ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

Dear Pee Wan,

Yike! What a test! Scary scene.
I am glad Dr. Alex can dictate roasting turkey afterward.
In Thailand we have to ask "Which Luang Por he was wearing?"

Look like you pass with a flying color.
Ar-numotana ka.

 

sutatip_b : In Thailand we have to ask "Which Luang Por he was wearing?"

Digital : Luang Por UFO ka'.
My husband (Alex) has gotten protection of the System.

Digital : We do not have any image Buddha in our car.


รูปแบบการถามตอบ เลียนแบบคุณไอยค่ะ

 

หลังจากรออยู่นานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจานบินจะมาซักที ป้าสิกะป้าแตงก็ตัดสินใจทำท่าสัญลักษณ์เพื่อเชิญจานบิน

 

จานบินก็ยังไม่มาแต่ว่าดวงมาเพียบเลย

 

จารโม่ลองเชิญดูบ้างก็ยังไม่มา

 

พี่เทพกัญญาลองเชิญดูบ้างก็ยังไม่มา

 

จารเม้าลองอีกคนก็ยังไม่มา

 

<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>








<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

ขออนุโมทนากับเพื่อนกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยทุกท่าน ที่ได้ไปประมวลพลังที่เขากะลา และรวมทั้งท่านที่ไม่ได้ไปด้วยค่ะ

เห็นมีเทพพรหมเทวา มาอนุโมนา และปรากฎให้เห็นเป็นดวงกลมๆ ใหญ่เล็ก สว่างมากน้อยตามลำดับ มากันมากมายทีเดียว ซึ่งท่านก็ไม่เที่ยง มีเกิด มีตายเช่นกัน

รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่มีประสบการณ์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีหลากหลายรสชาด ที่ระบบได้ส่งคลื่นหลายอย่างปรากฎให้เห็นด้วยตาเนื้อ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป

รวมทั้งคลื่นการแยกขันธ์ ๕ ว่ามันไม่ใช่เรา มายังผู้ที่กำลังประมวลพลัง ดูเหมือนว่า ในฉากนี้ อ.Mountain จะเป็นตัวเอกฝ่ายชาย และคุณศศะ แตงโม จะเป็นตัวเอกฝ่ายหญิง

และได้ทราบจากการสนทนากับอ.สุดใจ ทางโทรศัพท์ว่า มีหลายๆ ท่านทีเดียว ที่ได้ละวางตัวตนได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว การละวางที่จะต้องรองรับกับเหตุการณ์อันน่าสะหยดสยอง ขณะเกิดภัยพิบัติ ในการประสานงานกับมนุษย์ต่างดาวเพื่อช่วยเหลือมนุษย์สัตว์โลก โดยที่ไม่ทุกข์ไม่มีสุขขณะทำงานค่ะ
เรื่องนี้ต้องขอ อนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ

 

คิดมุขอย่างนี้ได้ยังไงคะท่านอาวุโส โน นาย ขำ ขำ และขำ

 

จารหนุ่ย ใช้คีมยี่ห้ออะไรบอกกันมั่งซิ จะได้ลบรอเท้ากาบนใบหน้า ให้แลดูหนุ่มขึ้นหน่อย

 

<LEGEND></LEGEND>


ประมวลพลังเที่ยวนี้ มีงานซ้อนเข้ามาอีกหนึ่งงาน คือ
"มหกรรมชุมนุมดวง ?"<!-- / attachments --><!-- sig -->

 

เยี่ยมเมืองลับแล เขากะลา ครั้งที่ ๒

1.


29/11/51
หลังจากเสร็จการประมวลพลังแล้ว
ทุกคนลงมาหาอะไรร้อนๆดื่มเพื่อดับความหนาวเย็นให้เบาบางลง
สักพัก ก็มีการชักชวนกันขึ้นไปนั่งสมาธิบนลานปากทางเข้าเมืองลับแล
ครั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจกันมากเป็นพิเศษ
มากจนจำไม่ได้หมดว่ามีใครบ้าง
แต่ที่แน่ๆ มีจารป้าศจี อาวุโสสูงสุด อยู่ด้วยคนหนึ่งละ

คณะทัวร์ชมเมืองลับแล เข้านั่งประจำที่
มีการกล่าวขออนุญาต เจ้าที่เจ้าทาง
เจ้าผู้เฝ้าประตูเมือง ขอให้พวกเราได้แวะเข้าชมเมืองอีกสักครั้ง
ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ดี ของการจะไปไหนมาไหนต้องบอกกล่าว
เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
เพราะอาจเกิดอันตรายต่อผู้เข้าเยี่ยมชมได้

คืนนี้เป็นคืนที่หนาวเย็น ผิดจากครั้งก่อน
สายลมเย็นพัดผ่านมาเป็นระยะๆ
พวกเราต้องหาเสื้อผ้าอย่างหนามากันหนาว

เมื่อจิตสงบเข้าสู่สมาธิ
ภาพผู้เฝ้าประตูเมืองก็ปรากฏขึ้นมาทันที
แต่ไม่ใช่ผู้เฝ้าประตู เหมือนเช่นที่เห็นครั้งที่แล้ว
ลักษณะดูแล้ว บอกได้ทันทีว่า
เหมือนสัตว์ประหลาดในหนังญี่ปุ่น
ที่เราเคยดูสมัยเด็กๆ เรียกกันว่า ก๊อตซิลล่า
เอ..แล้วเขามาได้ยังไง ยังนึกขำ

 

2.

เมื่อเห็นเจ้าที่ก๊อตซิลล่า ปรากฏกายขึ้นมา
จึงกำหนดนึกในใจ บอกกล่าวขออนุญาต เข้าชมเมืองลับแล
เจ้าที่ทำเป็นเมิน ไม่หันมามอง
ทำท่าเหมือนกำลังไซ้ขน ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีขนเลยแม้แต่เส้นเดียว
แกแสดงให้เห็นอยู่ตั้งนาน แต่เราก็ไม่เบื่อ
เมื่อแกอยากให้ชม ฉันก็ชม อย่ามายั่วให้ฉันหงุดหงิดเลย
ไม่สำเร็จหรอก เพราะอาจารย์สุดใจ สอนมาดี

เมื่อเจ้าที่ เห็นความอดทนของเรา
จึงอนุญาตให้ผ่านด่านประตูเมืองเข้าไปได้
พอผ่านทะลุประตูเมืองเข้าไป
เหมือนตัวลอยอยู่กลางอากาศ เหนือทิวเขาที่สลับซับซ้อน
ค่อยๆล่องลอย ลึกเข้าไปๆ และต่ำลงๆ

ปรากฏภาพของสายรุ้งเจ็ดสีที่เกิดจากละอองน้ำตก
เป็นน้ำตกที่สูงใหญ่มาก มีอยู่กระจายไปทั่วป่า ในหุบเขา
เมื่อเข้าไปใกล้น้ำตกใหญ่ที่มีม่านน้ำตกแผ่กว้าง
ได้สัมผัสถึงไอเย็นจากละอองน้ำ รายล้อมไปด้วยสีสัน
ของสายรุ้ง หลายเส้นสาย ราวดั่งเมืองเนรมิต

และแล้ว ชั่วพริบตา เราได้ทะลุผ่านม่านน้ำตกเข้าไป
หลังม่านน้ำตก เป็นเมืองใหญ่ ที่ไม่เคยเห็นเหมือนเช่นครั้งก่อน
สภาพเมืองเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว และสองชั้น สลับกันไป
แต่ละหลังอยู่ใกล้ชิดกัน แทบจะไม่เห็นทางเดิน
บรรยากาศ เหมือนหมู่บ้านที่มีความเป็นอยู่แบบพอเพียง
แต่ไม่ยักเห็นผู้คน

ขณะมองหาคนในหมู่บ้านอยู่นั้น
ก็ปรากฏภาพสัตว์ชนิดหนึ่งที่เราคุ้นๆตากันบนโลกมนุษย์
แต่มันมีความสามารถพิเศษ ที่สัตว์ชนิดนี้บนโลกทำไม่ได้
ค่อยๆย่องไปดูกัน เดี๋ยวมันจะตื่น...

 

3.

สัตว์ที่ว่านี้ คือ ไก่
ที่มนุษย์โลกนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเวอร์ชั่น
ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ทอด ย่าง
เป็นอาหารอันโอชะ ถูกปาก ถูกลิ้น ลงคอ ได้อย่างราบรื่น

แต่ไก่ที่เมืองลับแล ไม่เหมือนไก่โลก คือ
มีขนปุยสีเหลืองนุ่มน่าลูบไล้
มีปีกใหญ่ และบินได้สูงเหมือนนก
ตรงนี้คือความสามารถพิเศษที่ ไก่โลก ทำไม่ได้
ไก่โลก จึงถูกมนุษย์โลก นำมาทำอาหารได้ไม่ยาก

เขาฉายให้เห็นภาพบ้านเมือง ชาวลับแล ยุคพอเพียง อยู่นาน
นานเหมือนกับจะลองใจอีกแล้ว ว่า จะทนไหวไหม
ถ้าไม่ไหว ก็จะได้รีบๆ ออกจากสมาธิไป
แต่บททดสอบนี้ใช้กับผมไม่ได้หรอกครับ
ก็อย่างที่ว่า ผมได้อาจารย์ดี
แล้วอาจารย์ดี ที่ผมว่า ก็กำลังจับตามองพวกเราอยู่ใกล้ๆนี่เอง

 

4.

หลุดจากหมู่บ้านลับแล พอเพียง
เขาก็พาไปชมอีกหมู่บ้านหนึ่ง
ซึ่งมีสภาพตรงกันข้ามกับหมู่บ้านพอเพียง อย่างสิ้นเชิง
หมู่บ้านที่เห็นอยู่ ณ ขณะนี้
ลักษณะอาคาร เป็นทรงแปลกๆ
มีทั้งกลมๆ รีๆ ยึดอยู่กับผิวดินบ้าง
ลอยอยู่บนอากาศบ้าง กระจายเป็นวงกว้าง
ไม่แออัด เหมือนหมู่บ้านแรกที่เห็น

มองดูหมู่บ้านนี้แล้ว ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง ยุคจรวด
เป็นหนังการ์ตูน สร้างจากจินตนาการ เมื่อสัก 30 กว่าปีมาแล้ว
ผิดกันนิดเดียวที่อาคารต่างๆ ของเขาไม่มีเหลี่ยมมุม เลย
ที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น เหมือนฟองสบู่ขนาดใหญ่
แต่เป็นสีทึบ ออกขาวขุ่นๆ

เมื่อได้เห็นทั้งเมืองพอเพียง และเมืองแฟนตาซีแล้ว
จึงกำหนดจิตถามไปว่า แล้วคน ไปไหนกันหมด
มาทีไร ไม่เคยเห็นสักที
เท่านั้นแหละครับ ได้เรื่องเลย
เขาส่งภาพมาให้เห็นทันทีว่า มีเหมือนกัน คนเป็นๆนะ
แล้วคนแรกที่ส่งมาให้เห็น เป็นผู้หญิง
รูปร่าง หน้าตา และการแต่งกาย เป็นอย่างไร
เรามาติดตามกันในตอนต่อไป

 

เตรียมตัวสวดมนต์ที่ลานหน้าพระประธาน

 

สวดมนต์ที่ลานหน้าพระประธาน

 

สวดมนต์ที่ลานหน้าพระประธาน

 

คุณกรึงไกรและครอบครัวมาพร้อมจารเอ(A41)เติมพลังก่อนขึ้นประมวลพลัง

 

เตรียมตัวประมวลพลังกันหนาวกันยุงกันเต็มที่