ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คนในกระทู้นี้ มาพบกัน แต่ต่างคนต่างบทบาท
    บางคนก็ไม่รู้ว่ามาทำไม แต่เปิดเว็ปแล้วก็ต้องมานี่
    ที่ไม่โพสต์ก็มาก เจอที่งานมหกรรมฯ เยอะเลย

    ข้อมูลเหมือนสินค้า คนโพสต์ข้อมูลก็เหมือนพ่อค้าตลาดนัด
    แต่กระทู้นี้ขายของแปลก แปลกจริงๆ
    คนผ่านไปมาดูไปดูมา ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง
    วันหนึ่งคนเดินตลาดไปได้ของแปลกมา ก็เลยมาโพสต์บ้าง
    ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่าอะไร แต่ช่างหากันมาจากไหนแปลกจริงๆ
    อ่านแล้วกล้าๆ กลัวๆ
    แต่ทำให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาจริงๆ
    ถ้าช้อปตลาดนัดนี้แล้วปวดหัวมึนงง
    ให้กลับไปตั้งต้นที่ลมหายใจเข้าออกและพุทโธ
    อย่าลืมหายใจและอยู่กับปัจจุบันนะคะ
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    กระทู้นี้ เเจ้งเพื่อทราบ ไม่ได้เเจ้งเพื่อเชื่อค่ะ

    สมาชิกในกลุ่มนี้ส่วนมากนำข้อมูลต่างๆมาเเลกเปลี่ยนกันเพียงเท่านั้น

    ไม่ได้โพสต์ให้คนอ่านเพื่อโน้มน้าวจิตใจไปทำประโยชน์อะไร

    ทุกอย่างอยู่ที่สติปัญญาของเเต่ละคนในการตัดสินใจ

    มนุษย์ส่วนมากถูกสอนให้เชื่อฟัง คือ ถ้าไม่จริง ก็จริง เเน่นอน เพียงเท่านั้น เเทนที่จะคิดเอง

    เลยทำให้จินตนาการถูกปิดกั้นจากความเชื่อเเละความไม่เชื่อ

    เเต่คนที่ีมีพลังจิต เจอเรื่องเเบบนี้มามากจนนับไม่ถ้วน

    ทั้งประสบการณ์จากตัวเองหรือฟังจากผู้อื่นก็ตาม

    ถึงเเม้จะจริงบ้างไม่จริงบ้างเเล้วเเต่วาระจัดสรรให้เราได้รับทราบข้อมูล

    เพราะฉะนั้นผู้อ่านจึงจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านให้มากเป็นพิเศษ

    เราจะเจอเรื่องดีหรือไม่ดี จริงหรือไม่จริง อยู่ที่ปัจจุบันกำหนดอนาคตเเน่นอนที่สุด

    เพราะทุกข้อมูล คือ จิ๊กซอว์ในการต่อภาพของชีวิตเราในอนาคตต่อๆไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    แค่วันนี้ก็ได้ข่าว น้ำิบนดินใช้กินไม่ได้
    อนาคตเริ่มมาถึงแล้วหรือ ปริศนาธรรม...
    ขอบคุณข่าวจากพี่เกษมค่ะ
    <table id="post2938422" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">[​IMG] วันนี้, 09:43 AM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #18662 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เกษม<!-- google_ad_section_end --> [​IMG] <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2938422", true); </script>
    ผู้สนับสนุนบริจาคพิเศษ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 5,569
    พลังการให้คะแนน: 3724 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2938422" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->
    สิงห์บุรี-ชาวบ้านกลัวไม่กล้ากินน้ำและผักที่ถูกฝนเหลือง

    [​IMG]

    ชาวบ้านไม่กล้า กินน้ำและกินพืชผัก ที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน กลัวจะได้รับอันตรายจากน้ำปริศนาสีเหลืองตกลงมาจากท้องฟ้า

    ที่จังหวัดสิงห์บุรี ชาวบ้านในตำบลหัวป่า อำเภอพรหมบุรี หลายหลังคาเรือนหลังเจอน้ำปริศนาตกลงมาจากท้องฟ้า เป็นเม็ดคล้ายฝนมีสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน และตกลงมาทุกวันมาหลายวันแล้ว หล่นใส่บ้านเรือนชาวบ้าน ตากเสื้อผ้า ตากปลา จอดรถไว้กลางแจ้งไม่ได้ เดือดร้อนหนักเนื่องจากพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน เช่น พริก กระเพรา โหระพา ที่ปลูกไว้รับประทาน ไม่สามารถนำมาปรุงอาหารได้ เกรงจะได้รับอันตรายจากน้ำปริศนาสีเหลืองตกลงมาจากท้องฟ้า

    โดยนางสดสี ปรองดอง อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านบอกว่า ที่บ้านจะปลูกผักไว้กิน ปลูกแบบธรรมชาติไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง แต่พอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นก็ไม่กล้ากิน กลัวเป็นอันตราย เพราะยังรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ส่วนช่วงนี้จะทำอาหารก็จะไปหาซื้อแทนการเก็บจากที่บ้าน

    ด้านนางลิ้นจี่ ศรสำราญ อายุ 76 บอกว่า ก่อนที่จะมีน้ำปริศนาตกลงมา ป้าได้ตากกล้วยไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งไว้กินเองและขายด้วย กล้วยตากทั้งหมดก็ต้องทิ้ง ทั้งหมดกลัวจะเป็นอันตรายถ้ากินเข้าไป

    ส่วนนางสุดใจ สุขาวโรทัย อายุ 76 ปี บอกว่าที่บ้านจะกินน้ำฝน แต่ตอนนี้ไม่กล้ากินน้ำที่รองน้ำฝนไว้ เพราะกลัวน้ำฝนเหลืองจะกระเด็นลงไปในโอ่ง ทุกวันนี้ก็จะซื้อน้ำกินเพราะกลัวเป็นอันตราย

    ซึ่งในขณะนี้ชาวบ้านต้องการอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันคืออะไร และขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการหาผลการตรวจสอบมาให้ชาวบ้านได้ทราบให้เร็วที่สุด

    ข่าวTV ช่อง 3 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

    </td></tr></tbody></table>
     
  4. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ที่ฝรั่งเรียก นอร์ดิก เอเลี่ยน เพราะผมทองตาสีฟ้าเหมือนคนนอร์เวย์ หรือพวกเขาคือชาวดาวลูกไก่

    [​IMG]
     
  5. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณมากๆ อีกครั้ง ทุกท่านที่อุตส่าห์มาตอบข้อสงสัย โดยเฉพาะ อ.ไก่ กลัวเหมือนกันว่าจะโดนว่ามาลองภูมิหรืออะไร ที่จริงไม่ใช่หรอกค่ะ สนใจใคร่รู้จริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเจอ อะไรที่เราไม่เห็น หรือไม่เคยพบด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง จริงไหมคะ
    ตกใจเหมือนกันนะคะที่ว่า โพสต์นี้เป็นเวลาระบบ 555 แต่ก็พอมีสติอยู่ค่ะ สงสัยจะเริ่มมีอะไรเกี่ยวกับระบบ (รึเปล่า)
    ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถือเป็นโชคดีของคนถามไปละกัน
     
  6. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    หวัดดีอีกครั้งค่ะ ปกติก็จะเข้ามาโพสต์เวลาประมาณนี้แหละค่ะ หลังจากทานข้าว ทำงานบ้านเสร็จ (แล้วก็ดูหุ้นอีกเล็กน้อย) แต่ที่ดูในคอมตัวเอง มันพึ่ง 11 โมงกว่านิดหน่อยค่ะ พอโพสต์เข้าไปแล้ว(โพสต์ที่แล้ว) เกือบเวลาระบบอีกแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ข้อดีของ การระลึกถึงภัยพิบัติ เป็นอาจิณ

    เเรกๆ ก็กลัววิตกจริต คิดมาก นอนไม่หลับ

    ทำให้หันมาตั้งใจปฏิบัติ เหมือนคนรู้ตัวว่ากำลังจะตาย เพราะกลัวภัยพิบัติ

    ปฏิบัติไปปฏิบัติมาฆ่าเวลาด้วยการสร้างบุญบารมีเตือนภัยผู้อื่นสะสมบุญในอนาคต

    สะสมไปสะสมมาได้เพื่อนกลัวตาย กลัวภัยพิบัติไปด้วยกันได้ เพราะกลัวตายเหมือนกัน

    กลัวไปกลัวมา เจอเพื่อนร่วมตายเยอะดีเลยหาเรื่อง สวดมนต์สร้างกิจกรรมรวมตัว

    เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เเละหาเพื่อนเตรียมตัวตายเยอะๆ

    เเล้วก็ รอเเล้ว รออีก จนเริ่มเซ็งเเละรู้สึกว่า เมื่อไรวันหายนะจะมาซะที

    วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ตั้งใจจะทำเเต่สิ่งที่ดีเตรียมตัวรับภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้

    ถ้าวันนี้รอดอีกก็น่าจะเป็นเพราะบุญเก่าเราสร้างมาดี นะเอย นะเอย
     
  8. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ลองดู ปะไฟล์ MP3 ไม่เป็น


    เมื่อวานใครจัดของแจก ในถุงแผ่น cd ผมใครเห็น flashdrive หลงไปบ้างไหมครับ ผมลืมไว้ รบกวนแจ้งด้วยครับ ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end --> <fieldset class="fieldset"><legend>ไฟล์แนบข้อความ</legend> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> <td>kananun.zip (7.26 MB, 446 views)</td> </tr><tr> <td>[​IMG]</td> <td>kitcamp.zip (13.49 MB, 214 views)</td> </tr><tr> <td>[​IMG]</td> <td>sutatip_b.zip (15.10 MB, 214 views)</td></tr></tbody></table></fieldset>
    สัมมนาการรอดของกายเนื้อค่ะ
    ห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ...

    ทุกคนจะกลัวก่อน พอมีสติ มีกัลยาณมิตร จิตก็ปรับขึ้นมาเอง
    พอระลึกได้ว่ายังไงก็ต้องตาย ไม่รู้วันไหน เรามาสะสมความดี ดีกว่า แล้วก็จะง่าย
    คุณพลอยรุ้ง Do not worry. ถ้าเขาไม่ให่ลง พิมพ์เท่าไหร่ก็จะเด้งหมด

    คุณก็คนของระบบ ระบบของความดีงามไงคะ
    ระบบของแสงสว่าง ระบบของความรัก เย้.....
    รู้ตัวรึยังจ๊ะ

    จุ๊บ จุ๊บ
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    [FONT=&quot]สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ (พระอรหันต์จี้กง)[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป [/FONT][FONT=&quot]ISBN:9748346285<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านผู้ใช้นามปากกาว่า[/FONT][FONT=&quot] “ศุภนิมิต” ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีน ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิงผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ” ที่ประเทศมาเลเซีย โดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมาหลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้

    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า: วันที่ฟ้าดินมืดมิด

    ๑. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว
    จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา

    ๒. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดงจะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน

    ๓. เพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโสหรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถีอนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว

    ๔. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธสมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ” สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    ๕. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

    ๖. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริย เจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิม อย่าได้โลภ หลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า “ ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย ” จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบอ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้นไม่น่าแปลก ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “ แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ ” พระอาจารย์จี้กงก็กล่าวว่า “ พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่าพระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจ พิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง

    ๗. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ ๒๔ ๒๕ ๒๖ ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ ๕๐ ถึง ๗๐ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสี ซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “ หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์ ” เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว

    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน

    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า “เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้


    *สถานที่เกิดเหตุมหันตภัย*
    วัน ที่ ๓๐ มกราคม เวลาเช้า ๙.๐๐ น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไปดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้

    ขณะนั้นลมมหาประลัยโหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกัน ตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน
    บ้านเรือน ที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไป
    แต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย

    โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนอง หยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝนแต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนัก
    เหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสว

    ไม่นานต่อมาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ยนกระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจาต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการหักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา

    ทันใดนั้น เธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน แผ่รัศมีรอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้น
    มีไหวางเรียงอยู่ หลายใบ ไหทุกใบมีฟองเหมือนน้ำและเหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด
    ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กงบอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอม
    ลอยลงมาจากฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตามเรามา เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้
    อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้ เท่า นั้นยังไม่พอ ยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป จะได้ยกระดับและมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้ ใครก็ตามที่หลงเชื่อ
    ตาม ไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริงแล้ว คนที่เข้าพุทธสถานแล้ว ภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบทีเดียว


    ใน หนังสือ “ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส ” ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:- เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 เวลา 17.10 น. เด็กหญิง “เทียนไฉ” ถอดจิตออกจากร่างติดตาม
    พระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพอันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้น มีดังนี้

    ระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมด
    ชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากระเบิด ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน
    ทุกหนทุกแห่ง เห็นแต่ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อากาศในขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด
    เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร

    ส่วน กัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบคลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่านกระเจิดกระเจิงไป เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า
    เป็นที่น่าเวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว แล้วในทันใด
    ก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด

    ถึงตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากัน ก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่านั่นคือ “ เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ” อันยาวนานที่รัตติกาลมา
    สู่โลก เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้


    *วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ*

    พระอาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:- แม้จะผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนานและน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละน้อย เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด หรือตัวขาดเป็นท่อนจนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลย โลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกันจนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วจนอยากอาเจียน พูดได้ว่ามันคือนรกในเมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว โลกทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย แกะ วัว ควาย และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจาก
    วันเกิดมหันตภัย


    *วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ*

    คน ที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสี พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้ ผู้ ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้ ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคนเหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว ควาย หรือม้ากินดิบ ๆ ได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ พระอาจารย์จี้กงได้โปรดเมตตาบอกว่า มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ

    *วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง พระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป*

    ขณะ นั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้ว เหลือแต่รอยแยกเป็นทาง ๆ แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลงและซึมลงไปในดิน ทุกอย่างที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่าอนาถใจ คนถือศีลกินเจทั้งหลาย เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่างเป็นงานเป็นการ เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้วจุ่มน้ำทิพย์ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน คนที่ยังไม่เคยกินเจตลอดเสมอมา จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว

    *วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ฉากสุดท้ายต่อไป*

    ขณะ นั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่ แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณพุทธสถานแล้ว ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบรัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้น และใช้การอะไรไม่ได้อีกเลย

    จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง ผู้คนเริ่มสร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัยหลบฝน และเริ่มงานทำไร่ไถนากันอย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิตแม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคงเป็นสุขใจ ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการวิวาทบาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิต และเป็นระเบียบแบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้



    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  10. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ จะพยายาม อยู่ในระบบนี้ตลอดไปค่ะ
     
  11. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    นั่งพักใต้เงาไม้

    [​IMG]

    ทำความดี เหนื่อยนักก็นั่งพักก่อน
     
  12. mokhpoo

    mokhpoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +239

    ขออนุโมทนาบุญอันยื่งใหญ่...
    กับอาจารย์เม้าท์ด้วยอีกแรงนะครับ...
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...
     
  13. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,434
    ค่าพลัง:
    +1,770
    แปลกทั้งคนทั้งกระทู้
    แบบแปลกๆ แปลกจริงๆ คนของเขากะลาแปลกๆกันทุกคน
     
  14. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ถูกใช้ขันธ์มาหลายวันแล้ว ดูเหมือนเขาจะให้เขียนหนังสือ
    แต่ไม่อยากเขียน

    ก็เลยบอกระบบว่า ถ้าจะเอาหนังสือระบบก็ต้องเขียนเอง
    รอดูก็แล้วกัน ถ้าเสร็จภายในวันจันทร์ สำนักพิมพ์รับด้วย ก็เป็นหนังสือของระบบ
    ถ้าเขาไม่รับ (สำนักพิมพ์) ก็แปลว่าถูกหลอก เหนื่อยฟรี

    รอดู 555
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ท่าน อ.โนวา อนาลัย กล่าวว่า

    “เธอไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ แต่เธอคือจิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ในร่างมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    พรุ่งนี้ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
    กิจกรรมของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ณ บ้านพุทธามหาเวท


    ขอเรียนเชิญทุกท่านที่สนใจ มาร่วมกิจกรรมกุศล ตรวจกรรมรักษาโรค สนทนาธรรม ในวันอาทิตย์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓บ้านพุทธามหาเวท ชุมชนธรากร แยก ๑๔ ถนนรามคำแหง ๑๖๖ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ๑๐๕๑๐ ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น.

    โทรสอบถามเส้นทาง ๐๘๙ ๖๙๘ ๓๔๕๓ และ ๐๒ ๕๑๘ ๑๑๘๑

    ๙.๐๐ น. กล่าวแนะนำกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

    -อาจารย์สุดใจ
    -ดร.กรณ์กาญจน์(อ.ไก่)
    -อาจารย์จักษวัชร์
    -อาจารย์ยูคริน
    -อาจารย์เทพบุตรชาวดิน
    -อาจารย์ไมโครเวฟ
    -MOUNTAIN
    -อาจารย์ป้าพิมพ์ศจี
    -อาจารย์ทานะบารมี
    -อาจารย์โคมฉาย
    - ฯลฯ

    ๙.๓๐ น. ความหมายของคำว่า อุปกรณ์ต่างดาว ที่สามารถนำมาใช้ในการตรวจกรรม
    และรักษาโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ๑๐.๐๐.น. เริ่มตรวจกรรม ขออโหสิกรรม และรักษาโรค สนทนาธรรม แนวทางในการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน

    ๑๒.๐๐ น. พักเที่ยง รับประทานอาหาร (บก.สุรศิลป์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน)

    ๑๓.๐๐ น. ตรวจกรรม ขออโหสิกรรม รักษาโรค และสนทนาธรรม (ต่อ)

    ๑๗.๐๐ น. กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ สรุปปิดท้ายกิจกรรม <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ๑๓ - ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
    ขอเชิญน้องพี่ชาวเขาค้อ เพชรบูรณ์ และท่านที่อยู่ใกล้เคียง
    พบและร่วมกิจกรรมกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

    สแกนกรรม รักษาโรค สนทนาธรรม

    ไม่มีค่าใช้จ่าย เรียกเก็บ ใดๆทั้งสิ้น


    แจ้งมาเพื่อทราบครับ



    ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

    ๗.๐๐ น. เดินทางออกจากกรุงเทพฯ
    ๙.๐๐ น. แวะทานอาหารเช้าที่สระบุรี ข้าวแกงร้อยหม้อ
    ๑๒.๓๐ น.ถึงจุดหมายปลายทาง เขาค้อ เพชรบูรณ์ แวะทานอาหารกลางวัน
    ๑๓.๓๐ น.เข้าที่พัก จัดเก็บของใช้ส่วนตัว
    ๑๔.๐๐ น.ชมทัศนียภาพรอบๆที่พัก
    ๑๕.๐๐ น.ทานอาหารว่าง ที่จัดเตรียมกันไป
    ๑๖.๐๐ น. สแกนกรรม ถอดระหัสกรรม รักษาโรค สนทนาธรรม
    ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น
    ๑๙.๐๐ น. สแกนกรรม ถอดระหัสกรรม สนทนาธรรม (ต่อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  18. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    [FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]คำทำนายของหลวงปู่เทพโลกอุดร

    มวลมนุษย์ ภัยพิบัติ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว มนุษย์ที่ดีถึงจะรอด หมู่ชนควรทำดี ให้มนุษย์มีการปฏิบัติ มวลชนทุกหมู่เหล่าต้องปฏิบัติ พระเจ้าผู้สร้างโลกมองเห็นมวลมนุษย์กำลังจะทุกข์ยากล้มหายตายจาก เวลานั้นใกล้เข้ามา มนุษย์เท่านั้นที่จะช่วยตัวเองได้ จงทำตัวเองให้ดีจงมีจิตที่ดีจึงจะรอดพ้น ไม่มีใครช่วยใครได้ แผ่นดินจะกลืนกิน มิรู้สิ้นชีวิตเท่าใด ผู้ที่จะรอดปลอดภัย ต้องอยู่ในศีลธรรม

    พึงรักษาชีวี อย่าคิดว่าตายแล้วดีกว่าอยู่ ต้องอดทน ผู้รอดจากภัยพิบัติคือผู้ที่ต้องอยู่ต่อ เป็นผู้ที่ต้องช่วยกัน ปรับสภาพจากเหตุการณ์ที่ผ่านพ้น แต่กว่าจะถึงตอนนั้นมนุษย์ก็แสนสาหัส ทุกข์ยากอดอยากยากไร้ปางตาย ไร้ความทรงจำก็มี เพราะขาดการเตรียมด้วยความไม่รู้ มนุษย์ต้องพบวิบากกรรมชีวิต ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกลำบาก มนุษย์เป็นผู้ทำทุกสิ่งด้วยมือของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่มีไม่ใช่ใครที่ไหนทำ เวลาใกล้เข้ามาทุกขณะ ความตายกำลังเข้ามาใกล้ตัว

    ก่อนถึงเวลาก่อนถึงวันนั้น มนุษย์ผู้ซึ่งกระทำการทำลายมนุษย์ด้วยกันมันต้องพินาศเช่นกัน การกระทำของมันผู้นี้ทำให้มนุษย์จำนวนมากมายสิ้นชีวิตคล้ายใบไม้ร่วง มันหวังว่าจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินทั่วโลก แต่แล้วความหายนะเข้ามาครองโลกแทน ความพินาศเต็มไปหมด ความหวังย่อยยับ ปฐพีเต็มไปด้วยเลือด ศพกลาดเกลื่อนเลือดทาแผ่นดิน ชีวิตสูญสิ้น สิ้นไร้ผู้คน มีแต่ความตายที่เห็นชัด เป็นความดับสูญครั้งใหญ่ของมวลมนุษย์และสัตว์ในโลก

    ความตายเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้คือผู้กระทำความชั่วร้าย ผู้ที่ตายทั้งหมดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ ผู้ที่รอดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ มิใช่ทุกอย่างคือ กฎแห่งกรรมวิถีแห่งกรรมมาจากที่ใด ทำไมมวลมนุษย์จึงต้องรับความดับสูญ เพราะชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่คู่กัน ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มีทางหนีพ้น โอกาสผู้ที่รอด หมายถึงผู้อยู่ต่อเพื่ออนาคตโลก ผู้ทำลายดับสิ้นสูญ โลกร้อนระอุมีแต่ไฟ เถ้าถ่านท่วมท้นแผ่นดิน น้ำเป็นพิษ สารเคมีท่วมท้น เชื้อโรคสารพัดชนิดกัดกินผู้คน ผู้ที่รอดแสนสาหัสทุกข์ยากรอความตาย

    ผู้มีบุญจะออกมาช่วยรักษาชีวิต ผู้คนมากมายจะรอดชีวิตจากโรคร้าย การรักษาไม่ต้องใช้ยา เป็นวิชาไม่มีใครรู้จัก คนผู้นี้รักษาผู้คน ไม่หวังสิ่งใดเพราะเป็นหน้าที่ก่อนเกิด การรักษาไม่ต้องมาพบตัวผู้ป่วยอยู่แห่งใด รักษาได้ ไม่ต้องมา ถึงเวลาไม่ต้องค้นหา โรคจะหายเอง

    เศรษฐกิจตกต่ำ ต้องการผู้แก้ไข ทั่วโลกวุ่นวาย ขาดอาหาร น้ำตาเนืองนอง ศพลอยฟูฟ่อง เพราะน้ำหลากมา น้ำตาไหลริน ไม่มีใครได้กินอิ่ม

    มีแต่ความทุกข์ความเศร้าโศกครอบคลุมคนทั่วโลกไม่ต่างกัน ทุกที่มีแต่ความเศร้าการสูญเสียของมวลมนุษย์ แต่ก็มีบางประเทศฟื้นตัวเร็ว การฟื้นตัวของบางประเทศรวดเร็ว เป็นประเทศเล็กๆ ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่สูญเสียหนัก การพัฒนาเริ่มขึ้นอีกครั้งแต่ช้า ทุกอย่างจึงกลับกัน ประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจ กลายเป็นผู้ยากไร้แทบไม่น่าเชื่อ เคยมีเงินเหลือเฟือต้องฝืดเคือง ยิ่งกว่ากินเกลือ โลกไม่พ้นวิกฤต ความทุกข์ยังครองเมือง

    ผู้อ่อนแอจะไม่รอด อากาศหนาว หิมะถล่ม น้ำแข็งละลาย น้ำป่าหลาก ความทุกข์ยากทับถม คนตายเพราะความหนาวทุกข์ทับถมทวี กว่าจะรู้ความดื้อรั้น ความเชื่อยาก ทำให้มนุษย์ได้รับบทเรียนแต่ไม่เข้าใจ เพราะความตายมาเร็วเกินไปไม่ทันรู้ตัว มนุษย์ไม่ทันได้คิด ไม่มีโอกาส เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเพราะไม่บรรลุธรรม ต้องมีชะตากรรมเวียนว่ายตายเกิดอยู่เช่นนี้ทุกชีวี ผู้รู้เหตุการณ์รอเวลามีน้อยความไม่แน่นอน

    ความไม่มั่นใจ คิดว่าไม่เกิด จึงทำให้การเตรียมตัวไม่พร้อม

    อาหาร ไม่พอ น้ำดื่มไม่มี หมอก็ป่วย คนไข้มากมาย โรคที่เป็นก็หายยาก พุพองทั่วร่างกาย โรคร้ายทั้งสิ้น เกาะกินร่างกายกัมมันตภาพรังสี สารเคมี เชื้อโรคมากมี ทำร้ายร่างกาย อาหารเป็นพิษ ยาปฏิชีวนะ ช่วยไม่ได้ โรคระบาดทุกหย่อมหญ้า ชีวิตร่วงเหมือนผักปลา ไม่มีเวลา มีแต่ชีวิตที่สิ้นไป กว่าเถ้าจะมอด กว่าน้ำจะลด กว่าเชื้อโรคจะหมดสิ้น ชีวิตสิ้นไปไม่รู้เท่าไหร่ ความอดทนต้องสูงสุด ไม่มีเสียงนกร้อง มีแต่เสียงโอดครวญ ความเจ็บปวดครองเมือง

    การครั้งนี้กว่าจะสิ้นสุดไม่มีใครล่วงรู้ ความไม่แน่นอนเที่ยงที่สุด ทุกชีวิตกว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์ สุดแสนลำบาก นอกจากผู้คนจำนวนหนึ่งหยั่งรู้เตรียมรับสถานการณ์ ผู้คนเหล่านั้นมีโอกาสเป็นผู้อยู่รอด ชาวโลกกว่าครึ่งโลกที่ล้มหายตายจากล้วนแล้วแต่กรรม ฟ้าจะใสอีกครั้ง เมื่อฤดูฝนร่วงหล่นละลายสิ่งต่างๆ ฝนจะชุ่มโชก สิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดี แต่ก็ต้องใช้เวลาพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาทุกประเทศต้องพัฒนาเหมือนยุคเก่าย้อนมา แต่เจริญรุ่งเรืองกลายเป็นโลกยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ล้ำหน้าชาวประชาหน้าใส คนที่เหลือจากเหตุการณ์มีความคิดเปลี่ยนไป ไม่มีแล้วความคิดเก่าๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้แต่ความคิดของคนเปลี่ยนแปลงไปหมด ลดทิฐิ จิตใจดี มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแก่งแย่งชิงดีแทบสิ้นไป มนุษย์จิตใจร้ายยังมีอยู่ ความเมตตาค้ำจุนโลก ทุกข์สร่างโศรก

    ผู้มีเมตตาธรรมปรากฏ เพื่อนมนุษย์ช่วยเหลือกันบำรุงรักษา ผู้มีจิตเมตตาเปิดโฉมหน้าแต่ไม่ปรากฏตัว ได้ยินแต่ข่าวร่ำลือไปทั่ว เพื่อนมนุษย์ทั่วโลกต่างยินดีชื่นชม เหมือนพระเจ้ามาโปรด คนทั่วโลกต้องการหมอรักษา หาหมอไม่ได้ โรคที่ระบาดไม่มีในตำรา และไม่มียา แก้โรคที่ระบาด ความตายมาเยือน ชีวิตมนุษย์ได้สำนึก กว่าจะรู้ตัว เกือบจะรู้ตัว เกือบจะตาย ผู้ที่ตายไม่ได้รู้ตัวสำนึกในบาป

    คนที่เหลือล้วนคิดได้ ความตายผ่านพ้นไป ผู้มีบุญช่วยเหลือผู้อื่นไม่กลัวเหนื่อย ไร้การแบ่งชั้น ทุกคนเสมอภาค ความดี ความพยายาม ผู้สร้างโลกไม่ปล่อยให้มนุษย์ทุกข์ทรมานสู้กับความตาย นิมิตรหมายใหม่ ประกอบกรรมดี ละเว้นความชั่ว รักษาความดี อยู่ในศีลธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ตัว ทางสายกลาง ช่วยเหลือผู้อื่น จงมองตนเอง อย่ามัวรอเวลา ความว่าง (สุญญตา) จิตตั้งมั่น ปล่อยใจวาง จิตเป็นหนึ่ง มีสติ

    คนที่สามารถทำได้เช่นนี้ ทางสายใหม่คือการหลุดพ้น ผู้ที่ทำได้ไม่ต้องมาเกิดตามวัฎจักร ทางสายนี้มีมานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ผู้ที่รู้และเข้าใจพยายามศึกษาผิดบ้างถูกบ้างเพื่อหาทางหลุดพ้นจากกิเลส พระเจ้าเบื้องบนเฝ้ามองดู ใครทำอะไรไม่รอดพ้นสายตา การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตา มีการบันทึก ผู้ที่รอดตายต้องมีจิตใจเข้มแข็งอดทนต่อสถานการณ์ ไม่ใช่ง่าย สิ่งที่เลวร้ายมนุษย์ต้องอดทนให้ได้

    กาลเวลาผ่านไป ผลที่ได้รับต่างทุกข์ถ้วนหน้า จิตใจสำคัญที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึงสภาวะคับขัน ผู้เข้มแข็งจะรอดพ้นความอดอยาก ความพลัดพรากคืบคลานเข้ามา ความลำเค็ญ ผู้คนโอดครวญ ชีวิตทุกผู้ทุกนามรอความหวังอย่างสิ้นหวังแต่ก็รอ สภาวะเช่นนั้นใครทนได้ยอดคน ชีวิตมืดมนยิ่งกว่าความมืด หนทางมองไม่เห็น

    สิ่งลี้ลับเริ่มปรากฏ ผู้คนแตกตื่นได้ยินเรื่องราวอันมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้นไม่เคยปรากฏตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาสู่ยุคปัจจุบัน มนุษย์จะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ในยุคนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยได้พบเห็นความมหัศจรรย์จะมีโอกาส ได้เห็น

    จากบทความของ คุณมงคล กริชติทายาวุธ ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
    สารชมรมศาสนาและการกุศล ของธนาคารกรุงไทย


    หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดรได้สื่อไว้ว่า ในปี ๒๕๔๗ จะเกิดคลื่นยักษ์เป็นภัยธรรมชาติ และจะมีคนตายเป็นจำนวนมากบวกกับจะมีโรคระบาดที่มาจากสัตว์ก็คือ โรคไข้หวัดนก

    คุณแม่มณีจันทร์ เลิศหิรัญปัญญา เป็นผู้บอกเล่าถึงคำนายของหลวงปู่พระครูเทพโลกอุดรในปี ๒๕๔๙ ว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นไปจะเกิดภัยพิบัติ และโรคระบาดต่าง ลมจะมาก่อน ลมที่ว่าจะแรงมาก ทั้งในประเทศอื่นและประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก จะโดนหนักที่สุด ประเทศไทยจะโดนหนักที่สุดแถบภาคใต้ ส่วนภาคเหนือจะมีแผ่นดินไหว ทางภาคใต้ยังต้องพบมรสุมอย่างหนักก่อน ส่วนภาคอีสานพบภัยจากลมบางส่วน ชาวกรุงเทพฯ ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีอันตราย เพราะน้ำจะกัดเซาะจนทำให้อาคารหรือตึกทรุดลงมา ต่อมาในภาคใต้จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิรอบสอง ถือว่าใหญ่กว่าเดิมถึงสามเท่า คนที่จะอยู่ได้ไม่ฟั่นเฟือนคือคนที่มีสติ และไม่ต้องไปยึดติดกับวัตถุสิ่งของ

    ในนิมิตที่ได้เห็นอีกก็คือ โรคป่วยที่มากับน้ำ จะมีโรคตามมา อาจเหมือนกับฝนตกแล้วมีเชื้อโรคที่มาโดนผิวหนังของมนุษย์ และจะทำให้เนื้อเน่า ข้าวของสินค้าจะมีราคาแพง โจรก็เกิดขึ้นมาก ลมแรงหนาวมาก คนจนชั้นรากหญ้ากับชั้นกลางจะอดอยาก และลำบากมากที่สุด ส่วนคนรวยมีเงินก็คงไม่เดือดร้อนอะไร จุดประสงค์ที่แจ้งข่าวคือต้องการให้คนเข้าหาธรรมะกันให้มากที่สุด

    ข้อมูลจากสถานธรรมพระบรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร ต.เก่างิ้ว อ.พล จ.ขอนแก่น จากบทความโดย สุทธิคุณ กองทอง โดยบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)



    ลูกศิษย์ท่านบอกว่าเวลาสำหรับการฝึกและปฏิบัติน้อยลงทุกๆ ที คงต้องรีบฝึกจิตกันให้มากๆ ขอให้มีความมุ่งมั่นและเตรียมการสำหรับช่วยคนหมู่มากไว้ให้ได้ ไม่มีอะไรดีกว่าความสามารถพิเศษที่ท่าน ๆ มี ความสูญเสียต้องมีและต้องยอมรับมันแม้จะเกิดอยู่รอบ ๆ ตัวเราก็ตาม เราจะต้องครองสติให้ได้เป็นพอ

    คุณ ๑๐๘ man จากเว็ปไซต์พลังจิต

    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    บาปจากการทำแท้ง


    สำหรับผู้ที่มีอุปสรรคในเรื่องการตั้งครรภ์ คือตั้งครรภ์แล้วมิสามารถจะเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ได้จ ังไปทำแท้งนั้น ถือว่าเป็นบาปอย่างมหันต์ เพระเป็นการฆ่าคนเป็นการตัดชีวิตคนอื่น

    ผลแห่งบาปจึงค่อนข้างแรงนัก เชื่อกันว่า ผู้ที่ไปทำแท้งเอาลูกออกจะตกต่ำย่ำแย่ มีแต่เรื่องทุกข์ร้อนหรือไม่ก็จะพบกับช่วงชีวิตที่ลำ บาก ไม่อาจเจริญรุ่งเรืองได้ซักที เหมือนมีอะไรมาถ่วงอยู่และจะล้ม ๆ ลุก ๆ เช่นนั้นไปเนิ่นนานถึง 7 ปี

    ดังนั้น ทั้งชายและหญิง ( ไม่ใช่แต่ฝ่ายหญิงเท่านั้น ) หากคุณเคยได้ทำบาปกับชีวิตน้อย ๆ ที่เป็นลูกของคุณเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ขอให้เร่งรีบทำบุญสะเดาะเคราะห์อย่างเคร่งครัดจริงจั ง แล้วทุกข์ที่มีจะหมดสิ้น
    เชื่อกันว่า ชีวิตจะรุ่งเรืองทันตาเห็น แต่จะต้องทำบุญดังต่อไปนี้
    ไปซื้อปลาในตลาดสด แล้วนำไปปล่อยที่แม่น้ำ อย่าปล่อยในบึง-คลองเล็ก ๆ จะซื้อทีละกี่ตัวก็ได้ ตามแต่กำลังทรัพย์ที่มี

    • ต้องปล่อยปลาให้ครบตามอายุของตน เช่น ถ้าอายุ 25 ปี ก็ให้ปล่อยปลา 25 ตัว
    • ต้องนับจำนวนปลาแยกกับอีกฝ่ายหนี่ง เช่น ถ้าภรรยาอายุ 25 ปี สามีอายุ 30 ปี ก็แสดงว่าทั้งคู่จะต้องปล่อยปลาทั้งสิ้น 55 ตัว คือฝ่ายตัวหญิงปล่อยปลา 25 ตัว และฝ่ายชายปล่อยให้ครบ 30 ตัว
    • การทำบุญเช่นนี้ไม่มีระยะเวลากำหนด คุณจะทำให้เสร็จใน 1 เดือน 6 เดือน หรือ1 ปีก็ได้ถ้าทำให้ครบโดยเร็วก็จะหมดเคราะห์ได้เร็ ว
    คนเฒ่าคนแก่ได้แนะแนวการทำบุญเช่นนี้ไว้ และได้เสริมว่า นอกจากการทำบุญปล่อยปลาให้ครบตามอายุแล้ว ยังจะต้องทำสังฆทานทุก 1 เดือน หรือทุก 3 เดือนให้ครบ 7 ครั้ง จึงจะหมดเคราะห์และรุ่งเรืองสืบไป


    คัดลอกจากหนังสือพุทธมนต์คาถา


    และอีกในหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือคู่มือสวดมนต์ วิธีแก้กรรม สะเดาะเคราะห์ ได้บอกถึงวิธีแก้กรรมจากการทำแท้งดังต่อไปนี้

    ทำแท้งลูกโดยเจตนาหรือไม่เจตนา

    ต้องขอขมากรรม ให้จุดธูป 3 ดอก กลางแจ้ง ตั้งนะโม 3 จบ ว่า

    “ข้าพเจ้าชื่อ.......ขอขมากรรมวิญญาณลูก พ่อและแม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ขออโหสิกรรมให้ขาดจากกัน”

    จะทำบุญใส่บาตรด้วยพระสะดุ้งมาร 3 นิ้ว พร้อมอาหาร ทำใส่บาตรตอนเช้า แล้วกรวดน้ำขณะที่พระให้พร ตั้งนะโม 3 จบ กุศลผลบุญที่ทำบุญใส่บาตรพร้อมกับพระสะดุ้งมาร ขอให้เจ้ากรรมนายเวร คือวิญญาณลูกรับแล้ว ขอให้ไปเกิดบนศาลา ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกันเดี๋ยวนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสำเร็จ โชคลาภ ทำสิ่งใดก็ขอให้สำเร็จ ผู้ที่ทำแท้งลูกจะโดยธรรมชาติหรือไม่ แม้กระทั่งหมอพยาบาล ผู้ร่วมมือให้เงิน พาไปเป็นธุระเห็นดีด้วย จะเป็นตราบาปมาก วิญญาณเด็กจะอาฆาต เพราะดวงวิญญาณไม่สามารถกลับโลกเดิมได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสภาพมีแต่นาม (วิญญาณ) ไม่มีรูป ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย จึงกลับศูนย์ดุลยกรรม เพราะการเกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ต้องการมาสร้างบารมีใช้กรรม ผู้กระทำจะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ็บปวด แตกร้าว ทุกข์ ผิดหวัง ลาภก็ถูกปิดกั้น

    แก้กรรมเสร็จแล้วต้องหมั่นทำความดี กตัญญูต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณ จากกรรมหนักจะกลายเป็นเบา ถ้ากรรมเบาก็จะหายไป

    จากการเผยแพร่บทความธรรมะนี้ข้าพเจ้าขออุทิศให้แก่เจ ้ากรรมนายเวร คือวิญญาณลูกๆ ของข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลนี้ไปให้ไพศาล
    ถึงบิดามารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน
    คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย มีส่วนได้ในกุศลผลบุญของฉัน
    ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ท่านได้กุศลผลบุญนี้เทอญ

    พิมพ์และเผยแพร์โดย นางศรีสุดา วิเศษสี

    <!-- / message --> <!-- controls -->
    ที่มา บาปจากการทำแท้ง วิธีแก้กรรม - Palungdham Forums
     
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คำเตือนจากสิ่งมีชีวิตจากดาวอังคาร ผ่านศ.ดร. นพ. เทพนม เมืองแมน
    บันทึกจากงานมหกรรม ยู เอฟ โอ ๑๑พพฤศจิกายน ๒๕๕๐ (๑๑/๑๑/๐๗) สรุปได้ดังนี้ว่า เกิดภัยพิบัติในโลกแน่นอน

    ๑) ระวังเขื่อนแตก มนุษย์ต่างดาวบอก (ดูเขื่อนศรีนครินทร์ ถ้าแตกในเมืองมีเวลาหนี ๑/๒ ชม. น้ำจะสูงเท่าภูเขา)
    ๒) ให้เก็บของมีค่า เงิน ยาประจำตัว อาวุธขนาดเล็กไว้ป้องกันตัวไว้ในรถยนต์ รถเติมน้ำมันไว้เสมอ หรือเอาไปติด แอล พี จี อย่าติด เอ็น จี วี จะไปได้ไม่เกินนครสวรรค์
    ๓) ตอนนี้ขั้วแม่เหล็กโลกวัดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหล่นจาก ๓๕ เป็น ๕ เกาจน์แล้ว ถ้าลดลงอีกจะเกิดแผ่นดินไหวได้
    ๔) มนุษย์ต่างดาวบอกว่า จะเกิดเหตุการณ์ลำดับตามนี้ ...แผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ สงครามโลกครั้งที่ ๓ ... แล้วอุกกาบาตวิ่งชน ตายหมดแบบไดโนเสาร์ เหตุการณ์หลังนี้รุ่นดร.เทพนมไม่ต้องห่วงเพราะคงตายไปแล้ว เขาบอก
    ๕) ถามมนุษย์ต่างดาวเรื่อง ครอป เซอร์เคิลหน้าทำเนียบขาวที่มี ๖ หย่อม เขาบอกว่าเป็นสัญญานว่าสงครามโลกครั้งที่ ๓ เกิดแน่ เร็วๆนี้ แต่ต้องเกิดภัยพิบัติก่อน จะเกิดสงครามย่อย ๖ แห่งจึงจะเป็นสงครามโลกดังนี้ คือ อิสราเอลในตะวันออกกลาง (จะยุ่งเมื่อจีนเข้าแทรกแซง) ปากีสถาน อินเดีย จีนกับไต้หวัน เกาหลีและเกาหลีเหนือ ท้ายที่สุดคืออินโดนีเซีย
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...