ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
    ขออนุโมทนากับคุณ Pluto47 ที่กรุณานำข้อความธรรมะดีๆ จากหนังสือ"อริยศาสตร์"ที่เขียนโดยคุณอัคร ศุภเศรษฐ์ มา post ให้อ่าน เขียนได้ดีจริงๆ ขออนุโมทนากับผู้เขียนด้วยค่ะ
     
  2. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
     
  3. สมจิตรเขากะลา

    สมจิตรเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +162
    ใน 1 ปี ที่เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว ให้บันทึกภาพยานลงจอด วัตถุบิน

    ให้ตรวจสอบพลังงาน แสดงการเปิดมิติให้มนุษย์เห็น และบันทึกภาพได้นั้น

    น่าจะเป็นที่สังเกตุว่า มีการสั่งการของผู้บริหารกองบัญชาการ ให้มนุษย์ต่างดาว

    ฝ่ายปฏิบัติงานทำหน้าที่ค่ะ
     
  4. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    มนุษย์ต่างดาวที่ติดต่อกับกลุ่มฯ เขากะลามีมาจาก 2 ดวงดาวครับ คือดาวพลูโต มีหน้าที่ความรับผิดชอบหลักคือการสรรหา และฝึกบุคคลครับ เท่าที่ทราบมาคือไม่ได้มีรูปขันธ์ให้ได้เห็นครับ คืออยู่ในรูปของพลังงาน

    ส่วนอีกดาวหนึ่งคือจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง อยู่คนละจักรวาลกับเราครับ เป็นดาวที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีสูงอยู่ในรูปขันธ์ที่สามารถทำให้เราเห็นด้วยตาเนื้อได้ ส่วนเผ่าพันธุ์ที่ว่าเป็นเกย์ เอ๊ย.. เกรย์นั้น อาจจะอยู่ร่วมในโครงการให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติด้วยหรือเปล่าไม่ทราบนะครับ แต่ไม่ได้ติดต่อกับกลุ่มฯ เขากะลา
     
  5. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    การเห็น หรือการไม่เห็นด้วยตาเนื้อ หรือตาใน ก็มิได้หมายความถึงการมีอยู่จริง หรือการไม่มีอยู่จริงนะครับ

    เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมาในสมัยที่ยังมีการเรียนการฝึกอยู่ การเรียนก็หมายถึงการนั่งล้อมวงฟังการผ่านข้อมูล การอธิบายขยายระบบ รวมถึงบทเรียนที่ได้ให้นักเรียนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นทุกข์จริง หรือสถานการณ์ที่ระบบสร้างขึ้นเพื่อให้นักเรียนต้องพบเจอกับสภาวะทุกข์ จะทุกข์มาก ทุกข์น้อยก็แล้วแต่ แล้วจะมีการมาเฉลยทีหลัง อันนี้เรียกว่าบทเรียน ส่วนการฝึก ก็คือภาคปฏิบัติ ต้องลงมือกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจของตนเอง

    ผู้เรียนผู้ถูกฝึกในสมัยนั้นไม่ได้เคยเห็นตัวครูผู้สอนเลย จนกระทั่งวันเวลาของการฝึกผ่านไปแล้วหลายเดือน ในวันหนึ่งก็มีคำถามจากครูออกมาว่า "เห็นครูหรือยัง" ซึ่งคำว่าเห็นครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเห็นรูปร่างหน้าตาของตัวครูผู้สอน แต่หมายถึงการเห็นด้วยปัญญาจากการเรียนการฝึกที่ผ่านมา เปรียบเสมือนการเดินหมากรุก ซึ่งผู้ที่เป็นผู้เล่น หรือผู้ที่จะหยิบหมากตัวนั้นๆ จะต้องเดินไปทางนี้ จะต้องเดินไปทางนั้น ผู้ที่เล่นเป็นเล่นเก่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้มือของตัวเองหยิบหมากตัวนั้นๆ เดินก็ได้

    วิชาที่เรียนก็คือธรรมมะของพระพุทธองค์สมเด็จพระส้มมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบันของเรานี่เอง โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือหอบใหญ่ที่จะต้องขนไปด้วยในการเรียนการฝึกนอกสถานที่ ที่จะนำมาเปิดมากางให้ดูว่าเล่มนี้ หน้านี้ ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ แล้วอธิบายขยายความเพื่อให้นักเรียนได้ทำความเข้าใจเป็นลำดับตามความยากน้อยไปจนถึงความยากมาก แต่ก็เป็นคำพูดที่เป็นศัพท์แสงธรรมดา ฟังง่าย เข้าใจง่าย ไม่ได้เป็นคำสอนของลัทธิใหม่ ศาสนาแปลกอะไรทั้งสิ้น มีครั้งหนึ่งในช่วงยุคหลังไม่กี่ปีมานี้เองถ้าผมจำไม่ผิด ก็ยังมีการหยิบยกหนังสือฟิสิกส์ของชั้นประถม 4 - 5 เอามาพูดเรื่องแรงยึดเหนี่ยวกับแรงยึดติดของธาตุทางธรรมชาติ มาเทียบกับธาตุรู้ของคนเราที่มีทั้งแรงยึดเหนี่ยวกับแรงยึดติดที่เรียกกันว่าอุปาทานเหมือนกัน อะไรประมาณนี้หละนะครับ ผมเองก็จำรายละเอียดไม่ได้

    ทีนี้มาวกกลับเข้าเรื่องการพบปะกับมนุษย์ต่างดาว หรือเอเลี่ยนอย่างซึ่งๆ หน้า นั้น ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีใครได้สบตากันแบบปิ้งๆ กับเขามาเลยซักคนนะครับ แต่การเรียนการสอนจากมนุษย์ต่างดาวนั้น ก็จะเน้นที่ให้ใช้ปัญญา มองด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญา รู้ด้วยปัญญา เข้าใจด้วยปัญญา และเพียรทำ เพียรปฏิบัติด้วยปัญญาของตน ตามกำลังของตนอยู่เสมอตลอดมาเลยละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤศจิกายน 2009
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้

    > 1.
    อย่าเป็นนักจับผิด [​IMG]
    คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '

    > 2.
    อย่ามัวแต่คิดริษยา [​IMG]
    'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน'
    คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน [​IMG]
    ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
    เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป


    > 3.
    อย่าเสียเวลากับความหลัง [​IMG]
    90%
    ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น'
    มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
    ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' [​IMG]
    ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา


    > 4.
    อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ [​IMG]
    '
    ตัณหา'ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม'
    ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม < /FONT>เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู
    คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์ [​IMG]
    เราต้องถามตัวเองว่า 'เิกิดมาทำไม' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ
    คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'
    [​IMG]


    กรุณาส่งข้อความดีๆ นี้ให้คนที่ท่าน 'รัก' และ 'ปรารถนาดี '
    หวังว่าทุกๆท่านจะได้ประสบแต่ความสุขกายสบายใจ

     
  7. firstman

    firstman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +116
    ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด เพื่อ คุณ เม้าเท่น และคุณ no 9 สุภาษิตไทยคงไม่ต้องมาแย้ง บรรพบุรุษ คิดขึ้น ดีมากแล้ว
     
  8. นะจักรวาล

    นะจักรวาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,911
    ค่าพลัง:
    +8,327
    ที่กลัวที่สุดก็คือกลัวได้ออกทีวีนี่แหละ อิอิ
     
  9. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    หากคุณfirstman เห็นช้างตายที่ไหนก็ขอความกรุณาแจ้งผม หรือลงโพสต์เพื่อให้เพื่อนๆ พี่ๆ ในกระทู้นี้ได้รับทราบด้วย ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยนะครับ ผมเองก็อยากจะทราบเหมือนกัน ตัวใหญ่ขนาดนั้นก็น่าจะได้กลิ่นกันบ้างละครับ เผื่อจะเป็นการส่งท้ายเดือนแห่งการประมวลพลังซักหน่อย ขอขอบพระคุณครับ
     
  10. piyawat345

    piyawat345 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +9
    คุณ mountain ครับ
    3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 'อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' 'อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ'กำกับตลอดเวลา
    คือว่า ถ้าเรามีความทรงจำเกี่ยวกับความรักในสมัยก่อนอ่ะ
    คือว่า ทำยังไงมันก็ลืมไม่ได้ แบบว่า ใจมันไม่ยอมฟังสมอง
    หรือ ใจมันทำตามใจ(งงมะ 55+) จะให้เราลืมมัน มันก็ กะไรๆอยู่
    ถ้าเกิดเป็นคุณ mountain จะลืมมันไป จริงๆ หรอครับ
    แต่ข้ออื่นๆ ก็ ดี นะ

     
  11. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    <table id="post2668533" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">
    </td> <td class="alt1" id="td_post_2668533" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">
    </td></tr></tbody></table>
    ...................................................................



    จากข้อความเก่าด้านบนนั้น

    ยังคงรออ่านคำตอบจากพี่สุดใจเขากะลาอยู่เลยค่ะ

    และต้องขอขอบพระคุณท่านที่กรุณามาตอบแทนพี่สุดใจเขากะลาด้วยนะคะ ที่ท่านกรุณาเสียเวลามาตอบแทนให้ ได้อ่านดูแล้วค่ะ

    แต่เนื่องจาก ผู้สอบถาม ต้องการคำตอบจากพี่สุดใจเขากะลาโดยตรง จึงได้เอ่ยนามพี่สุดใจเขากะลาออกมา และคำถามที่เรียนสอบถามมานั้น ต้องการคำตอบจากพี่สุดใจเขากะลาจริงๆค่ะ จึงได้ขีดเส้นใต้เน้นไว้

    ถ้าหลายท่านได้กลับไปอ่านทวนอีกครั้งจะเห็นว่า

    คำถามที่ผู้สอบถามเรียนถามพี่สุดใจเขากะลานั้น เป็นคำถามสั้นๆ ได้ใจความ เข้าใจง่าย และ ถามตรงๆ ไม่ได้ วกวน ไปมา หรือเบี่ยงประเด็น.... และก็ต้องการคำตอบ สั้นๆ จริงๆ ตรงๆ (เนื้อๆ ไม่เอา น้ำ จะได้ไม่กินเนื้อที่เว็ปมากเกินไป)

    ถ้าผู้สอบถามไม่ได้เห็นความสำคัญยิ่งของ คำถาม และ คำตอบ ที่จะได้รับจากพี่สุดใจเขากะลา

    ผู้สอบถามก็คงจะไม่เสียเวลา มาเรียนสอบถามพี่สุดใจเขากะลา และทำให้เป็นการเสียเวลาของท่านผู้มาตอบแทน ต้องมาพิมพ์ตอบเอง แบบไม่เข้าใจในคำถาม ซึ่งคำตอบแบบไม่เข้าใจในคำถามนั้นอาจทำให้ เกิดความสับสน ยังให้เพิ่มปัญหาอื่นๆตามมาอีกได้ เพราะ

    1. ไม่ใช่คำตอบที่ออกมาจากผู้ที่ควรตอบ ที่แท้จริง แต่เป็นคำตอบที่ ออกมาจากท่านผู้มาตอบแทนเอง (เพราะท่านเองก็ได้ระบุไว้)

    2. คำตอบที่ออกมาจากผู้อื่นนั้น อาจทำให้เกิดการเบี่ยงเบนประเด็นโดยไม่เจตนา และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ถ้าผู้ตอบแทนนั้นไม่เข้าใจในคำถาม

    จริงๆแล้วคำถามที่เรียนสอบถามพี่สุดใจเขากะลานั้น ก็ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นคำถามที่เรียนสอบถาม ตรงๆ เข้าใจง่าย สั้นๆ ไม่เยิ่นเย้อ.......

    และจะเป็นประโยชน์โดยตรงอย่างแท้จริงกับ สมาชิกเว็ปพลังจิตทุกท่านที่ตามอ่าน หรือ เพิ่งติดตามอ่าน เรื่องราวต่างๆของเขากะลาค่ะ

    ที่พิมพ์มาทั้งหมดนั้น ถ้าไปกระทบถึงท่านใด หรือก่อให้เกิดความไม่พอใจจากท่านใด ก็ต้องกราบขออภัยจากท่านด้วยนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2009
  12. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ขออนุญาตเป็นผู้ตอบ หรือทดลองแสดงความคิดเห็นนะครับ ผิดถูกก็ต้องขออภัยกันไว้ก่อนล่วงหน้าครับ

    จากคำถามข้อที่ 1. ที่สงสัยว่า คำว่าระบบ กับคำว่าพระเจ้า ต่างกันอย่างไรนั้น จริงๆ แล้วเป็นแค่คำที่เป็นสมมุติบัญญัติกันขึ้นมาทั้งคู่หละนะครับ แต่ต่างกันตรงที่สมมุติบัญญัติคำว่า "พระเจ้า" ผู้ที่กล่าวคำนี้หรือนึกถึงคำนี้จะต้องมองหาตัวตนหรือพระนามของพระเจ้าองค์ที่กล่าวถึงด้วย แต่คำว่า "ระบบ" ก็จะจบอยู่แค่นั้นครับ ไม่ต้องปรุงแต่งมองหาตัวตนว่าคือท่านใด หรือจะต้องไปสนใจว่าจะมาจากไหน

    จากคำถามข้อที่ 2. ที่สงสัยว่า อภิญญาในการรักษาโรค กับ เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวต่างกันอย่างไร อภิญญาในการรักษาโรคจะต้องเกิดจากการฝึก การศึกษาเล่าเรียน การบำเพ็ญสมาธิเจริญภาวนาจนถึงขั้นได้ฌานด้วยตัวตนของผู้นั้นเอง และยังจะต้องประกอบไปด้วยบุญบารมีของผู้นั้นที่จะต้องมีบุพกรรมเกี่ยวเนื่อง หรือเกื้อหนุนกันกับองค์พระ องค์เทพ องค์ที่ท่านมีฤทธิ์มีอำนาจในการรักษาโรคได้ และประทานพรในการรักษาโรคได้นั้นให้กับผู้ที่จะเรียกว่ามีอภิญญาในการรักษาโรคได้ต่อไป

    ส่วนเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวนั้น ผู้ที่เป็นคนระบบและเหตุปัจจัยในการปล่อยวางตัวตนพร้อมถึงขั้นที่จะเสียสละตนเองได้ในขั้นพอสมควรแล้ว และยังจะต้องเป็นคนระบบที่อาจต้องมีภาระกิจเกี่ยวเนื่องกับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต เมื่อถูกติดตั้งอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาโรค ก็สามารถไปทำการรักษาได้เลย

    และยังต่างกันที่ผู้ที่ทำการรักษาด้วยอภิญญา จะมีความคิดว่าตนเป็นผู้ทำ ตนเป็นผู้มีผลงาน ส่วนผู้ที่รักษาด้วยอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาว จะไม่คิดว่าตนเก่ง ตนเป็นผู้รักษา ทำงานไปปล่อยวางไป

    ส่วนคำถามข้อที่ 3. ที่สงสัยว่าผู้อาวุโสบางท่านยังมีกิเลสในขั้นหยาบอยู่ อันนี้มีหลายกรณี เช่น เป็นอุปนิสัยเดิมของผู้อาวุโสท่านนั้น หรือเป็นWaveที่คนระบบที่ไม่ใช่รุ่นอาวุโสไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสท่านนั้นๆ จะยิ้มเป็นอย่างเดียว ถ้าต้องเล่นบทครูที่ดุ ถึงดุมาก ก็สามารถเล่นได้ แต่ภายในของผู้อาวุโสท่านนั้นๆ ก็ต้องวางอย่างเดียวจะยื่นห่วงไม่ได้ ส่วนใหญ่บทนี้ก็จะใช้กระทบกับคนระบบด้วยกันที่ยังวางไม่ได้ ปล่อยไม่เป็น เรียกว่าเป็นการสอบก็อาจจะได้

    บะบายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤศจิกายน 2009
  13. คนนอกระบบ

    คนนอกระบบ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +22
    คนนอกระบบ

    ขอตอบคุณ PORNPANA ไม่ว่าศาสนาไหนก็สอนทำความดีทั้งนั้น มันอยู่ที่ความสัทธา ไม่ว่าคำในระบบหรือนอกระบบหรือเวฟ เค้าก็สอนทำความดีมันอยู่ที่ความสัทธาของแต่ละคน ( หรือแยกแยะไม่ออกอันไหนความดีอันไหนความชั่ว) จึงไม่รู้อันไหนดีอันไหนชั่ว แย่นะ
    เค้าจะเป็นผู้อวุโสหรือไม่อวุโส เค้าก็รักษาโรคด้วยความเต็มใจและทำด้วยใจ ไม่เก่งกาจมาจากไหน แต่มีใจคิดถึงเพื่อนรวมโลกช่วยเหลือเพื่อนรวมโลก ถ้าเราทำใจให้เป็นกลางอย่าอคติกับใคร ก็สบายใจนะค่ะ คนนอกระบบก็เข้าใจง่ายๆอย่างนี้แหละไม่ต้องซับช้อนมาก( เข้าใจไมอยากเลย )
    การทำจิตให้บริสุทธิ์ เป็นจิตที่อยู่เหนือความชั่วความดี บาป บุญ ทุกข์ สุก ชึ่งยังเป็นโลกีย์ การทำจิตให้บริสุทธิ์ในที่นี้ คือ การเจริญวิปัสสนา อบรมปัญญา
    จนเข้าสู่อริยมรรค อริยผล และพระนิพพาน
    สาธุ ( คงตาสว่างบ้างนะ )
     
  14. คนในระบบ

    คนในระบบ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  15. pluto47

    pluto47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +289
    (ระบบ)

    1.ระบบธรรมชาติ
    2.ระบบโลก
    3.ระบบกรรม
    4.ระบบธรรม

    1.) ระบบธรรมชาติ
    ธรรมชาติคือสสารและพลังงาน เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมีความเป็นกลาง ไม่มีความดีหรือความชั่วใดๆ แต่แม้จะเป็นกลางก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    2.)ระบบโลก
    โลกในที่นี้หมายถึงโลกของสิ่งมีชีวิตเช่น โลกมนุษย์เป็นต้น ซึ่งเป็นระบบแห่งตัณหา เกิดขึ้นเพราะตัณหา ขับเคลื่อนไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา เรียกว่ามีตัณหาเป็นผู้บริหาร มีอวิชชาเป็นผู้บงการใหญ่ใน ระบบ
    และทุกอย่างที่อยู่ในระบบนี้เป็น ซุปเปอร์อนิจจัง ซุปเปอร์ทุกขัง ซุปเปอร์อนัตตา

    3.)ระบบกรรม
    คือระบบดุลยภาพแห่งผู้กระทำ ผู้ถูกกระทำและผลการกระทำ ซึ่งยึดโยงระบบโลกและระบบธรรมชาติเข้าด้วยกัน มีอำนาจกำหนดความเป็นไปของทั้งสองระบบและความสัมพันธ์ระหว่างกัน ระบบกรรมเป็นเพียงวิบาก อาจจะดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับประเภทกรรม กรรมเองนั้นจะดีก็ตามชั่วก็ตาม ก็ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เช่นกัน

    4.)ระบบธรรม
    คือระบบแห่งความบริสุทธ์หลุดจากทั้งสามระบบดังกล่าวโดยสิ้นเชิง เป็นอิสระแล้ว พ้นแล้วจากอนิจจังและทุกขัง เหลือแต่อนัตตา สำหรับผู้ประสงค์เข้าสู่ธรรม พระผู้มีพระภาคได้ทรงสถาปนาระบบสงฆ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบโลกสมมติไว้ให้เพื่อจะได้เดินทางสะดวก

    ใครใคร่อยู่ตรงไหนก็เชิญตามอัธยาศัยเถิด
    หลักใหญ่ใจความสำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนาคือพระพุทธเจ้าทรงมาบอกว่ามีที่ ที่ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องเศร้าโศกร่ำไรรำพัน ไม่ต้องยื้อแย่งแข่งขัน ไม่มีอะไรบีบคั้น ปราศจากทุกข์ทั้งปวง และเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นอมตะนิรันดร จะไปไหม...
    ใครไปก็...สาธุ
    ใครไม่ไปก็...สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2009
  16. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
    ขออนุโมทนาสำหรับคำถามและคำตอบของทุกท่าน รวมทั้งข้อความธรรมะดีๆที่หลายท่านกรุณานำมา post ให้ได้อ่านกัน

    กระทู้แห่งนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ (ขออนุญาตใช้คำนี้ไปก่อน) ของท่านผู้เปี่ยมไปด้วยปัญญา มีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น แต่อาจจะมีความเห็นที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ

    ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ถามหรือเป็นผู้ตอบ เราในฐานะผู้อ่านและติดตามข้อมูล คิดว่าได้เนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตที่ดีมากๆทีเดียว อย่างน้อยๆก็ได้เห็นการแสดงออกทางภูมิปัญญาของหลายๆท่านทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งค่ะ
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086

    เรื่องของอดีต ที่ติดตาฝังใจ บางครั้งก็ยากที่จะลืมเลือนนะครับ
    ขันธ์๕ ถูกหล่อหลอมมาอย่างนั้น คงไปห้ามไม่ให้มันลืม ไม่ได้
    ก็คงต้องปล่อยให้มันคิดระลึกไปในอดีต เราก็เพียงใช้สติกำหนดรู้ว่า
    มันกำลังคิด มันก็คิดแบบนี้มานานหลายหมื่นชาติแล้ว อย่าไปห้ามไปฝืนมันเท่านั้นเองครับ ไม่เช่นนั้นมันก็จะเพิ่มทุกข์ให้หนักขึ้นไปอีก

    ขออนุโมทนาในคำถามที่เป็นประโยชน์ของคุณpiyawat345 ด้วยครับ
     
  18. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    เห็นด้วยกับการนำเสนอ หากมีสิ่งสงส้ยก็ควรชี้แจง เปิดเผย ถึงจะเรียกว่าการคิดนอกกรอบ กล่าวคือ ทั้งในกรอบ นอกกรอบ ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือความกระจ่างแจ้ง แม้กลุ่มสมาชิก ออกมาโต้แย้ง ก็น่าจะเป็นลักษณะสร้างสรร และคำอธิบาย (ไม่อ้างถึงอะไรที่เป็นอดีตจนเปลี่ยนประเด็นไป เช่น การถามคำถาม ก็ต้องตอบให้ตรงตามประเด็นนั้น เพราะหากต้องการเผยแพร่วิธีคิด นิยาม หรือจะเรียกอะไรก็แล้ว แต่ ก็ย่อมกระทำได้ ไม่ผิดหรอก แต่การคิดว่าคำถามที่อยากรู้แตใช้วิธีตอบโต้ แรง ๆ หรืออาศัยยืมมือมาต่อกว่าต่อขาน ก็น่าจะทำให้เสื่อมถอยต่อการขยายงานซะมากกว่า ที่จริงก็ต้องยอมรับอยู่ในทีว่า การเผยแพร่ในแรก ๆ ย่อมมีความไม่เข้าใจ เหน็ดเหนื่อย และการด่าทอกับผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากอ้าง การคิดนอกกรอบ ได้แล้ว ก็น่าจะยินดีรับคำถามทุกคำถาม แต่ตอบให้ทีละคำถามให้ทะลุ :cool::cool::cool:จะไม่ขออ้างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คงจะไม่มีตัวอย่างที่ดี ที่ถูกต้องให้เห็น เมื่อครั้งที่เผยแพร่ศาสนาใหม่ ๆ ถูกโจมตีทุกค่าย ร้ายกว่านี้ (อันนี้อ่านในชาดกนะครับ ผิดถูกขออภัย) พระพุทธองค์ใช้ความเพียรในการแก้คำถามที่ผู้นำลัทธิสงสัย จนต้องเลิกลัทธิตัวเองมาปาวรนา ตัวเองเป็นพุทธมามะกะก็เยอะ มาขอบวขก็มาก สำเร็จอรหันต์ทุกองค์ ก็มีอยู่ในประวัติศาสนา (หาอ่านคงไม่ยาก)
    ดังนั้น เพื่อความใจกว้าง ก็น่าจะมีแนวทางในการเผยแพร่ความคิดให้ถูกต้อง ใจเย็น และมีหลักสักหน่อย พระพุทธองค์ประกาศศาสนา สอนด้วยปัญญาใช้เวลา 45 พรรษา ของกลุ่มเพียง 10 ก็ต้องอดทนพิสูจน์ว่ามีจริง จะได้ไม่ให้ใครดูแคลนว่าเพียงแค่ชมรม ฯหรืออะไรแล้วแต่จะเรียก ศรัทธา นั้นดีก็จริง แต่ต้องควบด้วยปัญญาถึงจะทะลุถึงปัญหาแห่งทุกข์ได้
    เสนอมาเพื่อทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2009
  19. สมุนไพร

    สมุนไพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +213
    ตัวละครหลากหลายต่างเข้ามาโลดแล่นเล่นไปตามบท ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ และหน้าใหม่ที่สวมทับหน้าเก่าเข้ามาเล่น
    ละครโรงนี้ มีผู้กำกับคนเดียว แจกบทให้เล่นกันได้อย่างทั่วถึง จนตัวละครบางตัวติดใจในบทบาท นึกว่าจริง เลยเล่นไม่เลิก

    นอกจากนี้ยังมีผู้กำกับแฝง แอบแจกบทให้ตัวละครเข้ามาเล่น เพราะผู้กำกับแฝง ยังไม่กล้าเล่นเอง

    จะอย่างไรก็ตามทุกบทบาท มีความสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เกิดเป็นบทเรียน ความรู้ อุทธาหรณ์ ให้กับคนดู คนดูที่ฉลาดก็จะเก็บเกี่ยวแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไปใช้ คือเป็นผู้ดูอย่างมีสติ อะไรๆ ก็ไม่มีจริงสักอย่าง สุดท้ายทุกตัวละคร ก็ต้องกลับคืนสู่ธาตุธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ และหากมีกรรมกำหนด ก็จะรวมธาตุ มาเกิดใหม่ เกิดใหม่ เพราะยังมียึด ชีวิตก็เท่านี้ ไม่เห็นมีอะไรมากไปกว่านี้ ใครที่ว่าแน่ ใครที่ว่าใหญ่ ก็คงใหญ่ไม่เกินโลงศพ
    ท่านปู่ก็ยังเคยโดนลองของว่าเป็นผู้สำเร็จแน่หรือ ถึงกับมีการถ่มน้ำลายใส่หัว ท่านปู่ก็หาสะทกสะท้านไม่ เพราะถึงสภาวะผู้สำเร็จแล้วได้จริง ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่แค่คำพูด
     
  20. firstman

    firstman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +116
    รู้จักภูมิปัญญาของตัวเองจะดีที่สุด
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...