คลังเรื่องเด่น
-
"กุศลธรรมทั้งหลาย เกิดแต่สติ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"กุศลธรรมทั้งหลาย เกิดแต่สติ"
" .. จะพูดก็ดี จะคิดก็ดี ขอให้มีสติอยู่ประจำ "ครั้นมีสติแล้ว พูดก็ไม่พลาด ทำอยู่ก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด" ให้พากันหัดทำสติ ให้สำเหนียก ให้แม่นยำ
พระพุทธเจ้าจึงว่า "เยเกจิ กุสลา ธมฺมา สพฺเพเต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา อปฺปมาโท" ครั้นมีสติแล้ว กุศลธรรมทั้งหลายก็เกิดขึ้น ก็มีแต่ทำความดีทุกสิ่งทุกอย่าง
รู้อย่างนี้แล้ว "ให้พากันหัดทำสติ มันผิดก็ให้รู้" เราจะพูดให้ระลึกได้เสียก่อน เราจะทำด้วยกายก็ให้ระลึกได้เสียก่อน จะคิดก็ให้ระลึกได้เสียก่อน
"มันถูกเราจึงทำ มันถูกเราจึงพูด" มันคิดไม่ผิด "เป็นศีล เป็นธรรม เราจึงระลึก จึงนึก ให้ทำสติ" สำเหนียกให้แม่นยำ หัดทำสติให้ดี .. "
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
วีรกษัตริย์ยอดนักรบ ทรงร่วมรบกับเหล่าทหารกล้า..เพื่อ ปกป้องประชาฯ/พระกรรมฐานที่ทรงเข้าถึง
พระปรีชา ร.10 ผู้ทรงกล้าหาญ ปกป้องประชาจากภัยคุกคาม
เมื่อสมัย 30-40 ปีก่อน ประเทศไทยเคยมีปัญหาการก่อการร้ายของกลุ่มคอมมิวนิสต์
หลายครั้งถูกลอบโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และหากยังจำกันได้
ในหลวง รัชกาลที่ 10 หรือ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร”
ในขณะนั้นได้เคยเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมให้กำลังใจแก่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ อส. ซึ่งถือเป็น “รั้วของชาติ”
ถึงพื้นที่อันตราย นอกจากนี้ ยังได้ทรงร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารหาญแนวหน้าอีกด้วย
ย้อนรอย พระปรีชา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่ฐานปฏิบัติการบ้านนาจาน
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอพาย้อนเวลากลับไป เมื่อปี พ.ศ.2519-2520 หลายพื้นที่ในประเทศไทยยังเป็นถิ่นทุรกันดาร และบางพื้นที่ก็เต็มไปด้วย ภยันตรายจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ นับเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติในขณะนั้น...
หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน
แปรพระราชฐานไปประทับตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฎร
ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ... -
การรักษาศีล ถ้ารู้ว่าศีลมีอะไรก็ปฏิบัติไปได้เลย
ถาม : ศีล ๕ และศีล ๘ เราอธิษฐานเอาเองได้ใช่ไหมครับ โดยไม่ต้องสมาทานกับพระ ส่วนศีล ๑๐ คือศีลของสามเณร เราอธิษฐานเอาเองได้ไหมครับ ?
ตอบ : ศีล ๒๒๗ ก็อธิษฐานได้ คำว่าสมาทาน แปลว่าศึกษา การอาราธนาศีลคือขอศีลกับพระ พระท่านก็จะบอกให้ว่าศีลมีอะไรบ้าง ในเมื่อเราศึกษาแล้วว่าศีลมีอะไรบ้าง ก็ตั้งหน้าตั้งตาละเว้นตามนั้นถึงจะเกิดผล แต่ถ้าเรารู้ว่าศีลมีอะไร ตั้งหน้าตั้งตาละเว้นไปเลยก็ใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าในเพศของสามเณรหรือพระนั้น ต้องมีพิธีกรรมในการบวชต่างหากออกไป สรุปว่า ถ้ารู้ว่าศีลมีอะไรก็ปฏิบัติไปได้เลย
....................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
หลักไตรสิกขา
หลักไตรสิกขาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ "ศีล สมาธิ และปัญญา" ที่ยังสมบูรณ์บริบูรณ์ ใครปฏิบัติตามก็จักได้มรรคได้ผลตามวาสนาบารมีของตน ต่อให้เข้าไม่ถึงมรรคผล หนทางการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของเราทั้งหลายก็จะหดสั้นลง
โดยมีหลักของปัญญาขึ้นมาก่อน ก็คือ "สัมมาทิฏฐิ" มีความเห็นที่ถูกต้องว่าสิ่งนี้เป็นความดี สิ่งนี้ไม่ใช่ความดี สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้ไม่ใช่กุศล สิ่งนี้เป็นทางแห่งความหลุดพ้น สิ่งนี้ไม่ใช่ทางแห่งความหลุดพ้น แล้วเลือกรับปฏิบัติในส่วนที่ดีเท่านั้น
"สัมมาสังกัปปะ" มีแนวคิดที่ถูกต้อง อย่างเช่นว่า คิดออกจากกาม คิดหาทางพ้นจากกองทุกข์ ทั้งสองข้อนี้จัดอยู่ในหมวดปัญญาสิกขา
สัมมาวาจา การใช้คำพูดที่ถูกต้อง สัมมากัมมันตะ มีการกระทำที่ถูกต้อง สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง จัดอยู่ในหมวดของสีลสิกขา
เพราะว่า "สัมมาวาจา" ก็คือ เราเว้นจากการโกหก เว้นจากการส่อเสียด เว้นจากการเพ้อเจ้อ เว้นจากการพูดคำหยาบ
"สัมมากัมมันตะ" คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการดื่มสุราเมรัย
"สัมมาอาชีวะ" คือเว้นจากการค้าขาย... -
"การละกิเลสยากมาก เพราะมุ่งละกิเลสผู้อื่น" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"การละกิเลสยากมาก เพราะมุ่งละกิเลสผู้อื่น"
" .. เพราะเหตุใดหรือแม้พิจารณาให้ดีย่อมได้ความเข้าใจพอสมควรว่า "การละกิเลสยากมาก เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง" กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้ จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา แสงแห่งพระธรรมคำทรงสอนในสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นทุกเวลานาที
"อย่าไปมุ่งเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่น" แม้ปรารถนาเป็นผู้พ้นทุกข์ ทุกข์เกิดจากกิเลสเพราะการเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่นนั้น "นอกจากจะไม่ทำให้กิเลสของตนเบาบางห่างไกลออกไป ยังจะเพิ่มกิเลสของตนให้มากขึ้น" กิเลสของใครคนใด ใครคนนั้นต้องแก้ ไม่ใช่คนอื่นจะไปแก้ให้ได้ .. "
"แสงส่องใจ วันจักรี ๒๕๔๘"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
"ทรัพย์ภายใน ทรัพย์อันเลิศ" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"ทรัพย์ภายใน ทรัพย์อันเลิศ"
" .. ทรัพย์ภายใน "คือศรัทธาและศีลธรรมที่มีในใจของเรานี้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" โจรผู้ร้ายก็แย่งชิงเอาไปไม่ได้ "เพราะมันอยู่ในดวงจิตของเรา" เมื่อเราจะจากโลกนี้ไป คือ "หมายความว่า เราตาย ก่อนที่จะตายนั้น ภาคปฏิบัติคือการรักษาศีลที่เราได้รักษา" ศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ดี เป็นครั้งเป็นคราวหรือรักษาเป็นนิจศีล
เวลาจะตายจิตนั้นจะต้องคำนึงถึงว่า "เราเคยได้ให้ทาน เคยรักษาศีล เคยฟังพระธรรมเทศนา เคยภาวนาอบรมจิตใจของตน" ให้ปราศจากมลทินโทษทั้งหลายนั้น ย่อมมาปรากฏในดวงจิตของเรานึกอยู่
"ถ้าในขณะนั้นจิตออกจากร่างของเรา ในเวลาที่จิตนึกถึงส่วนบุญ ส่วนกุศล" ที่ทุก ๆ คนได้บำเพ็ญไว้จะน้อยหรือมากก็ตามที จิตจะต้องไปยึดอยู่ในอารมณ์อันนั้น
"เมื่อไปก่อภพก่อชาติ ในชาติหน้านั้น บางทีถ้าจิตคิดแต่ในบุญกุศล ก็ได้กลับมาเกิดเป็นคน คือ เป็นมนุษย์อีกแต่เป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์" และมีทรัพย์สมบัติมาก ในฐานะที่ดีด้วยบุญกุศลอันนั้นที่ได้ตามสนับสนุน
ดังนั้น "ท่านทั้งหลายได้หาทรัพย์ภายในไว้เช่นนี้ ก็เรียกว่าเป็นกำไรของชีวิตที่เราเกิดมาในชาติหนึ่ง ๆ" เท่ากับว่าเรามาค้าขาย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีฯ) กับการเห็นพระนิพพานครั้งแรก
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีฯ) กับการเห็นพระนิพพานครั้งแรก
-------------------------
ขอบคุณ https://www.youtube.com/@Araya_Channel -
"ความเพียร คือความมีสติ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ความเพียร คือความมีสติ"
" .. "เดินจงกรมก็เดินก้าวไป ขาเดินไปก้าวไป ใครก็ก้าวได้" สุนัขมันมี ๔ ขา มันยิ่งเร็วยิ่งกว่าพระเสียอีก ก็ไม่เห็นว่ามันมีความเพียรเพราะความเดินเร็วของมัน "เพราะเหตุไร เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาไปตามประสาของเขา"
ไอ้เรารู้เรื่องรู้ราวอยู่ "เราเดินจงกรมแต่ว่าจิตส่งออกนอกลู่นอกทาง นอกโลกนอกสงสาร" จะเป็นความเพียรเพื่อแก้กิเลสได้อย่างไร "ความเพียรเพื่อแก้กิเลสก็คือความมีสติกำหนดดูเหตุดูผล" ความผิดความถูกความกระเพื่อมของใจว่า คิดไปในทางใดบ้าง
"ถูกหรือผิด คอยกำจัด"คอยระมัดระวังอยู่อย่างนั้น "นี่ชื่อว่าเป็นความเพียรเพื่อถอดถอนกิเลส" จะรื้อภพรื้อชาติ "ชื่อว่างานของพระจริง ๆ" สมกับว่ากรรมฐาน ๕ ที่ท่านมอบให้เราทำงาน เราต้องคิดอย่างนี้ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2821&CatID=3 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
อัญเชิญพระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
อัญเชิญพระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๐๗.๔๙ น.
พระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนมาถึงแล้ว
ยกจากรถรอกลงสู่พื้น
พื้นตัวหนอนสามารถรับน้ำหนักได้โดยไม่ยุบ
ช่วยกันสานเชือกเพื่อใช้เป็นจุดรับน้ำหนักเวลายก
นิมนต์หลวงพ่อขึ้นสู่ไม้เพลท
พอดีเหมือนจับวัด
ช่วยกันใช้สายพานมัดเพื่อเพิ่มจุดรับน้ำหนัก
ทดลองการยกว่าต้องใช้กำลังพลกี่คน
ใช้รถแม่แรงยกแล้วเลื่อนไปยังประตูหลังศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย
ขนาดองค์พระกับประตูก็พอดีเหมือนกับวัดไว้ล่วงหน้าเลย
ใช้ไม้อัด ๑๕ ม.ม.รองด้วยเหล็กเส้นเลื่อนองค์พระเข้าข้างใน
ช้า..ช้า..ใจเย็น..เย็น..!
เรียบร้อยสำหรับขั้นตอนแรก -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
กำลังใจที่ปลงจากรัก โลภ โกรธ หลงนั้นสบายกว่า สุขมากกว่าจนนับไม่ถูก
กำลังใจที่เหมือนภูเขาทั้งลูกที่แบกไว้ พอวางลงได้ ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าใครพบ พยายามจำความรู้สึกให้ได้ กำลังใจที่เราปลงภาระอะไรบางอย่างลงได้ จะรู้สึกเบา สบาย มีความสุข
ถ้าหากในด้านของธรรมะ กำลังใจที่เราปลงรัก โลภ โกรธ หลงลงได้นี่ มีสุขมากกว่านั้นนับประมาณ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอก คนที่แบกของหนักแทบจะล้มประดาตาย วางของลงแล้วสบายจริง ๆ ส่วนกำลังใจที่ปลงจากรัก โลภ โกรธ หลงนั้นสบายกว่า สุขมากกว่าจนนับไม่ถูก
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ที่มา : www.watthakhanun.com -
ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า
ญาติโยมทั้งหลาย ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นมีที่มาจากตำราพระร่วงสมัยสุโขทัย สมัยนั้นมีการสร้างธงมหาพิชัยสงครามเพื่อใช้ในการนำทัพ ธงผืนเดียวคุ้มครองทหารได้ทั้งกองทัพ ไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่แสนนายก็ป้องกันได้หมด
แต่คราวนี้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงที่เขียนยาก ทำยาก ครูบาอาจารย์ท่านเลยตัดเอาส่วนคอธงที่เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิ โสฯ ถึง ภควาติ เอามาจัดเรียงเสียใหม่ เป็น ๘ แถว แถวละ ๗ ตัว บางคนเรียกว่า อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ แล้วอ่านตามขวางว่า
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น
มีอุปเท่ห์ต่างกันไปตามแต่ละบท อย่างเช่นบทแรกเรียกว่า "ฝนแสนห่า* เป็นบทใช้สำหรับเรื่องของความแคล้วคลาด สามารถเดินกลางฝนได้โดยที่ตัวไม่เปียก
บทที่ ๒ เรียกว่า "กระทู้ ๗ แบก" มีเอาไว้สำหรับเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน ท่านว่าแบกไม้มา ๗ แบก ไล่ทุบจนไม้หักหมดก็ยังไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้ เป็นต้น
แล้วทำการชักสูตรสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นท่านบอกว่ามีอานุภาพหลายอย่างด้วยกัน
ประการที่ ๑... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
บารมีพระอยู่ในทุกอณูของอากาศ
อย่างเมื่อเช้านี้ตอนพุทธาภิเษก อาตมาขึ้นไปกราบพระ ท่านชี้ลงมาให้ดู ให้เห็นว่าสมัยนี้ไสยศาสตร์นั้น มีความเจริญรุ่งเรือง มีจำนวนมากเป็นพิเศษ จึงกราบเรียนถามพระท่านว่าแล้วช่วยเขาได้ไหม ? ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าใครตั้งใจรับยันต์เกราะเพชรในวันนี้ จะเป็นในที่นี้ ในที่อื่น ประเทศอื่น จังหวัดอื่นอะไรก็ตาม สามารถช่วยได้ แต่ถ้าไม่ตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน
ฉะนั้น ในส่วนนี้โยมต้องเข้าใจด้วยว่า ศรัทธาปสาทะเป็นพื้นฐานของศาสนาทั้งปวง ถ้าไม่มีศรัทธา...ความเชื่อ ปสาทะ...ความเลื่อมใส เราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ เลื่อมใสน้อย...เข้าถึงน้อย เลื่อมใสมาก...เข้าถึงมาก ถ้ามอบกายถวายชีวิตให้ได้ ก็จะเข้าถึงอย่างเต็มที่ เป็นต้น
ดังนั้น ในเรื่องของไสยศาสตร์หรือพุทธศาสตร์ก็ตาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิชาการ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักสูตรนั้น ๆ ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับความเลื่อมใสเชื่อมั่นจริง ๆ
ถ้าท่านเชื่อมั่นอย่างมั่นคงว่า ทุกอณูของอากาศรอบกายของเราคือบารมีของพระ สามารถกำหนดใจให้ครอบลงมารักษาตัวเราเมื่อไรก็ได้ ถ้าท่านทำอย่างนี้ได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
การคิดพึ่งพิงคนอื่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
การคิดพึ่งพิงคนอื่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" ขนาดพระองค์ท่านยังไม่สามารถที่จะดำรงขันธ์อยู่ได้ แล้วใครจะอยู่ให้เราพึ่งได้
"อัตตาหิ สุทันเตนะ นาถัง ลภติ ทุลลภัง" ถ้าหากว่าตัวของเราฝึกดีแล้ว จะเป็นที่พึ่งที่ไม่มีใครให้เราพึ่งได้มากยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
ถ้าจะเกาะพระ ให้เกาะในความดีของท่านที่เป็นสังฆานุสติ ไม่ใช่ไปเกาะร่างกายของท่าน พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานให้เห็นแล้ว พระอรหันต์ทุก ๆ องค์ก็ไปให้เห็นแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อก็ไปให้เห็นแล้ว
ถ้ายังขืนเกาะต่อไปก็เตรียมพลาดหวังต่อไปอีก ให้เกาะในส่วนของความดี พยายามพึ่งตนเอง ยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าทำตัวเป็นภาระของใคร ให้เป็นภาระของตัวเองก็พอ
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
."ถึงพระรัตนตรัยแล้ว ไม่ต้องกลัว" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"ถึงพระรัตนตรัยแล้ว ไม่ต้องกลัว"
" .. ผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่จริงมันง่ายที่สุดโยม มันง่ายมาก "การกระทำอะไรต่อมิอะไรมันง่าย" มันไม่ยาก ไม่ต้องเลือกวันนั้น เดือนนี้ ยามนี้ ไม่ต้องแล้ว พระพุทธองค์ของเราก็ทรงสอนว่า "เมื่อไรมันสะดวกวันนั้นมันดี"
แต่นี่เราไม่อย่างนั้น เช่น จะปลูกบ้านปลูกช่องสารพัดอย่าง ก็จะต้องหาฤกษ์วันพันยามกันเสียแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ว่าอย่างนั้น "ท่านว่าเมื่อโอกาสมันเหมาะสมก็ให้ทำไปเถอะ" แต่เราก็กลัว "ซึ่งถ้าพูดถึงพระรัตนตรัยเต็มที่ ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว" คือว่ามันไม่ผิดหรอก เมื่อมันมีโอกาสที่จะทำเมื่อไรมันสะดวก มันถูกกับเวลาของเรา มันสะดวกก็เอาล่ะ .. "
"๔๘ พระธรรมเทศนา"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
หน้า 37 ของ 414