หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ / ๕๕ ปีรับกรรมในภพเปรต

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    LpRungwatthagrabue.jpg lpRungwatthakrabue.jpg
    https://www.paiduaykan.com/travel/วัดท่ากระบือ

    ประวัติ พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง ติสฺสโร)
    พระไพโรจน์วุฒาจารย์ หรือ หลวงพ่อรุ่ง (พ.ศ. 2416 — 27 กันยายน พ.ศ. 2500) พระเกจิอาจารย์ อุปนิสัยของท่านเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมาก ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ตาม ต้องทำให้สำเร็จไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรหรือต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใด เนื่องจากท่านเป็นคนมีความมานะพยายามสูงมาก เหรียญรุ่นแรกของท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2484 มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ยันต์หยิก (พิมพ์นิยม) กับพิมพ์ยันต์ดวง มีพุทธคุณสูงทางคุ้มครองป้องกันภัย และยังถือเคล็ดจากชื่อของท่าน เมื่อบูชาแล้ว จะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
    พระไพโรจน์วุฒาจารย์ หรือ หลวงพ่อรุ่ง ติสสโร
    เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2416 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ พวง มารดาชื่อ กิม นามสกุล พวงประพันธ์ พออายุครบ 21 ปี มารดาของท่านได้พามาอุปสมบทที่ วัดน้อย หลังจากศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดน้อยได้ระยะหนึ่ง ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อศึกษาวิชาความรู้เพิ่มเติมจนกระทั่งท่านได้มาพบวัดท่ากระบือ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ที่มีสภาพรกร้าง ท่านจึงคิดพัฒนาให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมอันสงบร่มรื่น ชาวบ้านละแวกนั้นเห็นท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเอาจริงเอาจังในการพัฒนาจนสำนักสงฆ์ท่ากระบือกลายเป็นสถานที่ร่มรื่นเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาหลวงพ่อรุ่งได้ขอตราตั้งสำนักสงฆ์ท่ากระบือเพื่อให้กลายเป็นวัด เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างถาวรวัตถุในวัดจนเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูชั้นประทวน(พระครูรุ่ง) พระครูไพโรจน์มันตาคม และ พระไพโรจน์วุฒาจารย์[1] พระราชาคณะชั้นสามัญ เป็นสมณศักดิ์ท้ายสุด ได้ดำรงสมณเพศตราบจนสิ้นอายุขัยเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2500 ในต้นแผ่นดินในหลวง อายุ 84 ปี 63 พรรษา
    :- https://th.wikipedia.org/wiki/พระไพโรจน์วุฒาจารย์_(รุ่ง_ติสฺสโร)
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    อาจารย์ยอด : หลวงพ่อปานปราบโรคระบาด [พระ] new

    อาจารย์ยอด : พุทธาคมหลวงพ่อปาน [พระ]

    อาจารย์ยอด
    Feb 27, 2020
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    lpkanekhemasayo.jpg

    ชีวประวัติหลวงปู่เคน เขมาสโย
    วัดป่าบ้านหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน สกลนคร

    ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านมีชาติกำเนิดในสกุล “นิ่งแนน” ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับ วันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ณ บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นบุตรของคุณพ่อไพ คุณแม่บับ ท่านเกิดได้ไม่นานแม่ก็เสียชีวิต น้าสาวเลยเอาท่านไปเลี้ยงเป็นลูก แล้วเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ฤกษ์งาม”

    ในสมัยเด็ก ๆ องค์ท่าน มีจิตใจในทางเมตตา ใฝ่ใจใคร่รู้ในทางธรรมมาก และมีจิตเมตตา สงสารในสัตว์เล็ก สัตว์น้อย และมีชีวิตที่ไม่โลดโผนมากนัก ผิดกับวัยรุ่นวัยหนุ่ม ที่คะนองตามแบบหนุ่มบ้านนอกลูกทุ่งโดยทั่วไป ด้วยใจที่ใฝ่ในทางธรรม จึงออกปากขอโยมพ่อ โยมแม่ ขอออกบวช ก็เป็นที่น่ายินดีกับทุกคนที่ได้รับฟังเวลานั้น ช่วงนั้นเป็นเดือน ๑๑ เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าว พอตอนเย็น ท่านกับเพื่อน ๆ ที่พร้อมจะบวชด้วยกันทั้ง ๔ คน ก็มาฝึกขานนาคกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง

    ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี ณ สิมกลางน้ำ วัดป่าบ้านหนองดินดำ(ภายหลังเปลี่ยนเป็น วัดป่าคามวาสี) ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล โดยมีพระอธิการพุฒ ยโส (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูพุทธิวาคม) เป็นอุปัชฌาย์ หลวงปู่นนท์ โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่หอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    พระอาจารย์เคน ได้รับฉายาว่า "เขมาสโย" แปลว่า "ผู้ยินดีอาศัยในธรรม" ในการบวชครั้งนั้นได้มีการเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทพร้อมกัน ๔ นาค คือ
    ๑.นาคเคน ฤกษ์งาม หรือท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย
    ๒.นาคประสาร รำไพ หรือท่านพระอาจารย์ประสาร ปัญญาพโล
    ๓.นาคสมัย โสภาจาร หรือท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก
    ๔.นาคชาลี โคตรสมบูรณ์ บวชเป็นสามเณร เพราะอายุยังไม่ถึง ต่อมาได้ลาสิกขาบท
    หลังจากท่านบวชแล้วก็ติดตามหลวงปู่นนท์ โกวิโท เที่ยวไปธุดงค์ที่ จ.นครพนม ได้ไปศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่บุญมา มหายโส ที่วัดอรัญญิกาวาส อ.เมือง จ.นครพนม อยู่พักหนึ่ง

    ภายหลังหลวงพ่อวัน อุตตโม แห่งวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ได้ฝากให้ท่านไปอยู่จำพรรษากับหลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต เพื่อให้ท่านสอนวิปัสสนากรรมฐานในเบื้องต้นให้ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่คำ มีอายุ ๖๐ ปี ที่วัดศรีจำปาชนบท บ้านพังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร เป็นพรรษแรก คือปี พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่คำ ให้อาตมาฝึกนั่งสมาธิเจริญคำภาวนาว่า “พุทโธ” ด้วยการให้พิจารณาการหายใจเข้าหายใจออกอย่างสม่ำเสมอ และให้มีสติกำหนดรู้อยู่ในการหายใจ ฝึกอยู่ได้หนึ่งพรรษาจิตยังหยาบอยู่ จึงต้องตั้งสติอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ

    จากนั้นจึงไปศึกษาธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์จันทร์ ไปอยู่บ้านนาเหมือง จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์จันทร์ ได้สอนการอ่านตัวธรรมที่จารอยู่ในใบลานต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการฝึกจิตเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนจิตใจสงบดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้หูตาสว่างไสวไปอีกขั้นหนึ่ง คือมองอะไรก็เป็นธรรมดา จิตใจไม่ว้าวุ่นเป็นสมาธิดี ท่านพระอาจารย์เคนอยู่อบรมธรรมกับพระอาจารย์จันทร์อยู่ ๓ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๔๙๕ ถึงปี พ.ศ.๒๔๙๗ จากนั้นก็ไปจำพรรษาที่วัดโนนแสนคำ บ้านทุ่งคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ณ ที่นี้ ก็เป็นสัปปายะดี คือเป็นสถานที่ดี มีความสงบสงัด เป็นที่ถูกใจ เหมาะแก่การภาวนาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านอยู่จำพรรษาที่นี่ ๑ พรรษ คือปี พ.ศ.๒๔๙๘

    จากนั้นจึงมาอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่หอม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ที่วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ๔ พรรษา คือ ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ จากนั้นท่านทราบข่าวว่าหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นลูกศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระที่มีปฏิปทาที่น่าเลื่อมใส จึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาอบรมธรรมอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี อีก ๑ พรรษา คือปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงปู่อ่อน ได้อบรมสั่งสอนในเรื่องทางการฝึกจิต ความเจริญทางจิตใจนั้น เราจะปล่อยไปเองตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะใจจะไหลลงต่ำ ไม่ดีงาม เราต้องรู้จักควบคุมบังคับ ฝืนไม่ให้อาหารในทางเสื่อม ไม่อย่างนั้นจิตใจจะไม่เจริญก้าวหน้า ท่านสอนให้ยึดคำบริกรรม “พุทโธ” เป็นหลัก เพราะไม่มีคำบริกรรมอย่างใดจะดีเท่าการสรรเสริญพระพุทธเจ้า

    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อบรมเรื่องการอยู่ป่าเป็นวัตร เมื่อไปอยู่ป่าแล้ว อย่าไปยึดป่า อย่ามีอุปาทานในป่า เรามีนี่เพื่อทำปัญญาให้เกิด ถ้ายังไม่มีปัญญา ก็จะเห็นว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น เป็นปฏิปักษ์กับเรา เป็นข้าศึกกับเรา ถ้าปัญญาดีแล้ว รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น ไม่ใช่ข้าศึก แต่เป็นสภาวะที่ให้ความรู้ความเห็นแก่เราอย่างแจ้งชัด เมื่อสามารถกลับความเห็นอย่างนี้ แสดงว่าปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์เคน รับการอบรมจากหลวงปู่อ่อนแล้ว ก็ได้กราบลา แล้วธุดงค์ไปที่ดงหม้อทอง แล้วไปอยู่ตามเขาตามถ้ำต่าง ๆ ที่ อ.บ้านผือ

    สมัยนั้นยังมีป่าไม้ให้ร่มเย็น สมัยที่องค์ท่านออกเดินธุดงค์ ไม่ต้องกล่าวถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง เรียกว่า มีแต่ป่ากับป่า ท่านเล่าว่าสิงสาราสัตว์ อย่างเสือ กวาง เก้ง แม้ช้างป่า มากมายจริง ๆ แต่ก็ไม่ทำให้องค์ท่านท้อในการเดินทางเข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์ การไปอยู่ ณ ที่ใด ก็ได้พิจารณายึดเอาคำสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ท่านได้แนะนำให้ไปปฏิบัติตามครรลองของพระพุทธศาสนา การบิณฑบาตในสมัยนั้นก็ได้แต่ข้าวเหนียว ไม่มีกับข้าว อดบ้างอิ่มบ้างก็อดทนอดกลั้น แม้จะพบความยากลำบาก ก็ไม่กังวลกับสิ่งใดใด

    ท่านพระอาจารย์เคน เขมาสโย ได้ธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว ขึ้นไปธุดงค์อยู่รุกขมูลตามร่มไม้ เพิงหิน โถงถ้ำที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ที่ภูเขาควายนี้เป็นที่มีอาถรรพณ์ และศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยภูตผีวิญญาณร้าย พระธุดงค์มากมายเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เป็นจำนวนมาก ท่านเล่าว่า ที่ภูเขาควายนี้เป็นภูเขาที่สูงมากของฝั่งลาว สูงกว่าดอยสุเทพเสียอีก เป็นภูเขาที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะเป็นป่าทึบดงดิบหนา มีสัตว์ป่ามากมาย เช่นช้าง เสือ หมี งู และสัตว์มีพิษอื่น ๆ อยู่มาก ที่สำคัญอากาศบนยอดเขาภูเขาควายหนาวเย็นมาก ถ้ามองรอบตัวจะไม่เห็นอะไรเลย เพราะป่ามันทึบมาก

    เวลาขึ้นเขาไปต้องค่อย ๆ มีสติเหยียบก้อนหินขึ้นไปทีละก้อนอย่างเชื่องช้า เพราะหินบางก้อนลื่นมาก เขาก็สูงชันมาก กลัวจะพลาดตกลงไป ทั้งบนบ่าก็แบกกลด แบกบาตรอัฐบริขารหนักมาก ท่านนึกถึงตนเองสมัยนั้นก็น่าสงสารตนเองยิ่งนัก แต่เราเป็นพระที่ขึ้นชื่อว่าเสียสละในทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยปลงได้ เพราะถือว่าครูบาอาจารย์ก็เคยลำบากมาก่อนแล้ว ท่านจึงได้ดีมีอรรถมีธรรม ครูบาอาจารย์ที่เคยมาเยือนที่ภูเขาควายแห่งนี้ในสมัยก่อน ได้แก่ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่เครื่อง ธัมมธโร หลวงปู่ขาว อนาลโย และพระอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ก็เคยมาเยือนที่ภูเขาควายเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วทั้งนั้น

    เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ท่านพระอาจารย์เคน ได้เห็นตาผ้าขาว กำลังกวาดใบไม้อยู่บนพลาญหิน จึงรู้สึกดีใจว่าบนยอดภูเขาควายนี้ ก็มีผู้มาบำเพ็ญสมณธรรมเช่นกัน ท่านจึงรีบเดินตรงเข้าไปหาหวังพูดคุยเจรจาด้วย เพราะไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแล้ว แต่พอไปถึงที่นั้นกลับไม่พบใคร มีแต่ความว่างเปล่า หรือจะเป็นเทพเทวดาอารักษ์รักษาป่าก็เกินจะคาดเดาได้ คืนนั้นท่านพระอาจารย์เคน พักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำที่ท่านไปอยู่ก็มีโครงกระดูก ไม่ทราบเป็นของพระธุดงค์หรือของโยมชาวบ้านที่มาล่าสัตว์ คงจะมาพักแล้วโดนงูกันตายก็เป็นได้ เพราะมีสิ่งของบางอย่างวางทิ้งไว้เช่นกาน้ำ การมาอยู่ที่ภูเขาควายก็ได้ความสงบสงัด ความวิเวกดี ได้ความก้าวหน้าในสมาธิตามลำดับ ท่านได้เที่ยวไปที่ต่าง ๆ ในเขตฝั่งลาวอยู่ถึง ๒ พรรษา คือปี พ.ศ.๒๕๐๔ ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๕

    ในช่วงนั้นเกิดความไม่สงบของบ้านเมืองในประเทศลาว ชาวบ้านจึงให้ความเห็นให้ท่านเดินทางกลับมาฝั่งไทยจะดีกว่า ท่านธุดงค์ข้ามมาทางบึงกาฬ-ปากคาด-โซ่พิสัย เรื่อยมาทางคำตะกล้า-บ้านม่วง ผ่านวานรนิวาส จนมาถึงสว่างแดนดิน ท่านพระอาจารย์เคน เขมสโย ได้มาวิเวกมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่บ้านหนองหว้าครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ บริเวณด้านหลังกุฏิไม้(หลังเก่า)ขององค์ท่าน ท่านว่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยมาปักกลดอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนแถบนี้เป็นป่ารกชัฏ แล้วก็ยังมีเสืออยู่ แต่ปัจจุบันก็เป็นอย่างที่เห็น กลายเป็นไร่นาของชาวบ้านหมดแล้ว สมัยที่ท่านพระอาจารย์เคน มาวิเวกอยู่ที่นี่ครั้งแรก มีชายรูปร่างสูงใหญ่ เป็นคนโบราณ ตัวดำทมึน เดินเข้ามาหา บอกว่าตามมาดูแลรักษา มิให้เกิดอันตรายใดใดทั้งสิ้น ขอให้ปฏิบัติธรรมไปด้วยความสบายใจ เขาบอกว่าเขาตามมาจากฝั่งลาว จะมาขออยู่ด้วยตลอดไป ท่านพระอาจารย์เคน ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้เข้าไปศึกษาอบรมธรรมอยู่กับท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ที่ถ้ำพวง ภูผาเหล็ก อ.ส่องดาว จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์วัน เป็นพระที่มีเมตตาธรรมมาก เป็นพระปฏิบัติดีเคร่งครัดพระธรรมวินัยรูปหนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านพระอาจารย์วัน นับเป็นอาจารย์ใหญ่ของท่านพระอาจารย์เคน ที่ท่านมีแต่ให้มาตลอด ข้อธรรมที่ไม่รู้ ท่านก็สอนให้รู้โดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด ท่านสอนให้พิจารณาสังขารร่างกายนั้นเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ อย่าไปยึดติดในสิ่งที่อยู่นอกกาย เช่น เนื้อหนังมังสาที่สวยงาม ล้วนแต่เป็นอนิจจังเป็นของไม่เที่ยงแท้ทั้งนั้น

    ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านได้มากลับมาอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีโยมอุบาสกคนหนึ่งชื่อ “จันทร์เรียน” ได้มาฝึกขานนาคด้วย มีท่านพระอาจารย์เคน และท่านพระอาจารย์สมัย ทีฆายุโก ช่วยกันสอนการออกเสียงอักขระ การขานนาคให้กับท่านจันทร์เรียน ท่านพระอาจารย์เคน จึงถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์ และเมื่อครั้งท่านอาจารย์จันทร์เรียน อุปสมบทที่วัดโพธิสมภรณ์ ท่านพระอาจารย์เคน ก็ได้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร แห่งวัดถ้ำสหาย อีกด้วย

    จากนั้นท่านพระอาจารย์เคน ได้กลับไปวิเวกอยู่ที่ป่าช้า บ้านหนองหว้าอีกครั้งนึง แล้วจึงได้อยู่โปรดญาติโยม จนได้สร้างเป็นวัดป่าหนองหว้า ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๖ หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านไปจำพรรษาที่วัดถ้ำสหายกับหลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร เนื่องจากหลวงปู่เคนท่านอาพาธ หลวงพ่อจันทร์เรียนเลยอาราธนานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วย ท่านเล่าว่าสมัยอยู่วัดป่านิโครธาราม ญาติโยมเอาหลวงพ่อจันทร์เรียนไปฝากท่านให้สอนขานนาคเนื่องจากหลวงปู่อ่อน ญาณสิริไม่อยู่ เพราะหลวงปู่อ่อนไปทำธุระที่กรุงเทพ ฯ ที่แรกท่านว่าจะไม่รับ รอหลวงปู่อ่อนกลับมาค่อยเอามาฝากหลวงปู่อ่อนใหม่ ญาติโยมไม่ยอม จำเป็นท่านเลยรับไว้ และก็สอนขานนาคให้ หลวงพ่อจันทร์เรียน นึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์สมัยหลวงปู่เคน ท่านเคยสอนนาค และอยู่อบรมธรรมด้วยกันมาเสมอ

    หลวงปู่เคน เขมาสโย มีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก คือ
    ๑.หลวงปู่ประสาร ปัญญาพโล วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
    ๒.หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก วัดป่าโนนแสงทอง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
    ๓.หลวงปู่เกิ่ง วิทิโต วัดป่าสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ท่านมรณภาพแล้ว วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖

    หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง อารมณ์ดี เยือกเย็นเสมอ พร้อมให้การสังเคราะห์ต่อศรัทธาญาติโยม ท่านมีอัธยาศัยเป็นพระที่ไม่ค่อยเก่งในการปฏิสัณฐานกับศรัทธาญาติโยมมากนัก เรียกว่าไม่ค่อยพูด นอกเสียจากว่านาน ๆ ครั้งองค์ท่านก็มีเมตตาสอนให้ข้อคิดคติธรรมบ้าง ในลักษณะคำสอนสั้น ๆ แต่ก็ถึงใจกับลูกศิษย์ลูกหา เมื่อได้น้อมใจที่พยายามเข้าใจในธรรมที่องค์ท่านเมตตาสอน ทั้งผิวพรรณขององค์ท่านก็สดใส ขาวผ่อง สมกับความเป็นพระอริยเจ้าผู้มีคุณธรรมขั้นสูง หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร ศิษย์ผู้มีความผูกพันกับหลวงปู่เคน เคยกล่าวไว้ว่า "พระผู้เฒ่าไม่ต้องห่วงแล้ว ท่านสบายแล้ว”

    หลวงปู่เคน เขมาสโย ท่านได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จยุพราชสว่างแดนดิน เนื่องจากลื่นหกล้มที่กุฏิ ในช่วงก่อนวันคล้ายวันเกิดในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซึ่งทำให้สะโพกท่านหัก ภายหลังจึงได้นำตัวท่านส่งไปโรงพยาบาลสกลนคร และได้ละสังขารลงด้วยสาเหตุไตวาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๔๕ นาฬิกา ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา สิริรวมอายุ ๘๖ ปี ๗ วัน พรรษา ๖๓
    :-
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    ๙๙.พบพระในความฝัน ตอน ๑ ผจญภัยบนดอยสูง

    ส่างอุ่นเปิงฝันเห็นและได้พบท่านครูบาศรีวิชัย ที่เมืองเชียงใหม่..
    ๑๐๐.พบพระในความฝัน ตอน ๒ (จบ)ผจญภัยบนดอยสูง


    thamnu onprasert
    Aug 8, 2021


     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    krubaLumSantijitto.jpg
    ครูบาลุ่ม สันตจิตโต แห่งวัดศรีจันทราราม (วัดปากดุก) จ.เพชรบูรณ์

    ครูบาลุ่ม สันตจิตโต ศิษย์ก้นกุฎิ เล่าถึงพระอาจารย์ หลวงปู่เทพโลกอุดร

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    Aug 6, 2021
    ครูบาลุ่ม ศิษย์ก้นกุฏิ เล่าถึงพระอาจารย์หลวงปู่เทพโลกอุดร ครูบาลุ่ม ถือเป็นศิษย์ใกล้ชิดอีกรูปหนึ่ง ซึ่งได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่ก่อนจะพบเจอหลวงปู่เทพโลกอุดร และการได้เข้ามาเป็นศิษย์ใกล้ชิดท่านได้อย่างไร รวมถึงยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงของหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งในเรื่องจะเล่าถึงถ้ำวัวแดง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านได้พบเจอ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ใกล้ชิดตั้งแต่ยังเป็นสามเณร รวมถึงพระฤาษีสิงขร ผู้ติดตามอุปฐากหลวงปู่ตั้งแต่ครั้งอยู่ที่ประเทศเนปาล และเล่าถึงหลวงปู่เกิดทันยุคพระบรมศาสดาองค์ปัจจุบัน หลวงปู่ท่านสำเร็จเป็นองค์อรหันต์ รวมถึงเหตุที่ได้รับมอบหมายมาดูแลพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ครบ5000 ปี เรื่องเล่าจากครูบาลุ่ม สันตจิตโต แห่งวัดศรีจันทราราม (วัดปากดุก) จ.เพชรบูรณ์ ที่มีต่อหลวงปู่เทพโลกอุดรอย่างละเอียด ขอเชิญสาธุชน และท่านผู้มีศรัทธา ร่วมรับฟังไปพร้อมกันได้เลยครับ
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    ๒๑๘.แรงบุญบนดอยสูง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Aug 17, 2021
    ชาวป่าเผ่าตองเหลืองทำบุญกับพระธุดงค์ ได้เกิดเป็นรุกขเทวดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2021
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    LuangpuSingkorn.jpg
    ประวัติหลวงปู่สิงขร
    หลวงปู่สิงขร ท่านเป็นอรหันต์ ผู้สำเร็จอภิญญาสมาบัติขั้นสูง ท่านเป็นร่างที่นิรมานกายมาจาก องค์ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ ผู้เป็นเจ้าสวรรค์ชั้นพรหมโลกทั้ง ๑๖ ชั้น
    ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ หรือท้าวกุมารพรหม เป็นผู้มีรูปกายที่งดงามยิ่ง สว่างด้วยรัศมีเหนือกว่าพรหมใดๆ มีพระสุรเสียงไพเราะกังวาน ยามเสด็จไปแห่งใด เหล่าทวยเทพและพรหมทั้งหลายจะทราบทันทีว่าเป็นองค์ ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ เนื่องด้วยทรงมีรัศมีสว่างไสว มีฉัพรังสีเปล่งประกายเกินกว่าเทพ พรหมองค์ใดๆ
    เนื่องเพราะเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล มีสามเณรรูปหนึ่งอายุ ๗ ขวบ ได้บรรพชาในพุทธศาสนา และได้เป็นลูกศิษย์ของท่านพระโมคคัลลานะและท่านเป็นผู้เคร่งครัดในจริยวัตร โดยเฉพาะยึดหลักพรหมจรรย์อย่างยิ่งยวด เมื่อท่านได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนแล้ว ท่านจึงบรรลุอรหันต์ สำเร็จอภิญญาสมาบัติ ครั้นเมื่อท่านเจริญวัยขึ้นก็เป็นสามเณรที่มีรูปร่างสง่า ผิวพรรณเปล่งประกาย สดใส ละเอียด ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง
    เช้าวันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังบิณฑบาต ได้มีสตรีนางหนึ่งซึ่งได้แอบชอบ หลงรัก สามเณรรูปงามผู้นี้มานาน ในวันนั้นนางได้ขาดสติยั้งคิด ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ จึงได้วิ่งมากอดสามเณรด้วยแรงของกิเลส เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สามเณรเสียใจมาก ที่การประพฤติพรหมจรรย์ของท่านต้องมามัวหมอง แปดเปื้อน ท่านจึงได้ละสังขารโดยยังไม่ถึงกาลอายุขัยที่จะได้เข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นพรหมโลก และด้วยบุญบารมีของท่าน จึงทำให้ท่านเป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น โดยมีนามว่า
    ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ
    หลวงปู่สิงขรท่านเป็นร่างอันเกิดจากการนิรมานกาย ขององค์ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ ท่านรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเหล่าพระสงฆ์ทั้งมวล เปรียบเช่น องค์พระมหากษัตริย์ และพระสังรฆราชแห่งพระสงฆ์ทั้งหลาย และท่านได้คอยดูแล ช่วยเหลือ พระศาสนา โดยท่านเมตตาอบรมสั่งสอนชี้แนะในสิ่งต่างๆ ให้กับหมู่สงฆ์ทั้งหลายและพุทธบริษัททั้งสี่
    โดยหลวงปู่สิงขรได้รับมอบหมายหน้าที่นี้จากพระศรีอริยเมตไตร ซึ่งตามปกติพระองค์จะทรงกระทำหน้าที่เหล่านี้ แต่เมื่อท่านทรงเสด็จไปทรงงานอื่นๆ หรือทรงออกมาสร้างพระบารมี พระองค์จึงมอบหมายงานต่างๆให้หลวงปู่สิงขร
    หลวงปู่สิงขรท่าน ได้ให้ความเคารพนับถือหลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเป็นอย่างมาก และท่านยังได้รับใช้ช่วยงานหลวงปู่ใหญ่บ้างในบางโอกาส
    ครั้งหนึ่งหลวงปู่สิงขรท่านได้ลงมาโปรดมวลหมนุษย์โดยนิรมานกายลงมาเป็นนักบวชนามว่า “โพมิงอ่อง” ซึ่งชาวพม่าจะรู้จักกันดี ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากเป็นที่เคารพนับถือบูช
    าเป็นอย่างมากของชาวพม่า วัดแทบทุกแห่งในประเทศพม่าจะมีรูปเหมือน หรือรูปปั้นของ ท่าน “โพมิงอ่อง” ผู้เปรียบเสมือนพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งท่านเมตตาสั่งสอน ช่วยเหลือหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม และบรรลุมรรคผลนิพพาน
    นอกจากนี้หลวงปู่สิงขรยังได้อบรมสั่งสอน สรรพวิชาต่างๆ ให้กับสาธุเจ้าต้นบุญ ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่เมตตามาก จึงทำให้ท่านสาธุเจ้าต้นบุญศรัทธาและเคารพรักนับถือหลวงปู่สิงขรอย่างสูงเปรียบประดุจพ่อ ดังนั้นบรรดาลูกศิษย์ของสาธุเจ้าต้นบุญ จึงขอร้องให้สร้างรูปหล่อหลวงปู่สิงขร เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้สักการบูชา ด้วยเหตุนี้จึงได้ดำเนินการสร้างรูปหล่อหลวงปู่สิงขรในภาคที่อายุไม่มาก ดูงามสง่ามาก
    ปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงปู่สิงขรมีมากมาย อาทิเช่น ในวันพุทธาภิเสกรูปหล่อหลวงปู่สิงขรวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒ หลวงปู่สาธุเจ้าต้นบุญได้กล่าวแก่ศิษยานุศิษย์ว่า หลวงปู่สิงขรจะมาพุทธาภิเสกรูปหล่อของท่านด้วยตัวเอง ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างพยายามสังเกตดูตลอดงานพิธี ในวันนั้นทางวัดทุ่งกุลาเฉลิมราช ได้นิมนต์พระไว้ ๓๐ รูป แต่หลวงปู่สาธุเจ้าต้นบุญ ท่านให้เตรียมอาสนะไว้ ๓๓ ที่ พอถึงเวลาพิธีพุทธาภิเสกก็มีพระมาที่อาสนะนับได้ ๓๒ ที่ และเมื่อได้สอบถามพระทั้ง ๓๐ รูปที่นิมนต์มาก็ไม่มีรูปใดรู้จักพระ ๒ รูปที่เกินมาเลย และเมื่อเสร็จกิจนิมนต์ ก็ไม่ทราบว่าพระทั้ง ๒ รูปนั้น กลับไปเมื่อใด จึงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก หลวงปู่สิงขรเป็นผู้ดูแลพระศาสนา สำเร็จอภิญญา สมาบัติขั้นสูง ผู้ใดเคารพบูชาท่าน เป็นเมตตามหานิยม มหาอำนาจ มหาปราบ หมู่มารไม่มารบกวน ปลอดภัย แคล้วคลาด จากภยันอันตรายทั้งปวง ด้วยบารมีของท่าน
    บทสนทนาของหลวงปู่สิงขร
    "แท้ที่จริงแล้วเรากำลังมาเรียนรู้ ว่าสิ่งใดเป็นมายา สิ่งใดไม่เป็นมายา เรามาเรียนรู้ทั้งหมดนี้ พวกเธอทั้งหลายมาสร้างบารมีกันให้เกิดกุศล ยังกุศลให้เกิดขึ้น อาศัยกุศลยังให้เกิดภพชาติที่ดี ยังก่อให้เกิดความสำเร็จ แห่งการรู้แจ้ง ถ้าเราไม่อาศัยกุศล อาศัยอกุศล มันเป็นพลังงานลบ เราก็จะเจอแต่ความเศร้าหมอง มนุษย์ไม่ปรารถนา และก็ไม่มีใครหน้าไหนที่ปรารถนา แต่ปัญหาคือเค้ารู้หนทางหรือมรรคาแห่งการทีจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่คุณอยู่ สิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณเป็น สิ่งที่คุณดำเนินอยู่นั้น มันเป็นมรรคาที่ถูกต้องแล้วหรือยัง "
    " การที่เราจะสร้างบารมีอะไรก็ตามแต่ จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราอยาก แต่เราจงมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ คำว่าหัวใจที่ยิ่งใหญ่นั้น จะเกิดขึ้น เราต้องมองภาพรวมว่าไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเรา แม้สิ่งอื่นใดที่บังเกิดขึ้น จะเป็นกุศลหรือมหากุศลใดๆ ที่บังเกิดขึ้น ไม่เกิดขึ้นจากเราเพียงผู้เดียว และไม่ได้ยังประโยชน์แก่เราเพียงผู้เดียว แต่ยังประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นพรหมก็ดี มาเป็นเทวดาก็ดี สัตว์นรกก็ดี เปรต อสุรกายก็ดี สิ่งที่เราได้สร้าง สิ่งที่เราได้ทำ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราอยาก แต่เกิดขึ้นเพราะสรรพสัตว์ทั้งปวง ที่เป็นปัจจัย ไม่ใช่เรื่องของเงินทอง แต่เป็นเรื่องหัวใจ และการสละ สละเวลา สละทรัพย์ สละทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง สำคัญที่สุดคือกาล เวลาทุกๆ คนเท่ากัน มี 24 เหมือนกัน ทุกๆ คนมีเวลาเท่ากัน บางคนบอกว่าปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา แต่ทำไม พวกเธอมีเวลาที่จะทุกข์ มีเวลาที่จะสุข เลือกที่จะทุกข์เลือกที่จะสุขได้ แต่ทำไมไม่ขนขวย มรรคคา หรือหนทาง หรือโอกาสที่ทำให้เราเห็นทุกข์ เห็นสุข และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง การสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ และการสร้างวัด การสร้างศาสนธรรมต่างๆ การสร้างหนังสือธรรมะ สร้างอะไรก็ตามแต่ เป็นรหัสอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นรหัส เป็นกุญแจ ที่จะไขสู่ความเป็นปรมัตถ์ เป็นกุญแจ ที่จะทำให้เรานั้น พัฒนาจิตวิญญาณ มันเป็นองค์ประกอบ คอมพิวเตอร์กว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คได้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ความเป็นมนุษย์ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง การเป็นพระพุทธเจ้าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง กุศลอะไรบ้าง ยังกุศลอย่างไร ให้พวกเธอสำเร็จซึ่งพระโพธิญาณ ยังกุศลอย่างไรให้พวกเธอเห็นทุกข์ ยังกุศลอย่างไรให้พวกเธอเห็นสุข การพิจารณาอย่างไรทำให้พวกเธอมีหัวใจเด็ดเดี่ยวและกล้าต่อสู้กับมัน กล้าอยู่กับมัน กล้าเป็น ไม่ได้หนี เป็นที่สิ่งที่เธอเป็น ทำในสิ่งที่เธอทำ เธอจะปรารถนาอะไรก็ตามแต่ หรือเธอจะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่ถ้าหัวใจของเธอไม่มีความยิ่งใหญ่ มันก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าเธอจะมีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน ถ้าเธอยังไม่เข้าใจชีวิต และไม่เข้าเหตุของการเกิด เธอจะไม่เป็นผู้รู้ เธอจะไม่เป็นคุรุ จะไม่เป็นครูของเทวดา ไม่เป็นครูของมนุษย์ ไม่เป็นครูของสรรพสิ่งเลย เรามาเกิดเพื่ออะไร จงหาจุดยืนของเธอให้ได้เสียก่อน มาเป็นผู้ชายก็ดี มาเป็นผู้หญิงก็ดี มาเป็นกระเทยก็ดี มาเป็นบันเดาะก็ดี มาเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่หัวใจของเธอมีโพธิญาณอยู่ในใจแล้วไซร้ ไม่ว่าเป็นเธอจะเป็นอะไร นั้นแหล่ะคือการเรียนรู้ ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร เธอจะมีบารมีมากแค่ไหนถ้าปัจจุบัน ณ ชาติ ยังไม่รู้ มันจะมีประโยชน์ได้อย่างไร...... "

    ที่มา
    http://www.watpatungkulachalermraj.com/Default.aspx
    Прикажи мање
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2023
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    หลวงปู่กงมาและหลวงพ่อวิริยังค์ ผจญภัยในถ้ำวัวแดง

    VIVECK STATION
    Jul 31, 2021
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    ตามรอยธุดงค์ล้านนา หลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม พระเกจิจังหวัด มุกดาหาร

    AKedOLQaFm03SVVCw_kJDe_KM8VUbaEp2Zgu8fYfJFf6=s48-c-k-c0x00ffffff-no-rj.jpg
    ลุงนิรนามเล่าเรื่อง

    Aug 23, 2021
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    อาถรรพ์ น้ำมันเสือสมิง ลี้ลับป่าสาละวิน

    ๒๒๐ .กรรมเก่าของผีโพง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert

    Aug 25, 2021
    เรื่องราวกรรมเก่าที่น่าพิศวงของคนที่เกิดเป็นผีโพง...

     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    อัศจรรย์! เหล่าเทวดาร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะเดือ"

    VIVECK STATION
    Aug 19, 2021
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    lpnongwatclongmadun.jpg
    ประว้ติพระอธิการโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ
    (โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ)
    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ
    เกิด พ.ศ. 2408
    มรณภาพ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2477
    อายุ 69
    อุปสมบท พ.ศ. 2432
    พรรษา 45
    วัด วัดคลองมะดัน
    จังหวัด สุพรรณบุรี
    สังกัด มหานิกาย
    ตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดคลองมะดัน


    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ (พ.ศ. 240825 ธันวาคม พ.ศ. 2477) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี
    ประวัติ
    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2408 ตรงกับปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นชางตำบลบ้านตาล อำเภอสองพี่น้อง เป็นบุตรของนายโต และนางจ้อย มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ท่านเป็นคนที่ 2 อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2432 ณ วัดสองพี่น้อง โดยมีพระอาจารย์จันทร์ วัดทุ่งคอก เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ดิษฐ์และพระอธิการสุด เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ตามลำดับ ตั้งแต่บวชมา ท่านไม่เคยฉันเนื้อสัตว์เลย เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งคอก 2 พรรษา วัดสองพี่น้อง 7 พรรษา จากนั้นก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่อัมพวัน (วัดคลองมะดัน) ตลอดมา ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่อัมพวัน ท่านได้ทำนุบำรุงวัดจนรุ่งเรือง หลวงพ่อท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รวมสิริอายุได้ 69 ปี นับพรรษาได้ 45 พรรษา
    :- https://th.wikipedia.org/wiki/หลวงพ่อโหน่ง_อินฺทสุวณฺโณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2022
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    อิทธิฤทธิ์ฤาษี พลังจิตภิกษุ

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    Aug 24, 2021
    อิทธิฤทธิ์ฤาษี - พลังจิตภิกษุ เป็นเรื่องเล่าที่กล่าวถึงความลี้ลับในพงไพร ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อจี้กง เหตุที่ท่านมีชื่อนี้มาจาก ท่านมีพฤติการณ์โลดโผน แปลกประหลาดเหมือนพระอรหันต์จี้กง และท่านมีจิตใจเบิกบานเสมอ พูดอะไรไป2-3วัน ก็เป็นอย่างที่พูด รวมถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อแสวงหาความหลุดพ้น และเรื่องราวสหายธรรมนามว่าฤาษีคำกาจ ซึ่งมีฤทธิ์อภิญญามาก และได้เร่งความเพียรเพื่อเข้าถึงความเป็นอมตะ

     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    บึงผีพญางู ลี้ลับป่าสาละวิน

    ๒๒๑. ปีศาจบนดอยสูง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Sep 2, 2021
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    ๒๒๒.ถ้ำสามผี ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    68,116 viewsSep 5, 2021

    พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทยเดินธุดงค์จาริกไปยังถ้ำสามผีที่ลี้ลับบนดอยสูง เขตรัฐฉานเหนือ
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    ประวัติและปฏิปทา พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน) วัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร อ.ปากช่อง จ.ครราชสีมา
    .jpg
    หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณวราราม

    จริยนิสัย ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส (สมัยเด็ก) เรื่อยมาจนได้บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา ปฏิปทาก็ไม่เคยเสื่อมคลาย ยังรักษาอยู่เหมือนเดิม ทั้งในที่ชุมชนหรือในกุฏิวัดของท่าน

    การกระทําบําเพ็ญตน สมควรแก่การนํามาเป็นเยี่ยงอย่างอันดีงาม ของอนุชนต่อไป ท่านผู้ ปฏิบัติตนในเพศสมณะ อันอุดมนี้คือ หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านเคยกล่าวถึงเสมอๆ เมื่อครั้งที่ท่านยังดํารงชีพอยู่ หลวงปู่โชติ องค์เดียว ที่หลวงปู่ดูลย์ให้ความรัก และเมตตาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย แบกของเดินตามหลัง เข้า เพ็ญสมณธรรม”

    ย้อนภาพอดีตครั้งเมื่อหลายๆ สิบปีที่ผ่านมา ก่อนโน้น หลวงปู่ดูลย์ ในฐานะพระธุดงคกรรมฐานเต็มองค์ เดินธุดงค์โปรดบรรดาญาติโยมในถิ่นบ้านเกิดของท่าน คือจังหวัดสุรินทร์

    ในครั้งนั้น ได้มีอุบาสิกาที่เคร่งครัด ศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาคนหนึ่ง ชื่ออุบาสิกา เหรียญ เมืองไทย อุบาสิกาท่านนี้ ไม่เคยขาดการมาฟังพระธรรม เทศนา และอบรมธรรม กับหลวงปู่ดูลย์เลยสักวันเดียว

    และในทุกครั้งที่มาสํานัก ที่หลวงปู่อยู่บําเพ็ญสมณธรรม อุบาสิกาเหรียญ จะต้องนําบุตรชายของตน ชื่อ เด็กชายโชติ เมืองไทย มาด้วยทุกครั้ง

    การมาวัด ได้อยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์ทุกวัน ๆ ยิ่งนานวันเข้า ก็คิดไม่กลับบ้าน อยากอยู่ กับ หลวงปู่ดูลย์เพื่อปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์

    ปกติแล้ว เด็กชายโชติ มีนิสัยรักความสงบ ใจบุญสุนทาน เรียบร้อยด้วยวาจามารยาท สิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเด็กชายโชติ ที่ยังไม่เปิดเผยแก่ใครๆรู้ คือ การที่ตนระลึกชาติได้อย่างแม่นยำ ในอดีตที่ผ่านมา

    ความอันลึกลับ จําอดีตชาติได้นี้เอง ทําให้ผู้เป็นเจ้าของสังขาร เป็นผู้หมดบาปกรรม ไม่กล้าก่อเวรอีกต่อไป ซึ่งก็นับว่า เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่กําลังสิ้นเวรกรรม ในชาติปัจจุบัน

    แต่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ และสงสัย อยากรู้อยากเห็น หรือจะพูดว่า ผู้คนจํานวนล้านคน จะมีผู้ไม่สงสัยเลย ไม่เกิน ๑ คน ในเรื่องเช่นนี้ ผู้ยังมีความสงสัยอยู่นั้น จงเข้าใจได้เลยว่า ยังเป็น ผู้ไม่สิ้นกรรม ยังจะสร้างกรรมต่อไปอีกนาน เพราะอวิชชาบัง จิตใจไว้นั้นเอง…

    นามเดิมของท่านชื่อ โชติ เมืองไทย เกิด ณ บ้านกะทบ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์

    ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของ นายแป๊ะ เมืองไทย และ นาง เหรียญ เมืองไทย และก่อนเกิดมา มารดาของหลวงปู่โชติ แพ้ท้องเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ทั่วๆ ไปเหมือนกัน แต่ว่าแปลก แตกต่างกันมาก ดังกับฟ้าดิน ซึ่งปกติโดยทั่วไป คนตั้งครรภ์ มักจะชอบกินเปรี้ยว กินหวานมันเค็ม จุกจิกต่าง ๆ

    ส่วนนางเหรียญมิได้เป็นเช่นนั้น อาการแพ้ท้องในครั้งนี้ อยากทําบุญสุนทาน ถือศีล บำเพ็ญภาวนา เข้านมัสการครูบาอาจารย์ ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันๆ

    ชีวิตในเยาว์วัยของเด็กชายโชติ ก็ไม่ได้โลดโผนโจนทะยาน เหมือนเด็กๆอื่น เขาชอบเก็บตัวเงียบสงบ กิริยามารยาทเรียบร้อย มีใจที่โน้มเอียงไปทางธรรมะมากที่สุด


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2023
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    (cont.)
    และปกติแล้ว นางเหรียญ ผู้มารดาก็ชอบทําความสงบ บําเพ็ญคุณงามความดี ฟังธรรมอบรมธรรม กับครูบาอาจารย์อยู่เป็นนิตย์ และได้นําเด็กชายโชติ เมืองไทย ซึ่งบัดนี้มีอายุได้ ๑๒ ปี แล้ว ติดตามมาวัดป่า ฟังธรรมด้วย

    การมาอยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์นี้ เป็นเหตุให้เด็กชายโชติ ไม่อยากกลับบ้านเสียแล้ว เพราะ การที่ได้มาอยู่วัดนั้นเป็นนิสัยที่ตนรักปรารถนาอยู่มาก นอกจากความสงบเงียบแล้ว ก็ยังได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นด้วย

    ต่อมา นางเหรียญ ผู้เป็นมารดา ได้ถวายบุตรชายของตนแก่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เสียเลยเมื่ออายุอันควรที่จะบวชเรียนได้แล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้บรรพชาให้สามเณรโชติ เมืองไทย ซึ่งเป็นคนแรกเลยทีเดียว

    สามเณรโชติ เป็นคนที่มีความเคารพ กตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ มีความขยันขันแข็งเรียบร้อย ว่าง่ายสอนง่าย เป็นที่รักเอ็นดูของ หลวงปู่ดูลย์ เป็นอันมาก

    สามเณรโชติ ท่านได้อยู่ปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่ดูลย์ ออกติดตามหลวงปู่ดูลย์ เดินธุดงคกรรมฐาน ในที่ต่างๆ มาโดยตลอด ความรู้ความก้าวหน้าทางด้านจิตใจมีมาก แก่กล้าขึ้นโดยลําดับ

    การเดินธุดงค์ สามเณรโชติ ได้ติดตามหลวงปู่ดูลย์ ไปทางเขาพระวิหาร เข้าประเทศเขมร ไปปักกลดอยู่ท่ามกลาง ดงเสือ ช้าง หมีชุกชุมมาก ชาวสุรินทร์เอง เวลาไปคล้องช้าง ก็จะต้องเดินไปทางนี้ เพราะมีช้างมาก

    ณ เส้นทางนี้เอง หลวงปู่โชติ ท่านเล่าเหตุการณ์สมัยเป็นสามเณร ได้ติดตามไปกับพระอาจารย์ของท่าน หลวงปู่ดูลย์ ถูกควายป่า วิ่งเข้าชนข้างหลัง ขวิดหลวงปู่กลิ้งไปมาจนจีวรขาดรุ่งริ่งไปหมด แต่ตัวของหลวงปู่ดูลย์ ไม่เป็นอะไรเลยอย่างน่าอัศจรรย์

    ต่อมาหลวงปู่ดูลย์ ได้นําตัวของสามเณรโชติ มาฝากไว้ที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เพื่อ ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดนี้

    เมื่ออายุครบบวช ท่านได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดสุทธจินดา ได้รับฉายาว่า “คุณ สัมปันโน

    หลวงปู่โชติ ได้รับสมณศักดิ์ และตําแหน่งต่างๆ จากพระสมุห์ มหา พระครู พระธรรมฐิติญาณ พระราชสุทธาจารย์ ในตําแหน่งสูงสุดของท่านได้เป็น พระเทพสุทธาจารย์

    การปฏิบัติธรรมนั้น หลวงปู่โชติ มีความแก่กล้ามั่นคงใน ธรรมปฏิบัติ เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง

    และด้วยปฏิปทาอันบริสุทธิ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ของหลวงปู่เองประกอบกับวาสนาบารมี ท่านจึงได้รับเลือกนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นองค์แรก (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ท่านเป็นพระอริยเจ้า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดําเนินตามธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ ผู้สืบมรดกธรรม ซึ่งมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ไว้อย่างมั่นแม่น ไม่ลืมเลือน

    จริยวัตรของ หลวงปู่โชติ เป็นความปกติของจิต ไม่มีการเสแสร้ง เคร่งขรึมด้วยจริตตึงเปรี้ยะ จนเกือบขาด

    แต่ความปกติของท่านนั้น เป็นความจริงที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาดีงามแล้ว เป็นความพอ ดีของพระอริยเจ้าพระองค์นี้

    เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านได้อาพาธด้วยโรคดีซ่าน แล้วเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับไว้เป็นคนไข้ของพระองค์ จวบจนถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๗
    :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่โชติ-คุณสัมปันโน/
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50,342
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,060
    อภินิหาร ผ้ายันต์วิเศษ

    thamnu onprasert
    Sep 7, 2021

    เรื่องราวน่าอัศจรรย์ของผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์

     

แชร์หน้านี้

Loading...