ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    ต้องมีเรตแบบนี้หรือเปล่า อ.โม่



    [​IMG]
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    <TABLE class=style9 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=766 bgColor=#3b3b3b border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=89><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=center align=middle><TD vAlign=top colSpan=6 height=23><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=715 background=../../Images/CityTour/watmahabudth/bg2.gif>วัดมหาบุศย์ วัดแม่นาคพระโขนง : Wat Mahabudth, Ghost House of Maenak Prakhanong

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=200><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#2a2a2a border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=top width=766 height=200><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#191919 border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=766 bgColor=#292929 height=200>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    28 ภาพ คลิกเลย
    </TD></TR><!--DWLayoutTable--></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=1447><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR vAlign=center><TD vAlign=top colSpan=3 height=58>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=67 height=181>[​IMG]</TD><TD class="fontSize13 style80" vAlign=top width=643 rowSpan=2>

    วัดมหาบุศย์ วัดแม่นาคพระโขนง



    โฟโต้ออนทัวร์คราวนี้อาจมาแปลกกว่าทุกครั้ง จะพาไปเที่ยววัดที่หลายคนได้ยินแล้วอาจขนหัวลุก นั้นก็คือวัดแม่นาคพระโขนง หรือวัดมหาบุศย์ ซึ่งไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปร่วมงานสวดอภิธรรมหรืองานศพของบิดาเพื่อนพนักงาน ในค่ำคืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549
    วัดมหาบุศย์ผมไม่เคยได้ยินและไม่รู้จักมาก่อน แต่เมื่อมาถึงวัดแล้วก็ถึงบางอ้อว่านี่หรือ เป็นวัดที่มีประวัติของแม่นาคพระโขนงอันลือลั่นไปทั่วไทยวัดนี้อยู่แถวๆอ่อนนุชเขตพระโขนงนี้เอง แถมมีรถไฟฟ้ามาถึงด้วย (เข้าใจว่าน่าจะเป็นสถานีปลายทาง)
    จากปากซอยอ่อนนุช7 มาประมาณ 100 เมตร เลี้ยวซ้ายมาอีกหน่อยก็ถึงวัดแล้ว ไม่ได้อยู่ลึกลับซับซ้อนหรืออยู่ในที่มีบรรยากาศน่ากลัวเหมือนที่คิด และไม่ห่างจากลานจอดรถก็เห็นเงามืดของตึกกำลังก่อสร้างหลังใหญ่สูงราว 20 ชั้น โผล่พ้นยอดไม้ริมกำแพงวัด ซึ่งอนาคตคงหนีไม่พ้นที่จะถูกล้อมด้วยตึกสูงๆ เหมือนกับวัดในใจกลางกรุงเทพ
    นี่คือวัดมหาบุศย์ที่ตามเนื้อเรื่องแม่นาคพระโขนงบอกว่าเป็นท้องทุ่งที่ไม่ค่อยมีบ้านคนมากนัก และแทบไม่น่าเชื่อว่าจากจุดเริ่มต้น ณ แห่งนี้ ได้มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนต์อยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ยุคภาพยนต์ขาว - ดำ มาจนถึงยุคปัจจุบันที่ประชาชนหลายฝ่ายเรียกร้องให้
    ผู้นำประเทศลาออกอันเนื่องมาจากขาดจริยธรรมและขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
    พี่มาก ขาๆๆๆ.....คำพูดที่แม่นาคเรียกผัวของตนเองอย่างโหยหวน พูดช้าๆลากเสียงยาวๆ และยังมีเสียงหมาหอนอีกด้วย ใครได้ยินแล้วก็อาจขนลุก หรือใครดูภาพยนต์เรื่องนี้จากทีวีก็คงต้องหาคนอื่นมานั่งดูเป็นเพื่อนด้วย (จะได้ตื่นกลัวเหมือนๆกัน)
    เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่นำมาสร้างจนเกือบจะพูดได้ว่าเป็นหนังผีที่อยู่คู่สังคมไทย หรือเป็นหนังผีประจำชาติว่างั้นเถอะ และหากมีการโหวตให้คะแนนความน่ากลัวกันแล้ว เรื่องแม่นาคพระโขนงก็คงจะกินขาดอย่างไม่ต้องสงสัย หนังผีปอบ ผีหัวขาด หรือผีสามบาท ผีสามสลึงอะไรนั้นนะ ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าแม่นาคเป็นแน่ ยิ่งเป็นตอนที่พ่อมากทำช้อนตกลงใต้ถุนเรือนและแม่นาคก็เอื้อมมือยาวๆลงไปเก็บด้วยความรวดเร็ว ถือเป็นฉากที่ทุกคนคงจะจำกันได้
    มีบางคนบอกว่าเรื่องแม่นาคคลายความขลังความน่ากลัวลงไปเยอะ ตั้งแต่ผู้สร้างได้เอาดาวโป้ ดาวยั่ว มาเล่นเป็นบทนางนาค นักวิเคราะห์เรื่องผีๆจึงฝันธงลงไปว่า เป็นไปได้ที่ผู้ชมคิดว่าเป็นหนังเรตอาร์ อารมณ์ของความกลัวจึงไม่เกิดขึ้น มีแต่จะปะทุเป็นอารมณ์อย่างอื่น และจะคอยจ้องดูแต่ฉากยั่วยวนของนางนาคมากกว่า ผมไม่ได้ดูในตอนนั้นจึงมิบังอาจออกความเห็นได้ เคยดูแต่เรื่องประเภทผีน้ำมันพราย ที่เค้าโครงเรื่องเป็นหนังผีแต่ผู้สร้างคงหวังดี ไม่อยากให้เกิดความน่ากลัว จึงแทรกบทยั่วกิเลสยั่วอารมณ์กันทั้งเรื่อง เพื่อสื่อให้เห็นอิทธิฤทธิ์ของน้ำมันพรายว่ามันได้ผลและร้ายกาจขนาดไหน หนังผีแบบไทยๆก็เป็นเช่นนี้แหละ เรื่องไหนเรื่องนั้น ไม่มีบทยั่วก็มีบทขำกลิ้ง ที่เรียกเสียงฮากันทั้งโรง หนังผีจึงกลายเป็นหนังตลกไป และไม่น่ากลัวเหมือนที่คิด
    วัดมหาบุศย์เป็นวัดเก่าแก่อยู่ในเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร สร้างใน พ.ศ. 2305 หรือสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ถึงปัจจุบันก็มีอายุสองร้อยกว่าปีแล้ว ในเรื่องแม่นาคพระโขนงก็ได้มีการกล่าวถึงวัดนี้ตอนที่พ่อมากหนีนางนาคออกมาจากบ้าน และได้มาอาศัยวัดนี้หลบซ่อน หลังรู้ว่าภรรยาของตนเป็นผีตายทั้งกลม นางนาคได้ออกตามหาผัวอันเป็นสุดที่รัก แต่ไม่สามารถเข้ามาในวัดได้ จึงต้องมาหลอกหลอนผู้สัญจรผ่านไปมาด้วยความโกรธแค้น
    ตำนานแม่นาคจะมีจริง หรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่เรื่องราวแม่นาคพระโขนงมีมานานนับร้อยๆปีแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆทุกวันนี้ศาลแม่นาคที่อยู่หลังวัดกลายเป็นแหล่งที่พึ่งทางใจ และเป็นสถานที่แสวงโชคของผู้อยากรวยทางลัดไปแล้ว
    คนที่เคยมาวัดนี้เล่าให้ฟังว่าในคืนก่อนวันหวยออก บริเวณศาลอันเป็นที่สิงสถิตของแม่นาค จะมีประชาชนเป็นจำนวนมากพากันมากราบไหว้พร้อมกับขูดหาเลขที่ต้นตะเตียนข้างศาล ซึ่งเป็นต้นเก่าต้นแก่ที่แห้งตายจนเหลือแต่ตอ ตะเคียนต้นนี้ถูกทาด้วยน้ำมัน ถูกลนด้วยเทียนไข และถูกถูไม่รู้กี่ร้อยกี่พันนิ้วมือ จนลำต้นเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำมีรูปร่างแปลกๆ
    การบูชาแม่นาค (ซึ่งบางแห่งก็เขียนป้าย "ย่านาค" ) มีหลายรูปแบบ เช่นอาจซื้อผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกมาพันรอบต้นไม้ บางคนก็ซื้อของไหว้เช่นชุดไทย สำหรับแม่นาค หรือชุดเด็กและของเล่นเด็กสำหรับลูกแม่นาค(ที่ตายทั้งกลม) หรือบางคนก็เอารูปวาดที่จินตนาการว่าเป็นแม่นาคมามอบให้ ซึ่งรูปแบบการบูชาแม่นาคนี้ ก็อาจแตกต่างไปจากที่อื่นๆ และที่แปลกก็คือมีคนซื้อโทรทัศน์จอใหญ่มาเปิดให้แม่นาคได้ดูด้วย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว
    ความเชื่อ ความชอบ ในสิ่งเหล่านี้หลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องแปลก บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เป็นเรื่องของคนสิ้นหวังขาดที่พึ่งแต่เรื่องนี้คงไปว่าใครไม่ได้ ทุกคนมีเหตุผล มีความเชื่อเป็นการส่วนตัว และเป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน
    โฟโต้ออนทัวร์นำภาพมาลงเวปไซต์ในเมนู City tour เพื่อให้เห็นความแปลกที่เกิดขึ้นในรอบๆสังคมที่เราอยู่ ใครจะเชื่อ และอยากเดินทางไปถูต้นตะเคียนด้วยมือตนเองเพื่อหาเลขเด็ดก็ตามใจ ใครอยากไปเที่ยวหรือไปถ่ายภาพก็ตามสะดวก และอย่าลืมนะครับถ้าจะมาแสวงโชคกันแล้วผู้สันทัดกรณีที่ไม่ประสงค์จะออกนามแนะนำว่าควรจะมาตอนกลางคืน ยิ่งดึก ก็อาจเห็นตัวเลขชัดขึ้น
    เรื่องจริงนะครับ...ไม่ได้โม้ (เหมือนสมรักษ์) แน่นอน



    เวปมาสเตอร์
    โฟโต้ออนทัวร์
    27 กุมภาพันธ์ 2549

    (ภาพทั้งหมดนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล)


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    เรื่องราวโดยย่อของแม่นาตพระโขนง

    ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีสามีภรรยาที่รักกันมากคู่หนึ่งอาศัยอยู่ริมคลองวัดมหาบุศย์เขตพระโขนง ภรรยาชื่อนาค สามีชื่อทิดมาก ทั้งคู่ปลูกเรือนหลังเล็กๆ อยู่ห่างไกลจากผู้คนมาพอสมควร เมื่ออยู่กันได้ไม่นานนางนาคก็ตั้งท้องขณะที่บ้านเมืองกำลังเกิดศึกสงคราม ทิดมากจึงถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหาร และต้องออกรบยังต่างเมือง ไม่นานนางนาคก็คลอดลูกกับหมอตำแยโดยทิดมากไม่ได้อยู่ดูแล โชคร้ายที่นางนาคเจ็บท้องจนทนไม่ไหวจึงสิ้นใจตายพร้อมลูกในท้องในเวลาต่อมา แต่ด้วยความรักที่มีต่อผัวจึงไม่ยอมไปผุดไปเกิด และรอวันที่ผัวจะกลับมา ระหว่างนั้นก็เที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านจนหวาดกลัวไปทั่ว

    วันขึ้น 15 ค่ำ ทิดมากกลับมาในเวลาพลบค่ำแต่ก็ยังพอเห็นทางเดินแบบลางๆ เนื่องจากเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เมื่อถึงบ้านก็เห็นแม่นาคนั่งร้องเพลงกล่อมลูกอยู่ที่เรือนชานก็รู้สึกดีใจรีบวิ่งไปหาลูกเมีย แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวที่ร่างกายนางนาคเย็นผิดปกติ ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก ระหว่างนั้นแม่นาคก็จัดแจงยกสำรับกับข้าวออกมาให้ผัวกินและก็บังเอิญที่ทิดมากทำช้อนตกลงพื้นเรือนแม่นาคจึงเอื้อมมือ
    ไปเก็บอย่างรวดเร็วทำให้ทิดมากรู้สึกแปลกใจ
    ต่อมาชาวบ้านก็แอบกระซิบบอกทิดมากว่านางนาคได้ตายไปนานแล้วและตายทั้งกลมด้วย ที่พ่อมากเห็นแม่นาคอุ้มลูกน้อยนั้นนะเป็นผี ไม่ไช่คน ประกอบกับตนเองก็เห็นพฤติกรรมแปลกๆอยู่หลายครั้ง จึงตัดสินใจหนีไปอาศัยอยู่ที่วัดมหาบุศย์ ทำให้นางนาคต้องออกติดตามหาผัว พร้อมกับเที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านด้วยความโกรธแค้น จนไม่มีใครกล้าเดินผ่านวัด สร้างความเดือดร้อนเดือดร้อนไปทั่ว ต่อมาชาวบ้านได้ไปตามหมอผีมาปราบ และจับวิญญาณแม่นาคใส่หม้อดินไปถ่วงน้ำ พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณไปผุดไปเกิด ไม่ต้องมาวนเวียนหลอกหลอนชาวบ้านอีกต่อไป
    เรื่องราวโดยย่อของแม่นาคพระโขนงก็จบลงแต่เพียงเท่านี้

    ..................................................................................
    นำมาจาก http://www.photoontour.com/CityTour_HTML/watmahabudth/watmahabudth.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2009
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085

    ยินดีต้อนรับคุณ
    Lokudtradham<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1851455", true); </SCRIPT> ครับ
    ;aa37
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1178778144.gif
      1178778144.gif
      ขนาดไฟล์:
      10.1 KB
      เปิดดู:
      333
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">...สุกี้เรือนเพชร สาขา 3 ถนนพัฒนาการ...



    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>Kikii wrote:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" bgColor=#999999 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=text>ตามมากินด้วยจ้า ไม่ได้ไปกินนานละ [​IMG] (ประมาณเดือนนึงแหล่ว)
    ขอมาบอกเพิ่มเติมอะไรหน่อยนะคะ[​IMG]
    สมุนไพร ที่แอ๊พ บอกว่าเสริฟมากะชุดหมูน่ะ เป็น เต้าเจี้ยวน้ำมันงาจ้า ตัวนี้แหล่ะ ที่ทำให้น้ำซุป ก้นหม้อ อร่อยเหาะ [​IMG]
    น่องไก่ จริงๆ มีสองอย่าง คือ น่องไก่ไดมารู กับ น่องไก่เหล้าแดง ใช้น่องแบบเดียวกัน ต่างกันที่น้ำซอส เมื่อก่อน กี้ชอบกินแบบเหล้าแดง เพราะมันคล้ายๆ ซอสมะเขือเทศ แต่เดี๋ยวนี้ ชอบ น่องไก่ไดมารู ละ ซอสออกหวาน ยิ่งกินคู่กับ หมี่หยก ขอโบก สุดยอดอ่ะ
    น่องไก่นี้อยู่มานาน ตอนนั้นห้างไดมารูคงดัง เลยเอามาตั้งชื่อ แต่ตอนนี้ ไดมารู ไม่มีแล้ว เลยเปลี่ยนชื่อซะ ว่าเป็น น่องไก่เรือนเพชร ค่ะ[​IMG]
    ตอนนี้ เรือนเพชร มี 3 สาขาแล้ว สาขาแรกดั้งเดิม อยู่ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ สาขา2 อยุ่ สมุทรปราการ ปากน้ำนู่น สาขา3 อยู่ถนนพัฒนาการ ค่ะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    จาก http://www.babyfancy.com/forum_posts.asp?TID=31263&PN=1&get=last


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b36.gif
      b36.gif
      ขนาดไฟล์:
      4.5 KB
      เปิดดู:
      328
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2009
  5. Pasika

    Pasika Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +93
    ทำสังฆทาน ต้องซื้อหาอะไรบ้างคะ?
    หรือว่าอะไรก็ได้ ที่พระสงฆ์ได้ใช้คะ?
    ไม่ได้ทำบุญนานแล้ว ไม่ค่อยคล่อง
    แต่ถ้าเรื่องสุกี้ โอ๊ย คุยได้ยาว.....
     
  6. Thepkanya

    Thepkanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +10,071
    ต่อด้วย...วันอาทิตย์ ที่ 8 ม.ค. 52<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ที่... In house เวลา 10.00 น.<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ฝึกทำสมาธิแบบ "รับคลื่นพลังจากจักรวาล"<o:p></o:p>
    เพื่อพิจารณาดูการทำงาน ของขันธ์ห้า<o:p></o:p>
    (ผู้พิจารณา/ผู้ดู คือ จิต<o:p></o:p>
    ผู้ทำงาน/ผู้รับคลื่น คือ กาย)<o:p></o:p>
    ผู้ฝึกสอนและผู้สอบอารมณ์ คือ อาจารย์ Sapa<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากประสบการณ์ที่ ฝึกมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน จนเกิดความรู้ความเข้าใจขึ้น ว่า <o:p></o:p>
    ....การทำสมาธิแบบนี้ เป็น "ทางลัด" ที่นำไปสู่การเจริญสมาธิอย่างรวดเร็ว คือ จิตสงบเร็ว และได้ สภาวะทางธรรม หรือ ผลลัพธ์ในการเจริญภาวนา เร็วขึ้น และหากจะให้เกิดผลลัพธ์ เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปใช้งานในชีวิตจริง ช่วงที่....ฝึก "ผู้ฝึก" ต้องเจริญสมถะ (มีจิตที่สงบตั้งมั่น) และวิปัสสนา(ใช้งานของจิตที่สงบแล้ว ยกขึ้นพิจารณา การทำงานของ ขันธ์ห้า ในขณะที่มีคลื่นพลังลงมา ...นั่นคือ "จิต" จะถอยออกมาดูการทำงานของ "กาย" และทำหน้าที่เป็นเพียง "ผู้ดู/ผู้พิจารณา" เท่านั้น เพราะ ภาคแสดง เป็นหน้าที่ของ "กาย")<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  7. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
     
  8. dalink

    dalink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +2,436
     
  9. dalink

    dalink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +2,436

    แนะนำนะคะ สำหรับผู้จะซื้อ ชุดสังฆทาน ไม่ควรซื้อถังที่เขาเตรียมไว้สำเร็จรูป เพราะว่า บางเจ้าเขาเอาของกินปนกับของใช้ เช่น แฟ้บ น้ำยาล้างจาน และ ถ้าในถังมีใบชา จะดูดกลิ่นแฟ้บ กลายเป็นว่า กล่องชา เมื่อนำมาชงกินจะมีกลิ่นแฟ้บค่ะ และ บางเจ้าในถังมีจีวร หรือผ้าอาบน้ำฝน ซึ่งบางมาก พระท่านก็ไม่กล้าใช้ หรือใช้ได้ ก็ไม่ทนค่ะ รวมถึง ถังบางเจ้า ก็บางแสนบาง เปราะเสียง่าย ใช้ไม่นานก็แตก ถ้าเป็นไปได้ ซื้อแยกเป็นรายการๆ ไป และให้พระท่านได้ใช้แบบมีปย.ดีก่าค่ะ

    สิ่งของ 7. อันดับแรกที่พระท่านจำเป็นต้องใช้ และขาดแคลนค่ะ

    1. ใบมีดโกน ยิลเล็ต

    2. รองเท้าแตะ สีดำ หรือน้ำตาล

    3. ไม้กวาดดอกหญ้า ไม้กวาดขนไก่ สารพัดไม้กวาดค่ะ

    4. ชุดยาสามัญประจำบ้าน จำพวก ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดหัว

    5. น้ำยาทำความสะอาดพื้น

    6. แชมพู ขจัดอาการคัน บางท่านอาจนึกไม่ถึง ญาติโยมไม่ค่อยถวาย

    ให้ ท่านก็เลยใช้สบู่ ทำให้ผิวหน้งแห้ง เกิดอาการคันได้

    7. จาน ชาม ช้อนส้อมค่ะ
     
  10. Pink_Angel

    Pink_Angel Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +69
    วัดแม่ย่านาก อยู่ซอย อ่อนนุชที่เท่าไหร่คะ หน้าปากซอยมีอะไรเป็นที่สังเกตคะ
     
  11. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    ภาพวัดหลิงจิวซาน(เขาคิชกูฎ) ซึ่งอยู่ใน อาคาร ROYAL CASTEL ซอยพัฒนาการ 30

    บริเวณด้านหน้าทางเข้าตัวตึก

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7484.jpg
      IMG_7484.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195.6 KB
      เปิดดู:
      286
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
  12. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    ที่จอดรถบริเวณด้านล่างของตึก

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7486.jpg
      IMG_7486.jpg
      ขนาดไฟล์:
      287.8 KB
      เปิดดู:
      264
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
  13. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    ทางเข้าตัวอาคาร

    [​IMG]

    วัดอยู่ชั้นล่างห้องซ้ายมือ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7480.jpg
      IMG_7480.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.5 KB
      เปิดดู:
      274
    • IMG_7491.jpg
      IMG_7491.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128 KB
      เปิดดู:
      257
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
  14. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    บริเวณลอบบี้ ชั้น1

    [​IMG]
    หน้าทางเข้าวัดด้านขวามือมีตู้สำหรับเก็บรองเท้าเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7496.jpg
      IMG_7496.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195.8 KB
      เปิดดู:
      251
    • IMG_7492.jpg
      IMG_7492.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211 KB
      เปิดดู:
      256
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
  15. Thepkanya

    Thepkanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +10,071
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ซอยอ่อนนุช หรือ ซอยสุขุมวิท 77 เป็นซอยเดียวกันครับ
    วัดอยู่ต้นๆซอย จากถนนสุขุมวิท ดูจากแผนที่แล้วหาไม่ยาก

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
  17. Lokudtradham

    Lokudtradham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +339
    อนุโมทนาสาธุ กับคำแนะนำดีๆครับ แล้วจะต้องเพิ่มอะไรอีกบ้างครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
     
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุดใจเขากะลา [​IMG]

    ความรู้ ความเข้าใจ การคาดเดา มิอาจกำจัดทุกข์ได้ หากไม่ปฏิบัติจนเห็นจริง

    เพราะหนังสือธรรมะ อ่านกันมามากมาย หลายร้อยหลายพันเล่ม ก็แค่อยู่ในขั้น ความเข้าใจเท่านั้น แต่หากยังไม่เห็นจริงในสภาวะธรรมที่หนังสือธรรมะเล่มต่าง ๆ ได้กล่าวไว้ ก็ไม่สามารถเบาบางจากทุกข์ได้

    จนกว่าจะปฏิบัติ จน "เห็น" จริงนั่นแหละ จึงจะสามารถปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นได้จริง และเป็นทางเดียวที่จะออกจากวัฏฏสงสารได้จริง

    เพียงเข้าใจ แล้วยังไม่ "เห็น" จริงในสภาวะธรรมเหล่านั้น ความทุกข์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ยังเวียนวนหลงกลของอวิชชาอยู่ต่อไป ความเบาบางจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าก็จะไม่เกิดขึ้น จะมีแต่ยึด ยึด ยึด และยึดเพิ่มขึ้น ยึดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

    แค่มีความเห็นผิด นิดเดียว ระยะทางจึงยาวไกลนัก

    วิชชา คือ ความเห็นที่ถูกตรงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวตนของตน เป็นของธรรมชาติ และเพราะไปเข้าใจผิดว่าธรรมชาติเป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงเข้าไปยึดถือ บังคับบัญชาอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่เป็นดังหวัง จึงมีแต่ทุกข์ กับทุกข์ เพราะความเห็นผิดนั่นเอง เมื่อเห็นถูกตรงว่าขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวใครของใคร เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ ก็จะจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายคืนสู่ความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เป็นตัวใครของใครนั่นเอง

    อวิชชา คือความเห็นผิด เห็นว่าขันธ์ห้านี้ เป็นตัวตน เป็นของตน และทุกสรรพสิ่งเป็นของของตน จึงมีอุปาทานในขันธ์ห้า ว่าเป็นตัวเรา ตัวเขา จึงมุ่งที่จะยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน และพัฒนาให้มีความยึดมั่นมากขึ้นไปอีก

    เพราะมีความเห็นผิดนิดเดียว เห็นว่าเป็นตัวตน เป็นของตน คราวนี้ ก็ต้องหาทางออกจากตัวตน ปล่อยวางตัวตน หาทางที่จะพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความว่าง ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น

    จึงยังต้องเหนื่อย จึงยังต้องเดินทางกันอย่างยาวไกลในสังสารวัฏ เพื่อหาทางละวางตัวตน หาทางเอาตัวตนออก

    ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เพราะเข้าใจผิดนิดเดียวว่า ขันธ์ห้านี้มันเป็นตัวเรา มันเป็นของเรา จึงเฝ้าเพียรที่จะดูแล ประคับประคอง และปฏิบัติธรรมทุกอย่างก็เพื่อหาทางออกจากขันธ์ห้านั่นเอง

    แต่พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้ในความจริงของธรรมชาติ แล้วนำมาสั่งสอน นำมาบอกแล้วว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่ได้เป็นตัวตนทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติล้วน ๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงไป มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่มันผลักดันอยู่ตลอดเวลา มันจึงไม่เที่ยง และมันก็มีความทุกข์มีความแปรปรวนในตัวของมันเองอยู่แล้ว และเพราะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนแล้วมันบังคับบัญชาไม่ได้ มันจึงกลายเป็นไปยึดทุกข์ของธรรมชาติมาเป็นทุกข์ของตนเอง จึงเกิดตัวตนของผู้ทุกข์ ผู้สุขนั่นเอง

    แค่ไม่ไปอุปาทานว่าขันธ์ห้า เป็นตัวเรา ของเรา แล้วละจากอุปาทานเหล่านั้นเสีย ก็ออกจากวัฏฏสงสารกันได้แล้ว

    แค่ "เห็นถูก" ก็จบกัน ลาจากกัน ปิดฉากการเวียนว่ายตายเกิดเสียที

    หาก "เห็นผิด" ก็ยังคงต้องเวียนวน หลงกลในวัฏฏะสงสาร ยังต้องเหน็ดเหนื่อยกันอีกนานแสนนาน ในวัฏฏสงสารอันยาวไกล

    ขออนุโมทนา ให้ทุกท่านค้นพบเส้นทางที่ถูกตรง ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงวางแนวทางไว้ ให้มุ่งตรงต่อการละวางอุปาทานขันธ์ห้าเป็นหลัก เพื่อออกจากวัฏฏสงสารในชาติปัจจุบันนี้กันทุก ๆ ท่านเทอญ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2009
  19. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  20. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    ภาพพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัดหลิงจิวซาน

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7444.jpg
      IMG_7444.jpg
      ขนาดไฟล์:
      259.7 KB
      เปิดดู:
      368
    • IMG_7445.jpg
      IMG_7445.jpg
      ขนาดไฟล์:
      267.6 KB
      เปิดดู:
      373
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...