ้งจริง ๆ

    และส่วนมากผู้ที่ได้ฟังธรรมะจากท่าน ก็จะขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านจนนับไม่ถ้วนว่ามีจำนวนเท่าไร ส่วนลูกศิษย์ที่มีภูมิธรรมที่ละเอียดขึ้นมาแล้ว ท่านมองเห็นว่าพอจะทำหรือปฏิบัติได้ดี ท่านก็จะเมตตาสอนเป็นพิเศษอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย

    ครั้งหนึ่งท่านได้บอกกับศิษย์ว่า ข้าอธิษฐานว่าสู้แค่ตาย และ ก็เป็นจริงอย่างท่านว่า ถ้าใครไปวัดสะแกประมาณหกโมงเช้าก็จะเห็นหลวงปู่ดู่ท่านนั่งอยู่หน้ากุฏิของ ท่านเสมอ คอยสอนและเมตตาคนที่มีทุกข์ร้อนมาหาให้ท่านช่วยเหลือ หลวงปู่ก็จะอนุเคราะห์ตามเหตุและปัจจัย ท่านจะให้ธรรมะเป็นแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งเป็นทางออกจากทุกข์อย่างแท้จริง ท่านจะนั่งสอนธรรมะปฏิบัติ คอยช่วยเหลือคนต่าง ๆ ที่มีทุกข์แล้วมาให้ท่านช่วยจนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วท่านถึงจะเข้าห้อง ปฏิบัติกิจของสงฆ์ ท่านทำแบบนี้ตั้งแต่ประมาณก่อน พ.ศ. 2500 จนถึงวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2533 เวลาประมาณ 05.00 น. กว่า ๆ ก่อนหกโมงเช้า ซึ่งท่านจะเดินออกมาคอยสั่งสอนศิษย์ของท่านพอท่านเปิดประตูห้องแล้วเดินออก มาหน้าห้องท่านก็ล้มและละสังขารลงหน้าห้องของท่าน เป็นจริงดังที่ท่านได้อธิษฐานว่าข้าสู้แค่ตาย

    หลายสิบปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยออกนอกวัด ก่อนหกโมงเช้าท่านจะนั่งอยู่หน้ากฏิเพื่อคอยผู้ที่ศรัทธาที่มาจากจังหวัด ต่าง ๆ บ้าง เหนือ-ใต้-ออก-ตก ภาคกลาง หลวง ปู่บอกว่าเขามาจากไกล ๆ เป็นร้อยเป็นพันกิโล ถ้าไม่เจอข้า เขาจะผิดหวัง ผู้ที่มาหาข้านี้ล้วนแต่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า ข้าก็จะนั่งคอยอยู่นี้แหละ ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า หลังจากข้าตายไปแล้ว ลูกศิษย์ที่ไม่เคยพบท่านไม่ต้องเสียใจ และน้อยใจในวาสนาไม่มีโอกาสพบข้า ท่านได้อธิษฐานไว้ว่า ผู้ ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้

    นี่เป็นความเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูก ศิษย์ทุกคน ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 หลวงปู่ได้จากเราไป แทนที่วัดสะแก จะมีลูกศิษย์ของหลวงปู่น้อยลง เพราท่านไม่อยู่แล้ว แต่กลับตรงกันข้ามลูกศิษย์ของหลวงปู่มากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตจากวันคล้ายวันมรณะภาพ 17 มกราคมของทุกปี วันเข้า พรรษา วันออกพรรษา ทอดผ้าป่า และวันสำคัญต่าง ๆ จะมีลูกศิษย์ที่นับถือท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกไม่นานลานวัดสะแก คงไม่พบกับผู้ที่ศรัทธานับถือหลวงปู่อย่างแน่นอน

    ที่มา: หนังสือ นะโภคทรัพย์
     
  17. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    ครั้งหนึ่ง น่าจะในราวประมาณปี ๒๕๓๐ มีรถบัสเข้ามาจอดที่วัดสะแก จากนั้นก็มีคนแต่งชุดขาวจำนวนหลายคนเดินออกมา ตรงไปที่กุฎิหลวงปู่ ซึ่งขณะนั้นมีลูกศิษย์หนุ่มสาวอยู่ไม่กี่คน

    คนชุดขาวเหล่านั้น จะว่ามากราบนมัสการท่านก็หามิได้ เพราะเมื่อมาถึงที่หน้ากุฏิท่านแล้ว ก็พากันนั่งหลับตา หันไปทางหลวงปู่ ท่าทางเหมือนจะพยายามนั่งสมาธิเพ่งใส่หลวงปู่ สักครู่คนที่เป็นหัวหน้าก็มานั่งรวมอยู่ด้วย

    ลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็งง ๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขามาทำไมกัน แล้วทำไมไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งประจัญหน้ากับหลวงปู่ จากนั้นไม่นานนัก ผู้ที่ดูว่าจะเป็นหัวหน้าคณะ ก็ลุกเดินออกไปอาเจียนที่หน้าบันไดทางขึ้น จากนั้น สานุศิษย์ที่เหลือของเขาก็พากันลุกเดินไปขึ้นรถ

    ลูกศิษย์หลวงปู่ มาเข้าใจในภายหลังว่าพวกคณะรถบัสที่มานี่ เขาเที่ยวตระเวนลองของ ลองกำลังจิตครูบาอาจารย์ พอดีมาเจอของจริง ก็เลยแพ้ภัยตัวเอง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปปรามาสครูอาจารย์ที่ไหนต่ออีก แต่อย่างน้อย จากประสบการณ์ที่ได้มาพบหลวงปู่ ก็น่าจะทำให้เขาสำนึกขึ้นบ้างว่า "ของจริงยังมีอยู่"
     
  18. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    รุ่นพี่ผู้เขียนคนนึงสมัยชายแดนด้านลาว - เขมรยังปล้นกันอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน พวกนี้ต้องไปสำรวจเส้นทาง ไปกันทั้งหมด 3 คัน..คันแรก โดนดักปล้นก่อน..พี่เค้าเล่าให้ผมฟังว่า

    "...แม่..งจับพวกกูลอกคราบหมดเหลือแต่กางเกงลิง ปงปืนไม่ทันได้หยิบมาใช้แม่..ง ยึดเอาไปหมด..."

    ไอ้คันหลังโผล่โค้งมาเห็นท่าไม่ดี รีบวกรถกลับพวกมันที่ซุ่มข้างทางซัดด้วยอาก้าทีละ 5-6 กระบอก..เรา คิดว่าไอ้พวกนี้ตายห่ า.. หมดแหง๋...จนในที่สุดเจรจากับพวกมันอยู่พักนึง มันยอมให้นุ่งกางเกงแล้วเดินกลับเพราะมันเห็นว่าไม่ใช่ตำรวจทหาร ...กว่าจะเดินกลับมาจนเรียกรถโบกมาได้...ตียเตินพังฉิบ..ห า ยหมด.. "แกเล่าด้วยท่าทางขำขำ "...พอกลับมาถึงปางได้มาเจอไอ้พวกนั้นนั่งกระดิกตีนรออยู่แล้ว..

    " ห่าเอ๊ย... แทนที่จะช่วยกัน กลับหนี"

    "หนีห่าไรล่ะ ขืนเข้าไปตอนนั้น ก็ต่ายห่ ากันหมดดิ.."

    "...แ ม่ ง เอ๊ย.. แล้วไม่เข้ายังกะไม่โดน..อ้าวแล้วนี้พวกมึงรอดมาได้ยังไง กูเห็นข้างทาง แม่ งซัดอาก้ายังกะฟ้าถล่ม.."

    "..เอ๊ย..กูไม่ได้ยินเสียงปืนสักนัด พวกกู 3 คนยังนึกในในว่าทำไมมันใจดีวะ ไม่ถล่มมา พวกกูก็เลยแน่ใจว่า พวกมึงต้องไม่เป็นไร"

    ... " ไม่จริงอ่ะ ก็กูเห็น..ไอ้สองคนนี้ก็เห็น"

    "ไหนๆ ไปดูกันหน่อย"
    ว่าแล้วแกก็เดินไปกับพวกไปดูรถปิคอัพคันที่ใช้... พอไปถึงท้ายกระบะ 3 คนที่หนีมานั่น หน้าเหลือ 2 นิ้ว.. กระบบท้ายที่เปิดได้ เป็นรูอาก้าแบบนับไม้ถ้วน...มีรอยกระสุนเจาะด้านข้างรถทั้ง ซ้าย ขวา.. แต่ที่น่าแปลกคือกระจกหลังไม่มีรอยกระสุนเลยสักนัดเดียวถ้ามี..เลยจากกระจก ไป ก็คงเป็นกบาลใครสักคนเป็นแน่... รุ่นพี่ผมชะโงกไปดูในกระบะ...ขมวดคิ้ว..แล้วหยิบสิ่งหนึ่งที่กลิ้งอยู่ใน กระบะท้ายขึ้นมา...ทันทีที่เห็นถนัดก็แทบลมใส่เหมือนกัน หันกลับไปดูให้ทั่วอีกครั้งปรากฎว่ามีเจ้าสิ่งนี้ร่วงอยู่ท้ายกระบะด้านใน ที่ติดกับกระจกจำนวนมาก..หันไปส่งให้พรรคพวกดู..ทุกคนอึ้ง..3 คน ที่มาด้วยกันในกระบะคันนี้...ยกมือท่วมหัวแล้วทำปากหมุบหมิบเหมือนกัน...ก้ม ลงไปหยิบคนละชิ้นสองชิ้นขั้นมาดู ที่เห็นคือ"หัวกระสุนอาก้า"ที่ตกเกลื่อนอยู่โดยที่ไม่ทะลุกระจกเข้าไปนั่น เอง!!

    ทั้ง 3 คนในรถ...สวม "แหวนหลวงปู่ดู่" ทุกคน


    [​IMG]
     
  19. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    วันหนึ่ง หลวงพ่อดู่ท่านมองไปที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดกลุ่มหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ข้าตายแล้วต้องลงนรก" พอลูกศิษย์ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเรียนถามท่านในทันทีว่า"หลวงพ่อจะตกนรกได้อย่างไร ในเมื่อหลวงพ่อบำเพ็ญคุณงามความดีมามากออกอย่างนี้"

    หลวงพ่อตอบกลับไปว่า "ข้าก็จะลงนรก เพื่อไปเตะพวกแกขึ้นมาน่ะสิ"

    คำเตือนของหลวงพ่อนั้น ชวนให้ศิษย์ทั้งหลายต้องมานึกทบทวนตัวเองว่าการที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ครูบา อาจารย์นั้นก็มิใช่เป็นหลักประกันว่าจะไม่ลงนรก ตรงกันข้าม หลวงพ่อท่านได้พูดเตือนทำนองเดียวกันนี้หลายครั้งหลายหน เพราะช่องทางทำบาปของคนเรามีมากเหลือเกิน จนท่านเอ่ยว่า คนเราเป็นอยู่โดยบาปทั้งนั้น เพียงแต่ผู้ที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ก็บาปน้อยหน่อย

    หลวงพ่อท่านเป็นแบบอย่างที่หาได้ยากในเรื่องความระมัดระวัง ไม่ให้เป็นหนี้สงฆ์ ถึงขนาดว่าก่อนที่ท่านจะมรณภาพไม่กี่วัน ท่านได้บอกช่องลับกับโยมอุปัฏฐากให้ทราบ เพื่อว่าจะได้สามารถเปิดประตูเข้ากุฏิท่านในกรณีฉุกเฉินได้ โดยไม่ต้องไปงัดประตู อันเป็นการทำลายของสงฆ์ ซึ่งในที่สุดก็มีเหตุให้ได้เปิดประตูกุฏิท่านผ่านทางช่องลับนั้นจริงๆ ในเช้าตรู่ของวันอังคารที่ 17 มกราคม 2533 อันเป็นวันที่ท่านละสังขาร


    [​IMG]

    นอกจากนี้ ท่านยังได้พูดเตือนอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราอาจมองข้าม เป็นต้นว่า เอ่ยปากใช้พระหยิบโน่นหยิบนี่ ไม่ยกเว้นแม้กรณีขอให้พระท่านหยิบซองให้เพื่อจะใส่ปัจจัยถวาย การหยิบฉวยของสงฆ์ไปใช้ส่วนตัว การพูดชักไปในทางโลกในขณะที่ผู้อื่นกำลังสนทนาธรรม การส่งเสียงรบกวนผู้ที่กำลังปฏิบัติภาวนา การขายพระกิน ซึ่งเรื่องหลังนี้ ท่านพูดเอาไว้ค่อยข้างรุนแรงว่า ใครขายพระกิน จะฉิบหาย สมัยท่านยังมีชีวิต ท่านจะพูดกระหนาบบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหาร ทานไม่ให้พูดคุยกัน จะทำกิจอันใดอยู่ ก็ให้มีสติ พยายามบริกรรมภาวนาไว้เรื่อยๆ เรียกว่าเกลี่ยจิตไว้ให้ได้ทั้งวัน เมื่อถึงคราวนั่งภาวนา จิตจะได้เป็นสมาธิได้เร็ว เวลาจิตจะโลภ จะโกรธ จะหลง ก็จะได้รู้ได้เท่าทัน

    ดังที่หลวงพ่อสอนว่า การตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเท่านั้น จึงจะช่วยให้เราห่างจากนรกได้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องคอยสอบทานตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าเราเข้าวัดเพื่ออะไร เพื่อความเด่นความดัง หวังลาภสักการะ หวังเป็นผู้จัดการพระ ผู้จัดการวัด ฯลฯ หรือเพื่อมุ่งละโลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นตัวก่อทุกข์ก่อโทษข้ามภพข้ามชาติไม่รู้จักจบจักสิ้นที่มีอยู่ในใจ เรานี้

    ปฏิปทาที่จะช่วยให้เราปลอดภัย และห่างไกลจากนรกคือ การเกรงกลัวและละอายใจในการทำบาปกรรม หรือสิ่งที่จะทำจิตใจเราให้เศร้าหมองขุ่นมัว ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับหมู่คณะโดยไม่จำเป็น หากแต่ควรมุ่งเน้นการปฏิบัติภาวนาเป็นหลัก เป็นผู้พร้อมรับฟับคำตักเตือนของผู้อื่น โดยเฉพาะคำตักเตือนจากครูบาอาจารย์ อย่างที่ทางพระท่านสอนว่า ให้อดทนในคำสั่งสอน คิดเสียว่าท่านกำลังดุด่ากิเลสของเราอยู่

    ท่อนซุงทั้งท่อน ถ้าไม่ได้ขวานช่วยสับช่วยบาก ไม่ได้กบไสไม้ ช่วยทำพื้นไม้หยาบๆ ให้เกลี้ยงเกลาขึ้น ไม่ได้กระดาษทรายช่วยขัดให้ไม้เรียบเนียน ไม่ถูกดัดถูกประกอบ ก็คงไม่กลายมาเป็นเครื่องเรือนเครื่องใช้ที่มีประโยชน์ ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจของเราที่หยาบอยู่ หากไม่ได้รับการขัดเกลาหรืออบรมจากครูอาจารย์ไม่ได้รับการอบรมด้วยธรรมของ พระพุทธเจ้า จิตใจนั้นก็ย่อมเอาเป็นที่พึ่งไม่ได้

    ครั้งหนึ่ง ได้มีโอกาสเรียนถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อครับ ที่ว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมนั้น ธรรมที่ว่านั้นท่านหมายถึงธรรมเรื่องใดครับ"
    เมื่อสิ้นเสียงคำถามของข้าพเจ้า หลวงพ่อท่านก็ตอบในทันทีว่า "กายสุจริต วาจาสุจริต และมโนสุจริต"

    ซึ่งคำสอนของท่านข้างต้น ก็เป็นการตอบให้ชัดอีกครั้วว่า อานิสงส์แห่งการประพฤติความดีทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจนี้แหละ จะกลับมารักษาเราไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว จึงเป็นหลักประกันที่ช่วยให้เราห่างไกลจากนรก อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถเข้าใกล้หลวงพ่อด้วยการเพิ่มพูนคุณธรรมความดีให้ ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อว่าในที่สุดจะได้ไม่ต้องรบกวนหลวงพ่อให้ต้องลำบากลงนรกมาสงเคราะห์ ศิษย์ ดังที่ท่านปรารภด้วยความห่วงใย ตั้งแต่ครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่


     
  20. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่มีข่าวในหลวงรัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคตหลวงปู่เคยเล่าว่า

    ท่านเกิดความสลดสังเวชมาก ว่าคนไทยหลายคน ยังขาดกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อพระเจ้าอยู่หัวท่านคิดอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรจะให้คนไทยมีความรักชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ องค์ท่านเองนั้นตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้กาลเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี กิจวัตรอันหนึ่งที่ท่านทำอยู่มิได้ขาดคือ การสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงทุกวันตลอดมาขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป

    หลวงพ่อยังได้กล่าวไว้อีกว่าเพราะพระเจ้าแผ่นดิน(ร.9) ท่านปฏิบัติ(ธรรม)ต่อไปพุทธศานาในเมืองไทยจะเจริญขึ้นเพราะท่านเป็นผู้นำเป็นแบบอย่าง

    สมัยหนึ่งเมื่อหลวงปู่ดู่ ยังทรงสังขารอยู่นั้นบ่ายของวันที่แดดร่มลมตก จู่ ๆ ท่านก็เปรยกับคณะศิษย์ที่ประกอบด้วย "คนตาดี" หลายคนว่า
    "พวกแกลองดูทีซิว่า มีพระรูปไหนอยู่กับในหลวงบ้าง"

    เข้าใจว่าท่านคงหมายถึงกายทิพย์ หรือ บารมีที่พระมหาเถระแต่ละองค์อธิษฐานพิทักษ์รักษาในหลวงศิษย์ท่านหนึ่งก็ "เข้าที่" ตามหลวงปู่สั่ง พักหนึ่งก็ลืมตาแล้วตอบว่า "หลวงพ่อเกษมครับ" หลวงปู่ยิ้มแล้วว่า "นั่นองค์หนึ่งละ มีใครอีก" ศิษย์แสนซนคนหนึ่งตอบทันที "หลวงพ่อนั่นแหละครับ" ท่านมองหน้าแล้วถาม "ทำไมแกจึงว่าอย่างนั้น" ศิษย์จอมซนอธิบายว่า "อ้าว ก็หลวงพ่อรู้ได้ว่ามีองค์นั้น องค์นี้อยู่กับในหลวง แสดงว่าหลวงพ่อก็ต้องไปมาด้วยน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไง"

    เมื่อเข้าเนื้อท่านโบกมือให้ยุติเรื่องทันที ศิษย์ก็ถึงที่ยิ้มไป...

    นี่คือเรื่องเล่า ที่อาจบอกได้ว่ายังมีอะไร ๆ ในโลกที่เราผู้ครองความเป็นปุถุชนยังเข้าไปไม่ถึงอีกมาก สิ่งที่เราไม่รู้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่มี
     

แชร์หน้านี้

Loading...