คลังเรื่องเด่น
-
เคล็ดลับการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้ได้ผล
ท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธา อยากจะปฏิบัติในพระคาถาเงินล้าน อาตมภาพขอบอกว่า อย่าใช้คำว่า "สวด" แต่ให้ใช้คำว่า "ภาวนา" ก็คือภาวนาพระคาถาควบกับลมหายใจเข้าออก เหมือนกับเป็นคำภาวนากรรมฐานทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่า จะเป็นคำภาวนาที่ยาวอยู่สักหน่อยเท่านั้น
และที่ขอร้องไว้ก็คือให้ทำวันละ ๑๐๘ จบ เหตุที่ต้องขอเอาไว้มากขนาดนั้น เพราะว่าในเรื่องของพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ผลของสมาธิยังมีส่วนอยู่มาก ถ้าหากว่าสมาธิน้อย ผลก็เกิดขึ้นน้อย ถ้าสมาธิมาก ผลก็เกิดขึ้นมาก ที่ให้ภาวนาถึง ๑๐๘ จบ ก็เพื่อว่าท่านทั้งหลายที่มีกำลังสมาธิน้อย อย่างน้อย ๆ ภาวนาไปนานขนาดนั้น อารมณ์สมาธิก็ต้องทรงตัวสูงกว่าปกติอยู่บ้าง
และอีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บุคคลที่ใช้พระคาถาเงินล้านนั้น จะต้องมีการทำบุญให้ทานเป็นปกติ ถ้าเป็นสมัยหลวงปู่ปาน ท่านให้ใส่บาตรทุกวัน แต่ว่าพอมาสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ญาติโยมติดขัดด้วยเรื่องหน้าที่การงาน ใส่บาตรประจำวันไม่ค่อยได้ ท่านก็ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน โดยตั้งใจว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้เป็นค่าภัตตาหารพระ... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ณ วัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗
วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๐๗.๔๕ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) นำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๗ ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ
ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗ -
สามีจิกรรม
สามีจิกรรม คือการทำสิ่งที่ดี ๆ ต่อผู้ใหญ่กว่า อาวุโสกว่า เป็นต้น เพราะการอยู่ร่วมกันของคนเรานั้น อย่างน้อย ๆ ก็มีการล่วงเกินกันด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะว่าสติของเรายังไม่สมบูรณ์ ในเมื่อเป็นดังนั้น โอกาสที่จะเกิดโทษย่อมมี ถึงเวลาพวกเราก็ควรจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อขอขมา อย่างเช่นว่า วันปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด ไม่ว่าจะเป็นของผู้ใหญ่ ของแม่ ของพ่อ ของพระภิกษุที่เราเคารพนับถือ เป็นต้น
ในเรื่องของกรรมนั้น ทั้ง ๓ หมวด ๑๒ ประเภท มีอยู่ตัวหนึ่ง เขาเรียกว่า อโหสิกรรม ถ้าหากว่าทั้งโจทก์และจำเลยอยู่ต่อหน้ากัน เอ่ยปากยกโทษให้กัน กรรมอันนั้นจะหมดไปเลย ส่วนการอโหสิกรรมอีกแบบหนึ่ง คือการทำความดีจนถึงที่สุด อย่างเช่นว่าเป็นพระอรหันต์ กรรมทั้งหลายเหล่านั้นจะเลิกแล้วต่อกันไป เพราะตามท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็จะเหลือแต่เศษกรรมที่สนองท่านได้บ้างในขณะที่ยังทรงขันธ์ ๕ อยู่
โดยเฉพาะพวกเราทั้งหมด เป็นผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ดังนั้น...ในเรื่องของโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับการปรามาสพระรัตนตรัย จะเป็นตัวขวางไม่ให้เราเข้าถึงมรรคผล เนื่องจากกติกาความเป็นพระอริยเจ้า ข้อแรกก็คือ... -
ภาพงานก่อพระเจดีย์ทราย เทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗
แนวคิด เต่าที่ว่ายน้ำอยู่เสมอ ไม่ย่อท้อ ไม่หยุดนิ่ง
คลื่นรอบเต่า แสดงถึงการว่ายทวนน้ำอยู่เสมอ
ดอกทานตะวัน คือผลแห่งความสำเร็จ
แนวคิด การเปลี่ยนผ่านจากปีเก่า ไปปีใหม่ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน
ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปพระนิพพานกันดีกว่า... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗ -
การสรงน้ำพระ
การสรงน้ำพระ
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเห็นการสรงน้ำของญาติโยมแล้ว อาตมารู้สึกว่าเขาห่างวัดเกินไป ถึงเวลาสรงน้ำพระพุทธรูปก็ราดตั้งแต่เศียรพระลงไปเลย
การสรงน้ำพระเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นการถวายของหอมเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ความหยาบละเอียดของกำลังใจเห็นได้ชัดมาก หลายท่านสรงน้ำถวายด้วยการรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป บางท่านก็รดที่พระอังสาคือที่บ่า แต่ว่าส่วนใหญ่ร้อยละ ๘๐-๙๐ รดที่พระเศียรคือรดหัวเลย กลัวพระพุทธรูปจะไม่เย็น...!
แม้แต่คนทั่ว ๆ ไป เราก็ไม่ควรที่จะไปราดหัวเขาอยู่แล้ว นี่ราดหัวพระพุทธรูปเล่นกันสนุกสนานเฮฮา ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่อนาถมาก แสดงออกถึงความหยาบของกำลังใจ ที่ไม่ได้ดูว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร
.....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ตายแล้วเกิด เพราะติดของเก่า" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ตายแล้วเกิด เพราะติดของเก่า"
" .. มนุษย์วนเวียนเกิดแล้วตาย "ตายแล้วเกิด ติดของเก่า" กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ "ท่านพวกนี้ติดของเก่า"
พระไตรปิฎก "มีกิน ๑ มีนอน ๑ สืบพันธุ์ ๑ แม้ปู่ย่าตายายของเราล้วนแต่ติดของเก่า" พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์ก็ดี "เมื่อท่านยังไม่ตรัสรู้ก็ติดของเก่า เพลิดเพลินของเก่า" ในรูป เสียง กลิ่น รสของเก่า ทั้งนี้ "ไม่มีฝั่งในมีแดน ไม่มีต้นไม่มีปลาย ย่อมปรากฏอยู่เช่นนั้น" ตื่นเต้นกับของเก่า ติดรสชาติของเก่า
"ใช้มรรค ๘ ให้ถอนของเก่า ให้อิทธิบาท ๔ ตีลิ่มสะเทือนใหญ่ปัง ๆ ลิ่มเก่าถอนคืออวิชชา ลิ่มใหม่คือวิชชาเข้าแทน" ดังนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านพูด "ใช้ตบะความเพียรอย่างยิ่งที่จะถอนได้"
ต้องสร้างพระบารมีนมนานจึงจะถอนได้ "เพราะของเก่ามันบัดกรีกันได้ เนื้อเชื้อสายของกิเลสมาพอแล้ว" ย่อมเป็นอัศจรรย์ของโลกนั้นทีเดียว .. "
"มุตโตทัย"
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) -
ภาพงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ
วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๐๙ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) ประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) บวงสรวงไหว้ครูประจำปีและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลเนื่องในวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปี ๕ (มะโรง)
ณ มณฑลพิธีอุโบสถ วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗ -
ความหมายของสงกรานต์
ประเพณีสงกรานต์นั้น เป็นประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิม โดยรับมาจากประเทศอินเดีย นำมาปรับจนกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทย
คำว่า “สงกรานต์” เป็นภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า เคลื่อน ย้าย หรือ เปลี่ยน เมื่อพระอาทิตย์ยกย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ก็ถือว่าเข้าสู่วาระปีใหม่แต่เดิมของไทยเรา
ในช่วงเดือน ๕ นั้น เป็นหน้าร้อนจัด เรามีประเพณีสงกรานต์ที่มีการรดน้ำดำหัวและเล่นน้ำสาดน้ำกัน เพื่อเป็นการดับร้อนผ่อนเย็น เหมาะสมกับฤดูกาล แต่นั่นเป็นการการดับร้อนทางภายนอกเท่านั้น การดับร้อนที่จะให้ได้ผลดีจริง จำเป็นต้องดับความร้อนภายในของเรา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ความร้อนภายในเกิดจากการเผาผลาญของไฟใหญ่ ๔ กอง ได้แก่ โลภัคคิ ไฟคือความโลภ ราคัคคิ ไฟคือราคะ โทสัคคิ ไฟคือโทสะหรือความโกรธ โมหัคคิ ไฟคือความลุ่มหลงมัวเมา
มนุษย์หรือสัตว์ล้วนแล้วแต่โดนไฟใหญ่ ๔ กองนี้เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวิธีการดับไฟทั้ง ๔ กองนี้ว่า การดับไฟแห่งความโลภนั้น ต้องมีการให้ทานเป็นปกติ ก็คือการที่เราเสียสละให้ปันทรัพย์สินสิ่งของของเรา เพื่อให้แก่คนหรือสัตว์ที่ขาดแคลนอยู่... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ -
คนมีปฏิภาณดี
คนมีปฏิภาณดี
ผู้ถาม : เคยได้ยินหลวงพ่อบอกว่า คนที่เกิดมาในโลกนี้แบ่งเป็น 4 ประเภท แล้วพวกที่มีปฏิภาณดีจัดอยู่ในประเภทไหนคะ?
หลวงพ่อ : พวกที่มีปฏิภาณดีอยู่ในพวก อุคฆฏิตัญญู พูดแต่เพียงหัวข้อก็เข้าใจเลย ส่วนอีก 3 พวกคือ.-
วิปจิตัญญู พวกนี้พูดย่อๆ ยังไม่เข้าใจ ต้องขยาย ต้องอธิบายหน่อยจึงจะเข้าใจ
เนยยะ พวกนี้หน้าหนานิดๆ ต้องตีแรงๆ หน่อยจึงเจ็บสอนได้แค่กามาวจรสวรรค์
ปทปรมะ พวกนี้พูดยังไงๆ ก็ไม่รู้เรื่อง แต่ประเภทพูดครั้งแรกแล้วไม่รู้เรื่อง จะถือว่าเป็นพวกปทปรมะไม่ได้นะ คือว่าต้องขึ้นอยู่กับวาระ จิตที่เป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าตกอยู่ในวาระของอกุศล พระพุทธเจ้าท่านไม่สอน เมื่อเวลาที่กุศลให้ผลพระพุทธเจ้าจึงจะสอน
ถ้าเชื้อเป็นปทปรมะจริงๆไม่มีทางไปนิพพาน พอพูดมาก็กลัว เพราะไม่เข้าใจ
ผู้ถาม : พวกที่มีปฏิภาณดีนี่ต้องเป็นคนฉลาดใช่ไหมคะ?
หลวงพ่อ : ไอ้ตัวปฏิภาณนี่คือความฉลาด พวกปฏิภาณนี่มีปัญญาพิเศษเกินกว่าปัญญาธรรมดา มันมีความว่องไวมากกว่า ปัญญาธรรมดาต้องใช้อารมณ์ใคร่ครวญ ส่วนปฏิภาณนี่ไม่ต้อง ใช้ปั๊บเดียวได้เลยเขาพูดมาสามารถแก้ปัญหาได้ทันที จึงเรียกว่าปฏิภาณ
(จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 2 ฉบับที่ 14... -
ตั้งใจทำความดีเข้าไว้ บุญจะช่วยตัดเคราะห์ เสริมดวงได้ดีที่สุด
ในเรื่องของบุญกุศลนั้น ตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นบุญกุศลก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าบุญกุศลนั้นจะส่งผลต่อชีวิตเราในด้านดีอย่างเดียว เพียงแต่ว่าเราท่านทั้งหลายส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ทำความดีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน มักจะมีการทำดีทำชั่วบ้าง สลับผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป จึงทำให้ถึงเวลาก็มีกรรมชั่วเข้ามาแทรก ให้เราต้องลำบากเดือดร้อน
ขอให้ทุกท่านทำใจแบบอนาถปิณฑิกเศรษฐี ที่ถึงเวลากรรมเข้ามาแทรก ทำให้โดนน้ำซัดเอาคลังสินค้าริมแม่น้ำพังถล่มลงน้ำไปหมด กองเรือที่ส่งไปค้าขายต่างเมือง ก็โดนพายุพัดหลงทาง หากันไม่เจอ ทรัพย์สมบัติที่มีมากมาย ก็ลดน้อยถอยลง แต่กำลังใจของท่าน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในกองบุญการกุศล ยังคงทำบุญเลี้ยงพระทุกวัน เพียงแต่ว่าจากที่เคยเลี้ยงข้าวมธุปายาส ก็เหลือเพียงข้าวต้มกับน้ำผักดอง แต่ท่านก็ไม่คลายศรัทธาเลย
จนกระทั่งเทวดาที่รักษาฉัตรในบ้านท่าน มาดุท่านว่า "ฐานะตกต่ำถึงปานนี้แล้ว ยังจะทำบุญให้ทรัพย์สินหมดลงไปอีก" อนาถปิณฑิกเศรษฐีก็เลยไล่เทวดาว่า "อัปเปหิ..เธอจงไป เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่รู้จักคุณงามความดีแบบนี้ เราไม่ต้องการ"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ -
อาราธนารับพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน
อาราธนารับพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน
อาจารย์ยกทรง : กราบเท้านมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง งานสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง 4 เมษายน ศกนี้
หากลูกหลานบางคนจำเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ได้ไป สมมติ ติ๊ต่างว่าถึงเวลา 4 โมงเช้า
หลวงพ่อ : ติ๊ต่างๆๆๆ
อาจารย์ยกทรง : ไอ้ติ๊งต่าง ตุ๊ง มันตัวเดียวกันหรือเปล่าพ่อ
หลวงพ่อ : ติ๊งต่อง (หัวเราะ)
อาจารย์ยกทรง : เอานะ ถึงเวลา 4 โมงเช้าก็ดี บ่าย 2 โมงก็ดี ในขณะนั้นลูกควรจะปฏิบัติแบบไหน เผื่อจะได้มีโอกาสได้รับสิริมงคล
หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้แล้วกัน ตั้งใจรับแล้วภาวนาว่า พุทโธ
อาจารย์ยกทรง : อ้อ..ใช้พุทโธหรือครับ
หลวงพ่อ : ใช้เวลาประมาณสัก 15 นาที เวลาที่นั่นเขาจะทำเขาแนะนำกันก่อน เวลามีมากไป เวลาไม่น้อยก็ 15 นาทีก็แล้วกัน
ขอรับด้วยใช้ได้ เหมือนยันต์เกราะเพชรก็เหมือนกัน
อาจารย์ยกทรง : อ้อ..สะเดาะเคราะห์กับเป่ายันต์นี่คล้ายๆกัน
หลวงพ่อ : คล้ายๆกัน เพราะว่าทำพิธีเดียวกัน แต่บทต่างกัน
(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 15 หน้า 374-375)
******ท่านที่ไม่สามารถไปร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์ที่วัดได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ -
การด่าว่าผู้อื่น จิตต้องประกอบด้วยโทสะ โมหะ ลงนรกได้ง่าย ๆ เลย
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้พระพุทธศาสนาของเราค่อนข้างจะสั่นคลอน เพราะว่าสื่อสังคมต่าง ๆ ทำให้ข่าวไปถึงได้เร็วแล้วก็ง่าย แต่การรับข่าวของพวกเราก็ควรที่จะรับอย่างมีสติ คำว่ามีสติในที่นี้ก็คือ อย่าไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าว ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงก็ตาม ถ้าเราไปใส่อารมณ์ตามเนื้อข่าวเมื่อไร โอกาสที่เราจะขาดทุนมีสูงมาก
โดยเฉพาะบรรดาท่านทั้งหลายที่ไปลงความเห็นในลักษณะของการตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ การที่เราตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสงฆ์ ท่านยิ่งบริสุทธิ์เท่าไร โทษก็ยิ่งหนักเท่านั้น
ถ้าหากว่าจะดูตัวอย่างในพระธรรมบท ซึ่งเศรษฐีไปด่าพระที่ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปแล้ว ปรากฏว่าเศรษฐีต้องไปเกิดเป็นเปรตอยู่ในหลุมขี้ ก็เพราะว่าคนอื่นทำผิดทำชั่วก็จริง แต่พอเราไปด่าว่า เราก็ทำชั่วไปด้วย ก็คือทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจนั่นเอง การไปจ้องจับผิดผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว การด่าว่าจิตก็ต้องประกอบไปด้วยโทสะ โมหะ
ดังนั้น...เมื่อตายไปเศรษฐีก็เลยกลายเป็นเปรต เหมือนอย่างกับว่าคนอื่นหาทางลงอบายภูมิ เราเห็นเข้าเราก็โดดตามลงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗ -
"การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก"
" .. "การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก เหมือนแบกไม้หามเสา" เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใด ก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ "จนจิตใจผ่องใสสะอาดตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย" นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ในตัวคนเรานี้ "เมื่อจิตใจสบาย กายก็พลอยสบายไปด้วย อะไร ๆ ทุกอย่างมันก็สบายไป มันแล้วแต่จิตใจ" .. "
(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๗ -
พุทธวิธีเจริญอานาปานสติควบอสุภกรรมฐาน | อสุภสูตร
พุทธวิธีเจริญอานาปานสติควบอสุภกรรมฐาน | อสุภสูตร
------------------------
ที่มา https://www.youtube.com/@Uttayarndham -
ทำไมตอนทำบุญควรอธิษฐานทุกครั้ง
ทำไมตอนทำบุญควรอธิษฐานทุกครั้ง
ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ ?
หลวงพ่อ : ได้โยม...ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน
ผู้ถาม : เป็นไงคะ
หลวงพ่อ : การปรารถนา จัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่ออะไร อย่างนี้ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเป็นการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่
ผู้ถาม : ถ้าหากว่า ทำเฉย ๆ เล่าคะ ?
หลวงพ่อ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี จะฟังนิทานไหม ฉันจะเล่าให้ฟัง
ผู้ถาม : ฟังค่ะ...
หลวงพ่อ : จะให้เท่าไหร่ล่ะ..
ผู้ถาม : (หัวเราะ)
หลวงพ่อ : คือว่า ท่านอาฬวีเศรษฐี พ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลง ท่านก็เป็นเศรษฐีแทน เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้วต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน
วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐี นั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๗ -
พรหลวงพ่อ
พรหลวงพ่อ
สำหรับวันนี้ ขอให้ตั้งใจรับพรนะ ขอให้พรคนที่นี่ทั้งหมด คนที่อยู่บ้านทั้งหมด คนที่ยังไม่เกิดทั้งหมด ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
และ "ถ้าเป็นเครือที่เป็นเผ่าพันธุ์มาแล้วตั้งแต่อดีต" ขอให้มีผลตามพุทธประสงค์ทุกคน
เวลาว่างๆ นั่งนึกก็ได้ เดินไปก็ได้ ไม่ห้ามเลยนะ ให้มัน(คาถาเงินล้าน) ติดใจอยู่อย่างนั้น ให้ถือว่าเป็นกรรมฐานไปในตัวเสร็จ เพราะคาถาที่พระพุทธเจ้าบอกทุกบท
=AZXmYYhmm5gJC_68XkiRMBOAYOvvD2Ghg5tgaCHm5B7m7hpP1FytmVOC8JQ-rQJ_cPWu5raxFT9iWEPEd68jC_OrrYIw7xMhIuWqc7Db-6qdikV_-rOGVuJcZSP7Mopou5cte172n7epJjpwa2d0jzZ6cXQ3OVC72-hJYut9iBs7UIjkMtDYEFKXNY4sF_FUME4']ก่อนจะทำต้องนึกถึงท่าน ถือว่าเป็น พุทธานุสสติ
จึงขอให้ทุกคน ถ้าได้รับคาถาเงินล้านนี้ไป =AZXmYYhmm5gJC_68XkiRMBOAYOvvD2Ghg5tgaCHm5B7m7hpP1FytmVOC8JQ-rQJ_cPWu5raxFT9iWEPEd68jC_OrrYIw7xMhIuWqc7Db-6qdikV_-rOGVuJcZSP7Mopou5cte172n7epJjpwa2d0jzZ6cXQ3OVC72-hJYut9iBs7UIjkMtDYEFKXNY4sF_FUME4']ให้ตั้งใจปฏิบัติด้วยความจริงใจ... -
"มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน และ คาถามหาอำนาจ ของพระพุทธกัสสป
"มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน และ คาถามหาอำนาจ ของพระพุทธกัสสป
ตอนกลางคืนฝึกพระปฏิบัติกรรมฐานมียักษ์ตนหนึ่งมาหาแล้วแจ้งว่า
"ท้าวเวสสุวัณ" ได้ให้นำคาถาบทหนึ่งมาให้
คาถาบทนี้เป็นคาถาของ "พระพุทธกัสสปพุทธเจ้า" เป็นคาถามหาอำนาจ ภาวนาหรือสวดมนต์ไว้ทุกวันจะมีอำนาจ เหตุร้ายจะไม่เกิดขึ้น
และเป็นคาถามหาลาภ ภาวนาตลอดไป โดยเอานำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ามาต่อ ว่าดังนี้
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย ฯลฯ
อย่างนี้เป็นปกติ ท่านว่าเงินล้านจะเข้ามาสู่สำนัก เวลาไปหาเงินเจ้าของเงินทั้งรักทั้งเกรงใจ
พ่อขออนุญาตท่านให้ลูก ท่านก็อนุญาต บอก...มันด้วย เพราะปกครองคนมากต้องหากิน ถ้าพี่แสวง และคนอื่นที่พอใจก็ให้ได้ แต่ขอให้จุดธูปบอกท่าน "ท้าวเวสสุวัณ" และท่านพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระพุทธกัสสป" เสียก่อน
ทำจริงได้ผลจริง ทำเล่นๆ ได้ผลเล่นๆ สักแต่ว่าทำ ไม่ได้ผลเลย
ท่านพระพุทธบิดาพุทธกัสสป ท่านห่วงจึงให้คาถาป้องกัน และเป็นคาถาหาเงินด้วย ลูกภาวนาไว้คู่กับ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ตามที่พ่อเขียนมาอย่าให้ขาด จะเกิดผลสบายใจ จะปลูกบ้านได้ตามที่คิดไว้ ค่อยๆทำไปให้สบาย
อย่าเร่งรัด อย่าคิดรวย... -
"เจตนางดเว้นเป็นศีล" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"เจตนางดเว้นเป็นศีล"
" .. พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาความงดเว้นเป็นศีล เจตนานับว่าเป็นธรรมโดยแท้ เมื่อเจตนาคือธรรม งดเว้นซึ่งโทษนั้น ๆ แล้วกลายมาเป็นศีล" ศีลและธรรมจะแยกออกจากกันไม่ได้
"ผู้ชอบธรรม คือสมถะและวิปัสสนา เห็นว่าเป็นทางตรงต่อมรรคผลนิพพาน ศีลยังเป็นอาการภายนอก" แล้วสรรเอาแต่เฉพาะธรรมมาปฏิบัติ "เลยลืมนึกถึงการปฏิบัตินั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว"
"หรือผู้ชอบศีลเห็นว่า ธรรมเป็นของปฏิบัติยาก แล้วตั้งใจรักษาเอาแต่ศีลอย่างเดียว" เลยลืมคิดว่า "การมีเจตนางดเว้นจากโทษนั้น ๆ ก็คือธรรมนั่นเอง จิตที่แน่วแน่อยู่ในศีลนั้นเป็นสมาธิมิใช่หรือ"
พระพุทธเจ้าทรงวางธรรมเป็นอมตะไว้เป็นอย่างดีเลิศ ธรรมนั้น ๆ อันใคร ๆ ผู้ไม่หยั่งถึงธรรมของพระพุทธองค์ "ไม่ควรจะไปบัญญัติขึ้นมาใหม่ให้ถูกต้องตามกิเลสของตนเลย มันจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว" .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หน้า 20 ของ 414