ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ออกจากศาลาใหญ่ ไปกราบหลวงปู่ทวดที่วิหารด้านนอก
องค์หลวงปู่นี้ สร้างได้สวยมาก เท่าที่เคยเห็นมา

 

ก่อนกลับ แวะบูชาพระหลวงปู่ทวด เพื่อร่วมสร้างรูปหล่อใหญ่ ปางธุดงค์
คนละเล็กละน้อย มีอยู่องค์คือ ปางธุดงค์ ที่เห็นในภาพ เขาบอกว่า
มีคนมาบูชาแล้ว ทำมาค้าขายร่ำรวย กลับมาบูชาอีก...พวกเราก็เล้งๆไว้เหมือนกัน แต่ด้วยปัจจัย ยังไม่เอื้ออำนวย เลยต้องขอฝากทางวัดไว้ก่อน หากรวบรวมปัจจัยได้ครบเมื่อไหร่ คงได้กลับมานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วย

 

ออกจากวัดแค เราก็มุ่งดิ่ง ตรงสู่วัดคีรีสวรรค์ เพื่อร่วมกันถวายพระพุทธรูป ที่พี่เทพกัญญา ตั้งใจนำมาถวาย พร้อมร่วมกันรวบรวมปัจจัยไทยทาน ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้วัฒนาถาวรตลอดไป แก่คณะชาวเขากะลา

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 30 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 24 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>MOUNTAIN*, A.41, Isvara, Mr.Kim+, time_machine, ณ.


หลังจากเสร็จพิธีถวายพระพุทธรูปแล้ว พวกเราก็ขับรถขึ้นเขากะลา โดยพร้อมเพรียงกัน ในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ
คืนนั้น พระจันทร์เต็มดวง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 วันพระไทย พระจีนตรงกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

บรรยากาศงานกลางคืน ดูจากกล้องท่านอื่นนะครับ เพราะกล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกไม่ได้ครับ....ในส่วนนี้ขอข้ามไปบรรยากาศตอนเช้าที่หนาวเย็นยะเยือก
หลังจากนอนหนาว ถูกลมกรรโชกมาอย่างแรงตลอดทั้งคืน

มีภาพงามๆของจารย์ป้าศจี ยามเช้า มาให้ชมครับ

 

พี่เทพกัญญา หลบมานั่งสมาธิรับพลังจากพระอาทิตย์ ยามรุ่งอรุณ
อย่างโดดเดียว แต่ไม่เดียวดาย เพราะรอบข้างเต็มไปด้วย..........

 

ณ.ส่งรูปทั้งหมดให้จารหนุ่ยช่วยโพสต์ เยอะมาก หุหุ
แต่ขอโพสต์ในส่วนของบรรยากาศสวยๆของเขากะลาแทนละกันนะ

*บรรยากาศยามค่ำคืนที่เย็นฉ่ำ*

 

คุณลุงธนันต์ อาวุโสเขากะลา รุ่น 1 ปีนี้เพิ่งย่าง 81 ปี
เมื่อ มีนาคม 2550 ประสบอุบัติเหตุ ล้อหลังรถเมล์ทับขาซ้าย
แต่แปลกกระดูกไม่หัก มีแต่ผิวหนังเท่านั้น ที่หมอต้อง ตัดตรงโน้นมาปะ
ตัดตรงนี้มาปะ อย่างกะปะผุตัวถังรถยนต์แหนะ ปัจจุบันเดินเหิรได้สะดวก โดยมีไม้เท้าเพียงอันเดียวช่วยค้ำยันเล็กน้อย
คุณลุงบอกว่า ระบบช่วยไว้ ไม่งั้นไม่ได้มานั่งโชว์ขา ที่มีร่องรอยเหลือไว้ให้ดูเป็นอนุสรณ์ของสังขารขันธ์ห้า ที่ไม่ใช่ของเรา

 

ถ่ายรูปร่วมกันก่อนอำลาลงจากเขา
เหลือไว้เพียงความทรงจำ คิดขึ้นมาได้เมื่อไร ก็คือสัญญา
ชิ้นส่วนหนึ่งของขันธ์ห้า มันทำงานตามกลไกของมันอย่างนั้นเอง

 

ขากลับ คณะพี่ใหญ่93 สุดหล่อ เท่ห์ระเบิด มาร่วมด้วยอีก 1 ท่าน
ดูเฉลยจากภาพครับ

 

ลงถึงตีนเขา ไม่ลืมที่จะแวะกินก๋วยเตี๋ยวเขากะลา ที่อร่อยที่สุด
หาคู่แข่งไม่ได้ จารป้าศจี ออกปากชมว่า น้ำซุปสุดแสนอร่อย
เลยต้องขอเบิ้ลเป็นชามที่สอง ทำเอาหลายคนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่
เมื่อเห็นจารป้า เจริญอาหาร

 

รายนี้กินเตี๋ยวเสร็จ ขอนอนพักเอาแรงสักงีบ
ทางร้านเขาก็มีบริการ เปลญวน เอาไว้ให้
สังเกตให้ดีว่า นอนลืมตา หรือหลับตา เพราะดูไม่ออกจริงๆ

 

ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเขากะลา ด้วยความอาลัยอำลา
คณะ พี่ใหญ่93 และคณะพี่ต๋อย ออกเดินทางสู่ วัดขุนสงฆ์ ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยมีจารหนุ่ย เป็นไกด์กิติมศักดิ์ มีอภิสิทธิ์(หนุนหลัง)
จึงทำให้พวกเราได้กินข้าววัดกันอย่างอเร็ดอร่อย กับข้าว 7 อย่าง
ของหวาน 2 จาน อาหารมังสวิรัติ 2 ชุด กาแฟ โอวัลติน ไม่อั้น

ตอนนี้พาชมบริเวณรอบๆวัดไปพลางๆ ระหว่างรอคิวเข้าพบพระอาจารย์มนตรี

 

ภายในโบสถ์มหาอุตม์ เป็นที่บวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคล

 

ดวงจันทร์เคลื่อนตัวแอบหลังเขา
ท้องฟ้าเริ่มกระจ่างขึ้น...แต่ยังไม่เห็นดวงอาทิตย์

 

ชมโบสถ์มหาอุตม์ ด้วยความสนใจ

 

ภาพพระอาจารย์มนตรี เจ้าอาวาสวัดขุนสงฆ์

 

ตึกอาคารสถานที่ประกอบพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร
มีภาพหลวงพ่อฤๅษี ตั้งบูชาอยู่ด้วย

 

บริเวณลานกว้างภายในวัด มีพระพุทธรูปรายรอบ