...นิมิต แห่งอริยมรรค

หทัยวัตถุ ผมเติมคำว่าธาตุเข้าไป
ความหมายที่ผมได้คือ
หัวใจที่เป็นวัตถุธาตุ
ที่ทุกคนต้องใช้ห้วใจเพื่อพ้นทุกข์คับ
พ้นทุกข์ก็น่าจะพ้นกันที่ใจคับ
ถูกไม่ถูกแล้วแต่จะพิจารนาคับ

 

พุทธ จะมีคำว่า อนุปาธิน ที่มี
วิญญาณครอง กับ ไม่มีวิญญาณครอง

อนุปาธินที่มีวิญญาณครอง เกิดจาก วิบาก

จัดว่า มี หทัยวัตถุ เป็นปัจจัย ทำให้ปรากฏ

ยกตัวอย่าง ลวกเพ่ ฝัน หรือ มโนยุกยิกออกไปไหน
หรือ ฮุ้นปวยเอี้ยง แตกตัวไหมพันพัน มันจะมี เสื้อ
ผ้า หน้าผม ส่วนใหญ่จะตัวเก่ง หาก
แม่นเหมือนจับกวาง จะเป็น ฉันทะในปัจจุบันก็
จะออกมาเป็นเสื้อผ้าขณะที่ กำกระถาง

พอกำหนดฮู้แบบนี้ มิจฉากระติก ที่ว่า
หัวใจห้อง ห้อง ห้อง ห้อง ดำลง ดำลง
จะ กระเด็น

อุปมา ดัง ภาพปลากรอบ

 

ออกจากบันไดวน
แล้วไปขึ้นทางด่วนคับ
ไปได้เร็วกว่าเยอะเลยคับ
เว้นซะจากว่าอยากอยู่ที่เดิมคับ

 

แหม จำหนังฝาหรั่งไม่ได้ ว่าชื่อเรื่องอะไร

มันจะเป็น โลกมายา ซ้อน โลกมายา

พระเอกถูกจับขังในโลกมายา

แล้วก็หาทางออก

พอตรึกได้ว่า ต้องปีนให้สูง

มายา ก็ สร้างภาพมาหลอกว่ามี กระได
ปีนไปสักพัก เริ่มรู้ตัว ก็หาอย่างอื่น

ลิฟท์บ้าง บัลลูนบ้าง สารพัด ล้วน
ถูกหลอก

สุดท้าย ระลึกได้ว่า ต้องใช้สิ่งที่เป็น "โทเท็ม"

แต่ละคน จะมี โทเท็ม ไม่เหมือนกัน แต่อะไร
ทีจะเป็น โทเท็ม คือสิ่งที่.....

หทัยวัตถ มันจะสร้างบ่อยๆ ด้วย อำนาจ
ของ ฉันทะธรรม ไม่ใช่เกิดจาก เจตนา

อาศัย สิ่งที่เป็น อนัตตา ปรากฏเอง ไม่ใช่
เกิดจาก การบังคับบัญชา มาอาศัย ระลึก

พระเอกจะมี ลูกช่างสีเงิน หมุนๆๆๆๆๆๆ
ถ้ามันหมุน ไม่ส่าย ก็จะสังเกตได้ว่า
ขณะนั้น เป็น สิ่งที่ออกมาจาก หทัยวัตถุ
ทั้งสิ้น เป็น อภิญชา และ โทมนัสในกาลก่อนๆ
ที่มาหลอก ให้หลง วน

แล้ว ฉากสุดท้าย ลูกค่างเว้ยเฮ้ย

ลูกข่าง มันก็ไม่เที่ยง มันซัดส่าย

เท่านั้นแหละ พระเอก สบถยังกะหลวงตา
ภาคอีสาน

"ฮ้วย มะอึงทำกับข้อยขนาดนี้เลยหรือ ?"

"ฮ้วย มะอึงทำกับข้อยขนาดนี้เลยหรือ ?"

"ฮ้วย มะอึงทำกับข้อยขนาดนี้เลยหรือ ?"

โยนทิ้งหมด ทุกอุปกรณ์ แม้น คนที่ใช้
อุปกรณ์ด้วย

เท่านั้นแหละ เห็นเลย

พระเจ้าก็มาจาก หทัยวัตถุ
กล้วยทอด ก็มาจาก หทัยวัตถุ
ตถาคตก็มาจาก หทัยสัตถุ

เกิดจาก ปัจจัยการ

จึงไม่มี พระเจ้าไหน พระ(พุทธ)เจ้าไหน
อื่นอีก ที่จะมา แทรก แสดงมายาใดๆ

ประกาศการ ตรัสรู้ได้เอง โดยชอบ

 

ลองดู ฮับ

หา โทเท็ม สิ่งที่เกิดให้เราเห็น บ่อยๆ
เลือกที่เป็น "กลางๆ (อัพยากฤต)" ได้จะดี
แต่ถ้า ชีวิตมีแต่อุปสรรค อันนี้ โปรมหาโคตะมะ
เถระ แนะนำให้หา โทเท็ม ที่เป็นกุศล
เช่น คนบางคนเห็นพระเดินมา ขาก็พา
เดินไปทำบุญอัตโนมัติ อะไรงี้

ถ้าไม่มี ก็ ฝึกได้ ลองหาที่ สงบ สงัด
เฝ้นหาว่า อะไรทำให้เกิด ปิติ ปราโมช
ปราโมช โชย เย็ลลลใจ แทบเหาะ ได้
ง่ายๆ อันนั้น ก็จะเป็น โทเท็ม ที่เกิดเอง
ไม่ได้จงใจให้เกิด

ที่นี้ ก็เหลือแค่ สังเกตด้วยว่า แม้นนี้ ก็ไม่เที่ยง

ก็จะเกิดการ สลัดอุปกรณ์ และ ผู้ดู อุปกรณ์
ทิ้งอัตโนมัติ

แหวก ตำรา การฟังตามๆกันมา การเปรียบ
เทียบเอาแพะ ชน แกะ

แล้ว ทราบชัด สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดแต่เหตุ
ทั้งสิ้น

ก็จะ สามารถ ประกาศ การตรัสรู้ได้เอง โดยชอบ

พ้นกาลเวลา พ้นภาษา พ้นชาติพันธุ์

 

ท่านอาวุโสต้องการสื่ออะไรคับ
อยู่กับความเป็นจริงดีกว่าคับ
อยู่กับสิ่งที่เป็นไปได้ดีกว่าคับ
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้จะเอามาเขียนทำไมคับ

 

https://www.youtube.com/watch?v=rDirkd

 

ความจริง ของ ผู้มี สัจจ และ สัตย์
มีความ ขยัน บึ๊ดจั๊มบึ๊ด มันก็ อย่างหนึ่ง

ส่วน ความจริง ของ ผู้ไร้สัจจ ไม่มีสัตย์
ไม่ซื่อตรงต่อตนเอง กราบตัวเองยังไม่ลง
ความหลง ความโลภ ความด่วนตัดสิน(โทษะ)
มันก็อย่างหนึ่ง

ความจริง ที่ไม่จริง พอจะถูกไล่ให้ปรากฏ

ก็จะ ................................



ปล ลิง : นึกออกแล้วหนังเรื่อง " inception "( ก้าวข้ามการรับรู้ ไม่มีกำหนดหมาย )

 

อัตภาพมนุษย์ประเสริฐสุด

 

" ทหารถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก "

 

เข้า ใจคำว่า ที่ตั้ง กับที่อาศัย ยังไงมั้งฮับ

 

บ้านเรือนคือที่อาศัย
แผ่นดินคือที่ตั้งคับท่านปราบ

 

อะไรที่มัน โหล เกิน เขาก็ ห้าม อะเนาะ

 

เห็นที่ตั้ง เห็นเรือน
แล้วเห็นนายช่างผู้สร้างเรือนไหมคับ

 

เขา ไม่ได้ เน้น เหน แบบนั้น

การเหน ของ พุทธ ( จะ ซ่อนคำว่า ไม่เทียง
แฝงไว้เสมอ เรียกว่า ฐานสมัปยุต)

ดังนั้น

เวลาพูดว่า เหนที่ตั้ง

จริงนัยปฏิบัติ คือ แจ้งสัจจว่า ที่ตั้งไม่เที่ยง

ก้ ที่ตั้งไม่เที่ยง การอาสัย ก้จะไม่ใช่
อะไรที่ ถาวร

ดังนั้น ไม่ต้องไปกล่างถึง นายช่าง
หรือ แขก(กิเลส จรเข้ามาในจิต)

นานช่าง จะหมดหน้าที่

กิเลสจร เข้ามาแล้ว ก้ต้องออกไป
( แต่ ลึกๆ คือ หมายที่ไม่มีการ
เผบอเชิญแขกเข้ามาใาเรือน ที่ไม่เที่ยง)

 

ออกจากไม่เที่ยงแล้ว
ก็เที่ยงใช่ไหมคับ

 

ใครตอบได้เป็นพระโพธิสัตว์เลยนะ
ปังปังพยากรณ์

 

รูปนาม
เมื่อพูดถึงรูปหยาบ

กายหยาบ เหมือนโลก
จะมีเรือนอาศัย ที่ผู้อาศัยสร้างเรือนขึ้น จึงเรียกว่า สังขารที่มีใจครอง (อุปาทินกสังขาร)

ฉะนั้น ร่างกายมนุษย์ จะมี ที่อาศัยของจิต ในอวัยวะ ส่วนนึง

ที่จะเป็นจุดเชื่อมโยง การส่งต่อ ออกเป็น อุปาทายรูป

จิต มีที่อาศัย แต่ไม่มีที่ตั้ง

ไม่มีที่ตั่งเพราะ การส่งออกของจิต ส่งออก เกิด ดับ ไวกว่าฟ้าแล๊ป จึงเรียกว่าไม่มีที่ตั้ง

ออกทาง ทวารทั้งหกฉะนั้น


การทำให้จิตมีที่ตั้ง คือ ฐานทั้งสี่ ของ ขันธ์ 5 ในวิธี ของสติปัฏฐาน


เมื่อโลก คือ กายมนุยษ์ ไม่ใช่เฉพาะผืนดิน ที่เป็นที่ตั้ง

ที่ลม ที่น้ำ ที่ไฟ ก็เป็นที่ตั้งได้ด้วย

 

แล้ว มีแต่ลม มีแต่น้ำ มีแต่ไฟ
ไม่มีแผ่นดิน มันตั้งได้ไหมคับ