NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

ทำไมเค้าขนกองเรือไปที่เยเมนกันมากมาย แล้วอ้างว่าจะไปจับโจรสลัดอ่าวเอเดนรู้ป่าว

ผู้ซึ๋งได้เสด็จลงมาจากสวรรค์สู่บรรยากาศของโลก เคลื่อนผ่านท้องฟ้าอยู่เหนือTeman ทาเมน (อยู่เหนือประเทศเยเมนและซาอุดิอาระเบียในปัจจุบัน)

นี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมสหรัฐนำกองเรือทุกประเทศไปประจำที่อ่าวเอเดน
ประเทศเยเมน เพราะที่นั่นเป็นประตูทางเข้าของกองทัพสวรรค์
ซาตานที่ครอบงำสหรัฐไม่ต้องการให้กองทัพพระเจ้าเข้ามาที่ประตูมิติที่อ่าว
เอเดนประเทศเยเมน

 

*** สูงสุดรอบครอบจักรวาล ****

คือ พระไตรปิฎก
คือ โลกุตตระ เมื่อมาสอนธรรมโปรดสัตว์โลกให้พบหนทางหลุดพ้นทุกข์
สูงสุดรอบครอบจักรวาล คือ โลกุตตระ
เมื่อแผลงลงมาปรากฏสอนมนุษย์บนโลก ในแต่ละยุคสมัย
ก็จะมาในรูปแบบใดก็ได้ที่เหมาะสม
การเรียกผู้ศักดิ์สิทธิ์ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ จึงแตกต่างกันไป
ตามเหตุการณ์แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นบนโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** การปิดกั้นน่านฟ้า ****

อเมริกา อย่าได้ใช้อำนาจปิดกั้นน่านฟ้า
เป็นการละเมิดสิทธิของดวงวิญญาณ
เพราะ ดวงวิญญาณที่เขาจะเดินทางมาพบกับหนทางหลุดพ้นทุกข์
ถ้าเอาจรวดไปยิงตก ยิ่งสร้างกรรมให้กับประเทศตน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

444 ก็คือ four son of god

ทิศเหนือ หน้าเหมือนสิงโต
ทิศใต้ หน้าเหมือนโค
ทิศตะวันออก หน้าเหมือนมนุษย์
ทิศตะวันตก หน้าเหมือนเหยี่ยว

อยากให้คุณหนุมานขยายความหน่อยน่ะครับ
เพราะผมคิดว่า คุณหนุมานรู้อะไรบางอย่างน่ะครับ เพราะคุณเป็น
Deliverer ผู้นำสาส์น

 

ถึงว่าเห็น 44.44 เกี่ยวด้วยป่าวหว่า....

 

ยุคใหม่ ยุคแห่งการปฏิบัติ (ยุคของผู้ทำได้)

ขอขอบพระคุณ KEY สำคัญ ของคุณ อัคนีวาต และ วิธีปฏิบัติสมาธิของคุณ LITTLE MERMAID ที่มาตรงเวลา และสะกิดเตือนใจข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี เพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งดุลยภาพ อีกทั้งเป็นยุคของการปฏิบัติที่แท้จริง

ยุคใหม่เป็นยุคของผู้ปฏิบัติ (ผู้ทำได้)

การที่มนุษย์จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพุทธวาทะ และ คำสอนขององค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพระพุทธเจ้าได้นั้น จำต้องอาศัยจากหลักจากการปฏิบัติจริงเพื่อให้เข้าถึง และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ การที่เราจะเข้าใจในกฏของไตรลักษณ์ได้อย่างถ่องแท้นั้น มิใช่จะอาศัยจากการอ่าน (สุตะ) มิใช่จะอาศัยจากการนึกคิด (จินตะ) แต่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญอีกหนึ่ง นั่นก็คือ สมาธิ (ภาวนา) เพราะทั้งสามสิ่งนี้ต่างจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน เกื้อกูลกัน เปรียบเสมือนการหมุนกงล้อหนึ่งไปกระทบอีกกงล้อหนึ่ง ให้หมุนตามกันไปเรื่อย ๆ (เหมือนการทำซ้ำ ๆ หรือปฏิบัติบ่อย ๆ) จนกระทั่งเกิดปัญญา หรือ "ตัวรู้" มองเห็นธรรมชาติความเป็นจริงแห่งการเกิด-ดับ ของทุกสรรพสิ่ง

ความรู้ คือ ตัวรู้ หรือ ปัญญา อันเกิดจากการปฏิบัติจริง จนเห็นถึงความจริง

การมองเห็น หรือ อ่านแต่เพียงข้อความ แล้วนึกเอาว่าเข้าใจ แต่ปราศจากการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึง สิ่งนั้นย่อมไม่ต่างจากเพียง "ความเชื่อ" เท่านั้น

ขณะนี้เราทุกคนล้วนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ อันเป็นยุคของการปฏิบัติ (ยุคของผู้ทำได้) เพื่อให้เข้าถึง และ เข้าใจในแก่นแท้ของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงถือเป็นยุคของการส่งเสริมพุทธศาสนา ซึ่งทุกท่านจำเป็นจะต้องส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน

JD คือ หน้าที่หลักของมนุษย์ หรือ ข้อประพฤติ ที่สมควรทำในขณะอยู่ภายใต้ภาวะทางกายภาพเพื่อความหลุดพ้นจาก วงจร เกิด ดับ (สังสารวัฏ)

ธรรม คือ ทำ หรือ การกระทำเพื่อความหลุดพ้นจาก สังสารวัฏ

JD คือ JUSTIFY DATA คือ ข้อมูลอันเที่ยงตรง บริสุทธิ์ เพื่อความหลุดพ้น หรือ VICTORY

เจดีย์ (สถูป) คือ พระธรรม คือ ธรรมเพื่อการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ

ผู้เข้าถึงธรรม คือ ผู้ที่ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

ขออนุโมทนาสาธุ แก่ผู้เข้าถึงธรรมทุกท่าน (ผู้ทำได้)

ด้วยรักและเคารพ

จินตวดี

 

<TABLE id=post887456 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>27-12-2007, 11:19 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #191 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_887456", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 6,102
พลังการให้คะแนน: 6392


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_887456 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->สงสัยว่าคุณหนุมานฯเคยไปเห็นภาพแบบนี้มาแล้วแน่ๆ
หน้าแท่นประทับ มีพระศาสดาของมนุษย์นั่งอยู่บนแท่นรอบๆ มีสัตว์ปีก 4 ตัวหน้าเหมือนโค หน้าเหมือนคน สิงห์โต และพญาอินทรีย์ มีกระถางคบเพลิงตั้งอยู่ 7 ชุด ที่มีความหมายแฝงอยู่
รูปนี้เคยออกแบบทำปกหนังสือให้อาจารย์ปริญญา แต่ไม่ได้ใช้จริง<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post887573 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>27-12-2007, 12:30 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #192 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_887573", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,770
พลังการให้คะแนน: 4985


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_887573 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ภาพวาดนี้ ไม่เคยเห็น...

แต่....รู้ความหมายของภาพ
รู้ว่า ... ภาพนี้ สื่อบอกถึง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง

ตรงกลาง รูปคนผู้หนึ่ง...หมายถึง "โลกุตตระ" คือ "พระไตรปิฎก" ที่อุบัติขึ้นเป็นมนุษย์เหนือโลก
เพื่อมาสานต่อพุทธศาสนาที่หักกลาง
แต่ สถานที่จริงนั้น คือ หลักโลกุตตระ และ ธรรมจักร
ที่บันทึก สัมมะโนของผู้มีสัญญาทำ กับ โลกุตตระธรรม

รูปวาดสัตว์ทั้ง ๔ ... หมายถึง สัญญาลักษณ์ แทนมนตรีพระของโลกุตตระ ๔ พระองค์
สถานที่จริง.... อยู่ด้านข้างหลักโลกุตตระ หันหน้าออกทั้ง ๔ ทิศ
มีพระเปิดโลก...อยู่ด้านหน้า หันหน้าทิศตะวันออก
พระปิดโลก .... หันหน้าทิศตะวันตก
พระหันหน้าทิศเหนือ ๑ และพระหันทิศใต้ ๑

ผู้ชายในรูปวาด ที่นั่งอยู่โดยรอบ...หมายถึง พระพุทธเจ้า
สถานที่จริง....มีพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์ นั่งอยู่โดยรอบ หลักโลกุตตระ

คบเพลิง ทั้ง ๗....หมายถึง สถานที่บูชากราบไหว้ โลกุตตระธรรม
เลข ๗...เป็นสัญญลักษณ์ของ โลกุตตระ
คบเพลิง....หมายถึงการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

สายฟ้า สีฟ้าฉากหลัง
หมายถึง...คลื่นพลังงานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบคอบจักรวาล
จะมารวมกัน ณ สถานที่แห่งนี้
เป็นคลื่นพลังจาก "หลักสัจจะธรรม" และ "สัจจะ" ที่มนุษย์เคยทำมาจากอดีตไม่อาจประมาณได้
เหมือนเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล

ขอให้เชื่อใน "สัจจะ" และ จดจำภาพนี้ให้ดี
ท่านต้องค้นหาเอง จึงจะเจอ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post887590 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>27-12-2007, 12:40 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #193 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_887590", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,770
พลังการให้คะแนน: 4985


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_887590 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ชื่อ...คัมภีร์นิพพาน

หมายถึง หนทางหลุดพ้น
หมายถึง พึ่ง "โลกุตตระธรรม"
จึงต้องพึ่ง "สัจจะ"
จึงปรากฏเป็นภาพในใจ ...ให้ท่านวาดออกมาก
เพื่อนำมา...ส่งต่อ เพื่อรอการเปิดเผย ต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post887630 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>27-12-2007, 01:02 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #194 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_887630", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 6,102
พลังการให้คะแนน: 6392


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_887630 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->รูปนี้เป็นภาพมายาที่ปรากฎขึ้นในนิมิตรของอาจารย์ปริญญา แต่น่าทึ่งครับที่คล้ายกัน
อาจารย์บรรยายไว้ว่าที่หน้าแท่นประทับของพระบิดา มีเก้าอี้นั่งล้อมรอบพระบิดาที่อยู่เบื้องหน้า 24 ที่นั่ง (คือองค์พระศาสดาที่ขันอาสาลงมาช่วยมนุษย์ผู้หลงมิติ)แต่ขณะนี้มี 23 พระองค์ที่ประทับนั่งบนเก้าอี้ อีกหนึ่งที่นั้นยังว่างยังเสด็จมากำลังจะถึงดาวเคราะห์โลกอยู่แล้ว ทันทีที่การชำระโลกเสร็จสิ้นเก้าอี้ตัวที่ 24 นั้นจะเป็นของพระศรีอารยะเมตตรัย ที่จะถือกำเนิดเป็นมนุษย์อีกครั้งเป็นภพชาติที่สาม หนึ่งในภพชาติที่เรารู้จักคือองค์พระจี้กงนั่นเอง เก้าอี้ตัวที่ 24 จึงว่างอยู่ และหนึ่งในนั้นที่อยู่หน้าที่ประทับไม่มีเก้าอี้นั่ง (ท่านที่ 25) เป็นพระศาสดาเช่นกัน แต่ไม่ใช่ผู้อาวุโสทั้ง 24 เป็นพระเชษฐาหมายถึงองค์พระเยซูคริสต์นั้นเป็นน้องที่มีความอ่อนอาวุโสกว่า..และท่านยังไม่ได้กลับคืนไปกราบพระบาทพระบิดา เพราะยังต้องทำหน้าที่ของพระองค์อยู่ หน้าที่ที่อาสามายังไม่เสร็จ..
เรื่องนี้จริงๆไม่ค่อยอยากเล่า เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องน่าศึกษาค้นคว้าคงไม่เป็นไรครับ ส่วนรูปสัตว์นั้นเป็นความหมายของสมองมนุษย์ทั้ง 4 ส่วน..ไว้มาเล่าต่อครับถ้าสนใจ<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post889132 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>28-12-2007, 11:04 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #196 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889132", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,770
พลังการให้คะแนน: 4985


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_889132 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** เคยพบมา ****

24 พุทธพยากรณ์ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

๑.ยุคพระปัจฉิมทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นดาบส ชื่อ สุเมธ ได้สละทรัพย์ที่มีอยู่หลายโกฏิเป็นทาน แล้วออกบวชเป็นฤาษี วันหนึ่งขณะชาวบ้านกำลังทำถนน สุเมธดาบสได้ลงมาช่วยพร้อมทั้งนอนคว่ำลงบนดินโคลนเพื่อเป็นสะพาน ให้ พระทีปังกรพุทธเจ้าได้เดินเหยียยบข้ามไปและ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงพระนามว่า โคดม

๒.ยุคพระโกณฑัญญพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระนามว่า วิชิตาวี ได้ถวายทานพระภิกษุสงฆ์แสนโกฏิองค์ โดยมีพระโกณฑัญญพุทธเจ้าเป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม

๓.ยุคพระมงคลพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ สุรุจิ ได้ถวายทานทานพระภิกษุสงฆ์แสนโกฏิองค์ โดยมีพระมงคลพุทธเจ้าเป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๔.ยุคพระสุมนพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานาค ชื่อ อตุละ ได้กระทำการสักการะใหญ่แก่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระสุมนพุทธเจ้า เป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๕.ยุคพระเรวตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ อติเทวะ ได้สรรเสริญพระคุณของ พระเรวตพุทธเจ้า แล้วถวายจีวรห่ม ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ทรงพระนามว่า โคดม

๖.ยุคพระโสภิตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ สุชาต ได้ถวายมหาทานแก่พระสงฆ์ โดยมีพระโสภิตพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๗.ยุคพระอโนมทัสสีตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็น ยักษ์ ได้เนรมิตมณฑป ถวายพร้อมกับมหาทานแก่พระสงฆ์โดยมีพระอโนมทัสสีตพุทธเจ้า เป็นประมุขทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๘.ยุคพระปทุมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็น พญาเนื้อ คือ ราชสีห์ ได้เห็นพระปทุมพุทธเจ้า เข้านิโรธสมาบัติอยู่ ๗ วัน จึงทำประทักษิณแล้วบันลือเสียงขึ้น ๓ ครั้ง นั่งเฝ้าพระองค์อยู่ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๙.ยุคพระนารทพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์บวชเป็น ฤาษี ได้ถวายทานและ บูชาด้วยดอกไม้จันทร์แดงแด่พระนารทพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๐.ยุคพระปทุมุตตรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นชฎิล ชื่อว่า รัฏฐิกะ ได้ถวายจีวรพร้อมภัตตาหารแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๑. ยุคพระสุเมธพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมานพ ชื่อว่า อุตตระ ได้บริจาคทรัพย์ ๘๐ โกฏแก่พระภิกษุสงฆ์โดยมี พระสุเมธพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๒.ยุคพระสุชาตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้ถวายราชสมบัติทั้ง ๔ ทวีป และ รัตนะทั้ง ๗ ประการ ในสำนักของพระสุชาตพุทธเจ้า แล้วก็ออกบวชในสำนักของพระสุชาตพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๓.ยุคพระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพราหมณ์ ชื่อ กัลสป ได้สร้างสังฆารามใช้เงินไปแสนโกฏฺ แล้วมอบถวายแด่พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๔. ยุคพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นชฎิลชื่อว่า สุสิมะ ได้นำดอกไม้ทิพย์ มาจากสวรรค์มีดอกมณฑารพ ดอก ปทุม และดอกปาริจฉัตตกะ มาบูชาแด่พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๕.ยุคพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็น พระอินทร์ บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระธัมมทัสสีพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะทิพย์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๖.ยุคพระสิทธัตถพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นดาบส นามว่า มงคล ได้นำผลหง้ามาถวายพระสิทธัตถพุทธเจ้าทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๗.ยุคพระติสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุชาต ได้ สละราชสมบัติออกบวชเป็น ฤาษี ได้นำดอกไม้ทิพย์มาบูชาแด่พระติสสพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๘.ยุคพระปุสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า วิชิตาวี ได้ สละราชสมบัติออกบรรพชา ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๑๙ ยุคพระวิปัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญานาคนามว่า อตุละ ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดนตรีทิพย์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๒๐.ยุคพระสิขีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า อรินทมะ ได้ถวายผ้าเนื้อดีจำนวนมากพร้อใท้งพาหนะช้างทรง แก่พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระสิขีพุทธเจ้า เป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๒๑.ยุคพระเวสสภูพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุทัสสนะ ได้ถวายมหาทานแด่พระเวสสภูพระพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๒๒.ยุคพระกุกกุสันธพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า เขมะ ได้ถวายมหาทานแด่พระกุกกุสันธพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๒๓.ยุคพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า ปัพพตะ ได้ถวายผ้าแพร ผ้าสักหลาด เป็นต้น แก่พระสงฆ์ โดยมี พระโกนาคมนพุทธเจ้า เป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม

๒๔.ยุคพระกัสสปพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็น มานพชื่อว่า โชติปาล ได้ออกบวชและสรางคุณงามความดีแก่พระพุทธศาสนามากมาย ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post889137 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>28-12-2007, 11:07 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #197 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889137", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,770
พลังการให้คะแนน: 4985


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_889137 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** โลกุตตระกล่าว ****

รอบนี้ มี ๒๕ พระองค์
องค์สุดท้าย....พระโคดม
ต่อไป ก็เริ่มต้นยุคใหม่...พระศรีอารย์

โลกกำลังเข้ายุค พระศรีอารย์
พระศรีอารย์ ไม่มีตัวตน
มาเพื่อต่อเติม เสริมแต่ง แก่นสารสำคัญที่ขาดหายไปในศาสนา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post889330 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>28-12-2007, 12:45 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #198 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889330", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 6,102
พลังการให้คะแนน: 6392


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_889330 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->เมื่อคืนฝันถึงคุณหนุมานฯด้วย..
ไปถามหาคุณหนุมานฯในสถานแห่งหนึ่งกลางตึกใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปกลับมีแท่งศิลาสูงใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างโบสถ์สองหลัง ปรากฎว่ามีหญิงผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้นก็พูดคุยกัน ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าคุณหนุมานนั่งอยู่ในห้องลับใต้ศิลาอยู่ตรงนั้น (เค้าบอกชื่อเป็นภาษาจีน..สองพยางค์จำไม่ได้) เห็นคุณหนุมานฯ ใส่เสื้อกราวสีขาวใส่แว่นนั่งหันหลัง กำลังทำอะไรอย่างตั้งใจสักอย่างเกี่ยวกับตัวหนังสือเตรียมส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารที่เป็นหลอดแก้วไร้สายน่าจะ 7อัน พอเดินเข้าไปดูคุณหนุมานฯก็ยิ้มให้..แล้วส่งหลอดแก้วมาให้ดู..ก็มีแสงสว่างเรืองขึ้นมาที่ละอันๆ..

แล้วอีกช่วงนึงที่จำได้ ก็มาฝันเห็นหนังสือเล่มใหญ่ๆ หนาๆ มีภาษาคล้ายอักขระคาถา พออ่านอยู่สิ่งรอบๆข้างก็เปลื่ยนแปลงสถานที่ไปเรื่อยๆ (เหมือนเปลื่ยนฉาก) เอามาเล่าให้ฟังครับ..สงสัยว่าคุณหนุมานฯส่งกระแสจิตมาหารึเปล่า?<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post897290 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>03-01-2008, 02:05 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#214 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_897290", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,777
พลังการให้คะแนน: 4985



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_897290 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->หากันเอง<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->*** สัญญาพบหลักโลกุตตระ ****

ผ่านพุทธฉายส่องที่หน้าผา
มุ่งทางไปลงกาเมืองหนุมาน
ผ่านภูผาทลายสองฝากลานพระ สักพักใหญ่
เมื่อสันแนวภูหินใหญ่ตัดขอบฟ้า จรดถึงข้างทาง
พญาคชสารสี่งาจะยืนรอ
รอดใต้โลกตามทางสู่ลับแล
เหวี่ยงมาลัยซ้ายหนึ่ง ขวาหนึ่งตามทาง ซ้ายอีกหนึ่ง
สองธรรมะขามข้างขนาน
เบื้องขวาวิมานปิดตายหลายชั้น
มุดอุโมงค์รอดใต้วิมานนั้น
พ้นวิมานพบหลักโลกุตตระ
คือแท่งหินสูงเสียดฟ้าพระพุทธเจ้านั่งรอบ
ก้มลงกราบพระเปิดโลกตามสัญญาจึงได้พบ
ตรงต่อ หลังหลัก พักคลายสังขาร
เดินตรงไป คือบันไดขวางถ้ำศักดิ์สิทธิ์
ก่อนบันไดคือกายธรรมเที่ยงแท้ที่ตามหา
พุทธองค์เฝ้าสังขารศักดิ์สิทธิ์ปีสิบสามมา
รอเวลาเปิดเผยธรรมเหนือโลก
ธูปเจ็ดดอกบอกถวายสัจจะโลกุตตระ
คารวะครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ตัวตน สัจจธรรม ตัวกระทำไม่ตาย
โลกุตตระธรรม คือสัจจะธรรมปฏิบัติ
หนทางหลุดพ้นอยู่ตรงหน้า
มอบประทานให้วางทุกความเห็นที่ผ่านมา
ขอโลกุตตระธรรม เป็นผู้นำพาข้าหลุดพ้นต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post889350 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>28-12-2007, 01:01 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #199 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889350", true); </SCRIPT>
ทีมงานพลังจิตนานาชาติ



วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 7,461
พลังการให้คะแนน: 4622


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_889350 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mead
เมื่อคืนฝันถึงคุณหนุมานฯด้วย..
ไปถามหาคุณหนุมานฯในสถานแห่งหนึ่งกลางตึกใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปกลับมีแท่งศิลาสูงใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างโบสถ์สองหลัง ปรากฎว่ามีหญิงผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้นก็พูดคุยกัน ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าคุณหนุมานนั่งอยู่ในห้องลับใต้ศิลาอยู่ตรงนั้น (เค้าบอกชื่อเป็นภาษาจีน..สองพยางค์จำไม่ได้) เห็นคุณหนุมานฯ ใส่เสื้อกราวสีขาวใส่แว่นนั่งหันหลัง กำลังทำอะไรอย่างตั้งใจสักอย่างเกี่ยวกับตัวหนังสือเตรียมส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารที่เป็นหลอดแก้วไร้สายน่าจะ 7อัน พอเดินเข้าไปดูคุณหนุมานฯก็ยิ้มให้..แล้วส่งหลอดแก้วมาให้ดู..ก็มีแสงสว่างเรืองขึ้นมาที่ละอันๆ..

แล้วอีกช่วงนึงที่จำได้ ก็มาฝันเห็นหนังสือเล่มใหญ่ๆ หนาๆ มีภาษาคล้ายอักขระคาถา พออ่านอยู่สิ่งรอบๆข้างก็เปลื่ยนแปลงสถานที่ไปเรื่อยๆ (เหมือนเปลื่ยนฉาก) เอามาเล่าให้ฟังครับ..สงสัยว่าคุณหนุมานฯส่งกระแสจิตมาหารึเปล่า?
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไปถามหาคุณหนุมานฯในสถานแห่งหนึ่งกลางตึกใหญ่
ผ่านพุทธฉายส่องที่หน้าผา
มุ่งทางไปลงกาเมืองหนุมาน
ผ่านภูผาทลายสองฝากลานพระ สักพักใหญ่
เมื่อสันแนวภูหินใหญ่ตัดขอบฟ้า จรดถึงข้างทาง
พญาคชสารสี่งาจะยืนรอ
รอดใต้โลกตามทางสู่ลับแล
เหวี่ยงมาลัยซ้ายหนึ่ง ขวาหนึ่งตามทาง ซ้ายอีกหนึ่ง

แต่พอเดินเข้าไปกลับมีแท่งศิลาสูงใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างโบสถ์สองหลัง
สองธรรมะขามข้างขนาน
เบื้องขวาวิมานปิดตายหลายชั้น
มุดอุโมงค์รอดใต้วิมานนั้น


พ้นวิมานพบหลักโลกุตตระ
คือแท่งหินสูงเสียดฟ้าพระพุทธเจ้านั่งรอบ
ก้มลงกราบพระเปิดโลกตามสัญญาจึงได้พบ
ตรงต่อ หลังหลัก พักคลายสังขาร


เดินตรงไป คือบันไดขวางถ้ำศักดิ์สิทธิ์
ก่อนบันไดคือกายธรรมเที่ยงแท้ที่ตามหา
พุทธองค์เฝ้าสังขารศักดิ์สิทธิ์ปีสิบสามมา
รอเวลาเปิดเผยธรรมเหนือโลก

กำลังทำอะไรอย่างตั้งใจสักอย่างเกี่ยวกับตัวหนังสือเตรียมส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารที่เป็นหลอดแก้วไร้สายน่าจะ 7อัน
ธูปเจ็ดดอกบอกถวายสัจจะโลกุตตระ
คารวะครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ตัวตน สัจจธรรม


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อยากให้คุณหนุมานอธิบายว่า พระศรีอารย์ตอนนี้อยู่ที่ไหนบนโลกครับ

อยากให้คุณหนุมานบอกหน่อยน่ะครับ
ว่าพระศรีอารย์มาเกิดแล้ว ที่ไหน อย่างไรน่ะครับ

ไม่ทราบว่าจะบอกได้มั้ยครับ มันเป็นความลับมั้ยครับ

 

*** ผู้ที่มาสานต่อ ****

เขามาแล้ว
มาใน เรื่องราวโลกุตตระธรรม
เรื่องของ สัจจะคำสอนพระพุทธเจ้า
ในโลกนี้ ไม่มีใครเขารู้หรอก
มีเขาเท่านั้น ที่รู้ตัวเอง
ถ้าคุณบอกว่าเขาใช่
อีกพันคนหมื่นคนเขาก็บอกว่าคุณบ้า
ยุคนี้มันเป็นอย่างนี้
แต่เรื่องสำคัญ คือ สัจจะ
เรื่องสัจจะ คุณพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดสรรพระเยซู ****

สามีภรรยาคู่หนึ่งให้สัจจะ รับปากว่าจะอุปการะเด็กของโลกุตตระชั่วชีวิต
จึงเป็นการสร้างพระเยซูขึ้นมา เกิดอยู่ในประเทศอังกฤษ
แล้วส่งคนหนึ่ง ที่รับปากว่าจะอุปถัมภ์เด็กคนนี้ ให้ไปช่วยเลี้ยงจนโต
เมื่อบรรลุนิติภาวะ ดินฟ้าอากาศจะกำหนด ว่าจะไปที่ไหน ที่ไหน ที่ไหน
คนผู้นี้ เขาจะเดินธุดงค์ตลอดชีวิต ไม่ได้อยู่บ้านใครเลย
เพราะโลกุตตระเป็นหัวใจของเขา เป็นผู้บัญชาการอยู่ในหฤทัยของเขา
เขาจะนั่งอยู่ไม่นาน แล้วเขาก็ต้องไป จากบ้านนี้ไปถึงตำบลนั้น
จากตำบลนั้น ไปถึงประเทศนั้น เขาจะไปเรื่อยๆไป
ถ้าใครได้ฟังธรรมะของเขาแล้ว ก็เหมือนอย่างตังเมหลอดข้าวเหนียวแก้ว
กินแล้วสบายร่าง หวานมัน สดชื่น

ที่สร้างพระเยซูขึ้นมาใหม่
เพราะต้นตำรับมาจาก ศาสนาพระโคนาคม จึงต้องไปเลียนแบบเก่าขึ้นมา
เพราะเวลานี้ มันไม่มีรั้วรอบขอบชิดแล้ว ขนบธรรมเนียมประเพณี รั้วพังหมดแล้ว
อิสลามก็ไม่มีรั้วแล้ว อเมริกาก็ไม่มีรั้วแล้ว
ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ต่างก็ยึดถือในรูปแบบฉันอยู่ได้ แก่ต้องตาย
แก่อยู่ได้ ฉันต้องตาย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

 

สัตว์4หน้านั้นคือใคร
Cherubim
Main article: Cherub
They have four faces: one of each a man, an ox, a lion, and a griffon vulture. The ox-face is considered the "true face", as later on in Ezekiel the ox's face is called a cherub's face (Chapter 10). They have four conjoined wings covered with eyes, and they have ox's feet.
Cherubim are considered the elect beings for the purpose of protection. Cherubim guard the way to the tree of life in the Garden of Eden (Genesis 3:24)<SUP id=cite_ref-gen3_6-0 class=reference>[7]</SUP> and the throne of God (Ezekiel 28:14-16).<SUP id=cite_ref-eze28_7-0 class=reference>[8]</SUP>
Modern English usage has blurred the distinction between Cherubim and Putti. Putto (pl. Putti) refers to the winged human baby/toddler-like beings traditionally used in figurative art.
The Cherubim are mentioned in Genesis 3:24 <SUP id=cite_ref-gen3_6-1 class=reference>[7]</SUP>; Exodus 25:17-22; 2 Chronicles 3:7-14; Ezekiel 10:12–14 <SUP id=cite_ref-eze10_8-0 class=reference>[9]</SUP>, 28:14-16<SUP id=cite_ref-eze28_7-1 class=reference>[8]</SUP>; 1 Kings 6:23–28 <SUP id=cite_ref-1kings_9-0 class=reference>[10]</SUP>; and Revelation 4:6-8.
ที่แท้ก็คือบริวารของพระเจ้า

 

Christian angelic hierarchy

<!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->From Wikipedia, the free encyclopedia
<!-- /tagline --><!-- subtitle -->
<!-- /subtitle --><!-- jumpto -->Jump to: navigation, search
<!-- /jumpto --><!-- bodytext --><TABLE class="metadata plainlinks ambox ambox-content"><TBODY><TR><TD class=mbox-image>
</TD><TD class=mbox-text>This article needs additional citations for verification.
<SMALL>Please help improve this article by adding reliable references. Unsourced material may be challenged and removed. (March 2008)</SMALL></TD></TR></TBODY></TABLE><DL><DD>For other angelic hierarchies, see Hierarchy of angels.</DD></DL>According to medieval Christian theologians, the Angels are organized into several orders, or Angelic Choirs.<SUP id=cite_ref-0 class=reference>[1]</SUP><SUP id=cite_ref-1 class=reference>[2]</SUP>
The most influential of these classifications was that put forward by Pseudo-Dionysius the Areopagite in the 4th or 5th century, in his book "The Celestial Hierarchy". However, during the Middle Ages, many schemes were proposed, some drawing on and expanding on Pseudo-Dionysius, others suggesting completely different classifications (some authors limited the number of Choirs to seven). Several other hierarchies were proposed, some in nearly inverted order. Scholars of the Middle Ages believed that angels and archangels were lowest in the order and were the only angels directly involved in the affairs of the world of men.
The authors of The Celestial Hierarchy and the Summa Theologica drew on passages from the New Testament, specifically Ephesians 1:21 and Colossians 1:16, in an attempt to reveal a schema of three Hierarchies, Spheres or Triads of angels, with each Hierarchy containing three Orders or Choirs.
From the comparative study of the Old Testament and New Testament passages, including their etymology and semantics, the above mentioned theological works (which contain variations), and esoteric Christian teachings, the descending order of rank can be inferred as following:

The Assumption of the Virgin by Francesco Botticini at the National Gallery London, shows three hierarchies and nine orders of angels, each with different characteristics

• First Sphere (Old Testament sources)
  • Seraphim
  • Cherubim
  • Thrones/Ophanim (Gr. thronoi) (also New Testament sources)

• Second Sphere (New Testament sources)
  • Dominions (Gr. Kyriotetai)
  • Virtues (Gr. Dynamai)
  • Powers (Gr. Exusiai)<SUP id=cite_ref-2 class=reference>[3]</SUP>

• Third Sphere
  • Principalities (Gr. Archai)<SUP id=cite_ref-3 class=reference>[4]</SUP>
  • Archangels - Archangeloi
  • Angels - Angeloi

St. Bonaventure of Bagnoregio refers to these three, respectively, as the Epiphania, the Hyperphania, and the Hypophania.<SUP id=cite_ref-4 class=reference>[5]</SUP> The Choirs in the second and third spheres, of the present hierarchical list, appear to be also united in pairs. The existence of these pairs of Orders is inferred through their etymological proximity and the apparent affinity in the description of their work-activity (1 Peter 3:22): (clarification as to how this verse applies to pairs is required.)

• Thrones and Dominions (Might, Dynamais);
• Principalities and Powers (Powers, Exusiai; Ephesians 6:12);
• Archangels and Angels (Angels, Angeloi).

Note, however, that several variations of the hierarchical order may be found published through the last two millennia.
<TABLE id=toc class=toc><TBODY><TR><TD>Contents

[hide]

• 1 First Sphere
  • 1.1 Seraphim
  • 1.2 Cherubim
  • 1.3 Thrones or Ophanim
• 2 Second Sphere
  • 2.1 Dominions
  • 2.2 Virtues
  • 2.3 Powers or Authorities
• 3 Third Sphere
  • 3.1 Principalities or Rulers
  • 3.2 Archangels
  • 3.3 Angels
• 4 Choirs scheme in medieval theology
• 5 References
• 6 Bibliography
• 7 See also

</TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "show"; var tocHideText = "hide"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>[edit] First Sphere


Orthodox icon of nine orders of angels


Angels of the First Sphere work as heavenly guardians of God's throne.
[edit] Seraphim

Main article: Seraph
Seraphim (singular "Seraph"), mentioned in Isaiah 6:1-7 <SUP id=cite_ref-isiah6_5-0 class=reference>[6]</SUP>, serve as the caretakers of God's throne and continuously shout praises: "Holy, holy, holy is the Lord of hosts. All the earth is filled with His Glory." The name Seraphim means "the burning ones."
The Seraphim have six wings; two covering their faces, two covering their bodies ("feet"), and two with which they fly.
Two of which are named Seraphiel and Metatron, according to some books. Seraphiel is said to have the head of an eagle. It is said that such a bright light emanates from them that nothing, not even other angelic beings, can look upon them. It is also said that there are four of them surrounding God's throne, where they burn eternally from love and zeal for God.
[edit] Cherubim

Main article: Cherub
They have four faces: one of each a man, an ox, a lion, and a griffon vulture. The ox-face is considered the "true face", as later on in Ezekiel the ox's face is called a cherub's face (Chapter 10). They have four conjoined wings covered with eyes, and they have ox's feet.
Cherubim are considered the elect beings for the purpose of protection. Cherubim guard the way to the tree of life in the Garden of Eden (Genesis 3:24)<SUP id=cite_ref-gen3_6-0 class=reference>[7]</SUP> and the throne of God (Ezekiel 28:14-16).<SUP id=cite_ref-eze28_7-0 class=reference>[8]</SUP>
Modern English usage has blurred the distinction between Cherubim and Putti. Putto (pl. Putti) refers to the winged human baby/toddler-like beings traditionally used in figurative art.
The Cherubim are mentioned in Genesis 3:24 <SUP id=cite_ref-gen3_6-1 class=reference>[7]</SUP>; Exodus 25:17-22; 2 Chronicles 3:7-14; Ezekiel 10:12–14 <SUP id=cite_ref-eze10_8-0 class=reference>[9]</SUP>, 28:14-16<SUP id=cite_ref-eze28_7-1 class=reference>[8]</SUP>; 1 Kings 6:23–28 <SUP id=cite_ref-1kings_9-0 class=reference>[10]</SUP>; and Revelation 4:6-8.
[edit] Thrones or Ophanim

Main article: Thrones
The Thrones (Gr. thronos) or Elders, also known as the Erelim or Ophanim, are a class of celestial beings mentioned by Paul of Tarsus in Colossians 1:16 (New Testament). They are living symbols of God's justice and authority, and have as one of their symbols the throne. These high celestial beings appear to be mentioned again in Revelation 11:16.
Main article: Ophan
The Ophanim (Heb. ofanim: Wheels, also known as Thrones, from the vision of Daniel 7:9) are unusual looking even compared to the other celestial beings; They appear as a beryl-coloured wheel-within-a-wheel, their rims covered with hundreds of eyes.
They are closely connected with the Cherubim: "When they moved, the others moved; when they stopped, the others stopped; and when they rose from the earth, the wheels rose along with them; for the spirit of the living creatures [Cherubim] was in the wheels." Ezekiel 10:17 NRSV.
คัดมาให้อ่านกันจะได้รู้จักไว้