ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กะลาที่คุณป้าให้ค่ะ
    (มะพร้าวตาเดียว)

    [​IMG]

    ลองค้นข้อมูลมาค่ะ

    กะลาตาเดียว ความเชื่อที่อยู่กับคนไทย

    เขียนโดย ชัย ป่ายางหลวง เมื่อ 19 พฤศจิกายน, 2012

    กะลาตาเดียว

    อัศจรรย์ของขลังจากธรรมชาติ

    “เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีความเชื่อสืบทอดต่อกันมาว่า หากนำกะลาตาเดียวทั้งลูกที่เป็นตัวผู้ตัวเมียคู่กัน มาเก็บไว้ตั้งแต่วันแต่งงาน จะทำให้ทั้งบ่าวสาวครองคู่อยู่กันอย่างมีความสุข ไม่หย่าร้างแยกจากกัน ชีวิตครอบครัวอุดมสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง”

    สิ่งลี้ลับอัศจรรย์.....บังเกิดขึ้นได้เสมอบนโลกใบนี้

    บางสิ่งคงกระพันหยั่งรากฝังลึกมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ครั้งบรรพกาล จนกลายเป็นตำนานแห่งความเชื่อและความนับถือ ที่ผูกพันกับชีวิต จิตวิญญาณของความเป็นไทยมาเนิ่นนานเป็นเวลานับร้อยๆ ปี อย่างเช่นตำนานของเรื่อง “กะลาตาเดียว” ก็เช่นกัน

    เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยเราเชื่อถือกันว่า เป็นเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งของคนไทยที่มีผู้คนจำนวนมากศรัทธา และตำนานความเป็นมาของการเชื่อถือของกะลาตาเดียว มีบันทึกสืบต่อกันมามากมายหลายกระแส

    หลายคนที่ยังไม่รู้อาจสงสัยว่า กะลาตาเดียว คืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร และมีพลานุภาพที่สำคัญอย่างไร ทำไมหลายคนถึงเชื่อถือ เปิดตำนานกะลาตาเดียว ในวันนี้ คงให้ความกระจ่างกับคุณเพิ่มมากขึ้น

    โดยปรกติทั่วไปแล้ว กะลามะพร้าวเกือบ 100 % จากทุกสายพันธุ์ ที่ก้นกะลาจะมี “ตา” ปรากฏอยู่ 3 ตาแทบทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา

    แต่หากกะลามะพร้าวลูกไหนมีตาเดียวปรากฏขึ้น ตามความเชื่อแล้ว ถือว่าไม่ใช่ความผิดปกติ หากแต่เป็นความแปลกประหลาด ลามเลยไปถึงความอัศจรรย์ ที่หาได้ยากยิ่งด้วย เพราะนานๆ จะเจอกันเสียลูกหนึ่ง

    คนในสมัยโบราณนับถือกะลาตาเดียวว่าเป็น สิ่งที่มีความพิเศษแฝงเร้นอยู่ในตัวของมันเอง ซึ่งต่างจากเครื่องรางของขลังชนิดอื่นๆ

    มีตำนานเรื่องเล่า และหลักฐานปรากฏเกี่ยวกับกะลาตาเดียวมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า มีชาวบ้านบางคนนำกะลาตาเดียวมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง โดยนำกะลามะพร้าวที่มีตาเดียวมาเจาะรู ร้อยเชือก หรือสายสิญจน์คล้องคอ หรือคาดที่เอวติดตัวไว้ใช้สำหรับเดินทาง เพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้

    บางคนก็เชื่อว่า หากใช้กะลาตาเดียวตักข้าวสารเวลาหุงข้าวอยู่เป็นประจำ บ้านนั้น และคนในครอบครัว จะเกิดความอุดมสมบูรณ์ มีข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ไม่อดไม่อยากไปจนตลอดชีวิต

    ส่วนข้าราชการในสมัยกรุงศรีอยุธยา นิยมนำบางส่วนของกะลาตาเดียวมาแขวนคอติดตัวตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เพราะเชื่อว่าอานุภาพของกะลาตาเดียว จะสร้างความความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ราชการ และการงานเพิ่มมากขึ้น ได้เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่นๆ

    แต่สำหรับเหล่าทหารกล้าที่ต้องออกไปรบทัพจับศึกอยู่เป็นประจำ เกือบทุกคนจะนำกะลาตาเดียวซึ่งตัดแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆไปให้อาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ ลงคาถาอาคมกำกับไว้ที่กะลาตาเดียวอีกคำรบหนึ่ง เพราะเชื่อว่า จะทำให้อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดจากคมหอกคมดาบของศัตรูได้ กะลาตาเดียวในความรู้สึกของพวกเขา จึงไม่ต่างจากพระเครื่อง ยันต์ หรือตะกรุด ฯลฯ แต่อย่างใด

    ส่วนกะลาตาเดียวที่ทั้งลูกมีลักษณะงดงาม กลม มนได้สัดส่วน คล้ายดวงอาทิตย์ ชาวบ้านมักจะนำไปไว้บนหิ้งที่บ้าน เพื่ออธิษฐานจิตขอพรในสิ่งต่างๆ ให้กับครอบครัว

    ในสมัยสุโขทัย มีหลักฐานปรากฏว่า มีชาวบ้านนำกะลาตาเดียวมาทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ เพื่อไว้สำหรับติดตัว เพราะถือกันว่าเป็นเครื่องรางของขลังชั้นดีชนิดหนึ่ง ที่สามารถป้องกันคุณไสยต่างๆ และภูตผีปีศาจทั้งหลายทั้งมวลได้ และยังทำให้ผู้ที่ครอบครองไว้มีโชคมีลาภอีกด้วย

    เอกอุอีกอย่างหนึ่งของการพัฒนากะลาตาเดียวมาเป็นเครื่องรางของขลังอย่างสมบูรณ์แบบ คือผู้ที่ศรัทธาส่วนใหญ่มักนิยมนำกะลาตาเดียวมาแกะเป็นรูปพระราหูห้อยคอ

    หลักฐานที่ยืนยันในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือ บทประพันธ์เรื่อง "พระอภัยมณี" ของท่านสุนทรภู่ รัตนกวีสี่แผ่นดิน ตอนหนึ่งท่านได้กล่าวถึงของขลังรูปพระราหูเอาไว้ว่า นางละเวง มีกะลาตาเดียวแกะเป็นรูปพระราหูแขวนประจำกายอยู่ คืนหนึ่งขณะที่นางละเวงนอนหลับ มี "อ้ายย่องตอด" ผู้มีวิชาแก่กล้าทางไสยศาสตร์ ชอบจับสัตว์ และคนมาดูดเลือดเป็นอาหาร อ้ายย่องตอดได้ลอบเข้าไปในห้องนางละเวงเพื่อหวังจะทำร้ายและดูดเลือด แต่พอเข้าไปใกล้เห็นกะลาตาเดียวที่แกะเป็นรูปพระราหูที่นางละเวงห้อยคออยู่ อ้ายย่องตอดก็ไม่อาจทำร้ายนางได้จนต้องหนีไปด้วยความหวาดกลัว

    การแกะกะลาตาเดียวเป็นรูปราหูจากอดีตถึงปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกันสองรูปแบบคือ แกะเป็นรูปราหูอมจันทร์ และแกะเป็นรูปราหูอมพระอาทิตย์ รวมทั้งการลงอักขระจะไม่เหมือนกัน

    ถ้าเป็นราหูอมจันทร์ จะต้องลงด้วย คาถาจันทรประภา

    ถ้าแกะเป็นราหูอมพระอาทิตย์ ต้องลงด้วย คาถาสุริยประภา

    กะลาราหูที่มาเป็นคู่มักนิยมเรียกกันว่าตัวผู้ตัวเมียนั้น อันหนึ่งจะเป็นราหูอมจันทร์ และอีกอันจะเป็นราหูอมพระอาทิตย์

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความเชื่อเพิ่มขึ้นอีกว่ากะลาตาเดียวทั้งลูก เมื่อคว้านเอาเนื้อมะพร้าวออกจนหมดสิ้นแล้ว จะเหลือแต่กะลาทั้งลูกที่ไม่มีรอยแตกร้าว เป็นที่นิยมของพวกพ่อค้า แม่ค้า ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนาเป็นอย่างมาก ในเรื่องของโชคลาภและการทำมาค้าขึ้นหรือเชื่อกันว่าเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา จะเกื้อหนุน เมตตาเอ็นดู และจะช่วยล้างอาถรรพ์ต่างๆจากผู้ที่ปล่อยมาที่เป็นเสนียดจัญไรภายในบ้านได้เป็นอย่างดี รวมทั้งทำให้มีกินมีใช้ เงินทองทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนมากขึ้น พ่อค้า แม่ค้า ชาวไร่ชาวสวน ที่นำข้าวของสินค้าของตนไปขายในเมืองและต่างแดน หากมีกะลาตาเดียวติดตัวไปด้วยจะทำให้ค้าขายคล่องแคล่ว ได้กำไรมากมาย

    เจ้าบ่าวเจ้าสาวในสมัยก่อน ก็มีความเชื่อและเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดต่อกันมาว่า หากนำกะลาตาเดียวทั้งลูกที่เป็นตัวผู้ ตัวเมียคู่กัน มาเก็บไว้ในบ้าน ตั้งแต่วันแต่งงาน จะทำให้ทั้งบ่าวสาว ครองคู่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่หย่าร้างแยกจากกัน จะทำให้ชีวิตครอบครัวอุดมสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง

    ส่วนบางครอบครัวที่แต่งงานให้ลูกหลาน และอยากให้ลูกหลานตนมีความสุขมากยิ่งขึ้น ไม่ให้แตกแยก เลิกร้าง จากกัน ก็จะแกะชื่อ-สกุล ฝ่ายชายลงในแผ่นไม้รัก แล้วใส่ในกะลาตัวเมีย ส่วนชื่อ-สกุล ฝ่ายหญิง ก็จะแกะลงในแผ่นไม้รักอีกแผ่น แล้วใส่ในกะลาตัวผู้ เก็บไว้คู่กันในบ้าน เชื่อว่าจะทำให้รักกันชั่วนิรันดร์ หรือในอีกบางความเชื่อสำหรับคู่รักที่แต่งงานกัน หากฝ่ายภรรยาไม่อยากให้สามีของตนนอกใจตัวเอง เธอก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล ทั้งของ สามี และตัวเอง ลงในไม้รักคู่กัน แล้วใส่บรรจุลงในกะลาตาเดียว ก็จะทำให้สามีหลงรักตนคนเดียวไม่ปันใจไปรักหญิงอื่น ส่วนสามีก็เช่นกัน ถ้าต้องการให้ภริยาเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ก็จะแกะสลัก ชื่อ-สกุล ภริยา และตัวเอง ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตัวผู้ จะทำให้ภริยาไม่นอกใจ

    นอกจากนั้นแล้ว ยังเชื่อกันอีกว่า หากใครมี กะลาตาเดียวไว้ติดตัว ติดบ้านไว้แล้ว กะลาตาเดียวจะส่งผลแกชีวิตและครอบครัวได้อีกนานัปการ เช่น หากนำไปปลุกเสกลงคาถาอาคม กะลาตาเดียวจะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มมากยิ่งขึ้นตามคาถาที่ปลุกเสก ทั้งเรื่องแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ฯลฯ

    ยังเชื่อกันว่ากะลาตาเดียวสามารถใช้ป้องกันคุณไสย ป้องกันภูตผีปีศาจเข้าร่าง กันของมีคมและอาวุธต่างๆ เข้าตัว รวมทั้งใช้ล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เช่น ปลูกบ้านทับของมีอาคมร้าย เช่น ป่าช้า ซากศพ บ่อน้ำ บ้านตั้งอยู่กลางสามแพร่ง และอื่นๆ ที่ส่งผลร้ายให้แก่ผู้อาศัย กะลาตาเดียวสามารถช่วยให้สิ่งร้ายๆเหล่านั้นกลับกลายเป็นดีได้

    รวมทั้งอานุภาพของกะลาตาเดียว ยังทำให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆที่จะมาถึงตัวได้อีกด้วย...หากนำกะลาตาเดียวไปทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือติดตัวไว้ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และทำให้สุขภาพดีขึ้น

    บุคคลใดที่รู้จักบูชากะลาตาเดียวอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมา

    อีกทั้งคนไทยในสมัยปู่ ย่า ตา ยายของเราก็ใช้กะลาตาเดียวมาทำเป็นเครื่องมือแพทย์แผนโบราณ ใช้ในการตัดต้อที่ดวงตาให้หายได้ อีกทั้งยังใช้เป็นยารักษาโรคอัมพาต โดยนำกะลาทั้งลูกมาผ่าแบ่งเป็นสี่ส่วน ให้นำชิ้นหนึ่งอธิษฐานจิต และขว้างไปทางทิศตะวันตก อีกสามชิ้นที่เหลือ มาต้มน้ำดื่มทุกวัน วันละ 3 มื้อ เชื่อกันว่า อาการของผู้ที่ป่วยเป็นอัมพาตจะทุเลาเบาบางลง

    ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวตำนานแห่งความเชื่อและความเป็นมาของ “กะลาตาเดียว” ที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษของเราเป็นเวลาหลายร้อยปี และความเชื่อนี้ จะยังคงอยู่ตราบต่อไปอีกเนิ่นนาน

    เคล็ดลับน่ารู้

    เกจิอาจารย์ที่ผู้คนยอมรับในความขลัง และเป็นเจ้าตำรับราหูอมจันทร์ ซึ่งสร้างจากกะลาตาเดียว มีเพียงหลวงพ่อน้อย นาวารัตน์ หรือ หลวงพ่อน้อย คันธโชโตวัดศีรษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่มีวิทยาคมแก่กล้า ด้วยว่าได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากโยมบิดานามว่า นายมา ซึ่งเป็นหมอรักษาโรคแผนโบราณ ทั้งยังเก่งกาจในเรื่องคาถาอาคม ความอยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่นับถือศรัทธาของชาวบ้านทั่วไป

    วัดศีรษะทอง ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลศีรษะทอง (แต่เดิมขึ้นกับตำบลห้วยตะโก) อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวลาวอพยพมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวปี พ.ศ.2358 ขณะขุดดินเพื่อทำการสร้างวัด ชาวบ้านได้พบเศียรพระสีทองอร่ามจมอยู่ในดิน วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดหัวทอง” มานับแต่นั้น

    เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดหัวทอง คือ หลวงพ่อไต เป็นชาวลาวจากเวียงจันทน์โดยกำเนิด หลังจากนั้นได้มีการสืบทอดเจ้าอาวาสต่อมาอีก 6 รุ่น กระทั่งมาถึงยุคของหลวงพ่อน้อย

    กะลาตาเดียว เป็นเครื่องรางของขลัง ที่คนเรามีความเชื่อมาแต่อดีตกาล ซึ่งมีคุณวิเศษหลายอย่าง อาทิ

    1. ใช้สำหรับตักข้าวสารใส่หม้อ เวลาหุงข้าวกิน หากว่านำติดตัวไปประกอบอาชีพ ธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ หากเป็นชาวไร่ ชาวนา และพืชในไร่งอกงามดี หากเป็นข้าราชการก็จะเจริญด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นหัวหน้า เป็นนายคน เป็นใหญ่เป็นโตเร็วกว่าคนอื่นๆ

    2. ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ติดประจำกายไว้กับตัว เพราะกะลาตาเดียวเป็นอาถรรพ์มีดีอยู่ในตัว หากว่ามีการนำไปปลุกเสกลงคาถาอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น

    3. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไรป้องกันคุณไสยและภูติผีปีศาจได้ ใช้แก้ผีเข้า ของมีคมเข้าตัวใช้ล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เช่นปลูกบ้านทับของมีอาคมร้าย ซากศพ บ่อน้ำ บ้านตั้งอยู่กลางสามแพร่ง และอื่นๆ ที่ส่งผลร้ายให้แก่ผู้อาศัย ให้กลับกลายเป็นดีได้

    4. ใช้ป้องกันภัยอันตรายต่างๆได้ เช่นทำให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆที่จะมาถึงตัว

    5. ใช้ทำเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ติดตัวเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงดี โรคภัยไข้เจ็บ จะไม่ค่อยมาเบียดเบียน ที่เจ็บป่วยอยู่ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้น

    6. นำบูชาอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดโชคลาภสม่ำเสมอ ทรัพย์สินเงินทองจะหลั่งไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

    7. นำพกพาไปค้าขายก็จะค้าขายดี นำติดตัวไปซื้อของก็จะได้ของมามาก ทั้งที่มีเงินนิดเดียว ถ้าขายของก็จะได้เงินเข้ามามาก แต่ของที่ขายไปดูยังไม่ยุบไปเท่าไหร่

    8. คนสมัยโบราณ ใช้นำเป็นเครื่องมือแพทย์โบราณใช้ในการตัดต้อที่ตาของคน ให้หายขาดได้

    9. ใช้เป็นยารักษาโรคอัมพาต โดยนำทั้งลูกมาผ่า แบ่งเป็นสี่ส่วน ให้นำชิ้นหนึ่งไปทางทิศตะวันตก อีกสามชิ้นส่วน มาต้มน้ำ มาต้มน้ำกินน้ำทุกวัน วันละ 3 มื้อมื้อละ 1แก้ว ถ้าหมดก็นำมาแบ่งเช่นเดิม แล้วต้มกินอีก ไม่นานก็จะหายจากอัมพาต

    คาถาบูชากะลาตาเดียว

    เอกะ จักขุ นาฬิเกลา

    สุริยประภา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ

    รัตนะ สัมปันโน มณีโชติ ระโสยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหัง วันทามิ เม สะทา ฯ

    (เป็นมหาลาภค้าขายดีเยี่ยม เป็นมหาอุดดีนัก ช่วยสะเดาะเคราะห์ดีนักแล ฯ)
    ที่มา
    กะลาตาเดียว ความเชื่อที่อยู่กับคนไทย | บ้านสวนพอเพียง


    กะลาตาเดียว เป็นความเชื่่อที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และอีกอย่างกะลาตาเดียวเป็นสิ่งของหายาก อย่างมะพร้าว 1 ต้น อาจจะมีสักลูกที่ตาเดียว หรืออาจจะไม่มีก็ได้ บางครั้งคนเราคิดเลยไปถึงคำกล่าวของคนเฒ่าคนแก่ที่บอกว่า ใครเจอะเจอกะลาตาเดียว คนผู้นั้นจะโชคดี...อีกอย่างคนแถวบ้านผม (นครศรีฯ) จะมีกะลาตาเดียวเอาไว้ตักข้าวสาร หรือภาษาใต้เรียกว่า "ป้อย" ใช้จนมันวับวาว ส่วนบางคนที่มีความเชื่อก้เอาไปทำเป้นเครื่องรางของขลัง ทำพิธีปลุกเสกด้วยคาถาต่างๆ ใช้ในทางแคล้วคลาด ปลอดภัย และเมตตามหานิยม (คนสมัยก่อน หากเล่นของ คือมีของดี เขาจะเป็นคนที่ยึดหลักปฏิบัติอยู่ในกฏ อย่างไม่ผิดศีล 5 ไม่เอาผ้าถุงคลุมหัว ไม่กินผักเลื้อย ไม่ตักอาหารข้ามมือ ไม่เดินอ้อมหลัง และ...หากทำได้อย่างนี้ ของที่เรานับถือก็จะอยู่กับเรา หากคนใดที่ถือไม่ได้ ของนั้นก็จะเสื่อมซึ่งเป้นไปตามความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่...

    แต่ตามหลักความจริงคือกะลาตาเดียว เป็นความเชื่อที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แต่หลักทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร? แต่ในหลักของความเชื่อ สิ่งนี้ช่วยคุ้มครองได้ (คนที่ทำพิธีปลุกเสก ที่มีวิทยาคมแก่กล้า และเป็นบุคคลที่ยึดหลักปฏิบัติอยู่ในศีลธรรม)


    ชัย ป่ายางหลวง20 พฤศจิกายน, 2012 - 10:17
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1190115-1.jpg
      P1190115-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      107
    • P1190116-2.jpg
      P1190116-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      4,196
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2013
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีอาจารย์จงอางยามดึกค่ะ

    จากที่ฝันครั้งนั้น ก็ทำตามที่อาจารย์์แนะนำค่ะ.....

    มีเรื่องเล่าให้อาจารย์ฟังค่ะ เพราะเพิ่งได้ฟังจากหนุ่มน้อยที่บ้านค่ะ เมื่อช่วง 2 ทุ่มที่ผ่านมานี้เอง เขาเพิ่งเล่าให้ฟัง ก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะเล่าในกระทู้ดีหรือเปล่า.....

    อาจารย์คะ ย้ายเขามาอยู่บ้านหลังใหม่นี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถึงวันนี้เดือนกันยายน ก็ประมาณ 10 เดือน เด็กที่บ้านไม่เคยฝันอะไรที่แปลก

    เมื่อวันอาทิตย์ เด็กๆ กลับเข้าบ้าน (หนุ่มน้อย) ประมาณ 2 ทุ่ม มาถึงก็มานอนหลับที่เก้าอี้รับแขก เพราะไม่เคยเห็นเขานอนในช่วงเวลานี้ หลับนานค่ะ ปลุกก็ไม่ตื่น เพราะยังไม่ได้ทานข้าวมื้อค่ำ จัดกับข้าวให้ เรียกก็ไม่ตื่น จนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ตื่นขึ้นมาบอกให้ช่วยตักข้าวให้หน่อย ก็เลยไปตักข้าวให้เพราะคิดว่าต้องหิวแน่ เห็นเขาทานแบบอร่อยมาก ทานเสร็จ สักครู่ เขาก็ขอไปอาบน้ำและเข้านอน เพราะต้องตื่นไปโรงเรียนตอนเช้า

    เมื่อช่วง 2 ทุ่ม เขาเพิ่งเล่าให้ฟังค่ะว่า

    วันนั้นพอขึ้นไปนอน (เขาจะนอนกับผู้ใหญ่ที่บ้านและพี่สาว) ส่วนดิฉันจะอยู่อีกห้อง เขาบอกว่าตอนเข้าไปในห้องเห็นพี่กับพ่อนอนแล้ว เขาก็นอน สักพัก (ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แต่รู้สึกว่า ตื่น ก็ยังเห็นพี่กับพ่อ ในฝัน ก็นอนอยู่เหมือนเดิม แต่มีเหมือนอะไรมาจับแขน และปิดปากเขา เขาเรียกพี่กับพ่อไม่ได้พยายามดิ้น แล้วก็หันไปทางซ้าย เขาบอกว่าเห็นเป็นเหมือนไม้สี่เหลื่ยมตั้งอยู่ และมีตัวเลขค่ะ อาจารย์ และเขาบอกว่าจำตัวเลขได้ ตัวแรกจำได้แม่นยำ แต่สองตัวหลังจำกลับกัน

    ก็รู้สึกแปลกใจค่ะที่เขาเล่ามา
    เลยนำมาเล่าให้อาจารย์ฟังค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2013
  3. tawanrise

    tawanrise เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +810
    กราบหลวงปู่ทวดที่เคารพอย่างสูง
    สวัสดีครับลูกหลานหลวงปู่ทวดทุกท่านครับ
     
  4. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    อิอิ ขอด้วยนะครับหลวงปู่
    เดือนหน้าว่าจะเดินสายทัวร์บุญอยู่ครับผม
    ถ้าได้ว่าจะถวายวัดซักหลายเติบ อิอิ
     
  5. auto1471

    auto1471 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,472
    ค่าพลัง:
    +6,418
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,095
    ค่าพลัง:
    +53,094
    เพิ่งจะได้มาครับ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อแดง

    [​IMG] [​IMG]
     
  7. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459
    [​IMG]

    [​IMG]


    กระเบื้องโบสถ์วัดช้างให้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459

    มองสารกะลาตาเดี่ยว , กะลาไม่มีตา กระจายอยู่ทั่วองค์พระ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด

    วันนี้ไปถ่ายภาพอาจารย์แพทย์ค่ะ
    ท่านจะเกษียณอายุราชการ กย.นี้
    เห็นหลวงพ่อทวดอยู่ที่ในห้องทำงานของอาจารย์ขออนุญาต
    คุณหมอถ่ายภาพหลวงพ่อทวดมาค่ะ
    ทราบว่า เป็นของคุณหมอฟอรด์มอบให้กับอาจารย์แพทย์ไว้ค่ะ...

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2013
  10. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    ศาสนา-พระเครื่อง : ข่าวทั่วไป
    วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556
    123http://www.youtube.com/watch?v=HKaqG4CmXUw
    'วรเดช ช่างบุ'แขวนพระหลวงปู่ทวดไม่ตายโหง!จริงๆ
    'วรเดช ช่างบุ'แขวนพระหลวงปู่ทวดไม่ตายโหง!จริงๆ : เรื่อง/ภาพ ไตรเทพ ไกรงู

    “พระหลวงปู่ทวด” วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เป็นพระประเภทนิรันตราย มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเป็นเลิศ ผู้ที่นับถือต่างพบเห็นประสบการณ์มากมาย จนมีคำพูดว่า “แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง”

    นอกจากนี้แล้วยังมีคติความเชื่อด้วยว่าแม้พระหลวงปู่ทวดที่สร้างจากวัดอื่นหรือพระที่พวกมือผีจงใจปลอมแปลงขึ้นมา หากผู้บูชามีศรัทธาในหลวงปู่ทวดอย่างแท้จริงก็สามารถก่อให้เกิดปาฏิหาริย์เป็นอัศจรรย์ได้เช่นเดียวกัน จนมีคำพูดในวงการสร้างพระเครื่องว่า “ใครที่แขวนหรือรถคันใดที่มีพระหลวงปู่ทวด ไม่ว่าจะเป็นของเก่า ของสร้างใหม่ รวมทั้งสร้างจากวัดใดก็ตาม จะไม่ตายโหง" เช่นกัน

    อย่างไรก็ตามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ พระหลวงปู่ทวด ช่วยให้ไม่ตายโหงมากมาย และไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะวงการพระเครื่องเท่านั้นยังแผ่กระจายไปยังคนทั่วๆ ไปด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระหลวงปู่ทวด ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีชื่อของ นายวรเดช ช่างบุ ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง

    ผอ.วรเดช เล่าให้ฟังว่า จากประสบการณ์ทำงานในต่างจังหวัด แม้ว่าต้องเดินทางบ่อยตระเวนไปเยี่ยมวัดต่างๆ นับร้อยๆ วัด แต่ไม่เคยประสบอุบัติเหตุใดเลยๆ สักครั้งเดียว และเคยไปดูดวงโหรก็ทำนายว่า "ไม่มีดวงที่จะเกิดอุบัติเหตุ" จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา หลังจากเวียนเทียนรอบองค์ "พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" จึงขับรถกลับบ้านที่ จ.จันทรบุรี

    "ในคืนที่เกิดเหตุผมออกจากรุงเทพฯ ประมาณ ๕ ทุ่ม ด้วยสมรรถนะของรถ ถนนว่าง รถโล่ง และนิสัยการขับรถเร็ว ๑๒๐ กม./ชม. เป็นความเร็วต่ำสุด เวลาตีสองเศษๆ อีก ๑๒ กม. จะถึงบ้าน ด้วยสภาพของผิวถนนที่เพิ่งผ่านฝนตกใหม่ๆ รถลื่นไถลไร้การทรงตัวก่อนจะพลิกคว่ำหลายตลบก่อนที่จะพลิกคว่ำลงไปอยู่ในคู ปากก็ร้องตะโกนออกมาว่า หลวงปู่ทวดช่วยผมด้วย เมื่อได้สติก็รีบคลานออกรถเพราะเกรงว่ารถจะระเบิด ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีบาดแผลและรับบาดเจ็บใดๆ เลย" ผอ.วรเดช เล่าราวกับว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที

    สำหรับเหตุแห่งปาฏิหาริย์ครั้งนี้ ผอ.วรเดช บอกว่า เป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากปาฏิหาริย์ของพระสมเด็จโต และพระหลวงปู่ทวด พุทธคุณของพระทั้งองค์ท่านอาจจะเรียกได้ว่า ให้ชีวิตใหม่กับตนเองก็ได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะนิมนต์หลวงปู่ทวดขึ้นคอ พระราชพิพัฒน์โกศล เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามราชวรวิหาร เรียกเข้าพบเพื่อหารือหาทุนในการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมที่พุทธมณฑล คำพูดหนึ่งที่ท่านพูด คือ "ผอ.มีพระหลวงปู่ทวดที่ปลุกเสกจากวัดช้างไห้หรือเปล่า" และได้ตอบว่ามีอยู่องค์หนึ่ง โดยได้เช่ามาในราคา ๑๐๐ บาท ซึ่งเดิมที่ไม่คิดจากแขวน เมื่อหลวงพ่อทักจึงนำพระไปเลี่ยมแล้วนิมนต์ขึ้นคอ ไม่น่าเชื่อว่าพระหลวงปู่ทวดองค์ละ ๑๐๐ บาท จะช่วยชีวิตให้มีลมหายใจมาอยู่ทุกวันนี้

    จากประสบการณ์พระหลวงปู่ทวดองค์ละ ๑๐๐ บาท หลังจากนั้นได้ขึ้นเครื่องบิน ไปวัดช้างไห้ จ.ปัตตานี เพื่อเช่าพระรุ่นนี้โดยขอเช่ามาเกือบหมดทั้งวัด ส่วนหนึ่งตั้งใจเพื่อนำมาแจกเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะทุกคนล้วนได้ดูคลิปที่ถูกบันทึกไว้ระหว่างเกิดอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งได้นำมาถวายพระราชพิพัฒน์โกศล เพื่อให้ท่านมอบเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมบุญสร้างโรงพยาบาล ๘๔ พรรษามหาราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเขตคลองสามวา

    นอกจากนี้แล้ว ผอ.วรเดช ยังท่องคาถาชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยมีคนแนะนำว่า ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น พุทธคุณ ๙ ประการคือ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปราศจากโรค ได้ลาภ ได้ยศ ค้าขายดี มีวิชา เจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้จะท่องทุกครั้งที่ขับรถ บางครั้งขับรถ ๓ ชั่วโมง ก็จะท่องครบทั้ง ๓ ชั่วโมง

    ผอ.วรเดช ยังบอกด้วยว่า พระราชพิพัฒน์โกศล ท่านได้รับเป็นประธานจัดหาทุนและดำเนินการก่อสร้าง โรงพยาบาล ๘๔ พรรษามหาราช เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในฐานะที่เป็นผู้สนองงานพระสงฆ์จึงอยากเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญสร้างโรงพยาบาล ๘๔ พรรษามหาราช ได้ที่วัดศรีสุดาราม โทร.๐๘-๑๘๓๓-๓๓๕๓- และ ๐๘-๙๘๙๗-๔๓๖๙
    คมชัดลึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  11. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    เข้ามากราบหลวงปู่ทวดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • id_61480_3.jpg
      id_61480_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      166.6 KB
      เปิดดู:
      63
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวดค่ะ
    วันนี้ไปวัดโคกสมานคุณหาดใหญ่มาค่ะ

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_8718-24.jpg
      DSC_8718-24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      183.3 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSC_8717-23.jpg
      DSC_8717-23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      283.5 KB
      เปิดดู:
      1,824
    • DSC_8720-26.jpg
      DSC_8720-26.jpg
      ขนาดไฟล์:
      373.9 KB
      เปิดดู:
      1,759
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    หลวงพ่อทวด
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_9681-1.jpg
      IMG_9681-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      411.1 KB
      เปิดดู:
      1,379
    • IMG_9679-2.jpg
      IMG_9679-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      395.9 KB
      เปิดดู:
      1,369
  14. Whiskeys

    Whiskeys เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +782
    กราบหลวงปู่ทวด สวัสดีพี่นวล เสี่ยล้างใจ คุณหมู และพี่ๆ ทุกคนนะครับ
     
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด
    สวัสดียามเที่ยงค่ะน้อง Whiskeys

    เมื่อหลายเดือนก่อนไปทำบุญที่วัดควนจงค่ะ
    ได้หนังสือ ประวัติพระครูพิพัฒน์ศีลคุณ (หลวงปู่ต้อน)
    ในงานบุญเดือนสาม บ้านเมืองเก่า อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ
    23-25 กุมภาพันธ์ 2556
    หน้าปก เป็นภาพสมเด็จหลวงพ่อทวด
    ซึ่งญาติธรรมเผยแพร่เป็นธรรมทาน

    ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
    คงแต่บาปยังบัญยัง แน่แท้
    คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่
    ตามแต่บาปบุญแล ก่อเกื้อรักษา

    ชีวิตเรา จะเอาอะไรแน่
    ย่อมแปรผัน เปลี่ยนจิตและนิสัย
    ชั่วอาจดี มีอาจจน วนเวียนไป
    เอาอะไร ได้แน่ แก่ตัวตน

    บุญกุศล เร่งสร้างกันได้
    วาสนา เร่งสร้างกันไม่ได้
    เราทำความถูกต้องดีที่สุดแล้วหรือยัง
    มีธรรมะวันละนิด ชีวิตจะเป็นสุข

    (หนังสือเล่มนี้ญาติธรรมได้ลงประวัติบางส่วนของสมเด็จหลวงพ่อทวด)
    เมื่ออ่านเรื่องราวประวัติหลวงพ่อทวดที่เราท่านได้เคยอ่านเรื่องราวประวัติกันมา
    ทำให้แอบนึกอิงเหตุการณ์ปัจจุบันค่ะ ที่เกิดขึ้น (เหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2013
  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ประวัติที่เคยอ่านเรื่องสมเด็จหลวงพ่อทวด
    เมื่ออ่านแล้วทำให้เกิดข้อคิด ได้ในหลายอย่าง

    รบด้วยปัญญา

    ตอนที่ว่า

    กระทั่งวันหนึ่งถึงกาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงปู่ทวดหรือเจ้าสามีรามจะระบือลือลั่นไปทั่วกรุงสยาม จึงได้มีเหตุพิสดารอุบัติขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคือ
    สมัยนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินีแห่งประเทศลังกา ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ คิดแก้มือด้วยการท้าพนัน

    แปลธรรมะ และต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทองใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่ปราถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิตแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนด้วยสันติวิธี คิดหาทางรวบรัดเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นสำคัญ

    เมื่อคิดได้ดังนั้น พระเจ้ากรุงลังกา จึงมีพระบรมราชโองการสั่งให้พนักงาน ท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำบริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำราชสำนักไปหล่อ ทองคำเหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลี เล็กเท่าใบมะขามตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำนวน 84000 ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่าอันมีฐานะเทียบเท่าปุโรหิต จำนวนเจ็ดท่านคุมเรือสำเภาเจ็ดลำบรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณและของมีค่าออกเดินทาง มายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์

    เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่าพระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปล และเรียบเรียงเมล็ดทองคำตามลำดับให้เสร็จภายในกำหนดเจ็ดวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไป ถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกๆปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย
     
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ปัจฉิมภาค

    สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญาญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหารย์ไม่ว่าท่านจะพำนักสถานที่ใด ที่นั่นจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจารึกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม
    หลักการปฏิบัติของท่าน เป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์ คือ ช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
    พระธรรม พระสงฆ์ สมดังคำว่า

    "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ" ตลอดไป

    คาถาบูชาหลวงพ่อทวด

    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (3 จบ)

    และได้มีผู้ที่มีประสบการณ์ รับรู้จากหลวงพ่อทวด ท่านบอกว่า พระคาถาของท่าน คือ

    นะโมโพธิสัตโต อาคัจติมายะ อิติภะคะวา (3 จบ)

    พระคาถาหลวงพ่อทวดแล้วแต่ท่านที่เคารพศรัทธาจะกล่าวบูชา
    ระลึกถึง แล้วเหตุอัศจรรย์ จะเกิดขึ้นกับผู้เคารพบูชา ครั้นถึงเวลา......
    เมื่อได้รู้ได้เห็นไม่จำเป็นต้องบอกเล่า เดี๋ยวจะมีผู้มาขอรับรู้เรื่องของท่านที่ประสบเจอ
    (หลวงปู่ทวดเคยบอกกล่าวให้ คนที่ถามเรื่องนี้กับท่านฟัง)

    สัจธรรมแห่งหลวงปู่ทวด

    ธรรมะพ่อนี้ง่ายๆ
    มองคนดีอย่างเดียว ทำความดีอย่างเดียว
    เป็นผู้ให้.....ให้มากที่สุดก็หมายถึงว่ามีเมตตาอย่างเดียว
    อย่าประมาท อย่าขาดสติ สี่ข้อพอแล้ว

    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    ทุกข์ สมุทัย นิโรค มรรค ก็ดี แต่อันนี้เราเป็นธรรมะคมๆ ธรรมะในพุทธะ

    เป็นคนดีอย่างเดียว คนเลวคนชั่วไม่มองเขา
    เป็นผู้ให้มากๆ ให้ทุกคน.....ไม่เลือก
    คนไหนเราให้ได้ก็ให้ ทำดี.....เราต้องให้ได้
    แต่ไม่ใช่ว่าให้ไปหมดตัว
    จำได้ไหม
    ไม่ประมาท ไม่ขาดสติ ใช้ได้


    เมื่อกี้ พอกำลังเขียน ว่า เมตตา กรุณา มุทิตา กำลังจะพิมพ์อุ......
    นกกาดุหว่าตัวใหญ่มาก มาร้องทักเสียงดังค่ะ ดุดุดุดุ.....ลืมนับว่าร้องกี่ครั้ง
    รีบไปวิ่งหากล้องถ่ายรูปไว้ได้ค่ะ นกอยู่ที่ต้นกล้วยข้างบ้าน พอถ่ายภาพเสร็จ นกก็บินหนีไป

    เดี่ยวไปหาข้อมูลก่อนนะคะว่านกร้องทักบ่ายว่าอะไร
    ได้โชคหรือเปล่า
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2013
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด

    กลับสู่ถิ่นฐาน


    ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯ ได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิมพระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า
    "สมเด็จอย่าละทิ้งโยม" แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา

    ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแพร่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นความศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 กันยายน 2013
  19. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***กราบหลวงปู่ ทวดครับ
    สวัสดีครับ ทุกๆท่าน รวย รวย รวย***
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด

    สวัสดียามเย็น ค่ะ

    สวัสดีค่ะพี่รุ่ง

    พี่รุ่งจำได้หรือเปล่าเมื่อครั้งที่ คณะทัวร์ กองบุญแก้วมณีธรรม
    ถวายพระบรมสารีริกธาตุ มอบให้กับวัดสุวรรณคีรีสงขลา

    และเมื่อทางคณะลงไปกราบสมเด็จเจ้าเกาะยอด้านล่างนั้น

    *เพิ่งรับทราบจากอดีตท่านนายอำเภอค่ะว่า

    สมเด็จเจ้าเกาะยอ ที่ประดิษฐานหน้าวัดสุวรรณคีรี
    *องค์สมเด็จหลวงพ่อทวดซึ่งท่านมาประทับร่างน้องกบบอกว่า

    ก็คือ สมเด็จหลวงพ่อทวดค่ะ.....

    อ้างอิง ภาพจากอินเตอร์เนต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...