WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

มธ.รังสิต-น้ำล้อม 4 ด้านแล้วค่ะ ล้อมตั้งแต่เมื่อเช้า และระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้กำลังป้องกันกันอย่างสุดความสามารถ ถ้าผ่านวันนี้และพรุ่งนี้บ่ายได้ ก็น่าจะปลอดภัย

 

แถบฝั่งตะวันออก กทม. ฝนตกหนัก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

 

4 เขื่อนโคราชล้นเตือนปชช.เฝ้าระวัง

ข่าวภูมิภาค วันอาทิตย์ที่ 16 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 15:26 น.


ฝนกระหน่ำซ้ำ น้ำล้น 4 เขื่อน จ.โคราช ชลประทานที่ 8 ประกาศเตือน พื้นที่ติดลำน้ำมูลตลอดสาย เฝ้าระวังภาวะน้ำล้นตลิ่ง


สถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.นครราชสีมา ว่า ทางสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา รายงานว่า ล่าสุดขณะนี้ ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำมีระดับกักเก็บเกินความจุทั้งหมด และยังมีแนวโน้มปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ปริมาณน้ำอยู่ที่ 333.36 ล้าน ลบ.ม. จากความจุปกติ 314.49 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 106.00 % ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้าสู่อ่างเมื่อวานนี้วัดได้ 3.97 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่การพร่องน้ำของอ่างเก็บน้ำอยู่ที่วันละ 1.1 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก แต่หลังจากที่ได้มีการเสริมสันบานประตูระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 ม. ทำให้อ่างเก็บน้ำลำตะคองจะยังคงสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 353 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก 20 ล้าน ลบ.ม.

ขณะที่ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้ออกประกาศแจ้งไปยังหน่วยงานราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ให้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มติดกับลำน้ำมูล รวม 12 ตำบล ให้เฝ้าระวังภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่งตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูลยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

Link : 4 เขื่อนโคราชล้นเตือนปชช เฝ้าระวัง

 

16/10 เขื่อนภูมิพลลดระบายน้ำเหลือ 50 ล้าน ลบ.ม.

       นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าวว่า วันนี้ได้ลดการระบายน้ำในช่องทางปกติลงเหลือ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในการจัดการน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อนและลุ่มน้ำเจ้าพระยา และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ได้จัดการแก้ไขเยียวยาพื้นที่ที่น้ำท่วมขังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในสัปดาห์หน้าอาจจะระบายน้ำที่ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หากไม่มีฝนตก
 

 

16/10 กรมชลฯไม่ปิดประตูฯคลองหนึ่งกทม.

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) รายงานสรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในในกรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์น้ำยังไม่วิกฤติ ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเกิดจากน้ำฝนไม่ใช่น้ำเหนือซึ่งห่วงพื้นที่ด้านตะวันออกเสี่ยงน้ำท่วม เหตุกรมชลประทานไม่ปิดประตูระบายน้ำคลอง 1 จึงเร่งประสานกองทัพอากาศสร้างแนวคันกั้นน้ำ พร้อมขอบริจาคอุปกรณ์สร้างแนวคันกั้นน้ำเพิ่มเติม เตรียมรับมือน้ำหนุนช่วงปลายเดือน
 

 

16/10 ศปภ.เตือน ปชช.รับมือน้ำอีกระลอก 28-30 ต.ค.นี้

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน แถลงยืนยันถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ ว่า มวลน้ำทางเหนือ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังสามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้น้ำทางภาคเหนือจะหมดไป เพราะจะไม่มีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอีก ซึ่งใน 2 จุด คือ อ.บรรพตพิสัย และ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำจะลดลงเรื่อยๆ
 

        สำหรับสถานการณ์ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา มีแนวโน้มน้ำลดลง เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เป็นเพราะมวลน้ำตามทุ่งนาและคันคลองลดลง แต่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และผันออกสู่ทะเลตามลำดับ ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาในขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัวอยู่ ซึ่งทำให้กรุงเทพมหานครตอนกลางจะสามารถรับมือกับระดับน้ำได้ต่อไป และในบางส่วนของกรุงเทพมหานคร อาทิ คลองหกวาตอนล่าง และคลองสามวา ยังเป็นพื้นที่เสี่ยง จึงขอให้สร้างคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันต่อไปก่อน
 

        อย่างไรก็ตาม เตือนให้ประชาชนรับมืออีกครั้งในวันที่ 28-30 ตุลาคมนี้
 

 

 พบน้ำซึมดินสไลด์ช่วงฟรีโซน นิคมฯนวนคร
  


16 ตค. 2554 15:16 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. บริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนคร บริเวณด้านหลังติดกับคลองเปรม ฝั่งตะวันตกตรงข้ามกับวัดพืชนิมิตร ช่วงฟรีโซนที่ได้มีการเสริมคันดินสูงขึ้นจากพื้นดินถึง 3 เมตร โดยมีทหารและพนักงานบริษัทภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร นับพันคนช่วยกันก่อกระสอบทรายเสริม ได้เกิดเหตุการณ์ดินที่เสริมคันดินแนวเดิมได้เกิดสไดล์และมีน้ำซึมบริเวณ พื้นที่ดังกล่าว ถึง 5 จุด จุดละประมาณ 5-6 เมตร สาเหตุน่าจะเกิดจากจำนวนทหารและพนักงานที่ช่วยกันเสริมถุงทรายทำให้มีนำหนักมาก ดินยังไม่แข็งตัวอีกทั้งน้ำนอกแนวกั้นก็มีกระแสแรง ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก


<< back  next >>

 

 บางกรวยอ่วมน้ำหลายจุดท่วมผิวจราจร
  


16 ตค. 2554 15:09 น.

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี พบว่า ระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านในคลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ คลองบางกรวย และคลองบางราวนก ในเขตพื้นที่อำเภอบางกรวย มีปริมาณสูงขึ้นจนทำให้น้ำจากคลองไหลเอ่อล้นขึ้นมาตามท่อระบายน้ำและพื้นที่ ที่อยู่ริมคลอง จนทำให้น้ำท่วมผิวการจราจรในบางจุด รถเล็กสัญจรได้ด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าบ้านซอยบางกรวย-ไทรน้อย 26/1 ไป จนถึงหน้าวัดชลอ และที่หน้าหมู่บ้านปัญฐิญา ในเขตพื้นที่ตำบลบางศรีทอง นอกจากนี้ที่หมู่บ้านเทพประทานพร ยังถูกน้ำเข้าท่วมภายในหมู่บ้านอีกด้วย ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านประมาณ 300 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน
ขณะที่วัดบางอ้อยช้าง ซึ่งอยู่ติดริมคลองบางกอกน้อย ก็ถูกน้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ในวัดด้วยเช่นกัน ชาวบ้านและพระสงฆ์ภายในวัด ต้องช่วยกันบรรจุทรายลงกระสอบนำไปเสริมแนวคันกันน้ำของเดิมให้สูงขึ้นเพื่อ ไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้ามาทำความเสียหายให้กับโรงครัวและศาลากลางการเปรียญของ วัด ในขณะที่โรงเรียนวัดบางอ้อยช้างได้ถูกน้ำท่วมพื้นที่ของโรงเรียนทั้งหมดแล้ว
น.ส.พิมพา รุ่งเรือง อายุ 57 ปี สมาชิก อบต.บางศรีทอง หมู่ 2 กล่าวว่า ตั้งแต่ เกิดและโตมาในพื้นที่อำเภอบางกรวย รู้สึกได้เลยว่า ปีนี้น้ำมามากที่สุด ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดกับคลองบางกอกน้อยในขณะนี้ถูกน้ำท่วมสูงก ว่า 1 เมตรแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 2 ของตำบลบางศรีทอง ส่วนหมู่ 1 และ หมู่ 3 นั้น จะถูกน้ำท่วมเป็นจุด โดยฌพาะในจุดที่อยู่ติดกับคลองและคอสะพาน ทำให้การสัญจรทางรถในบางจุดไม่สามารถสัญจรไปมาได้
น.ส.พิมพา กล่าวอีกว่า อยากให้ทางจังหวัดเร่งจัดทำการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตอำเภอบางกรวย ที่ท่วมเป็นประจำทุกปีด้วยการสร้างแนวเขื่อนคอนกรีตให้เหมือนกับเขตตลิ่งชัน ของกรุงเทพมหานคร เพราะปัจจุบันเมื่อเขตตลิ่งชันมีแนวเขื่อนมาป้องกันน้ำไว้ ทำให้พื้นที่ของอำเภอบางกรวยที่อยู่ติดกัน แต่มีเพียงคลองหมาสวัสดิ์กั้นกลางไว้ ต้องแบกน้ำไว้เพียงฝั่งเดียว เพราะไม่มีเขื่อนอย่างฝั่งกรุงเทพเขา ก็ทำให้พื้นที่ที่อยู่ติดคลอง ซึ่งเป็นบ้านเรือน เป็นสวนเกษตรกร ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายทุกปี แต่หากอำเภอบางกรวยจะมีเขื่อนมาล้อมรอบกั้นน้ำไว้ก็จะช่วยเหลือชาวบ้านได้ มากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในหน้าน้ำ



<< back  next >>
เนชั่นทันข่าว

 

 น้ำเริ่มล้นคลองรังสิต จ่อเข้ากรุงเทพแค่เอื้อม
  

16 ตค. 2554 15:07 น.

เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 16 ตุลาคม 2554 บริเวณ ถนนวิภาวดี ปากทางเข้าเมืองเอก ช่วง อาคารบ้านพักอิสระส่วนกลางกองบังคับการตำรวจทางหลวงตรงข้ามฟาร์มโชคชัย สเต็กเฮ้าส์ รังสิต หมู่ 8 ถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ด้าน นาย เดชา กลิ่นกุสุม รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองรังสิต กล่าวว่า หลังจากที่ประตูน้ำพระอินทร์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ปล่อยน้ำมาเพิ่มขึ้นมาใน ต.รังสิต ช่วงคลองหนึ่ง ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นบริเวณถนนบางส่วน สูงประมาณ 50 ซม. โดยเฉพาะขาออกจากกรุงเทพ ทางเทศบาลก็เร่งสูบน้ำระบายและมีแนวกั้นที่ยังแข็งแรง ป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าถนนวิภาวดีและผ่านเข้าไปดอนเมือง

 

นครราชสีมา -  น้ำลำมาศทะลักท่วมสะพาน-รถทุกชนิดสัญจรผ่านไม่ได้

16 ตค. 2554 13:09 น.

สถานการณ์น้ำใน จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดน้ำจากจังหวัดนครราชสีมาและลำน้ำสาขาต่างๆ ได้ไหลมาสมทบลงลำน้ำมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงทะลักเข้าท่วมถนน และสะพานเชื่อมระหว่างบ้านผักกาดหญ้า เทศบาลตำบลลำปลายมาศ - บ้านแท่นพระ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ ยาวกว่า 300 เมตร โดยน้ำได้ไหลบ่าท่วมถนนสูงกว่า 20 เซนติเมตร ส่วนบริเวณสะพานถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ประกอบกับกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ทำให้ถนนสายดังกล่าวถูกตัดขาดรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ทางอำเภอและเทศบาลตำบลลำปลายมาศ ได้จัดเจ้าหน้าที่มาคอยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไม่ให้ชาวบ้านสัญจรผ่านไปมาถนนสายดังกล่าวอย่างเด็ดขาด เพราะเกรงจะถูกกระแสน้ำพัดได้รับอันตราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมสถาน จ.บุรีรัมย์และหน่วยกู้ภัย จ.สุรินทร์ ก็ยังเร่งระดมค้นหาศพของนายอาทิตย์ ชนะนาน อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187 ม.4 บ.บุตาวงศ์ ต.หนองคู นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนลำปลายมาศ เป็นวัน 3 แล้ว หลังจากมาลงเล่นน้ำที่บริเวณสะพานดังกล่าวกับหลาน ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 ได้ถูกกระแสน้ำพัดจมหาย ส่งผลให้ขณะนี้จังหวัดบุรีรัมย์มีจมน้ำเสียชีวิตรวม 2 รายแล้ว
นายพีระพงศ์ ทิพย์อักษร กำนันตำบลลำปลายมาศ ระบุว่า น้ำจากลำน้ำมาศได้เอ่อท่วมถนนและสะพานบ้านแท่นพระอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้บริเวณสะพานมีระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตรแล้ว ประกอบกับกระแสน้ำไหลเชี่ยวจนรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ทำให้ชาวบ้านบ้านแท่นพระที่เคยใช้เส้นทางทางดังกล่าวในการสัญจรเข้ามาทำธุระหรือค้าขายยังตัวอำเภอต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนซึ่งมีระยะทางไกลหลายกิโลเมตร และคาดว่าระดับน้ำมีแนวโน้มท่วมสูงขึ้นอีก เพราะช่วงนี้มีฝนตกหนักประกอบกับมีน้ำเหนือไหลมาสมทบด้วย



  

 

 สั่งกู้ถนนเอเซียหวังเปิดสะพานเดชาติวงศ์วันนี้
  


16 ตค. 2554 14:18 น.

นายวินัย สุทธิมณฑล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เผยถึงความพยายามในการกู้ ถนนสายเอเซียเพื่อเปิดทางคมนาคมให้กับจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นชุมทางคมนาคมสำคัญว่า หลัง จากประสบความล้มเหลวหลายครั้งในการสร้างแนวกั้นน้ำบริเวณสะพานเดชาติวงศ์เนื่องจากไม่ สามารถต้านทานกระแสน้ำได้
ล่าสุดในเวลา 04.00 น. วันนี้ ( 16 ต.ค.) หลังจากกระแสน้ำเริ่มอ่อนกำลังลง กำลังทหาร จากกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากแขวงการทางที่ 1 นครสวรรค์ ได้ระดมเครื่องจักรกล พร้อมนำกระสอบทราย หินคลุก แท่งคอนกรีต สร้างเป็นแนวกำแพง ตลอดสองฝั่งใต้สะดานเดชาติวงศ์ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ตั้งใจจะให้เสร็จภายในวันนี้ ซึ่งทันทีที่แล้วเสร็จจะมีการสูบน้ำที่ท่วมขังออก จากนั้นจะเปิดเส้นทางสายเอชียได้ทันทีซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางกลับมาใช้การได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันนี้ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักใน อ.เมืองนครสวรรค์ ทำให้ยังประเมินไม่ได้ว่าภารกิจนี้จะเสร็จทันตามที่กำหนดได้หรือไม่
นอกจากการกู้ถนนสายเอเซีย ในพื้นที่น้ำท่วมขังเขตเทศบาลนครสวรรค์ได้มีการวางแผนเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยพื้นที่ที่น้ำนิ่งจะมีการสร้างกำแพงบล็อคน้ำให้เป็นบ่อขนาดเล็ก จากนั้นจะสูบน้ำออกจนแห้ง ก่อนจะขยายพื้นที่บล็อคน้ำออกไปให้เป็นบริเวณกว้าง โดยคาดว่าแผนนี้หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มจะทำให้น้ำที่ท่วมขังในเขตเทศบาลแห้งลงทั้งหมดใน 1 สัปดาห์


<< back  next >>

 

สยามสแควร์กั้นกระสอบทรายกันน้ำ

16 ตุลาคม 2554 เวลา 15:11 น. |เปิดอ่าน 1,028 | ความคิดเห็น 4
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

ร้านค้าย่านสยามสแควร์นำกระสอบทรายมาวางทำแนวกั้นน้ำ ขณะที่ฝนยังตกในพื้นที่ต่อเนื่อง ระดับน้ำแสนแสบต่ำกว่าตลิ่ง 1 เมตร

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พื้นที่กรุงเทพฯชั้นในมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยระดับน้ำในคลองแสนแสบบริเวณสะพานหัวช้าง ใกล้กับชุมชนบ้านครัว กิ่งเพชรและฝั่งศูนย์การค้าย่านปทุมวันมีระดับน้ำจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากปกติ โดยต่ำกว่าตลิ่งราว 1 เมตร

ขณะที่เรือโดยสารยังให้คงให้บริการตามปกติ หากแต่ลดความถี่ในการวิ่งลง โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองยังมั่นใจว่าน้ำจะไม่เอ่อท่วม แต่หลายครัวเรือนก็ได้ก่อคันกั้นน้ำด้วยอิฐและปูนที่ความสูงตั้งแต่ 45 ซม.ขึ้นไป เพื่อป้องกันน้ำเข้าบ้าน โดยประชาชนเชื่อว่าเป็นการป้องกันก่อน และแม้น้ำจะไม่ท่วมก็เพื่อเป็นการเตรียมรับมือสถานการณ์ในอนาคต

ด้าน ร้านค้าในย่านสยามสแควร์หลายแห่งรวมทั้งธนาคารได้มีการนำกระสอบทรายมาทำคันกั้นน้ำรอบบริเวณร้านสูงตั้งแต่ 45-60 ซม. ซึ่งบรรยากาศภายในสยามสแควร์มีผู้คนค่อนข้างบางตาผิดกับในช่วงปกติที่ในวันหยุดสุดสัปดาห์มักมีประชาชนเดินทางมาในย่านดังกล่าวจำนวนมาก

ขณะที่เจ้าของร้านค้าหลายแห่งก็เชื่อมั่นว่า น้ำจะไม่ท่วมบริเวณสยามสแควร์และจะยังดำเนินธุรกิจตามปกติ 

ฝนถล่มลาดกระบัง-ร่มเกล้า  น้ำท่วมขังหลายเส้นทาง

นอกจากนี้ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องได้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณลาดกระบังและร่มเกล้าในหลายจุด แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าวยังเห็นว่าสถานการณ์ยังอยู่ในระดับปกติที่มักมีน้ำท่วมขังบนถนนหลังมีฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม สถานที่ใหญ่ๆ เช่น ธนาคาร สนามกอล์ฟ โรงพยาบาล และโรงงาน ได้เตรียมพร้อมด้วยการนำกระสอบทรายมากั้นไว้ด้านหน้าแล้ว

ส่วนบริเวณด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังนั้นยังไม่มีน้ำท่วมแต่อย่างใด



ร้านค้าย่านสยามสแควร์นำกระสอบทรายมากั้นหน้าร้าน



ธนาคารย่านสยามสแควร์นำกระสอบทรายมาทำแนวกั้นน้ำเช่นเดียวกัน



สภาพระดับน้ำในคลองแสนแสบช่วงสะพานหัวช้าง

Posttoday

 

ศปภ.มั่วอีกแล้ว! ขออาสาสมัครเรียงกระสอบทราย รพ.พระนั่งเกล้าด่วน แต่โรงพยาบาลตอกกลับเหตุการณ์ปกติดี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2554 07:25 น.

ศปภ.มั่วผ่านเฟซบุ๊ก! ประกาศโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าขออาสาสมัครเรียงกระสอบทราย จากนั้น 1 ชั่วโมงกลับสั่งยกเลิก ส่งผลให้สมาชิกของเพจหลายคนไม่พอใจเนื่องจากได้มีอาสาสมัครจำนวนมากเดินทางไกลไปช่วย แถมโดนแฉหลักฐานว่าโรงพยาบาลประกาศไม่เคยขอความช่วยเหลือ เหตุการณ์ยังปกติดี ทำให้ต้องแถกลับเพราะเป็นห่วงประชาชนเลยต้องรีบกระจายข่าว
       
       วันที่ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 22 .32 น. ทางเฟซบุ๊กของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ศปภ.ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | Facebook แจ้งขอกำลังอาสาสมัคร ช่วยกรอกและจัดเรียงกระสอบทราย ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นเกรงว่าจะทะลักเข้าโรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง กลับขึ้นข้อความยกเลิกประกาศก่อนหน้านี้ ความว่า “โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฝากแจ้งประกาศยกเลิกตามที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ว่าต้องการอาสาสมัครทำแนวกั้นน้ำท้ายโรงพยาบาลขณะนี้ 11.21 น. เหตุการณ์ภายในโรงพยาบาลอยู่ในระดับปกติ”
       
       เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สมาชิกของเพจหลายคนไม่พอใจ และต่อว่า ศปภ.ว่าทางโรงพยาบาลไม่เคยประกาศขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด จึงอยากให้ทาง ศปภ.ตรวจสอบข่าวก่อนประกาศ ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือขององค์กรจะลดลง เนื่องจากเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลต่อความรู้สึกของอาสาสมัครหลายคนที่เดินทางไกลไปช่วย
       
       ยิ่งไปกว่านั้นทาง ศปภ.ได้ชี้แจงกลับสมาชิกที่ไม่พอใจว่า “ขอชี้เเจงครับว่า ก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ต้องการอาสาสมัครในการช่วยเหลือบรรจุกระสอบทราย เเต่ขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้บรรจุกระสอบทรายเสร็จเเล้ว ทางเราจึงขอยกเลิกประกาศขอรับอาสาสมัครครับ”
       
       ซึ่งทางเพจ  “อาสาสมัครเฝ้าจับตาสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพ” จึงเอาหลักฐานมาโชว์ว่าในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ ศปภ.ประกาศขออาสาสมัคร ทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้ประกาศขึ้นทางเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลเองว่า “ประกาศด่วน เกิดความสับสนว่าในขณะนี้โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเกิดปัญหาแนวกั้นน้ำท้ายโรงพยาบาลเสียหาย จนทำให้น้ำทะลักเข้าโรงพยาบาล ขอประกาศว่าขณะนี้สถานะการณ์ภายในโรงพยาบาลยังอยู่ในระดับปกติ ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงขอประกาศให้ทุกๆ ท่านทราบโดยทั่วกัน“  และทางโรงพยาบาลก็ได้ฝากข้อความแจ้งเตือนผ่านทางหน้าเพจ “อาสาสมัครเฝ้าจับตาสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพ” ว่า “อยากให้ผู้ดูแลช่วยตรวจสอบข้อมูลก่อนประกาศนะครับ เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลได้หากเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ความจริง”
       
       จากนั้นวันที่ 16 ต.ค. เวลา 01.23 น. ทาง ศปภ.ได้ออกคำชี้แจง เกี่ยวกับกรณีการประสานงานกับโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่า
       
       “ขอชี้แจงเกี่ยวกับควาามเข้าใจผิดในเรื่องของการประสานงานกับโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฯ ศปภ.ขอชี้แจงว่า การทำงานของเราค่อนข้างจะเร่งด่วนและเร่งรีบตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ของเราตระหนักอยู่เสมอว่า เราทำงานแข่งกับเวลาเพื่อให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย
       
       ในแต่ละวันจะมีเคสและกรณีที่มีลักษณะเชิงปั่นป่วนและชวนแตกตื่นอยู่มาก เราพยายามที่จะคัดกรองด้วยความระมัดระวัง เพราะหากสิ่งที่แจ้งเข้ามานั้นเป็นเรื่องจริง แต่เราเพิกเฉยนั่นคือชีวิตของคนทั้งคนที่เราละเลยต่อสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ เมื่อมีเคสต่างๆ แจ้งเข้ามา เราจะเร่งดำเนินการในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนก่อน เช่น กรณีที่ SOS ANIMALS Thailand แจ้งมาว่าอาสาสมัครที่เข้าไปช่วยสุนัขโดนกัดที่หมู่บ้านปาริชาต เราก็จะประสานยังเร่งด่วนทางวิทยุและติดตามผลตลอดเวลาจนอาการของอาสาสมัครรายนั้นปลอดภัย
       
       ขณะเดียวกัน หากมีประชาชนเข้ามาสอบถามเส้นทางการเดินทางไปในที่ต่างๆ ในเวลาที่พร้อมกัน แน่นอนว่าเราจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องแรกมากกว่าเพราะนั่นคือชีวิตของคนทั้งคน แต่เราก็ไม่ได้ละเลยกับการสอบถามเส้นทางเพียงแต่ในเวลาที่ต้องทำงานอย่างเร่งด่วนเช่นนี้เราจำเป็นที่จะต้องจัดลำดับความสำคัญ
       
       กรณีโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เราได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่าต้องการคนจำนวนมากในการกรอกทรายและมัดกระสอบทรายจำนวนมาก เมื่อเรารับเรื่องเข้ามาแล้ว เราพยายามที่จะตรวจสอบดูจาก Social network ต่างๆ ว่าข้อมูลที่ได้ทราบมานั้นจริงเท็จแค่ไหน ส่วนนี้ศปภ.ยอมรับในความผิดพลาดทั้งหมดที่ไม่ได้เช็คข้อมูลกับทางโรงพยาบาลให้ดีเสียแต่เนิ่นๆ จึงรีบประกาศออกไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและสถานที่นั้นคือ โรงพยาบาล เราจึงค่อนข้างมั่นใจในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นจะต้องรีบแจ้งออกไปให้ประชาชนช่วยเหลือ  ศปภ.ยอมที่จะโดยตำหนิหากเรื่องที่เราตือนแล้วไม่เกิด ดีกว่าเกิดแล้วไม่ได้เตือน จึงได้แจ้งออกไปและได้เตรียมที่จะหาอาสาสมัครจากทางดอนเมืองไปช่วยด้วยอีกแรง และเมื่อมีคนแจ้งเข้ามาว่าสถานการณ์ภายในโรงพยาบาลเป็นปกติ ศปภ.ก็รีบติดต่อกับทางโรงพยาบาลจึงได้รับการชี้แจงว่า ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ต้องการตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเราจึงรีบมาแจ้งยกเลิกประกาศที่แจ้งไป ตามความรับผิดชอบของเรา
       
       ศปภ.ขอยืนยันว่าเราไม่ได้มีเจตนาหรือหละหลวมในการตรวจสอบข้อมูลแต่ในสถานการณเช่นนี้ที่ทั่วทั้งประเทศกำลังต้องการความช่วยเหลือ สิ่งใดที่จะกระจายข่าวไปให้ภาคประชาชนได้รับทราบได้เร็วที่สุด เราก็ต้องทำ แต่เพราะยังมีผู้ไม่หวังดีและสร้างความปั่นป่วนอยู่อย่างต่อเนื่อง ศปภ.อยากจะขอความเห็นใจแทนพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนว่า ช่วยกันสอดส่องดูแลและปกป้องบ้านหลังนี้ดีกว่าที่จะสร้างความปั่นป่วน ศปภ.ยืนยันและมั่นใจในความเป็นกลาง เพราะเราทุกคนคือประชาชนคนไทย
       
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสว่าประชาชนต้องปลอดภัย  เราได้นำพระราชดำรัสนี้มาเป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเสมอมา ช่วยกันดูแลกันและกันนะครับ เรากำลังหามาตรการ การช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆให้รัดกุมกว่านี้ เมื่อได้แล้วจะแจ้งให้ทราบทันทีครับ   ขอขอบพระคุณที่ไว้วางใจเราตลอดเรา”







Manager

 

ผู้ว่าฯ กทม.เร่งทำคันกั้นยาว 6 กม. กันน้ำท่วมสายไหม-ดอนเมือง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2554 14:27 น.


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร

       ผู้ว่าฯ กทม.ห่วงพื้นที่เขตสายไหม-ดอนเมือง น้ำเพิ่มสูงขึ้น ประสานทหารสร้างคันกั้นน้ำคลอง 6 วา สูง 1 เมตร เพื่อป้องกันไว้แล้ว วอนกรมชลฯ ปิดประตูระบายน้ำคลอง 1
       
       วันนี้ (16 ต.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ทางเหนือของกรุงเทพมหานคร ในบริเวณเขตสายไหมและ เขตดอนเมือง เนื่องจากประตูน้ำคลอง 1 ยังคงเปิดอยู่ ซึ่งจะมีผลต่อการระบายน้ำของคลอง 6 วา เพราะหากยังเปิดอยู่เรื่อยๆ ระดับน้ำในคลองจะเพิ่มสูงขึ้นวันละ 2 เซนติเมตร และเกรงว่าปริมาณน้ำดังกล่าวจะส่งผลต่อพื้นที่ฝั่งตะวันออกของ กรุงเทพมหานครด้วย ดังนั้นจึงได้ประสานกับทางทหารเพื่อสร้างคันกั้นน้ำริมคลอง 6 วา ระยะทางยาว 6 กิโลเมตร สูง 1 เมตร เพื่อป้องกันแล้ว โดยจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ สายไหม ดอนเมือง รวมทั้งพื้นที่ตะวันออกด้วย
       
       “เราขอร้องกรมชลประทานทุกวัน แต่กลับไม่มีผล ซึ่งหากไม่ปิดก็ไม่เป็นไร แต่จะส่งผลกระทบต่อคน กทม.แน่ๆ ดังนั้น เราจึงต้องพึ่งตัวเอง โดยได้ขอความร่วมมือกับกองทัพบก ได้ส่งทหาร 50 นายมาช่วยทำคันกั้นน้ำบริเวณคลอง 6 วา ยาว 6 กิโลเมตร สูง 1 เมตร เพื่อป้องกันแล้ว โดยจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อพี่น้องชาวสายไหม ดอนเมือง รวมทั้งพื้นที่ตะวันออกด้วย” ผู้ว่าราชการ กทม.กล่าว
       
       ด้าน กรมชลประทาน สรุปภาพรวมมวลน้ำทั้งหมด ในวันที่ 16 ตุลาคม ว่าปริมาณน้ำยังทรงตัว และกำลังเคลื่อนเข้ากรุงเทพมหานคร ประกอบกับหลายพื้นที่ยังคงมีฝน ทำให้มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันรักษาคันกั้นน้ำให้ดีที่สุด พร้อมการเร่งระบายน้ำลงทะเลให้ได้มากที่สุด

 

ศปภ.​ แถลงยัน กทม.รอดน้ำท่วม​แน่




ที่ศูนย์ปฏิบัติ​การช่วย​เหลือ​ผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) นายธีระ วงษ์สุมทร รมว.​เกษตร​และสหกรณ์ ได้แถลงข่าวสถานการร์น้ำผ่านสถานี​โทรทัศน์รวม​การ​เฉพาะกิจ ยืนยันว่า

น้ำจะ​ไม่​เข้าท่วมพื้นที่กรุง​เทพฯ อย่าง​แน่นอน ​เนื่องจากมวลน้ำ​ทั้งหมดที่มาจากนครสวรรค์​ได้ผ่านกรุง​เทพฯ ​และออกสู่ทะ​เล​ไป​แล้ว โดยวัดระดับน้ำ​เจ้าพระยาที่สะพานพุทธ ​เมื่อวานนี้​เวลา 09.00 น. อยู่ที่ 2.29 ​เมตรจากระดับน้ำทะ​เลปานกลาง

ส่วนนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ​แม้มวลน้ำก้อน​ใหญ่จาก จ.นครสวรรค์ จะ​ได้ผ่านกรุง​เทพฯ ​และ​ไหลลงทะ​เล​ไป​แล้ว ตั้งแต่วานนี้ (15 ต.ค.) ​แต่ปริมาณน้ำ​ใน​แม่น้ำ​เจ้าพระยาจะทรงตัวอยู่อีกระยะ ​เนื่องจากน้ำที่ขังอยู่​ในทุ่งต่างๆ ​เป็นจำนวนมากจะ​ไหลลงสู่​แม่น้ำอย่างช้าๆ ​ซึ่งจะส่งผล​ทำ​ให้น้ำ​เจ้าพระยาทรงตัว

อย่าง​ไร​ก็ดี ต่อจากนี้น้ำทะ​เลจะหนุนสูงอีกครั้ง​ในช่วงปลาย​เดือน คือตั้ง​แต่วันที่ 28-30 ต.ค. ดังนั้น​จึงขอ​ความร่วมมือประชาชนว่าอย่ารื้อ​หรือ​ทำลาย​แนวคันกั้นน้ำ ​หรือ​แนวกระสอบทรายที่มีอยู่​เดิม ส่วน​แนวคันกั้นน้ำ​ใดที่​เป็นจุดอ่อน​ก็ขอ​ให้ช่วย​เสริม​ความ​แข็ง​แรง​เพิ่ม​เติม ​เพื่อป้องกันสถาน​การณ์น้ำ​ไปอีกระยะ

ด้านนายยศศักดิ์ คงมาก ​ผู้ช่วยปลัด กทม. กล่าว​ถึง​การ​เตรียมรับมือน้ำท่วมของกรุง​เทพฯ ว่า จุดอ่อน​เพียงจุด​เดียวของ กทม.​ในขณะนี้คือ พื้นที่ฝั่งตะวันออก ​ใน​เขตคลองสามวา มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง

​ซึ่งวันนี้​เจ้าหน้าที่ของ กทม.จะระดมกำลังสร้างคันอีกชั้นด้วย​การ​เสริม​แบริ​เออร์​เพื่อ​เพิ่ม​ความ​แข็ง​แรง​ใน​การป้องกันน้ำที่คลองหกวาตอนล่าง ​ความยาวประมาณ 6 กม. ​เพื่อป้องกัน​ไม่​ให้น้ำที่จะ​ไหลลงมาจากทาง​เหนือ​เข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าว​ได้

ส่วนประชาชนริมฝั่ง​แม่น้ำ​เจ้าพระยา​ในกทม. จะมี​เขื่อนรองรับน้ำ​เหนือ​และน้ำทะ​เลหนุน​ได้ 100% ​แล้ว ขณะที่พื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก ​ได้รับ​ความร่วมมือ​เป็นอย่างดีจากกองทัพ​เรือ ที่ช่วย​ทำ​แนวคันป้องกั้นน้ำ​ในคลองทวีวัฒนา​ได้​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว

 

Mthai News


น้ำจะ​ไม่​เข้าท่วมพื้นที่กรุง​เทพฯ อย่าง​แน่นอน ​เนื่องจากมวลน้ำ​ทั้งหมดที่มาจากนครสวรรค์​ได้ผ่านกรุง​เทพฯ ​และออกสู่ทะ​เล​ไป​แล้ว

เรื่องจริงรึเปล่า ถ้าจริงก็คงเป็นนิมิตหมายที่ดี ^_^

 

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ TiMaGiFT
มธ.รังสิต น้ำล้อม 4 ด้านแล้วค่ะ แต่ละด้านน้ำยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำน่าจะขึ้นสูงเย็นวันนี้กับพรุ่งนี้บ่าย ถ้าผ่าน 2 ช่วงนี้ไปได้เราจะปลอดภัย @ FB อธิการฯค่ะ
</td> </tr> </tbody></table>

วันนี้ลองไปสำรวจพื้นที่...แถบ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต / พระอินทร์ราชา...ครับ

- ทางด่วนไปสุดทางได้แค่...เชียงรากน้อย เพราะ..ปิดทางลงด่วนบางปะอิน...อันเนื่องจากปริมาณน้ำมาก




- ถนนด้านข้าง ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เริ่มมีน้ำท่วม...เจ้าหน้าที่เร่งวางกระสอบทราย










- หน้า ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เริ่มมีน้ำท่วม





- ภายใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต อาสาสมัคร...ช่วยกันบรรจุทราย...สร้างแนวป้องกัน







- หน้าโรงงาน มินิแบร์ (บริเวณใกล้เคียง...ก็เริ่มทำแนวป้องกัน)









- พระอินทร์ราชา...ปิดเส้นทางไปสระบุรี บางปะอิน...ต้องกลับรถอย่างเดียว










- ถนนคู่ขนานฝั่งขาเข้า...มีน้ำท่วมแล้ว













- สถานีรถไฟรังสิต และหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์








- ถนนรังสิต-ปทุมธานี...น้ำเริ่มล้นตลิ่ง

 

ตอนนี้น้ำที่...ประตูน้ำพระอินทร์ราชา...มากขึ้น...และท่วมบริเวณชุมชนใกล้เคียง

ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต...2 วันก่อน....แห้ง....แต่วันนี้มีน้ำเข้ามาได้...ทั้งๆที่...ประตูน้ำบ้านคลองพร้าวซ่อมเสร็จแล้ว

คำตอบคือ...ยังไม่วางใจ...ครับ

 

“เราขอร้องกรมชลประทานทุกวัน แต่กลับไม่มีผล ซึ่งหากไม่ปิดก็ไม่เป็นไร แต่จะส่งผลกระทบต่อคน กทม.แน่ๆ ดังนั้น เราจึงต้องพึ่งตัวเอง โดยได้ขอความร่วมมือกับกองทัพบก ได้ส่งทหาร 50 นายมาช่วยทำคันกั้นน้ำบริเวณคลอง 6 วา ยาว 6 กิโลเมตร สูง 1 เมตร เพื่อป้องกันแล้ว โดยจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อพี่น้องชาวสายไหม ดอนเมือง รวมทั้งพื้นที่ตะวันออกด้วย” ผู้ว่าราชการ กทม.กล่าว

เล่นอะไรกันยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ชลประทานมีญาติอยู่ในกทม.เยอะแยะจะไม่ช่วยรักษา กทม.ได้ไง แปลก ๆ

 

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/UQm3RsmfGW4?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/UQm3RsmfGW4?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ziPmaJs_VHw?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/ziPmaJs_VHw?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/cY-94d8xfDE?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/cY-94d8xfDE?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

 

เมืองปทุมฯน้ำทะลัก ท่วมคลองหนึ่ง-ตลาดไท จราจรติดหนัก






เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 15 ต.ค.กระแสน้ำยังคงทะลักเข้าพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่บริเวณถนนเลียบริมคลองหนึ่งฝั่งคลองหลวง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง และถนนเลียบคลองสองฝั่งตลาดไท ไปจนถึงคลองระพีพัฒน์ โดยน้ำได้เอ่อล้นไหลข้ามถนนเกือบทั้งเส้นมุ่งหน้าเข้าตลาดไททางด้านหลัง ส่วนที่บริเวณคลองหนึ่งที่รับน้ำจากประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชาโดยตรง น้ำได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งคลอง รวมถึงศูนย์ดับเพลิงของเทศบาลเมืองท่าโขลง ซึ่งระดับน้ำได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 50-80 ซม.



ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทางด้านประชาชนและทหารกว่า 1,000 คน ได้ช่วยกันกรอกกระสอบทราย แล้วนำไปทำแนวกันน้ำที่เอ่อล้นมาจากคลองเปรมประชากร และคลองระพีพัฒน์ ที่อ้อมมาทางด้านหลัง ใกล้เคียงกับวัดพืชนิมิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ซึ่งระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร บริเวณนอกแนวกั้นน้ำ

ส่วนที่ ซ.คลองหลวง 7,9,11 และ 13 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ได้มีน้ำจากคลองเปรมประชากรเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ท้ายซอย และเข้าท่วมชุมชนแปดไร่ ที่มีบ้านเรือนประชาชนอยู่กันกว่า 2,000 หลังคาเรือนถูกน้ำเข้าท่วมจนหมด และน้ำได้ไหลเอ่อเข้าสู่ถนนพหลโยธินขาออกทางคู่ขนานยาวไปถึงบริเวณ ซ.คลองหลวง 13 ทำให้ช่วงบริเวณดังกล่าวมีการจราจรติดขัด




อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลังคาเรือน ในชุมชนแปดไร่ หรือ ซ.คลองหลวง 9 ถ.พหลโยธิน(ขาออก) ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ช่วยกันนำถังน้ำมาตักน้ำที่ท่วมบ้านเพื่อดับไฟ ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบบ้านต้นเพลิงพบว่าไม่มีคนอยู่ เนื่องจากอพยพหนีน้ำไปอยู่กับญาติ โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร

 

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐออนไลน์
16 ตุลาคม 2554, 18:06 น.